ถดถอยแล้วนะ!
https://www.matichon.co.th/article/news_2458131
ผู้เขียน กานดา นาคน้อย
ถดถอยแล้วนะ
เร็วๆนี้มีรายงานข่าวว่าจีดีพีไทยในไตรมาสที่ 3 หดตัว 6.4% [1] ต่อเนื่องจากการหดตัว 12.1% ในไตรมาสที่ 2 และการหดตัว 2% ในไตรมาสที่ 1 ตามลำดับ ทำให้เกิดคำถามว่า ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือยัง? ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มเมื่อไร? นิยามอย่างไร?
นิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ
สื่อมวลชนด้านการเงินการธนาคารมักนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยว่าเป็น“
ภาวะที่จีดีพีหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส” แต่นักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่สหรัฐฯไม่ได้ใช้นิยามนี้ เพราะนิยามนี้มีความหมายโดยนัยว่าถ้าจีดีพีเริ่มขยายตัวเพียงไตรมาสเดียวหลังการหดตัวก็จบสภาวะถดถอยแล้ว ดังนั้นนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาตรฐานอเมริกันจึงเข้มงวดกว่านั้น
หน้าที่นิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐฯเป็นของคณะกรรมการกำหนดช่วงเวลาตามวัฎจักรเศรษฐกิจ (Business Cycle Dating Committee) [2] ซึ่งอยู่ในสถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ (National Bureau of Economic Research) คณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ใช่ข้าราชการและไม่ใช่เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติเพื่อความเป็นอิสระจากภาครัฐ สถาบันวิจัยดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระ เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติที่ไม่เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกไม่ได้ แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกก่อนลาออกไปอยู่แบงก์ชาติสามารถเป็นสมาชิกต่อไปได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาครัฐแทรกแซงการวิจัยและประเมินเศรษฐกิจ
คณะกรรมการดังกล่าวนิยามว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือ “
เวลาหลังการขยายตัวสูงสุดถึงตอนที่หดตัวต่ำสุด” ดังนั้นการนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นการนิยามย้อนหลังเสมอ คณะกรรมการดังกล่าวใช้ทั้งทั้งจีดีพีซึ่งวัดผลผลิตและสถิติจีดีไอซึ่งวัดรายได้ รวมทั้งสถิติการจ้างงานด้วย โดยรวมประเมินด้วย 3 มิติ “
ความลึก การแพร่กระจาย และระยะเวลา” (depth, diffusion and duration) บางครั้งจีดีพีลดลงเพียงไตรมาสเดียวก็จัดเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยถ้าความลึกและการแพร่กระจายรุนแรง เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังไตรมาสที่ 2 พศ. 2544 และหลังไตรมาสที่ 4 พศ.2550 [3] ล่าสุดคณะกรรมการดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มหลังไตรมาสที่ 4 พศ.2562 ถ้าวัดด้วยสถิติรายเดือนก็จัดว่าเริ่มถดถอยหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2563 [4]
นิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไทย
ไม่ชัดเจนว่าหน้าที่นิยามภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจถดถอยในไทยเป็นหน้าที่ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) หรือแบงก์ชาติ หรือสถาบันวิจัยไหน? อย่างไรก็ดี น่าสนใจว่าผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนก่อนได้พาดพิงถึงภาวะถดถอยไว้เพียง 2 วันก่อนหมดวาระไว้ดังนี้ [5]
“การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องลงมือทำ ไม่ใช่เวลาหาแนวคิดออกมาเพิ่มเติมแล้ว เพราะถ้าไม่เริ่มทำให้เห็นผลจริงเศรษฐกิจไทยก็จะถดถอยไปเรื่อยๆ และกระทบความเป็นอยู่ของคนไทยในประเทศในระยะยาวตอนนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันกำหนดทิศทางการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยออกมาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง”
