คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ประกอบอาชีพอะไรก็สามารถทำธุรกิจ Start up ได้ครับ
แต่หากคุณเป็นนักพัฒนาฯ (Software Developer) หรือที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกว่า "โปรแกรมเมอร์" คุณก็จะได้เปรียบพอสมควร เพราะธุรกิจ Start up แตกต่างจากการทำธุรกิจทั่วไป ตรงที่ Business Model จะเน้นการทำลายล้าง (Disrupt) วิถีการทำธุรกิจแบบดั้งเดิม หรือพฤติกรรมผู้บริโภคแบบดั้งเดิม ซึ่งมักใช้ Technology เป็นเบื้องหลังในการ Disrupt เช่น email แทนการส่งไปรษณีย์, กล้องดิจัทัลแทนกล้องแบบใช้ฟิล์ม, e-commerce แทนการค้าขายแบบดั้งเดิม เป็นต้น
ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนมี Technology อยู่เบื้องหลังการ Disrupt
ส่วนใหญ่ Source Code (Algorithm จากการเขียนโปรแกรม) จึงมีความสำคัญ ต้องจัดการให้เป็นความลับ และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะหากการ Disrupt นั้น ไม่ได้มาจาก Source Code ที่ซับซ้อน จะเกิดการเลียนแบบได้ง่าย (เช่น พวกโปรแกรม Chat ต่างๆ) ก็ต้องพัฒนาจับกระแสตลาดให้ทันตลอดเวลา (ตัวอย่าง Source Code ที่เลียนแบบได้ยาก เช่น Google ... หาคู่แข่งที่จะสร้าง Algorithm ประมวลผลได้แม่นยำเท่า Google ได้ยากมาก หรือไม่มี)
หากคุณไม่ได้เป็นนักพัฒนาฯ (คนเขียนโปรแกรม) ก็มีโอกาสที่นักพัฒนาฯ จะถูกซื้อตัว หรือทำความลับหลุด หรือออกมาเป็นคู่แข่งได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คนเป็น Founder หลายคน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ควรมีความเข้าใจในธุรกิจบางอย่างเป็นอย่างดี เพื่อหาจุดให้ Disrupt โดยใช้วิธีการบริหารในการจัดการกับ Source Code แทน
ธุรกิจ Start up บางครั้ง ไม่จำเป็นต้อง Disrupt ด้วย Technology (หลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ แม้แต่กรรมการที่มีประสบการณ์และเป็นคนพิจารณาการให้ทุน) แต่เป็นการ Disrupt ที่ Business Model
ความเป็น Originality เกิดจากการ Disrupt ที่ Business Model ล้วนๆ มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มี Game Changer* เช่น กรณี South West Airline ที่ใช้วิธีการบริหารต้นทุนและความได้เปรียบด้านภาษีถล่ม Pan America จนล้มละลาย (Founder ของ South West Airline เป็นนักบริหาร ในขณะที่ Founder ของ Pan America คือ สุดยอดวิศวกร นักบิน และนักธุรกิจอัจฉริยะ Juan Trip ซึ่งในเวลานั้น Pan Am เป็นสายการบินอันดับหนึ่งของโลก และ Juan Trip มีอิทธิพลในแวดวงการเมืองสูงมากๆ) โดยชัยชนะที่ได้มา ไม่เกี่ยวกับด้าน Technology เลย เป็นเรื่องของไอเดียล้วนๆ
หรือหากไม่ได้เป็น Originality ก็ต้องเป็น First-Comer Advantage เช่น กรณี Wongnai ทำ App รีวิวร้านอาหาร (ซึ่งในต่างประเทศมี App ประเภทนี้มานานแล้ว เช่น Yelp!) มาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย เป็นต้น
(*ยกตัวอย่าง Game Changer เช่น มีการปรับปรุงกฎหมาย, มีการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี นวัตกรรมเครือข่ายอินเตอร์เน็ต / นวัตกรรม Hydraulic Fracturing / นวัตกรรม LiDAR เป็นต้น)
