'ไอติม' ยกปัญหาคุกคามทางเพศ-ค่านิยมแป๊ะเจี๊ยะ เปลี่ยนประเทศไทยต้องเปลี่ยนโรงเรียน
https://voicetv.co.th/read/2mMYY83ip
‘ไอติม พริษฐ์’ ชี้ปัญหาคุกคามทางเพศในโรงเรียนเป็นเรื่องใหญ่ เหยื่อมักถูกกดดันไม่ให้ดำเนินคดี พร้อมยกค่านิยมขายที่นั่งในโรงเรียนผ่านแป๊ะเจี๊ยะ ย้ำสังคมไทยกำลังสร้างบรรยากาศปิดกั้น แนะอยากเปลี่ยนประเทศไทยต้องเปลี่ยนโรงเรียน
พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อต้ังกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ ที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนปัจจุบัน มีข้อเรียกร้องที่มีส่วนผสมทั้งด้านการเมืองและด้านการศึกษา หลายปัญหาในสังคม มีต้นกำเนิดในรั้วโรงเรียน เพราะค่านิยมและบรรยากาศที่ถูกกำหนดในโรงเรียนหรือห้องเรียน มักแปรร่างมาเป็นค่านิยมและบรรยากาศในสังคมที่เราอาศัยอยู่ วันนี้ ขออนุญาตยกเพียง 2 ตัวอย่างให้พอเห็นภาพ
1.
การทุจริต
ปฏิเสธไม่ได้ ว่าประเทศไทยเรามีปัญหาเรื่องการทุจริตในการจัดลำดับ ดัชนีภาพลักษณ์การทุจริต โดยองกรณ์ความโปร่งใสนานาชาติเมื่อปีที่แล้ว ประเทศสอบตก โดยได้คะแนนเพียง 36/100 และเข้ามาเป็นอันดับที่ 101/180 ประเทศ หลายคนมักออกมาพูดว่า ทางออกอยู่ที่การปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แต่ในขณะที่เด็กถูกปลูกฝังว่าให้ “
โตไปไม่โกง” การโกง กลับเกิดขึ้นในทุกห้วงเวลาและทุกตารางเมตรของชีวิตในรั้วโรงเรียนไทย
ตั้งแต่ตอนเลือกโรงเรียน หลายโรงเรียนก็เลือกที่จะฉวยโอกาสจากความหวังดีของพ่อแม่ โดยการขายที่นั่งในโรงเรียนผ่านการคิดค่าแป๊ะเจี๊ยะ ในวันก่อนเข้าเรียน นักเรียนบางโรงเรียน ก็ถูกบังคับให้ไปซื้อชุดนักเรียนและกระเป๋านักเรียนจากร้านค้าเพียงร้านเดียวที่ราคาของในร้านนั้นดูสวนกับคุณภาพ แต่บังเอิญว่าเจ้าของสนิทกับ ผ.อ. พอเข้าเรียนแล้ว บางโรงเรียนก็มีการโกงงบอาหารกลางวัน จนทำให้เด็กๆไม่ได้รับโภชนาการที่ควรจะเป็น
และพอเด็กมองไปที่ครู ด้วยความหวังว่าครูจะเป็นแสงนำทางให้กับเขาว่าควรมีพฤติกรรมอย่างไร ครูบางคนกลับไม่ยอมถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับนักเรียนในคาบเรียน เพราะหวังจะกั๊กไว้ส่วนหนึ่ง ที่สามารถเก็บไว้สอนพิเศษหลังเลิกเรียน ที่คิดเงินเด็กได้
พอโรงเรียนทำให้เด็กเห็นการทุจริตอยู่ในทุกๆวัน ก็เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมประเทศเราถึงมีการทุจริตทุกรูปแบบเต็มไปหมด และทำไมประชาชนมักมองว่าการจ่ายสินบนและการโกงนั้นเป็นเรื่องปกติ
พริษฐ์ ระบุว่า
2.