นอกจากนี้ เมื่อลองค้นหาเอกสารจากสภาพัฒน์ก็พบว่าสภาพัฒน์ใช้นิยามว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือภาวะที่จีดีพีหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกันเหมือนสื่อมวลชนด้านการเงินการธนาคาร [6]
ฉะนั้น ตามนิยามของสภาพัฒน์ ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วตั้งแต่หลังไตรมาสที่ 4 พศ.2562 หรือตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ในปีนี้
หมายเหตุ
1. “สภาพัฒน์แถลง GDP ไตรมาส 3/2563 หด -6.4% ปรับคาดทั้งปีดีขึ้นเป็น -6%” ประชาไท 16 พฤศจิกายน 2563:
https://prachatai.com/journal/2020/11/90445
2. Business Cycle Dating, National Bureau of Economic Research:
https://www.nber.org/research/business-cycle-dating
3. อัตราเติบโตของจีดีพีสหรัฐอเมริการายไตรมาส เฉดสีเทาคือภาวะเศรษฐกิจถดถอย:
https://fred.stlouisfed.org/series/A191RL1Q225SBEA
4. “Determination of the February 2020 Peak in US Economic Activity” Business Cycle Dating Committee Announcement June 8, 2020:
https://www.nber.org/news/business-cycle-dating-committee-announcement-june-8-2020
5. “ธปท.จี้รัฐปรับโครงสร้างศก. แก้ปัญหาการกระจุกรายได้ก่อนเผชิญภาวะถดถอย” ข่าวหุ้นธุรกิจ 28 กันยายน 2563:
https://www.kaohoon.com/content/391117
6. “ทำความเข้าใจกับภาวะเศรษฐกิจ” ข่าวสภาพัฒน์ 20 กุมภาพันธ์ 2563:
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=9912
หมายเหตุ กานดา นาคน้อย เป็นนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ University of Connecticut ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตะลึง! โปรแกรมเมอร์แกะรอยไอโอไทย พบเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ บ.เอกชนที่รับงานรัฐบ่อย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5400909
ตะลึง! โปรแกรมเมอร์จำนวนหนึ่ง แกะรอยบัญชีทวิตเตอร์ ไอโอของไทย พบว่าเชื่อมโยงไปที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งรับงานอบรมให้ภาครัฐบ่อย
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 พบผู้ใช้ทวิตเตอร์ ที่ระบุว่าตนเองเป็นนักโปรแกรมเมอร์พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้คนดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ทำการแกะรอย บัญชีไอโอไทย ผ่านทางแอพ "
Twitter Broadcast" ที่ไอโอนิยมใช้ และพบว่า มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีการรับงานฝึกอบรมจากรัฐอยู่บ่อยครั้ง
ผู้ใช้บัญชีดังกล่าว ระบุในโปรไฟล์ว่า ตนเองเป็น "
นักพัฒนาระบบ" (
ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะทางเพิ่มเติมในด้านการจัดทำเว็บไซต์) และได้ทวีตข้อความ หลังจากแกะรอยบัญชีไอโอของไทย (
IO หรือปฏิบัติการด้านข่าวสาร คือบัญชีผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมเผยแพร่แนวคิดสนับสนุนทหารและรัฐบาล รวมทั้งโจมตีฝั่งตรงข้ามทางการเมือง)
ต่อมามีโปรแกรมเมอร์อีกท่านหนึ่ง ได้มาตอบกลับทวีตดังกล่าวว่า โปรแกรมของเขา ก็ถูกกลุ่มไอโอ ใช้งานเช่นกัน ทำให้ข้อมูลที่กลุ่มไอโอบันทึก ถูกส่งเข้ามาบันทึกในระบบของโปรแกรมที่ตนเองสร้างด้วย พร้อมกับชื่อบัญชีทวิตเตอร์นั้น ๆ
โดยชาวทวิตเตอร์ได้ตามไปค้นหาประวัติบริษัทจากข้อมูลที่ได้มาอย่างละเอียด และพบว่า บริษัทดังกล่าวมีการรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ม็อบสงสัย จนท.ใช้'กรวยจราจร'ผสมสาร ถ้าไม่อันตรายทำไมใส่หน้ากากกันพิษ?
