คือเราไปเจอผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงในร้านอาหารแล้วเค้าเข้ามาทำความรู้จักแบบสุภาพ (คือเค้าอายุ58หรือ59นี่แหละค่ะ ส่วนเราจะขึ้นเลข4)
เค้าบอกเค้ามาเที่ยวที่ไทยบ่อย ชอบเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย หลังจากนั้นเค้าก็กลับประเทศไป 3เดือนต่อมาเค้าก็ส่งข้อความว่าตอนนี้มาเที่ยวที่ไทยมากินข้าวด้วยกันได้ไหม พอดีเราว่างก็ไป บทสนทนาที่คุยกันคือเราคิดว่าคนอายุขนาดนี้มีครอบครัวอยู่แล้ว เราเลยถามถึงครอบครัวว่าสบายดีไหม ทำไมไม่พาภรรยาและลูกมาเที่ยวด้วย เค้าบอกว่าแยกกันอยู่แต่ยังไม่ได้หย่ากำลังทำเรื่องอย่า เค้าก็ถามเราว่าแต่งงานกับฉันได้ไหมหลังจากหย่าฉันชอบคุณมากและรักประเทศไทย เราก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วเค้าก็กลับประเทศไป หลังจากนั้นเค้ามาไทยเราก็นัดกินข้าวพูดคุยกัน จนรู้จักได้1ปีนิดๆ เจอกัน4-5ครั้งได้ มีครั้งนึงล่าสุดเพื่อนก็ไปกินข้าวด้วยเค้าก็บอกกับเพื่อนเราว่าเราไม่ยอมแต่งงานกับเค้า เราอึ้งไปเลยเพราะเราแค่อยากมีเพื่อนคุยและเจอกันไม่กี่ครั้งเอง และเค้าก็กลับไปเป็นจังหว่ะที่ทำเรื่องอย่าเรียบร้อยแล้ว “ล่าสุดเค้าส่งข้อความมาถามเราแบบมัดมือชกว่า สรุปคุณจะแต่งงานกับฉันไหม คุณจะไม่แต่งกับฉันใช่ไหม คุณจะเอายังไง เล่นเอาเรานี่อึ้งไปเลย มีงี้ด้วยเหรอคนแบบนี้” (คือเราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนะคะ) เราก็ตอบไปว่ายังไม่พร้อมต้องใช้เวลาเรียนรู้กันไปก่อน แล้วเราก็บอกว่าเราไม่รู้ว่าลูกจะคิดยังไงเลยถ้ารู้ว่าแม่จะแต่งงาน เพราะ10กว่าปีที่ผ่านมาลูกไม่เคยรับรู้ว่าเรามีแฟนเลยหรือพาลูกไปเจอผู้ชายคนไหนเลย เราห่วงความรู้สึกลูกมากกว่า แล้วเราก็แกล้งถามเค้าว่าถ้าแต่งงานคุณจะอยู่ที่ไหน เค้าบอกว่าเค้าจะซื้อบ้านอยู่กับเราสองคน เราก็ถามเค้าว่าจะให้ฉันทิ้งลูกเพื่อมาแต่งงานอยู่กับคุณนี่นะ เค้าก็แค่ตอบว่า”ลูกคุณก็เหมือนลูกฉัน” แล้วไม่ตอบอะไรอีกเลย แล้วก็พูดแต่ประโยคว่าฉันเสียใจที่คุณไม่แต่งงานกับฉัน “ตัวเราคิดว่าเค้าแค่อยากหาผู้หญิงไทยมาแต่งงานด้วยเพราะต้องการที่จะอยู่อย่างถูกกฏหมายยาวๆแบบไม่ยุ่งยากเพราะปีหน้าเค้าก็เกษียรแล้ว เค้าอยากมาปักหลักอยู่ไทย” (คือเค้าชอบเที่ยวคาราโอแกะในไทยมากค่ะมาทีเที่ยวทุกครั้งเกือบทุกวัน เค้าบอกเรา แล้วที่สำคัญทุกครั้งที่บอกเราจะมาไทยเค้าจะบอกมาพรุ่งนี้แต่จริงๆมาแล้ววันนี้มาเที่ยวผู้หญิงที่คาราโอแกะก่อน มีครั้งนึงเพื่อนเราทำงานธนาคารในซอยคาราโอแกะเห็นเค้าเดินหาขึ้นร้านคาราโอแกะย่านนั่น)
รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้แต่งงานยังไงไม่รู้ คือทุเรศมากกับคนแบบนี้ “ตอนนี้เราบล๊อกช่องทางการติดต่อของเค้าหมดแล้วค่ะ” เล่าสู่กันฟังค่ะ
