เราไม่ได้เข้า Pantip มานานมากกกกกกกก เพราะห่างหายจากการดูหนังไปนานพอสมควร จะได้ดูก็แค่หนังใน Netflix เท่านั้น ไม่ค่อยได้เข้าโรงหนังเท่าไหร่ ได้กลับมาเขียนรีวิวก็รู้สึกตื้นตันใจนึดนึง เพราะนี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกในรอบศตวรรษการดูหนัง และหนังที่เราเลือกหยิบมาเขียนรีวิวก็เป็นซีรี่ส์จากทางค่าย Fivestar ที่ผลงานเด่นๆ เช่น เปนชู้กับผี, ตีสาม และลองของ
ใช่แล้ว เราพึ่งได้ดู ลองของซีรีส์ ใน Netflix จบทั้ง 8 ตอนแล้วมาเขียนรีวิวให้อ่านว่าเรารู้สึกอย่างไร แต่ก่อนจะมาเป็น ลองของซีรีส์ แน่นอนว่ามันมีจุดเริ่มต้นเป็นภาพยนตร์มาก่อน...
คนเล่นของ (ธนิตย์ จิตนุกูล, 2547) เป็นหนังสยองขวัญไสยศาสตร์เรื่องแรกๆ ของไทยเลยก็ว่าได้ และเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับคำว่า "เล่นของ" อย่างเต็มรูปแบบ เพราะหนังจัดเต็มเรื่องความโหด ใส่มาแบบไม่บรรยะบรรยัง ทั้งตะปู ใบมีด ปลาไหล เรียกว่าจัดให้คนดูได้สาแก่ใจ แต่ด้วยความที่หนังเป็นแนวสยองสุดขีด ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่สนใจสำหรับผู้คน ทั้งที่ตัวหนังนั้นก็มีอะไรมากกว่าที่เห็นในโปสเตอร์และตัวอย่างหลายอย่างเลย ส่วนตัวค่อนไปทางชอบเสียด้วยซ้ำ หนังสนุก และกระแตก็ชูโรงมาก

ลองของ (โรนินทีม, 2548) ทาง Fivestar ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โดยการเข็นหนังสยองขวัญไสยศาสตร์เรื่องใหม่ออกมาอีกครั้ง โดยเปลี่ยนจุดขายให้ชัดเจนกว่าเดิมว่า "เสียวสยอง ทุก 2 นาที" ซึ่งหนังยังคงจัดหนักจัดเต็มเหมือนเคย เราชอบตรงที่หนังไม่เน้นขายฉากแหวะเพียงอย่างเดียว หนังมีลูกเล่นที่ค่อนข้างแพรวพราว เช่นการ Flashback ให้เราได้รับรู้อะไรบางอย่างก่อนที่จะมาขยี้ในช่วงท้าย หรือว่าการหักมุมที่เดาไม่ออก แต่ที่โดดเด่นและเป็นจุดที่เรายกความดีความชอบทั้งหมดคือการแสดงอันทรงพลังของพี่มะหมี่ นภคปภา ที่เล่นดีจนเราเองก็กลัวจนไม่กล้าเปิดตาดูเวลาเธอร่ายมนต์หรือว่าทรมานเหยื่อในเรื่อง