ในเรื่อง "ซอดัลมี" ตำแหน่งประธานฯ ก็คือ Co-Founder, CFO ที่คนเขียนบทเขียนให้ตัวละครนี้มีความโดดเด่นในเรื่องไอเดียมากที่สุดในทีม (เช่น จาก EP 11 - Exit ที่นำเสนอไอเดียระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งในปี 2016 ตามเนื้อเรื่อง เทคโนโลยี LiDAR เพิ่งมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์ไม่นาน จะมองว่าเป็น Game Changer ก็ได้)
ตัวละคร "ซาฮา" ตำแหน่ง Co-Founder, Designer ในละครมีบทบาทด้าน Marketing และ Legal Advisor แต่ที่จริงคนเป็น Designer ในวงการ จะหมายถึงคนออกแบบ Interface ของ App (UI/UX) ต้องมีหัวในการรักษาสมดุลระหว่างความสวยงามและประสบการณ์การใช้งาน เป็นคนที่เข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของ User อย่างแท้จริง
"โดซาน", "ชอลซาน", "ยงซาน" เป็นนักพัฒนาฯ (Developer) หรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer) โดยโดซานเป็น CTO (หัวหน้าทีมเทคฯ) ปกติในทีมพัฒนาควรมีความถนัดในแต่ละภาษาแตกต่างกันบ้างถึงจะลงตัว (ทั้ง 3 คนเรียน Computer Engineer ซึ่งไม่ใช่การเรียนเขียนโปรแกรม แต่เป็นการเรียนวิศวกรรมโครงสร้าง เน้นเรื่อง Hardware และข้อจำกัดด้านระบบหรือด้านเครือข่าย) เพราะการทำงานของ Application มีทั้งหน้าบ้าน (Front-End) และหลังบ้าน (Back-End) ... ตรงนี้ในเนื้อเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ตรงๆ
แต่ก็พอเดาได้ว่า "โดซาน" ชำนาญรอบด้าน แต่โดดเด่นเรื่อง Logic (ปี 2016 มี Library ที่ใช้ทำ Machine Learning มากมายแล้ว ในเรื่องไม่ได้กล่าวถึงว่าโดซานปรับแต่งจาก Library ที่มี หรือสร้างสรรค์ Code ใหม่ขึ้นมาเองทั้งหมด แต่สังเกตจากการใช้ API ของ "จางยองชิล" จึงเดาว่าน่าจะเน้นปรับแต่ง Code จาก Library เฉยๆ)
ส่วน "ชอลซาน" เคยทำงานด้าน Cybersecurity จึงน่าจะถนัดตามสายงานที่เรียนมา พวกวิศวกรรมเครือข่าย ประมาณนั้น เช่นเดียวกับ "ยงซาน" ที่รอบคอบด้านการ Back up ข้อมูล ก็คงมีพื้นฐานด้าน Database (Back-End)
ไหนๆ ก็ไหนๆ มีตัวละครอีกตัวหนึ่ง ที่เขียนโปรแกรมเป็น และน่าจะเป็นอัจฉริยะด้าน Financial Engineering หรือ Data Science ด้วย ... คนๆ นั้น คือ "จีพยอง"
ใน EP 1 - Start up "จีพยอง" ชนะเลิศด้านการ Trading (ตามเนื้อเรื่อง คือ ปี 2001) ซึ่งในสมัยนั้นคนทั้งโลกและงานวิจัยแทบทั้งโลกยังไม่ให้ความสำคัญกับอคติเชิงพฤติกรรม (Behavioral Biases) และเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Economics) ... จะมีก็แค่ Hedge Fund กองทุนใหญ่ๆ ไม่กี่กอง หรือทีมกีฬาขนาดใหญ่ไม่กี่ทีมเท่านั้น ที่เข้าใจเรื่องนี้ และสร้าง Algorithm ที่ดึง Data ที่ถูกต้องจนชนะตลาดได้ เช่น กองทุน Hedge Fund ของ George Soros, Bill Gross ในฐานะ Bond King, ทีมเบสบอลอย่าง Oakland Athletic ที่มี Billy Beane หรือ Boston Red Sox ซึ่งมีเจ้าของที่สร้างฐานะจากการทำ Algorithm Trading เป็นต้น (หลักฐาน คือ หนังสือชื่อ Moneyball เพิ่งตีพิมพ์ในปี 2003, หนังสือสุดยอดอย่าง Thinking Fast and Slow เพิ่งตีพิมพ์ในปี 2011 ขณะนี้จีพยองชนะการเทรดในปี 2001)
"จีพยอง" จึงน่าจะเป็น Algorithm Trader อัจฉริยะแน่นอน ... แต่จะเขียนโปรแกรมเก่งแค่ไหน อันนี้ไม่ได้กล่าวไว้ เพราะ Algorithm เพื่อการ Trade สร้างได้ง่าย สำคัญต้องแม่นเรื่อง Logic (Spreadsheet ยุคปัจจุบันอย่าง Excel ก็คำนวณได้), Calculus, Stat, และ Research Methodology ครับ
สรุป "จีพยอง" เป็นอัจฉริยะไม่แพ้ "โดซาน" สมควรเขียนบท EP 10 - 16 ใหม่ให้ "จีพยอง" ได้กับ "ดัลมี" ... อ้าว! เริ่มนอกเรื่องละครับ พอก่อนดีกว่า