เมื่อมีผู้ชายญี่ปุ่นมาขอแต่งงานแบบเร่งรัดจนทำให้รู้สึกแปลกๆ
เค้าบอกเค้ามาเที่ยวที่ไทยบ่อย ชอบเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย หลังจากนั้นเค้าก็กลับประเทศไป 3เดือนต่อมาเค้าก็ส่งข้อความว่าตอนนี้มาเที่ยวที่ไทยมากินข้าวด้วยกันได้ไหม พอดีเราว่างก็ไป บทสนทนาที่คุยกันคือเราคิดว่าคนอายุขนาดนี้มีครอบครัวอยู่แล้ว เราเลยถามถึงครอบครัวว่าสบายดีไหม ทำไมไม่พาภรรยาและลูกมาเที่ยวด้วย เค้าบอกว่าแยกกันอยู่แต่ยังไม่ได้หย่ากำลังทำเรื่องอย่า เค้าก็ถามเราว่าแต่งงานกับฉันได้ไหมหลังจากหย่าฉันชอบคุณมากและรักประเทศไทย เราก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วเค้าก็กลับประเทศไป หลังจากนั้นเค้ามาไทยเราก็นัดกินข้าวพูดคุยกัน จนรู้จักได้1ปีนิดๆ เจอกัน4-5ครั้งได้ มีครั้งนึงล่าสุดเพื่อนก็ไปกินข้าวด้วยเค้าก็บอกกับเพื่อนเราว่าเราไม่ยอมแต่งงานกับเค้า เราอึ้งไปเลยเพราะเราแค่อยากมีเพื่อนคุยและเจอกันไม่กี่ครั้งเอง และเค้าก็กลับไปเป็นจังหว่ะที่ทำเรื่องอย่าเรียบร้อยแล้ว “ล่าสุดเค้าส่งข้อความมาถามเราแบบมัดมือชกว่า สรุปคุณจะแต่งงานกับฉันไหม คุณจะไม่แต่งกับฉันใช่ไหม คุณจะเอายังไง เล่นเอาเรานี่อึ้งไปเลย มีงี้ด้วยเหรอคนแบบนี้” (คือเราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนะคะ) เราก็ตอบไปว่ายังไม่พร้อมต้องใช้เวลาเรียนรู้กันไปก่อน แล้วเราก็บอกว่าเราไม่รู้ว่าลูกจะคิดยังไงเลยถ้ารู้ว่าแม่จะแต่งงาน เพราะ10กว่าปีที่ผ่านมาลูกไม่เคยรับรู้ว่าเรามีแฟนเลยหรือพาลูกไปเจอผู้ชายคนไหนเลย เราห่วงความรู้สึกลูกมากกว่า แล้วเราก็แกล้งถามเค้าว่าถ้าแต่งงานคุณจะอยู่ที่ไหน เค้าบอกว่าเค้าจะซื้อบ้านอยู่กับเราสองคน เราก็ถามเค้าว่าจะให้ฉันทิ้งลูกเพื่อมาแต่งงานอยู่กับคุณนี่นะ เค้าก็แค่ตอบว่า”ลูกคุณก็เหมือนลูกฉัน” แล้วไม่ตอบอะไรอีกเลย แล้วก็พูดแต่ประโยคว่าฉันเสียใจที่คุณไม่แต่งงานกับฉัน “ตัวเราคิดว่าเค้าแค่อยากหาผู้หญิงไทยมาแต่งงานด้วยเพราะต้องการที่จะอยู่อย่างถูกกฏหมายยาวๆแบบไม่ยุ่งยากเพราะปีหน้าเค้าก็เกษียรแล้ว เค้าอยากมาปักหลักอยู่ไทย” (คือเค้าชอบเที่ยวคาราโอแกะในไทยมากค่ะมาทีเที่ยวทุกครั้งเกือบทุกวัน เค้าบอกเรา แล้วที่สำคัญทุกครั้งที่บอกเราจะมาไทยเค้าจะบอกมาพรุ่งนี้แต่จริงๆมาแล้ววันนี้มาเที่ยวผู้หญิงที่คาราโอแกะก่อน มีครั้งนึงเพื่อนเราทำงานธนาคารในซอยคาราโอแกะเห็นเค้าเดินหาขึ้นร้านคาราโอแกะย่านนั่น)
รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้แต่งงานยังไงไม่รู้ คือทุเรศมากกับคนแบบนี้ “ตอนนี้เราบล๊อกช่องทางการติดต่อของเค้าหมดแล้วค่ะ” เล่าสู่กันฟังค่ะ