🔴มาลาริน/25 พ.ย.ไทยพบโควิด4ราย จากตปท./เข้มตาก สาวไทยปอดติดเชื้อแล้ว/นายกฯเตรียมจองวัคซีน/คนงานมาเลย์ติดเชื้อกว่า1500คน

🔴ศบค.เผยวันนี้พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด


วันนี้ (25 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (25 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4 ราย
ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....💌

อินเดีย 1 ราย
โมซัมบิก 1 ราย
ฟิลิปปินส์ 1 ราย
รัสเซีย 1 ราย

ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,926 ราย หายป่วยแล้ว 3,780 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 86 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย

https://www.sanook.com/news/8303234/

🔴สาวไทยวัย 17 ติดโควิด หนีตายข้ามแดนแม่สอด ลามหนัก "ปอด" ติดเชื้อแล้ว



เมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 กรณีจังหวัดตากมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวน 2 ราย รายแรกเป็นคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง หลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบ บ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด จนมีการล็อกดาวน์ศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม เขตอำเภอพบพระ พร้อมส่งทีมแพทย์สาธารณสุขจากหลายชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ตรวจสารคัดหลั่งผู้หนีภัยสงครามจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งผลการตรวจขณะนี้ยังไม่พบผู้หนีภัยสงครามจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยมติดเชื้อเพิ่ม และสถานการณ์ภาพรวมที่ศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยมดีขึ้นตามลำดับและอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ได้ทุกโซน



รายที่ 2 เป็นสาวไทยวัย 17 ปี ลักลอบข้ามชายแดนจากฝั่งเมียนมาเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนและถูกส่งตัวเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลแม่สอด รายนี้มีอาการหนักเนื่องจากพบว่าโรคได้เข้าไปทำลายปอดบางส่วน เพราะติดเชื้อมานาน เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมียนมา 2 แห่งแต่อาการไม่ดีขึ้นจนต้องหลบมารักษาในเมืองไทย ขณะนี้ต้องอยู่ในห้องความดันลบ ส่วนคนขับรถที่กำลังตามหาล่าสุดได้เข้าพบเจ้าหน้าที่และถูกนำตัวเข้า local quarantine แล้ว



ล่าสุด นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองบุคคลทุกคนที่เข้าออกภายในพื้นที่ศูนย์อพยพทั้งสามศูนย์ คือศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม เขตอำเภอพบพระ ศูนย์อพยพบ้านนุโพ เขตอำเภออุ้มผาง และศูนย์อพยพบ้านแม่หละ เขตอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งศูนย์อพยพผู้หนีภัยการสู้รบทั้ง 3 ศูนย์มียอดผู้หนีภัยการสู้รบพักอาศัยอยู่รวมกันกว่า 5 หมื่นคน ซึ่งมาตรการล่าสุดผู้อพยพทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยโดยเคร่งครัดทั้ง 3 ศูนย์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคไปอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ชายแดนแล้ว ตลอดรวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อพยพทั้งสามศูนย์อพยพและชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ศูนย์อพยพทั้งสามศูนย์ก็ต้องปฏิบัติตนในมาตรการการป้องกันตนเองเช่นเดียวกับผู้อพยพด้วย


ส่วนปัญหาการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก ล่าสุดมาจากคนต่างด้าวลักลอบข้ามแนวชายแดนในจุดช่องทางธรรมชาติโดยผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กองกำลังนเรศวร ทหารพรานที่ 35 ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ 5 อำเภอแนวชายแดนจังหวัดตาก เพิ่มการตรวจลาดตระเวนทั้งทางบกและทางน้ำในพื้นที่ล่อแหลมเพิ่มมากขึ้นกว่าสองเท่าตัวทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งขณะนี้ประสบปัญหาแม่น้ำเมยที่กั้นแนวพรมแดนไทย-เมียนมา ระดับน้ำเมยแห้งขอดลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้คนต่างด้าวสามารถลักลอบข้ามแนวชายแดนได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกอำเภอแนวชายแดนจังหวัดตาก ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าเสริมแนวรั้วลวดหนามและเสริมกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครภาคประชาชนเข้าไปในทุกจุดล่อแหลมทั่วพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดตากแล้ว

https://www.thairath.co.th/news/local/north/1983113

🔴นายกฯเตรียมลงนามจองวัคซีนโควิดจาก "แอสตร้าเซนเนก้า"
วันที่ 25 พ.ย. 2563 เวลา 12:41 น.