แต่หากคุณเป็นนักพัฒนาฯ (Software Developer) หรือที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกว่า "โปรแกรมเมอร์" คุณก็จะได้เปรียบพอสมควร เพราะธุรกิจ Start up แตกต่างจากการทำธุรกิจทั่วไป ตรงที่ Business Model จะเน้นการทำลายล้าง (Disrupt) วิถีการทำธุรกิจแบบดั้งเดิม หรือพฤติกรรมผู้บริโภคแบบดั้งเดิม ซึ่งมักใช้ Technology เป็นเบื้องหลังในการ Disrupt เช่น email แทนการส่งไปรษณีย์, กล้องดิจัทัลแทนกล้องแบบใช้ฟิล์ม, e-commerce แทนการค้าขายแบบดั้งเดิม เป็นต้น
ตัวอย่างเหล่านี้ล้วนมี Technology อยู่เบื้องหลังการ Disrupt
ส่วนใหญ่ Source Code (Algorithm จากการเขียนโปรแกรม) จึงมีความสำคัญ ต้องจัดการให้เป็นความลับ และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะหากการ Disrupt นั้น ไม่ได้มาจาก Source Code ที่ซับซ้อน จะเกิดการเลียนแบบได้ง่าย (เช่น พวกโปรแกรม Chat ต่างๆ) ก็ต้องพัฒนาจับกระแสตลาดให้ทันตลอดเวลา (ตัวอย่าง Source Code ที่เลียนแบบได้ยาก เช่น Google ... หาคู่แข่งที่จะสร้าง Algorithm ประมวลผลได้แม่นยำเท่า Google ได้ยากมาก หรือไม่มี)
หากคุณไม่ได้เป็นนักพัฒนาฯ (คนเขียนโปรแกรม) ก็มีโอกาสที่นักพัฒนาฯ จะถูกซื้อตัว หรือทำความลับหลุด หรือออกมาเป็นคู่แข่งได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คนเป็น Founder หลายคน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ควรมีความเข้าใจในธุรกิจบางอย่างเป็นอย่างดี เพื่อหาจุดให้ Disrupt โดยใช้วิธีการบริหารในการจัดการกับ Source Code แทน
ธุรกิจ Start up บางครั้ง ไม่จำเป็นต้อง Disrupt ด้วย Technology (หลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ แม้แต่กรรมการที่มีประสบการณ์และเป็นคนพิจารณาการให้ทุน) แต่เป็นการ Disrupt ที่ Business Model
ความเป็น Originality เกิดจากการ Disrupt ที่ Business Model ล้วนๆ มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มี Game Changer* เช่น กรณี South West Airline ที่ใช้วิธีการบริหารต้นทุนและความได้เปรียบด้านภาษีถล่ม Pan America จนล้มละลาย (Founder ของ South West Airline เป็นนักบริหาร ในขณะที่ Founder ของ Pan America คือ สุดยอดวิศวกร นักบิน และนักธุรกิจอัจฉริยะ Juan Trip ซึ่งในเวลานั้น Pan Am เป็นสายการบินอันดับหนึ่งของโลก และ Juan Trip มีอิทธิพลในแวดวงการเมืองสูงมากๆ) โดยชัยชนะที่ได้มา ไม่เกี่ยวกับด้าน Technology เลย เป็นเรื่องของไอเดียล้วนๆ
หรือหากไม่ได้เป็น Originality ก็ต้องเป็น First-Comer Advantage เช่น กรณี Wongnai ทำ App รีวิวร้านอาหาร (ซึ่งในต่างประเทศมี App ประเภทนี้มานานแล้ว เช่น Yelp!) มาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย เป็นต้น
(*ยกตัวอย่าง Game Changer เช่น มีการปรับปรุงกฎหมาย, มีการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี นวัตกรรมเครือข่ายอินเตอร์เน็ต / นวัตกรรม Hydraulic Fracturing / นวัตกรรม LiDAR เป็นต้น)
ในเรื่อง "ซอดัลมี" ตำแหน่งประธานฯ ก็คือ Co-Founder, CFO ที่คนเขียนบทเขียนให้ตัวละครนี้มีความโดดเด่นในเรื่องไอเดียมากที่สุดในทีม (เช่น จาก EP 11 - Exit ที่นำเสนอไอเดียระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งในปี 2016 ตามเนื้อเรื่อง เทคโนโลยี LiDAR เพิ่งมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์ไม่นาน จะมองว่าเป็น Game Changer ก็ได้)
