ทุกคนครับ ใครมีความรู้ขอคำปรึกษาหน่อย ว่า ที่เป็นแบบนี้ เราควรจะทำอย่างไร
ผมจึงขอให้นามสมมุติแกบุคคลในเรื่อง เพื่อ ให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆนะครับ โดยมีฝ่าย ชาย ชื่อ พูน และ ฝ่ายหญิงชื่อ จัน
มีปัญหากัน โดยเกิดจากการหย่า 2 ครั้ง หย่า ครั้งแรกก็เป็นปัญหาที่เข้าใจได้แต่ การหย่าครั้งที่ 2 เป็นการฟ้องหย่า โดยเกิดปัญหาที่ ศาลชั้นต้น ได้ให้คำพิพากษา ให้แบ่งทรัพย์สิน เรียบบร้อยแต่แต่ปัญหา มีพท.สปก อันเป็นสิทธิของนางสาว จัน นั้น ซึ่งทางนาย พูน เขาไปอาศัยอยู่ และไม่ยอมออกจากพท.สปก.ตรงนั้น แต่อ้างสิทธิว่า พท.สปก. ตรงนี้ เป็นสิทธิการทำกินของตัวเอง แต่ในใบ การให้สิทธิทำกินนั้น เป็นของ นางสาว จัน ทั้งนี้ ว่า ญาติพี่น้องของนางสาว จัน เข้าไปในบริเวณ หรือ ทำงานบริเวณใกล้เคียง นาย พูน จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ออกไป เชิง บุกรุก ไม่ใช่แค่ในที่ สปก.ซึ่งเป็นสิทธิของนางสาว จัน นั้น รวมไปถึง บริเวณ ใกล้เคียงอีกด้วย แถม ทางนาย พูน ก็กระทำการกลั่นแกล้ง แจ้งความเท็จต่างๆ ให้แก ญาติของ นางสาว จัน รวมๆ มากกว่า 20 คดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ก็รับเรื่องไว้ ทั้งที่ รู้ว่า เอกสาร เป็นสิทธิของใคร แถมเวลาที่ ญาตินางสาว จัน เข้าไปแจ้งความก็ล้าช้า ไม่มีความกะตือรือร้น และบางที พยายาม บายเบี่ยง ไม่ให้แจ้งความ เอาผิดแก นาย พูน แต่ทางนางสาว จัน ก็ฟ้องและต่อสู้กันในชั้นศาลในเรื่องของคำพิพากษา แต่เรื่อง สปก.ไม่ได้นำสืบ ตั้งแต่แรก (อันนี้ของนอกเรื่องครอบครัวนิดหนึ่งนะครับ ตัวผู้เขียนไม่ได้มีเจตนา จะปรักปรำ เจ้าหน้าที่ อันนี้แค่ความรู้สึก เพราะ ทางคดีที่นาย พูนเข้าไปแจ้งดูก้าวหน้ามากกว่า ที่ญาติและตัวนางสาว จัน ไปแจ้ง แถมเจ้าหน้าที่ดูสนิทสนม กับนายพูนเป็นพิเศษ และไม่นี้ไม่ทราบว่า จริงไหม เพราะ ทางนายพูนไม่มี หน้าที่การงาน โดยอาศัยใช้เงินกับ นางสาวจัน มาตลอดในช่วงที่ ก่อนเป็นเรื่อง ประมาณ 6-7 ปี แต่นายพูนไปพูดที่ สถานที่ หนึ่ง โดยบอกว่า เจ้าหน้าที่ ตำรวจนำเงินให้ตัวเองมาสู้คดี ซึ่งในบริเวณ พท. ณ ที่เกิดเหตุ มีสารเสพติดและเรื่องผิดกฎหมาย ชุกชุม โดยผู้เขียนไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่มีอะไรมากกว่า แค่เจ้าหน้าที่กับประชาชนไหม กับ นาย พูน และอีกอย่าง นายพูนไม่ได้มี หน้าที่ การงาน แต่มีเงินในการใช้อยู่ แต่ วิ่งหาทนายได้เสมอ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน) ตอนนี้ ผู้เขียนอยากขอความคิดเห็นว่า จะสามารถ ทำอะไรได้ไหม เพราะ เราว่า ผู้เขียน เข้าไปใน พท. สปก. ตรงนี้ก็จะมี เจ้าหน้าที่ ออกมาแจ้งให้ออกจากพท.ตลอด ทั้งๆที่สิทธิการทำกินเป็นของนางสาว จัน ซึ่งเป็นนามสมมุติ ของแม่แท้ๆผู้เขียนเอง แถมเวลา นาย พูนก็เป็นนาม สมมุติของพ่อแท้ๆ ผู้เขียนเอง อยู่ในบริเวณ พท.ทาง นางสาว จัน เข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ กับโดย บอกว่า ก็เขาอยู่ใน พท.มาก่อน ทั้งๆ ตอนอยู่ด้วยกัน นาย พูนก็ไม่ได้อยู่ใน พท.คนเดียว ก็อยู่กันในครอบครัว แถม นาย พูน ก็ยังไม่มีใบสิทธิในการทำกินอะไรเลย แต่ แจ้งความเอาผิดกับ ผู้ที่ มี สิทธิได้
ผมควรจะทาำอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ ถ้า รอกฎหมายก็ กลัวจะยื่นเวลาออกไปมากกว่านี้ แต่ จะเปลี่ยนสิทธิในการเข้าไปทำกิน เพราะ เวลา ที่ศาล นัดหมายเวลา นายพูนก็จะเลื่อนหรือกระทำเวลาให้ยืดออกไปให้มากที่สุด วอนผู้มีความรู้ และ ความสามารถ ช่วยหน่อย เดือนร้อนจริงๆ เห็นการที่ ผู้หญิงโดนรังแกไม่ได้จริงๆ แถมยังเป็น มารดาของผมอีก ทำทุกอย่างเข้าไปรู้ แต่เรื่องมันล้าช้ามาก แจ้งอะไรแกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ก็ไม่คืบหน้า มีแต่ไกร่เกรี่ย ทางฝ่าย นางสาว จัน ไม่ให้ เข้าไปในพท. ทั้งที่ มีสิทธิเข้าไป แถมบอกให้รอ รอ และ รอ แต่ไม่เคยเห็น อะไร คืบหน้า ออกไปได้แม้แต่นิดเดียว กลับกัน คนที่ไม่มีสิทธิ อะไร ในการทำกิน ให้ไปนอน ไปทำได้ทุกอย่าง ทั้งที่ มีบ้าน ซึ่งเป็นชื่อของตัวเอง อยู่แล้ว แต่ไม่เข้ามาอยู่ปล่อยร้าง
วอนผู้มีความรู้ แนะนำ ชี้ทาง ว่าควรทำอย่างไร เป็นไปได้อย่างให้มี ผู้มา ตรวจสอบการทำงานต่างๆ ว่า เจ้าหน้าที่ ทำงาน อย่างไร แต่ขอสอบถามอีกเรื่อง คือ ทำไม ไปให้ ปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ ยังต้องไปให้ปากคำเรื่องเก่าทั้ง 3 รอบ ช่วยด้วยเถอะครับ
คดีครอบครัวแบบนี้ ควรทำไง พ
ผมจึงขอให้นามสมมุติแกบุคคลในเรื่อง เพื่อ ให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆนะครับ โดยมีฝ่าย ชาย ชื่อ พูน และ ฝ่ายหญิงชื่อ จัน
มีปัญหากัน โดยเกิดจากการหย่า 2 ครั้ง หย่า ครั้งแรกก็เป็นปัญหาที่เข้าใจได้แต่ การหย่าครั้งที่ 2 เป็นการฟ้องหย่า โดยเกิดปัญหาที่ ศาลชั้นต้น ได้ให้คำพิพากษา ให้แบ่งทรัพย์สิน เรียบบร้อยแต่แต่ปัญหา มีพท.สปก อันเป็นสิทธิของนางสาว จัน นั้น ซึ่งทางนาย พูน เขาไปอาศัยอยู่ และไม่ยอมออกจากพท.สปก.ตรงนั้น แต่อ้างสิทธิว่า พท.สปก. ตรงนี้ เป็นสิทธิการทำกินของตัวเอง แต่ในใบ การให้สิทธิทำกินนั้น เป็นของ นางสาว จัน ทั้งนี้ ว่า ญาติพี่น้องของนางสาว จัน เข้าไปในบริเวณ หรือ ทำงานบริเวณใกล้เคียง นาย พูน จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ออกไป เชิง บุกรุก ไม่ใช่แค่ในที่ สปก.ซึ่งเป็นสิทธิของนางสาว จัน นั้น รวมไปถึง บริเวณ ใกล้เคียงอีกด้วย แถม ทางนาย พูน ก็กระทำการกลั่นแกล้ง แจ้งความเท็จต่างๆ ให้แก ญาติของ นางสาว จัน รวมๆ มากกว่า 20 คดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ก็รับเรื่องไว้ ทั้งที่ รู้ว่า เอกสาร เป็นสิทธิของใคร แถมเวลาที่ ญาตินางสาว จัน เข้าไปแจ้งความก็ล้าช้า ไม่มีความกะตือรือร้น และบางที พยายาม บายเบี่ยง ไม่ให้แจ้งความ เอาผิดแก นาย พูน แต่ทางนางสาว จัน ก็ฟ้องและต่อสู้กันในชั้นศาลในเรื่องของคำพิพากษา แต่เรื่อง สปก.