การล่วงละเมิดทางเพศ
การคุกคามทางเพศเป็นปัญหาใหญ่ในโรงเรียน ที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเช่นกัน หลายครั้งที่ผู้กระทำมักใช้อำนาจหรือความไว้วางใจที่ได้จากตำแหน่งที่ตนเองมี (เช่น ครู พระ คนในครอบครัว) ในการฉวยโอกาสกับเหยื่อ
พอผู้ถูกกระทำลุกขึ้นมาเพื่อเปิดโปงความเลวร้ายนี้ ก็มีหลายครั้งที่เหยื่อมักถูกกดดันให้ไม่ดำเนินคดี เพราะจะทำให้โรงเรียน (ในกรณีที่นักเรียนถูกกระทำโดยครู) หรือ ครอบครัว (ในกรณีที่ภรรยาถูกกระทำโดยสามี) “เสียชื่อเสียง”
ถ้าผู้ถูกกระทำเดินหน้าต่อในการดำเนินคดี ก็มีหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ หรือสังคม กลับมีการโทษเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นการไปถามเรื่องการแต่งกายของเหยื่อ หรือไปตั้งคำถามหรือสมมุติฐานที่ไม่เหมาะสมและไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น (เหมือนกับในภาพด้านล่าง) แทนที่จะมุ่งหน้าในการให้ความร่วมมือเหยื่อและดำเนินการกับผู้กระทำผิด
"ผมยังจำได้ว่าตอนทำกิจกรรมกับสมัชชาสตรีแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีการจัดกิจกรรมช่วงหนึ่งเพื่อสอบถามในกลุ่มว่าผู้หญิงที่เข้าร่วมเคยเจอปัญหาอะไรบ้างที่บ้าน ไม่มีใครสักคนที่ยกมือพูดถึงปัญหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัว แต่พอเราถามให้คนโหวตแบบไม่เปิดเผยตัวตนผ่านการเขียนเข้ามาในกระดาษว่ากำลังเจอปัญหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัวที่บ้านอยู่บ้างหรือไม่ เกินครึ่งเขียนกลับมาว่าเคย เรื่องนี้ทำให้อดคิดและอดกังวลไม่ได้ว่า ถ้าเราสร้างบรรยากาศในโรงเรียนที่ปิดกั้นไม่ให้เด็กออกมาเปิดโปงเวลาครูทำผิด แต่กลับถูกขู่หรือเตือนว่า “จะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง” เรากำลังจะสร้างบรรยากาศในสังคมที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใหญ่ที่ถูกสามีทำร้าย ไม่กล้าออกมาขอความช่วยเหลือเพราะถูกขู่หรือเตือนว่า จะทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียง”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 2 ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเราอยากเปลี่ยนประเทศได้ เราต้องเปลี่ยนโรงเรียนของเราให้ได้ด้วย เพื่อให้ห้องเรียนและโรงเรียนของเรายืนหยัดในค่านิยมที่เราใฝ่ฝันอยากจะเห็นในสังคม
https://www.facebook.com/paritw/posts/5211095225570849
ทราย เดือด! ฉะพวกซ้ำเติมเหยื่อถูกคุกคามทางเพศ ลั่นคุณไม่ใช่มนุษย์
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5375483
ทราย เดือด! ฉะพวกซ้ำเติมเหยื่อถูกคุกคามทางเพศ ลั่นคุณไม่ใช่มนุษย์ ชี้ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหน ไม่เท่ากับการอนุญาตให้ถูกทำอนาจารได้
จากกรณีเมื่อวันที่ 21 พ.ย. มีการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ของกลุ่ม “
นักเรียนเลว” ที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า สถานีสยาม ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่ง มาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยสวมชุดนักเรียนและชูป้าย “
หนูถูกครูทำอนาจาร รร.ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย” ซึ่งหญิงคนดังกล่าวออกมาระบุว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นยังส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธอ ทำให้มีภาวะทางจิตเวช
โดยมีคนเข้ามาแสดงความเห็นใจจำนวนมากและเข้าใจถึงสิ่งที่หญิงคนดังกล่าวต้องการสื่อ แต่ขณะเดียวกันยังมีที่มาแสดงความคิดเห็นกล่าวโทษว่าสมยอมเอง และใช้ถ้อยคำในเชิงคุกคามทางเพศ คนกลุ่มนี้ยังมีการนำข้อมูลส่วนตัวมาเปิดเผยว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่นักเรียน แต่อายุ 21 ปีแล้ว และเป็นนางแบบ พร้อมนำภาพที่มีการแต่งชุดคอสเพลย์ ถ่ายแบบ มาโจมตีว่าเป็นเพราะแต่งตัวแบบนี้จึงถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.