"พล.อ.ประยุทธ์" เตรียมลงนามจองวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า" คาดคนไทยได้ใช้วัคซีนช่วงกลางปี64

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีน กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 พ.ย.เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับประชาชนไทย
โดยการจองล่วงหน้าและการจัดซื้อวัคซีนในวงเงิน 6,049,723,117 บาท โดยให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติจัดทำสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า ภายใต้เงื่อนไขว่ามีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข่าวดีเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า โดยผลการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิผลเกินข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่กำหนดมาตรฐานการรับรองวัคซีนป้องกันโควิด 19 ต้องมีประสิทธิผลไม่ต่ำกว่า 50%

ซึ่งการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรก พบว่าประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด 19 สูงถึง 90% ส่วนแบบที่สอง พบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด 19 ที่ 62% ค่าเฉลี่ยประสิทธิผลโดยรวมของทั้ง 2 แบบ อยู่ที่ 70.4% และวัคซีนยังมีความปลอดภัยสูงด้วย

การลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว จะทำใหัคนไทยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนมากกว่าประเทศอื่น โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนกลางปี 2564 เพราะความร่วมมือดังกล่าว ยังหมายรวมถึงการผลิตวัคซีนในประเทศไทย ที่จะใช้โรงงานของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นแหล่งการผลิต โดยไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี จึงถือเป็นโอกาสในการสร้างขีดความสามารถของประเทศ ลดความสูญเสีย สร้างโอกาสทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล

https://www.posttoday.com/social/general/638837

🔴“มาเลเซีย” สั่งตรวจโรงงาน ‘ท็อป โกลฟ’ บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดในโลก พบติดโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนใหญ่ มากกว่า 1,500 รายในรัฐสลังงอร์



มาเลเซีย” สั่งตรวจโรงงาน ‘ท็อป โกลฟ’ บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดในโลก พบติดโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนใหญ่ มากกว่า 1,500 รายในรัฐสลังงอร์
 
รัฐบาลมาเลเซีย ได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดำเนินการอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยในโรงงานต่างๆ ของบริษัท ท็อป โกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดของโลก หลังพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่คนงาน จนทำให้โรงงานของท็อป โกลฟกลายเป็นพื้นที่ที่มีการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียระบุว่า เฉพาะที่โรงงานและหอพักคนงานของท็อป โกลฟ ในเมืองเมรู พบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนจำนวนมากถึง 1,511 ราย จากยอดติดเชื้อโดยทั้งหมด 1,623 รายในรัฐสลังงอร์ในวันอังคารที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึง 93.1% ของยอดติดเชื้อทั้งหมดในรัฐ

ดาโต๊ะ เสรี ซาราวานัน รัฐมนตรีทรัพยากรบุคคลของมาเลเซียเปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย (NSC) ได้ตัดสินใจใช้มาตรการเต็มพิกัดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนซึ่งมีแหล่งที่มาจากโรงงานของบริษัทท็อป โกลฟ โดยทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงานในโรงงาน ซึ่งคาดว่าภารกิจครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และจะดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย

“นี่เป็นเรื่องของชีวิตและความเป็นความตายของคนงานที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เราต้องควบคุมเรื่องนี้ให้ได้ และจะไม่มีการประนีประนอม กระทรวงแรงงานจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า นายจ้างมีความรับผิดชอบต่อสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงาน และเราจะใช้มาตรการที่เด็ดขาดตามกฎหมาย” ดาโต๊ะ ซาราวานันกล่าว 

มีรายงานว่า ท็อป โกลฟมีพนักงานกว่า 21,000 รายซึ่งสามารถผลิตถุงมือได้ในปริมาณ 9 หมื่นล้านชิ้นต่อปี ในสายการผลิตอยู่ มาเลเซีย ทั้งหมด 750 แห่ง
รัฐบาลมาเลเซียจะทยอยปิดโรงงานของทางบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 28 อาคาร หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ซึ่งการสั่งปิดโรงงานได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทท็อป โกลฟ โดยราคาหุ้นของบริษัททรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้นับตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/909511

ในประเทศไทยยังปลอดภัยจากโควิดอยู่นะคะ

นายกฯท่านเตรียมลงนามสัญญาจองวัคซีน โควิด 19 เพื่อนำมาให้คนไทยก่อนที่ไทยจะมีใช้

ชายแดนไทยทางเมียนมาคุมเข้มอย่างหนักเพื่อไม่ให้คนที่หนีเข้ามาแพร่เชื้อในประเทศได้

ส่วนมาเลย์มีข่าวน่าตกใจมีคนงานผลิตถุงมือยางติดโควิดเป็นกลุ่มใหญ่ 1,500 คน

คนไทยจึงต้องระมัดระวัง การ์ดอย่าตกนะคะ...พาพันไฟท์ติ้ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่