ลองของ 2 (พาสิทธิ์ บูรณะจันทร์, 2551) ภาคแรกดังไปทั่วหล้า แน่นอนว่าทางค่ายเลยขอให้ทางทีมงานทำภาคต่อทันที แต่การทำต่อแบบดื้อๆ เลยก็ใช่ว่าจะรอด เพราะภาคแรกนั้นจบแบบ 50-50 นั่นคือจะต่อยอดก็ได้ แต่ต้องเขียนบทให้คม เพราะถ้าเขียนมาแล้วไม่เชื่อมโยงต่อตอนจบในภาคแรก มันอาจจะเป็นหนังสยองขวัญดาดดื่นได้ง่ายมาก ทางทีมงานจึงตัดสินใจเขียนบทภาคนี้ให้เป็นภาค Prequel โดยเล่าเรื่องย้อนก่อนเหตุการณ์ในภาคแรกว่าเหตุใดครูพนอจึงเป็นแบบนั้น เราชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรกตรงที่เขาหันมาแคร์ตัวละครครูพนอมากขึ้น 80% ของภาคนี้จะเล่าเกี่ยวกับเธอว่าเธอโดนอะไรมาบ้าง ซึ่งเราอินมาก การเล่าเรื่องถึงแม้ลูกเล่นจะหายไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้เสียอรรถรสเลย เพราะเขาเล่าเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ (ภาคแรกแอบเบื่อครึ่งเรื่องแรกนะ มันติดเครื่องช้าไป) แถมฉากแหวะก็แหวะกว่าภาคแรกอีก ตอนจบเราเกือบเสียน้ำตาให้กับบทสรุป #พี่มะหมี่ควรได้รางวัล
และล่าสุดในปีนี้ ทางค่าย Fivestar ก็ปล่อยซีรี่ส์ไสยศาสตร์ที่สานต่อความสยองมาออนแอร์ให้เราได้ชม .....ลองของซีรีส์
สำหรับฉบับซีรี่ส์ จะเล่าเรื่องราวในชมรมเชียร์ลีดเดอร์มหา'ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในทีมนั้นประกอบไปด้วย เอญ่า (เนเน่ พรนับพัน จากซีรี่ส์ เพราะเราคู่กัน) ดาวเด่นแห่งชมรมเชียร์, ผิง (แพรว นฤภรกมล จากซีรี่ส์ Hormones วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3) เพื่อนสนิทแพรวา, ลิลิน (เพียว เพียวรินทร์) สาวสวยใจดี, เบรฟ (ฟลุ๊คจ์ พงศภัทร์) แฟนของเอญ่า, ไข่มุก (เอ๋ยเอ้ย กมลรวี เจ้าของบทเพลง ขอจองได้ไหม), แดน (มาร์ค ศิวัช จากซีรี่ส์ บังเอิญรัก) หนุ่มหล่อมาดแมน, ณัฐกับคิน (เปรม วรุศ และ บุ๋น นพณัฐ จากซีรี่ส์ ด้ายแดง) คู่จิ้นของชมรม และ แพรวา (ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ จากซีรี่ส์ เคว้ง) สตาฟสาวที่ไม่มีใครชอบ
จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์สุดฉาวเกิดขึ้น เมื่อมีคลิปหลุดของคนในชมรมเชียร์ แพรวากลายเป็นเป้าสายตาเมื่อผู้คนบอกว่าเธอคือคนในคลิป เธอเองก็ยืนกรานว่าไม่ใช่เธอ แต่ในที่สุดเธอก็ถูกคนในชมรมรุมทำร้าย ซ้ำร้ายคือเธอโดนใครบางคนเล่นของใส่ ทำให้แพรวาเปลี่ยนไปจากคนเดิม เธอต้องหาคำตอบว่าใครคือคนในคลิปและใครกันแน่ที่ทำของใส่เธอ
.