ทราย เจริญปุระ หรือ
อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงสาว ที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้โพสต์ภาพของหญิงที่ออกมาถือป้าย พร้อมระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า
"Don’t Tell Me How To Dress
คุณลองมองรูปนี้ให้ดี ๆ มองอากัปกิริยาของผู้หญิงที่อยู่ในภาพให้ละเอียด เธอคนนี้คือคนที่เพิ่งออกมาที่ม็อบวันนี้แล้วถือป้ายบอกว่าเคยถูก “ครู” ทำอนาจารสมัยเรียนมัธยม และมันเกิดขึ้นในโรงเรียน"
"ถ้าคุณมีความเป็นมนุษย์มากพอจนมองคนอื่นเป็นมนุษย์เหมือนกันกับคุณ คุณจะรู้ว่าไม่มีใครสมควรถูกทำอนาจาร คุณจะรู้ว่าเราทุกคนมีสิทธิในเรือนร่างของตัวเอง ไม่ว่าเขาหรือเธอจะแต่งตัวแบบไหน ไม่ว่าเขาหรือเธอจะแสดงออกทางเพศมากน้อยเพียงใด คุณจะตระหนักดีว่าการแต่งตัวหรือการแสดงออกทางเพศไม่ว่าจะในรูปแบบใด ไม่เท่ากับการอนุญาตให้เขาหรือเธอถูกทำอนาจาร คุณจะมองภาพนี้แล้วพบว่า เหยื่อของการคุกคามทางเพศไม่ใช่วัตถุที่ถูกทำให้ด้อยค่าลงไป เขาหรือเธอยังคงเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะเธอในภาพ ที่ต้องใช้ความกล้าหาญมากพอที่จะเอาชนะวัฒนธรรมของการโทษเหยื่อ และเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าในร่างกายของตัวเองอีกครั้ง"
ทราย ระบุอีกว่า ถ้าคุณไม่มีความเป็นมนุษย์มากพอจนมักที่จะลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนอื่น คุณจะมองภาพนี้แล้วรู้สึกว่า คำพูดของเหยื่อนั้นไร้ความหมาย คุณจะเหยียบย่ำเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศลงไปอีกด้วยการมองหาข้อผิดพลาดของเขาหรือเธอ คุณมักจะถามว่าตอนที่เกิดเห็นเหยื่อแต่งตัวยังไง ให้ท่าใครหรือเปล่า คุณคิดเสมอว่าการแต่งตัวหรือการแสดงออกทางเพศเป็นต้นเหตุของการทำอนาจาร คุณมักจะเหยียดเหยื่อที่ถูกกระทำอนาจารว่าไม่บริสุทธิ์ คุณชอบที่จะละเลยว่าผู้กระทำความผิดคือคนที่ควรถูกกล่าวโทษแต่เพียงผู้เดียว คุณกำลังสนับสนุนให้ผู้กระทำอนาจารและสังคมไม่ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักหักห้ามใจ คุณกลายเป็นผู้ที่ข่มขืนเธออีกรอบในทางความคิด
"ลองมองรูปนี้อีกครั้ง ตกลงว่าคุณเห็นเธอเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของเธอเอง หรือคุณเห็นเธอเป็นเหยื่อที่สมควรถูกกระทำ ถ้าเป็นอย่างแรก ยินดีด้วย คุณยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง เสียใจด้วย คุณแ-่งไม่ใช่มนุษย์ คุณมันเ-ี้.. ทุเรศ น่าสะอิดสะเอียน และน่าขยะแขยงสั.."