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5400093
ชาวเน็ตพากันแชร์ภาพ จนท.เทสารไม่ทราบชนิดลงในรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยใช้ กรวยจราจร ในการผสม พร้อมวิจารณ์ว่า แค่การใช้กรวยจราจรผสมสาร ก็น่าจะไม่ถูกหลักสากลแล้ว
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 โซเชียลมีเดียทวิตเตอร์พากันรีทวีตภาพ เจ้าหน้าที่ 2 คน กำลังยืนอยู่บนรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน กำลังช่วยกันทำการเทผสมสารไม่ทราบชนิดจากถังขนาดใหญ่สีดำ ลงในที่เก็บน้ำของรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยใช้กรวยในการผสม ซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร
แต่ที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร รู้สึกกังขานั้นไม่ได้สงสัยเพียงเรื่องของสารไม่ทราบชนิด แต่กลับสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ ใช้ กรวยจราจร ในการผสมสารลงไปในน้ำดังกล่าวนั้น จะถูกหลักสากลได้อย่างไร เนื่องจากกรวยจราจรนั้น ไม่ได้มีความสะอาด ปลอดภัย ถูกหลักอนามัย หรือถูกหลักสากลใด ๆ เลย แต่น้ำเหล่านี้ กำลังจะถูกฉีดใส่ประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรที่ไม่มีอาวุธและมาชุมนุมอย่างสันติ
โดยในโซเชียลมีเดีย มีการแสดงความคิดเห็นมากมายไปในทำนองว่า หากไม่อันตรายจริง เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงต้องใส่หน้ากากกันสารพิษขณะผสมสาร ที่จะใช้กับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ และ เพราะเหตุใดจึงใช้กรวยจราจร ไม่มีอุปกรณ์ผสมสารที่มีมาตรฐานกว่านี้หรือ เป็นต้น
JJNY : 4in1 ถดถอยแล้วนะ!/ตะลึง!แกะรอยไอโอไทย พบเซิร์ฟ/ม็อบสงสัย จนท.ผสมสารทำไมใส่หน้ากาก?/4ส.ส.ก้าวไกลสังเกตุการณ์ม็อบ
https://www.matichon.co.th/article/news_2458131
ถดถอยแล้วนะ
เร็วๆนี้มีรายงานข่าวว่าจีดีพีไทยในไตรมาสที่ 3 หดตัว 6.4% [1] ต่อเนื่องจากการหดตัว 12.1% ในไตรมาสที่ 2 และการหดตัว 2% ในไตรมาสที่ 1 ตามลำดับ ทำให้เกิดคำถามว่า ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือยัง? ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มเมื่อไร? นิยามอย่างไร?
นิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ
สื่อมวลชนด้านการเงินการธนาคารมักนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยว่าเป็น“ภาวะที่จีดีพีหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส” แต่นักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่สหรัฐฯไม่ได้ใช้นิยามนี้ เพราะนิยามนี้มีความหมายโดยนัยว่าถ้าจีดีพีเริ่มขยายตัวเพียงไตรมาสเดียวหลังการหดตัวก็จบสภาวะถดถอยแล้ว ดังนั้นนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมาตรฐานอเมริกันจึงเข้มงวดกว่านั้น
หน้าที่นิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐฯเป็นของคณะกรรมการกำหนดช่วงเวลาตามวัฎจักรเศรษฐกิจ (Business Cycle Dating Committee) [2] ซึ่งอยู่ในสถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ (National Bureau of Economic Research) คณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ใช่ข้าราชการและไม่ใช่เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติเพื่อความเป็นอิสระจากภาครัฐ สถาบันวิจัยดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระ เจ้าหน้าที่แบงก์ชาติที่ไม่เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกไม่ได้ แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นสมาชิกก่อนลาออกไปอยู่แบงก์ชาติสามารถเป็นสมาชิกต่อไปได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาครัฐแทรกแซงการวิจัยและประเมินเศรษฐกิจ