เราได้ดูลองของซีรีส์ผ่านทางช่อง 3 เพียงแค่ตอนเดียว ย้ำว่าตอนเดียว!!! เพราะเราทนดูต่อไม่ได้ (ไม่ใช่เพราะซีรี่ส์มันโหดร้ายหรืออะไรหรอก แต่ว่ามันออนแอร์ดึก แถมช่อง 3 ก็ตัดซะชุ่ยเลย) ความรู้สึกหลังจากดูไปตอนเดียวคือสนุก มันเดินเรื่องเร็ว และมันสนุกมาก บทก็โอเคกว่าที่คิด แต่นั่นก็แค่ตอนเดียว เราได้มีโอกาสดูครบทั้ง 8 ตอนก็ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง และก็ได้ไตร่ตรองแล้วว่าเรารู้สึกอย่างไรกับฉบับซีรี่ส์
เราชอบครึ่งแรก (4 ตอนแรก) มาก เพราะมันอยู่ในระดับที่ดี เนื้อเรื่องเดินหน้าไปได้อย่างน่าติดตาม หยอดปริศนาให้เราได้ตามเก็บได้พอดี ตัวละครแต่ละตัวก็มี Story ที่น่าสนใจและสามารถขมวดปมได้มีลูกเล่นให้น่าชม ที่ชอบมากหน่อยก็คือตอน 3 ที่มีการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละคร "ผิง" ได้ดีมาก และเอามาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพรว นฤภรกมลนั้นรับบทนี้และถ่ายทอดออกมาได้ดี เธอสามารถพลิกบทบาทที่เหมือนไม่มีอะไรให้ดูลึกขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และในบรรดา 8 ตอนนั้น เราชอบตอนนี้มากที่สุดแล้ว
แต่หลังจากนั้น เราก็รู้สึก "เอ๊ะ" กับซีรี่ส์มาตลอด 4 ตอนสุดท้าย เพราะมันเต็มไปด้วยช่องโหว่อันเบ้อเริ่ม แถมมันดันเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เราไม่รู้สึกลุ้นตามเรื่องราวที่เหลือได้แล้ว เพราะมันมั่วและหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบาย ซึ่งถ้าแถเนียนเราจะไม่ว่าอะไร แต่นี่คือทั้งไม่เนียนและไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก
1. ใครคือคนในคลิป? เดาได้ตั้งแต่ตอน 5 (เอาจริงๆ เริ่มเอะใจตั้งแต่ตอนแรกแล้ว แต่ยังหาเหตุผลมา Support ไม่ได้) เพราะ dialogue ที่ไม่เนียน บวกกับการตัดต่อที่โคตรห่วย ทำให้ปมที่เก็บงำมาตั้งแต่เริ่มไม่น่าติมตาม บางคนอาจจะเริ่มเทเพราะตอนนี้เลย คือมันชัดมากว่าลิลินต้องเป็นคนในคลิปแน่ๆ
2. ตอนจบ เดาง่ายมาก แถมเฉลยได้ธรรมดาสุดๆ แอบเสียดายตัวละครแพรวา เพราะเราอาจจะไม่ได้เห็นเธอแล้วในภาคต่อไป (ถ้ามี)
3. เหตุผลในการเฉลย หลายอย่างขัดใจไปหมด
- ถ้าแพรวารู้ตั้งแต่ริมสระว่าลิลินเป็นคนในคลิป แล้วจะตามถามคนอื่นทำไม? บังคับให้สารภาพก่อนตายหรอ?
- ถ้าลิลินมีของในตัวอยู่แล้ว จะไปจ้างพ่อหมอมาทำของใส่แพรวาทำไม?
- เหตุผลของแดนในการเอายาสั่งใส่ในพิซซ่ายังฟังไม่ขึ้น ยังคิดอยู่ว่าจะลงทุนอะไรขนาดนั้น?
- ในเมื่อแม่ฝนไม่มีของในตัวแล้ว ทำไมยังเผาไม่ไหม้?