https://www.facebook.com/anythingbutITR/posts/10164605588465245
JJNY : 'ไอติม'ยกปัญหาคุกคามทางเพศ/ทรายฉะพวกซ้ำเติมเหยื่อถูกคุกคามทางเพศ/นัดรวมพล"อาชีวะ"ที่ถ.อักษะ/ชลน่านห่วงมีกมธ.ขวาง
https://voicetv.co.th/read/2mMYY83ip
พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้ก่อต้ังกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ ที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนปัจจุบัน มีข้อเรียกร้องที่มีส่วนผสมทั้งด้านการเมืองและด้านการศึกษา หลายปัญหาในสังคม มีต้นกำเนิดในรั้วโรงเรียน เพราะค่านิยมและบรรยากาศที่ถูกกำหนดในโรงเรียนหรือห้องเรียน มักแปรร่างมาเป็นค่านิยมและบรรยากาศในสังคมที่เราอาศัยอยู่ วันนี้ ขออนุญาตยกเพียง 2 ตัวอย่างให้พอเห็นภาพ
1. การทุจริต
ปฏิเสธไม่ได้ ว่าประเทศไทยเรามีปัญหาเรื่องการทุจริตในการจัดลำดับ ดัชนีภาพลักษณ์การทุจริต โดยองกรณ์ความโปร่งใสนานาชาติเมื่อปีที่แล้ว ประเทศสอบตก โดยได้คะแนนเพียง 36/100 และเข้ามาเป็นอันดับที่ 101/180 ประเทศ หลายคนมักออกมาพูดว่า ทางออกอยู่ที่การปลูกฝังตั้งแต่เด็ก แต่ในขณะที่เด็กถูกปลูกฝังว่าให้ “โตไปไม่โกง” การโกง กลับเกิดขึ้นในทุกห้วงเวลาและทุกตารางเมตรของชีวิตในรั้วโรงเรียนไทย
ตั้งแต่ตอนเลือกโรงเรียน หลายโรงเรียนก็เลือกที่จะฉวยโอกาสจากความหวังดีของพ่อแม่ โดยการขายที่นั่งในโรงเรียนผ่านการคิดค่าแป๊ะเจี๊ยะ ในวันก่อนเข้าเรียน นักเรียนบางโรงเรียน ก็ถูกบังคับให้ไปซื้อชุดนักเรียนและกระเป๋านักเรียนจากร้านค้าเพียงร้านเดียวที่ราคาของในร้านนั้นดูสวนกับคุณภาพ แต่บังเอิญว่าเจ้าของสนิทกับ ผ.อ. พอเข้าเรียนแล้ว บางโรงเรียนก็มีการโกงงบอาหารกลางวัน จนทำให้เด็กๆไม่ได้รับโภชนาการที่ควรจะเป็น
และพอเด็กมองไปที่ครู ด้วยความหวังว่าครูจะเป็นแสงนำทางให้กับเขาว่าควรมีพฤติกรรมอย่างไร ครูบางคนกลับไม่ยอมถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับนักเรียนในคาบเรียน เพราะหวังจะกั๊กไว้ส่วนหนึ่ง ที่สามารถเก็บไว้สอนพิเศษหลังเลิกเรียน ที่คิดเงินเด็กได้
พอโรงเรียนทำให้เด็กเห็นการทุจริตอยู่ในทุกๆวัน ก็เป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมประเทศเราถึงมีการทุจริตทุกรูปแบบเต็มไปหมด และทำไมประชาชนมักมองว่าการจ่ายสินบนและการโกงนั้นเป็นเรื่องปกติ
พริษฐ์ ระบุว่า
2. การล่วงละเมิดทางเพศ
การคุกคามทางเพศเป็นปัญหาใหญ่ในโรงเรียน ที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมเช่นกัน หลายครั้งที่ผู้กระทำมักใช้อำนาจหรือความไว้วางใจที่ได้จากตำแหน่งที่ตนเองมี (เช่น ครู พระ คนในครอบครัว) ในการฉวยโอกาสกับเหยื่อ
พอผู้ถูกกระทำลุกขึ้นมาเพื่อเปิดโปงความเลวร้ายนี้ ก็มีหลายครั้งที่เหยื่อมักถูกกดดันให้ไม่ดำเนินคดี เพราะจะทำให้โรงเรียน (ในกรณีที่นักเรียนถูกกระทำโดยครู) หรือ ครอบครัว (ในกรณีที่ภรรยาถูกกระทำโดยสามี) “เสียชื่อเสียง”