คณะกรรมการดังกล่าวนิยามว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือ “เวลาหลังการขยายตัวสูงสุดถึงตอนที่หดตัวต่ำสุด” ดังนั้นการนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นการนิยามย้อนหลังเสมอ คณะกรรมการดังกล่าวใช้ทั้งทั้งจีดีพีซึ่งวัดผลผลิตและสถิติจีดีไอซึ่งวัดรายได้ รวมทั้งสถิติการจ้างงานด้วย โดยรวมประเมินด้วย 3 มิติ “ความลึก การแพร่กระจาย และระยะเวลา” (depth, diffusion and duration) บางครั้งจีดีพีลดลงเพียงไตรมาสเดียวก็จัดเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยถ้าความลึกและการแพร่กระจายรุนแรง เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังไตรมาสที่ 2 พศ. 2544 และหลังไตรมาสที่ 4 พศ.2550 [3] ล่าสุดคณะกรรมการดังกล่าวประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มหลังไตรมาสที่ 4 พศ.2562 ถ้าวัดด้วยสถิติรายเดือนก็จัดว่าเริ่มถดถอยหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2563 [4]
นิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไทย
ไม่ชัดเจนว่าหน้าที่นิยามภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจถดถอยในไทยเป็นหน้าที่ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) หรือแบงก์ชาติ หรือสถาบันวิจัยไหน? อย่างไรก็ดี น่าสนใจว่าผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนก่อนได้พาดพิงถึงภาวะถดถอยไว้เพียง 2 วันก่อนหมดวาระไว้ดังนี้ [5]
“การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องลงมือทำ ไม่ใช่เวลาหาแนวคิดออกมาเพิ่มเติมแล้ว เพราะถ้าไม่เริ่มทำให้เห็นผลจริงเศรษฐกิจไทยก็จะถดถอยไปเรื่อยๆ และกระทบความเป็นอยู่ของคนไทยในประเทศในระยะยาวตอนนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันกำหนดทิศทางการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยออกมาอย่างชัดเจน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง”
นอกจากนี้ เมื่อลองค้นหาเอกสารจากสภาพัฒน์ก็พบว่าสภาพัฒน์ใช้นิยามว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือภาวะที่จีดีพีหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกันเหมือนสื่อมวลชนด้านการเงินการธนาคาร [6]
ฉะนั้น ตามนิยามของสภาพัฒน์ ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วตั้งแต่หลังไตรมาสที่ 4 พศ.2562 หรือตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ในปีนี้
หมายเหตุ
1. “สภาพัฒน์แถลง GDP ไตรมาส 3/2563 หด -6.4% ปรับคาดทั้งปีดีขึ้นเป็น -6%” ประชาไท 16 พฤศจิกายน 2563: https://prachatai.com/journal/2020/11/90445
2. Business Cycle Dating, National Bureau of Economic Research: https://www.nber.org/research/business-cycle-dating
3. อัตราเติบโตของจีดีพีสหรัฐอเมริการายไตรมาส เฉดสีเทาคือภาวะเศรษฐกิจถดถอย: https://fred.stlouisfed.org/series/A191RL1Q225SBEA
4. “Determination of the February 2020 Peak in US Economic Activity” Business Cycle Dating Committee Announcement June 8, 2020: https://www.nber.org/news/business-cycle-dating-committee-announcement-june-8-2020
5. “ธปท.จี้รัฐปรับโครงสร้างศก. แก้ปัญหาการกระจุกรายได้ก่อนเผชิญภาวะถดถอย” ข่าวหุ้นธุรกิจ 28 กันยายน 2563: https://www.kaohoon.com/content/391117
6. “ทำความเข้าใจกับภาวะเศรษฐกิจ” ข่าวสภาพัฒน์ 20 กุมภาพันธ์ 2563:
https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=9912