ตัวละคร "ซาฮา" ตำแหน่ง Co-Founder, Designer ในละครมีบทบาทด้าน Marketing และ Legal Advisor แต่ที่จริงคนเป็น Designer ในวงการ จะหมายถึงคนออกแบบ Interface ของ App (UI/UX) ต้องมีหัวในการรักษาสมดุลระหว่างความสวยงามและประสบการณ์การใช้งาน เป็นคนที่เข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของ User อย่างแท้จริง
"โดซาน", "ชอลซาน", "ยงซาน" เป็นนักพัฒนาฯ (Developer) หรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer) โดยโดซานเป็น CTO (หัวหน้าทีมเทคฯ) ปกติในทีมพัฒนาควรมีความถนัดในแต่ละภาษาแตกต่างกันบ้างถึงจะลงตัว (ทั้ง 3 คนเรียน Computer Engineer ซึ่งไม่ใช่การเรียนเขียนโปรแกรม แต่เป็นการเรียนวิศวกรรมโครงสร้าง เน้นเรื่อง Hardware และข้อจำกัดด้านระบบหรือด้านเครือข่าย) เพราะการทำงานของ Application มีทั้งหน้าบ้าน (Front-End) และหลังบ้าน (Back-End) ... ตรงนี้ในเนื้อเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ตรงๆ
แต่ก็พอเดาได้ว่า "โดซาน" ชำนาญรอบด้าน แต่โดดเด่นเรื่อง Logic (ปี 2016 มี Library ที่ใช้ทำ Machine Learning มากมายแล้ว ในเรื่องไม่ได้กล่าวถึงว่าโดซานปรับแต่งจาก Library ที่มี หรือสร้างสรรค์ Code ใหม่ขึ้นมาเองทั้งหมด แต่สังเกตจากการใช้ API ของ "จางยองชิล" จึงเดาว่าน่าจะเน้นปรับแต่ง Code จาก Library เฉยๆ)
ส่วน "ชอลซาน" เคยทำงานด้าน Cybersecurity จึงน่าจะถนัดตามสายงานที่เรียนมา พวกวิศวกรรมเครือข่าย ประมาณนั้น เช่นเดียวกับ "ยงซาน" ที่รอบคอบด้านการ Back up ข้อมูล ก็คงมีพื้นฐานด้าน Database (Back-End)
ไหนๆ ก็ไหนๆ มีตัวละครอีกตัวหนึ่ง ที่เขียนโปรแกรมเป็น และน่าจะเป็นอัจฉริยะด้าน Financial Engineering หรือ Data Science ด้วย ... คนๆ นั้น คือ "จีพยอง"
ใน EP 1 - Start up "จีพยอง" ชนะเลิศด้านการ Trading (ตามเนื้อเรื่อง คือ ปี 2001) ซึ่งในสมัยนั้นคนทั้งโลกและงานวิจัยแทบทั้งโลกยังไม่ให้ความสำคัญกับอคติเชิงพฤติกรรม (Behavioral Biases) และเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Economics) ... จะมีก็แค่ Hedge Fund กองทุนใหญ่ๆ ไม่กี่กอง หรือทีมกีฬาขนาดใหญ่ไม่กี่ทีมเท่านั้น ที่เข้าใจเรื่องนี้ และสร้าง Algorithm ที่ดึง Data ที่ถูกต้องจนชนะตลาดได้ เช่น กองทุน Hedge Fund ของ George Soros, Bill Gross ในฐานะ Bond King, ทีมเบสบอลอย่าง Oakland Athletic ที่มี Billy Beane หรือ Boston Red Sox ซึ่งมีเจ้าของที่สร้างฐานะจากการทำ Algorithm Trading เป็นต้น (หลักฐาน คือ หนังสือชื่อ Moneyball เพิ่งตีพิมพ์ในปี 2003, หนังสือสุดยอดอย่าง Thinking Fast and Slow เพิ่งตีพิมพ์ในปี 2011 ขณะนี้จีพยองชนะการเทรดในปี 2001)
"จีพยอง" จึงน่าจะเป็น Algorithm Trader อัจฉริยะแน่นอน ... แต่จะเขียนโปรแกรมเก่งแค่ไหน อันนี้ไม่ได้กล่าวไว้ เพราะ Algorithm เพื่อการ Trade สร้างได้ง่าย สำคัญต้องแม่นเรื่อง Logic (Spreadsheet ยุคปัจจุบันอย่าง Excel ก็คำนวณได้), Calculus, Stat, และ Research Methodology ครับ
สรุป "จีพยอง" เป็นอัจฉริยะไม่แพ้ "โดซาน" สมควรเขียนบท EP 10 - 16 ใหม่ให้ "จีพยอง" ได้กับ "ดัลมี" ... อ้าว! เริ่มนอกเรื่องละครับ พอก่อนดีกว่า



แสดงความคิดเห็น
ถ้าอยากทำอาชีพเหมือนซีรีย์เรื่องstart up