ถ้าผู้ถูกกระทำเดินหน้าต่อในการดำเนินคดี ก็มีหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ หรือสังคม กลับมีการโทษเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นการไปถามเรื่องการแต่งกายของเหยื่อ หรือไปตั้งคำถามหรือสมมุติฐานที่ไม่เหมาะสมและไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น (เหมือนกับในภาพด้านล่าง) แทนที่จะมุ่งหน้าในการให้ความร่วมมือเหยื่อและดำเนินการกับผู้กระทำผิด
"ผมยังจำได้ว่าตอนทำกิจกรรมกับสมัชชาสตรีแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีการจัดกิจกรรมช่วงหนึ่งเพื่อสอบถามในกลุ่มว่าผู้หญิงที่เข้าร่วมเคยเจอปัญหาอะไรบ้างที่บ้าน ไม่มีใครสักคนที่ยกมือพูดถึงปัญหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัว แต่พอเราถามให้คนโหวตแบบไม่เปิดเผยตัวตนผ่านการเขียนเข้ามาในกระดาษว่ากำลังเจอปัญหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัวที่บ้านอยู่บ้างหรือไม่ เกินครึ่งเขียนกลับมาว่าเคย เรื่องนี้ทำให้อดคิดและอดกังวลไม่ได้ว่า ถ้าเราสร้างบรรยากาศในโรงเรียนที่ปิดกั้นไม่ให้เด็กออกมาเปิดโปงเวลาครูทำผิด แต่กลับถูกขู่หรือเตือนว่า “จะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง” เรากำลังจะสร้างบรรยากาศในสังคมที่ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใหญ่ที่ถูกสามีทำร้าย ไม่กล้าออกมาขอความช่วยเหลือเพราะถูกขู่หรือเตือนว่า จะทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียง”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง 2 ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเราอยากเปลี่ยนประเทศได้ เราต้องเปลี่ยนโรงเรียนของเราให้ได้ด้วย เพื่อให้ห้องเรียนและโรงเรียนของเรายืนหยัดในค่านิยมที่เราใฝ่ฝันอยากจะเห็นในสังคม
https://www.facebook.com/paritw/posts/5211095225570849
ทราย เดือด! ฉะพวกซ้ำเติมเหยื่อถูกคุกคามทางเพศ ลั่นคุณไม่ใช่มนุษย์
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5375483
ทราย เดือด! ฉะพวกซ้ำเติมเหยื่อถูกคุกคามทางเพศ ลั่นคุณไม่ใช่มนุษย์ ชี้ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหน ไม่เท่ากับการอนุญาตให้ถูกทำอนาจารได้
จากกรณีเมื่อวันที่ 21 พ.ย. มีการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ของกลุ่ม “นักเรียนเลว” ที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า สถานีสยาม ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่ง มาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยสวมชุดนักเรียนและชูป้าย “หนูถูกครูทำอนาจาร รร.ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย” ซึ่งหญิงคนดังกล่าวออกมาระบุว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นั้นยังส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธอ ทำให้มีภาวะทางจิตเวช