- ฯลฯ
เรารู้สึกเสียดายที่ช่วงแรกๆ มัน Build-up มาดีมาก สานต่อปมต่างๆ ให้ไปต่อได้น่าติดตาม แต่พอมันมาเฉลยทีละปมในช่วงหลัง มันดูเป็นการเฉลยที่ไม่คมเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่ช่วงแรกมันดีหมดเลยนะ เช่นการเล่าเรื่องที่มีทิศทาง หรือว่าการขมวดปม (ยกตัวอย่างในตอน 3 ที่เขียนบทมาดีมาก) แต่พอหลังๆ มาทำไมมันเละเยี่ยงนี้
แอบคิดไม่ได้ว่าถ้าเอาโรนินทีมมาคุมงาน มันน่าจะออกมาดีกว่านี้ ขนาดลองของ 2 ที่บทไม่ได้มีอะไรพลิกผันมาก เขายังสามารถเล่าได้น่าติดตามและทำให้บทมันมีมิติได้เลย แต่ในฉบับซีรี่ส์คือเฉลยได้ง่อยมาก ไม่มีความพีคใดๆ ทั้งสิ้น ปมที่เฉลยได้ว้าวที่สุดในเรื่องคงจะเป็น "ปมของคิณ" น่าจะเวิร์คที่สุดแล้วในเรื่อง
สิ่งที่อยากจะชื่นชมมากๆ นั่นคือการแคสต์นักแสดง มันเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ สำหรับทีมงานที่จะหาคนมาสานต่อสิ่งที่ทำไว้ในฉบับภาพยนตร์ สำหรับบทของ "แพรวา" ที่รับบทโดยธิชานั้น ต้องบอกเลยว่าเป็นบทที่ค่อนข้างเล่นยาก เพราะเป็นตัวละครที่มีความเป็น Psychopath ผสมกับความ Sick เล็กน้อย ซึ่งการเล่นบทนี้ให้ออกมาดีคือต้อง Balance สองอย่างที่ว่ามาให้มั่นคง ไม่เทไปทางไหนทางหนึ่ง มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นดูปลอมทันที เท่าที่เห็นมาในหนังไทยก็คงจะมีเด่นๆ คือ สายป่าน (อวสานโลกสวย) และคิทตี้ ชิชา (เด็กใหม่) ที่เล่นได้น่าจดจำ
หลังจากดูเรื่องนี้จบ คงต้องเพิ่ม ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ เข้าไปในหน้าประวัติศาสตร์การแสดงบทแนวนี้ด้วยเลยทันที
.
ธิชา สามารถตีบทนี้ออกมาได้น่าเชื่อถือและน่าเกรงขามมาก เธอไม่ใช่ครูพนอ 2 แน่นอน เธอคือตัวละครที่ค่อนข้างสตรอง ไร้ซึ่งความปราณีต่อคนที่กระทำต่อเธอไว้ ในช่วงเริ่มต้นตัวละครเธอยังดูเป็น Loser อยู่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเป็น Fighter ในตัวเธอได้ พอมาถึงช่วงที่เธอต้องโชว์ Power การเล่นของนั้น เธอก็ทำได้ดี น่าจดจำ อย่างฉาก "อมนุษย์ อิมนุษย์ อมนุษย์ ตะโต" หรือว่าฉาก "ฑิฆังวา จะภะ กะสุวาโต" นั้นก็สร้างความผวาได้ไม่น้อยหน้าครูพนอเลย (ถึงไม่ดีเท่า แต่การแสดงสตรองเหมือนกัน)
สิ่งที่ทำได้ดีแบบไม่ต้องพยายามอีกอย่างคือ ใบหน้าอันมีเสน่ห์ของเธอนั้น ชวนให้เราอดคิดไม่ได้ว่า "นี่เธอเป็นครูพนอกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า?"
สรุป ถ้ามองในภาพรวม ตัวซีรี่ส์ไม่ได้ไก่ก่าอะไรขนาดถึงกับดูไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็มีความน่าติดตามให้เราได้ตามเรื่องราวมาได้จนถึงตอนเฉลย ถึงแม้จุดเฉลยจะลดความดีงามของบทลงมาเยอะมากก็เถอะ อ้อ... นี่ยังไม่นับรวมความทุเรศของ CGI นะ ถ้ามองข้ามตรงจุดนี้ได้ ก็น่าจะสนุกกับเรื่องราวได้ไม่ยาก และอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับฉบับหนังเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เพราะคุณภาพห่างกันราวฟ้ากับเหว
คะแนนเฉลี่ยรวม : 6.5/10
[CR] [รีวิว] ลองของซีรีส์ (2020) Art of the Devil Series | จาก "ครูพนอ" สู่ "นังแพรวา" สานต่อตำนานเทพสามตา [มีส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้