หมายเหตุ กานดา นาคน้อย เป็นนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ University of Connecticut ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตะลึง! โปรแกรมเมอร์แกะรอยไอโอไทย พบเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ บ.เอกชนที่รับงานรัฐบ่อย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5400909
ตะลึง! โปรแกรมเมอร์จำนวนหนึ่ง แกะรอยบัญชีทวิตเตอร์ ไอโอของไทย พบว่าเชื่อมโยงไปที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งรับงานอบรมให้ภาครัฐบ่อย
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 พบผู้ใช้ทวิตเตอร์ ที่ระบุว่าตนเองเป็นนักโปรแกรมเมอร์พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้คนดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ได้ทำการแกะรอย บัญชีไอโอไทย ผ่านทางแอพ "Twitter Broadcast" ที่ไอโอนิยมใช้ และพบว่า มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีการรับงานฝึกอบรมจากรัฐอยู่บ่อยครั้ง
ผู้ใช้บัญชีดังกล่าว ระบุในโปรไฟล์ว่า ตนเองเป็น "นักพัฒนาระบบ" (ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะทางเพิ่มเติมในด้านการจัดทำเว็บไซต์) และได้ทวีตข้อความ หลังจากแกะรอยบัญชีไอโอของไทย (IO หรือปฏิบัติการด้านข่าวสาร คือบัญชีผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมเผยแพร่แนวคิดสนับสนุนทหารและรัฐบาล รวมทั้งโจมตีฝั่งตรงข้ามทางการเมือง)
ต่อมามีโปรแกรมเมอร์อีกท่านหนึ่ง ได้มาตอบกลับทวีตดังกล่าวว่า โปรแกรมของเขา ก็ถูกกลุ่มไอโอ ใช้งานเช่นกัน ทำให้ข้อมูลที่กลุ่มไอโอบันทึก ถูกส่งเข้ามาบันทึกในระบบของโปรแกรมที่ตนเองสร้างด้วย พร้อมกับชื่อบัญชีทวิตเตอร์นั้น ๆ
โดยชาวทวิตเตอร์ได้ตามไปค้นหาประวัติบริษัทจากข้อมูลที่ได้มาอย่างละเอียด และพบว่า บริษัทดังกล่าวมีการรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ม็อบสงสัย จนท.ใช้'กรวยจราจร'ผสมสาร ถ้าไม่อันตรายทำไมใส่หน้ากากกันพิษ?
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5400093
ชาวเน็ตพากันแชร์ภาพ จนท.เทสารไม่ทราบชนิดลงในรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยใช้ กรวยจราจร ในการผสม พร้อมวิจารณ์ว่า แค่การใช้กรวยจราจรผสมสาร ก็น่าจะไม่ถูกหลักสากลแล้ว
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 โซเชียลมีเดียทวิตเตอร์พากันรีทวีตภาพ เจ้าหน้าที่ 2 คน กำลังยืนอยู่บนรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน กำลังช่วยกันทำการเทผสมสารไม่ทราบชนิดจากถังขนาดใหญ่สีดำ ลงในที่เก็บน้ำของรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยใช้กรวยในการผสม ซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร
แต่ที่ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร รู้สึกกังขานั้นไม่ได้สงสัยเพียงเรื่องของสารไม่ทราบชนิด แต่กลับสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ ใช้ กรวยจราจร ในการผสมสารลงไปในน้ำดังกล่าวนั้น จะถูกหลักสากลได้อย่างไร เนื่องจากกรวยจราจรนั้น ไม่ได้มีความสะอาด ปลอดภัย ถูกหลักอนามัย หรือถูกหลักสากลใด ๆ เลย แต่น้ำเหล่านี้ กำลังจะถูกฉีดใส่ประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรที่ไม่มีอาวุธและมาชุมนุมอย่างสันติ
โดยในโซเชียลมีเดีย มีการแสดงความคิดเห็นมากมายไปในทำนองว่า หากไม่อันตรายจริง เพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงต้องใส่หน้ากากกันสารพิษขณะผสมสาร ที่จะใช้กับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ และ เพราะเหตุใดจึงใช้กรวยจราจร ไม่มีอุปกรณ์ผสมสารที่มีมาตรฐานกว่านี้หรือ เป็นต้น