โดยมีคนเข้ามาแสดงความเห็นใจจำนวนมากและเข้าใจถึงสิ่งที่หญิงคนดังกล่าวต้องการสื่อ แต่ขณะเดียวกันยังมีที่มาแสดงความคิดเห็นกล่าวโทษว่าสมยอมเอง และใช้ถ้อยคำในเชิงคุกคามทางเพศ คนกลุ่มนี้ยังมีการนำข้อมูลส่วนตัวมาเปิดเผยว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่นักเรียน แต่อายุ 21 ปีแล้ว และเป็นนางแบบ พร้อมนำภาพที่มีการแต่งชุดคอสเพลย์ ถ่ายแบบ มาโจมตีว่าเป็นเพราะแต่งตัวแบบนี้จึงถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ทราย เจริญปุระ หรือ อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงสาว ที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้โพสต์ภาพของหญิงที่ออกมาถือป้าย พร้อมระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า
"Don’t Tell Me How To Dress
คุณลองมองรูปนี้ให้ดี ๆ มองอากัปกิริยาของผู้หญิงที่อยู่ในภาพให้ละเอียด เธอคนนี้คือคนที่เพิ่งออกมาที่ม็อบวันนี้แล้วถือป้ายบอกว่าเคยถูก “ครู” ทำอนาจารสมัยเรียนมัธยม และมันเกิดขึ้นในโรงเรียน"
"ถ้าคุณมีความเป็นมนุษย์มากพอจนมองคนอื่นเป็นมนุษย์เหมือนกันกับคุณ คุณจะรู้ว่าไม่มีใครสมควรถูกทำอนาจาร คุณจะรู้ว่าเราทุกคนมีสิทธิในเรือนร่างของตัวเอง ไม่ว่าเขาหรือเธอจะแต่งตัวแบบไหน ไม่ว่าเขาหรือเธอจะแสดงออกทางเพศมากน้อยเพียงใด คุณจะตระหนักดีว่าการแต่งตัวหรือการแสดงออกทางเพศไม่ว่าจะในรูปแบบใด ไม่เท่ากับการอนุญาตให้เขาหรือเธอถูกทำอนาจาร คุณจะมองภาพนี้แล้วพบว่า เหยื่อของการคุกคามทางเพศไม่ใช่วัตถุที่ถูกทำให้ด้อยค่าลงไป เขาหรือเธอยังคงเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะเธอในภาพ ที่ต้องใช้ความกล้าหาญมากพอที่จะเอาชนะวัฒนธรรมของการโทษเหยื่อ และเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าในร่างกายของตัวเองอีกครั้ง"
ทราย ระบุอีกว่า ถ้าคุณไม่มีความเป็นมนุษย์มากพอจนมักที่จะลดทอนความเป็นมนุษย์ของคนอื่น คุณจะมองภาพนี้แล้วรู้สึกว่า คำพูดของเหยื่อนั้นไร้ความหมาย คุณจะเหยียบย่ำเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศลงไปอีกด้วยการมองหาข้อผิดพลาดของเขาหรือเธอ คุณมักจะถามว่าตอนที่เกิดเห็นเหยื่อแต่งตัวยังไง ให้ท่าใครหรือเปล่า คุณคิดเสมอว่าการแต่งตัวหรือการแสดงออกทางเพศเป็นต้นเหตุของการทำอนาจาร คุณมักจะเหยียดเหยื่อที่ถูกกระทำอนาจารว่าไม่บริสุทธิ์ คุณชอบที่จะละเลยว่าผู้กระทำความผิดคือคนที่ควรถูกกล่าวโทษแต่เพียงผู้เดียว คุณกำลังสนับสนุนให้ผู้กระทำอนาจารและสังคมไม่ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักหักห้ามใจ คุณกลายเป็นผู้ที่ข่มขืนเธออีกรอบในทางความคิด
"ลองมองรูปนี้อีกครั้ง ตกลงว่าคุณเห็นเธอเป็นฮีโร่ในเรื่องราวของเธอเอง หรือคุณเห็นเธอเป็นเหยื่อที่สมควรถูกกระทำ ถ้าเป็นอย่างแรก ยินดีด้วย คุณยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง เสียใจด้วย คุณแ-่งไม่ใช่มนุษย์ คุณมันเ-ี้.. ทุเรศ น่าสะอิดสะเอียน และน่าขยะแขยงสั.."
https://www.facebook.com/anythingbutITR/posts/10164605588465245