ไม่ได้นำสืบ ตั้งแต่แรก (อันนี้ของนอกเรื่องครอบครัวนิดหนึ่งนะครับ ตัวผู้เขียนไม่ได้มีเจตนา จะปรักปรำ เจ้าหน้าที่ อันนี้แค่ความรู้สึก เพราะ ทางคดีที่นาย พูนเข้าไปแจ้งดูก้าวหน้ามากกว่า ที่ญาติและตัวนางสาว จัน ไปแจ้ง แถมเจ้าหน้าที่ดูสนิทสนม กับนายพูนเป็นพิเศษ และไม่นี้ไม่ทราบว่า จริงไหม เพราะ ทางนายพูนไม่มี หน้าที่การงาน โดยอาศัยใช้เงินกับ นางสาวจัน มาตลอดในช่วงที่ ก่อนเป็นเรื่อง ประมาณ 6-7 ปี แต่นายพูนไปพูดที่ สถานที่ หนึ่ง โดยบอกว่า เจ้าหน้าที่ ตำรวจนำเงินให้ตัวเองมาสู้คดี ซึ่งในบริเวณ พท. ณ ที่เกิดเหตุ มีสารเสพติดและเรื่องผิดกฎหมาย ชุกชุม โดยผู้เขียนไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่มีอะไรมากกว่า แค่เจ้าหน้าที่กับประชาชนไหม กับ นาย พูน และอีกอย่าง นายพูนไม่ได้มี หน้าที่ การงาน แต่มีเงินในการใช้อยู่ แต่ วิ่งหาทนายได้เสมอ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน) ตอนนี้ ผู้เขียนอยากขอความคิดเห็นว่า จะสามารถ ทำอะไรได้ไหม เพราะ เราว่า ผู้เขียน เข้าไปใน พท. สปก. ตรงนี้ก็จะมี เจ้าหน้าที่ ออกมาแจ้งให้ออกจากพท.ตลอด ทั้งๆที่สิทธิการทำกินเป็นของนางสาว จัน ซึ่งเป็นนามสมมุติ ของแม่แท้ๆผู้เขียนเอง แถมเวลา นาย พูนก็เป็นนาม สมมุติของพ่อแท้ๆ ผู้เขียนเอง อยู่ในบริเวณ พท.ทาง นางสาว จัน เข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ กับโดย บอกว่า ก็เขาอยู่ใน พท.มาก่อน ทั้งๆ ตอนอยู่ด้วยกัน นาย พูนก็ไม่ได้อยู่ใน พท.คนเดียว ก็อยู่กันในครอบครัว แถม นาย พูน ก็ยังไม่มีใบสิทธิในการทำกินอะไรเลย แต่ แจ้งความเอาผิดกับ ผู้ที่ มี สิทธิได้
ผมควรจะทาำอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ ถ้า รอกฎหมายก็ กลัวจะยื่นเวลาออกไปมากกว่านี้ แต่ จะเปลี่ยนสิทธิในการเข้าไปทำกิน เพราะ เวลา ที่ศาล นัดหมายเวลา นายพูนก็จะเลื่อนหรือกระทำเวลาให้ยืดออกไปให้มากที่สุด วอนผู้มีความรู้ และ ความสามารถ ช่วยหน่อย เดือนร้อนจริงๆ เห็นการที่ ผู้หญิงโดนรังแกไม่ได้จริงๆ แถมยังเป็น มารดาของผมอีก ทำทุกอย่างเข้าไปรู้ แต่เรื่องมันล้าช้ามาก แจ้งอะไรแกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ก็ไม่คืบหน้า มีแต่ไกร่เกรี่ย ทางฝ่าย นางสาว จัน ไม่ให้ เข้าไปในพท. ทั้งที่ มีสิทธิเข้าไป แถมบอกให้รอ รอ และ รอ แต่ไม่เคยเห็น อะไร คืบหน้า ออกไปได้แม้แต่นิดเดียว กลับกัน คนที่ไม่มีสิทธิ อะไร ในการทำกิน ให้ไปนอน ไปทำได้ทุกอย่าง ทั้งที่ มีบ้าน ซึ่งเป็นชื่อของตัวเอง อยู่แล้ว แต่ไม่เข้ามาอยู่ปล่อยร้าง
วอนผู้มีความรู้ แนะนำ ชี้ทาง ว่าควรทำอย่างไร เป็นไปได้อย่างให้มี ผู้มา ตรวจสอบการทำงานต่างๆ ว่า เจ้าหน้าที่ ทำงาน อย่างไร แต่ขอสอบถามอีกเรื่อง คือ ทำไม ไปให้ ปากคำแล้ว เจ้าหน้าที่ ยังต้องไปให้ปากคำเรื่องเก่าทั้ง 3 รอบ ช่วยด้วยเถอะครับ