[BTS] บทสัมภาษณ์เปิดตัวอัลบั้มใหม่ ‘BE’ “เป็นเกียรติกับที่ 1 Billboard..เป้าหมายต่อไปคือ GRAMMY”



งานแถลงข่าว BTS เปิดตัวอัลบั้มใหม่ ‘BE’ “เป็นเกียรติกับที่ 1 Billboard..เป้าหมายต่อไปคือ GRAMMY”

เช้าวันนี้ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2020 BTS จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มใหม่ ‘BE (Deluxe Edition)’ ขึ้นที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP) ในกรุงโซล เนื่องจากเมมเบอร์ SUGA กำลังอยู่ในระหว่างการพักฟื้นหลังจากเข้ารับการผ่าตัดที่หัวไหล่ จึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ในวันนี้



RM กล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน “พวกเราก็ทำในสิ่งที่ทำได้ และค่อนข้างยุ่งเลยล่ะครับ พวกเราทำงานอัลบั้ม ‘BE’ ไปพร้อมๆ กับโปรโมตรเพลง ‘Dynamite’ ระหว่างที่ทำอัลบั้มก็ได้แชร์ให้เห็นผ่าน YouTube หรือไม่ก็ Vlive ไปบ้างถึงจะไม่ใช่ทั้งหมด ปกติแล้วการทำงานจะถูกเก็บเป็นความลับแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเผยให้เห็น มันเลยทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่ทำร่วมกับแฟนๆ ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพบหน้ากันได้ครับ”






Jin กล่าวถึงการทำงานอัลบั้ม ‘BE’ “พวกผมทำงานอัลบั้มนี้ไปอย่างสนุกสนานเลยครับ เริ่มตั้งแต่ถ่ายทำปกอัลบั้มก็ถ่ายทำไปอย่างสนุกสนานเหมือนไปปิกนิก, ส่วนงานเพลงก็ให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่พวกเราต้องการจะสื่อ มันเป็นช่วยเวลาที่ทำให้ได้ย้อนมองดูปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมา หวังว่าทุกคนจะรู้สึกดื่มด่ำไปและมอบความรักให้กับอัลบั้มนี้เยอะๆ ครับ” 






Jimin “ผมได้มาเป็น PM (Project Manager) ตามคำแนะนำของ SUGA ฮยอง สิ่งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษคือการรวบรวมความเห็นของเมมเบอร์ จากนั้นก็ส่งต่อไปให้บริษัท แล้วก็ส่งต่อความคิดเห็นของบริษัทกลับมาให้เมมเบอร์ครับ ตอนที่เริ่มทำอัลบั้ม ‘BE’ เราได้คีย์เวิร์ด ‘Life Goes On’ ขึ้นมา ตอนนั้น RM ฮยองเป็นคนเสนอขึ้นมาครับว่าถ้าเราบอกเล่าถึงการดำเนินชีวิตต่อไปในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลง ด้วยคุณค่าที่ว่า ‘ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป’ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งทุกคนเองก็เห็นด้วยครับ ‘BE’ ก็เลยเกิดขึ้นจากแนวความคิดนี้ คำว่า ‘BE’ เองก็มีความหมายที่เปิดกว้างและหลากหลาย มันลงตัวกับเรื่องราวต่างๆ ที่อยากบรรจุเอาไว้ในอัลบั้มนี้ ก็เลยตั้งชื่ออัลบั้มนี้ว่า ‘BE’ ครับ






V ผู้รับหน้าที่ทำ Visual Concept “ผมอยากแสดงถึงภาพลักษณ์ที่มีความหมายและยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นให้อาร์มี่ทุกคนได้รับชม แน่นอนครับว่าโพรเซสการทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่งานก็สำเร็จลุล่วงไปได้เพราะเมมเบอร์และอาร์มี่คอยซัพพอร์ตกันอย่างเต็มที่ ผมอยากแสดงให้เห็นถึงภาพถ่ายและชีวิตประจำวันแบบสบายๆ ที่เมมเบอร์แต่ละคนต่างถ่ายรูปเอาไว้ ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ครับ ตอนไปเที่ยวกับเมมเบอร์แต่ก่อน ผมเคยถ่ายรูปเมมเบอร์เก็บเอาไว้ด้วยกล้องโพลารอยด์ มันออกมาธรรมชาติและธรรมดาสามัญ ผมก็เลยได้รับไอเดียมาจากตรงนั้นเป็นอย่างแรก ต่อมา RM ฮยองก็ให้ไอเดียเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ของ ‘ห้อง’ และเสนอว่าถ้าถ่ายรูปในห้องที่ทุกคนถ่ายในห้องที่ต่างคนต่างตกแต่ง จะออกมาเป็นอย่างไร  แล้วก็ออกมาเป็น Concept Photo ของแต่ละคนครับ การรับหน้าที่ดูแลเรื่อง Visual ทำให้ผมประหม่าเหมือนกัน แต่งานก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเพราะแรงซัพพอร์ตที่ได้รับ ต้องขอขอบคุณอีกครั้งครับ”




เพลงในอัลบั้ม ‘BE’


RM “แทร็คแรกคือเพลง ‘Life Goes On’ มันเป็นใจความหลักที่อยากจะถ่ายทอดผ่านอัลบั้มนี้อย่างที่น่าจะคาดเดาได้จากชื่อเพลง ธีมของเพลงนี้ก็คือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำเอาไว้ก่อนเพลง ‘Dynamite’ ครับ ในขณะที่เพลง ‘Dynamite’ เป็นเพลงที่สนุกสนานร่าเริง และเข้ากับฤดูร้อน เพลง ‘Life Goes On’ ก็เป็นเพลงที่มีน้ำหนักและให้ความรู้สึกที่มั่นคง มันอาจจะเป็นเพลงที่นุ่มนวลและบอกเล่าถึงการปลอบโยนอย่างเอาจริงเอาจัง แต่พวกเราก็พยายามใส่เสน่ห์ความเป็น BTS ลงไปอย่างดีเลยล่ะครับ” 



Jimin “แทร็คที่ 2 คือเพลง ‘Fly To My Room (내 방을 여행하는 법)’ เป็นเพลงยูนิตของผม, j-hope ฮยอง, SUGA ฮยองและคุณ V ครับ ผมว่าเป็นการรวมตัวที่แปลกใหม่ สำหรับเพลงนี้เริ่มต้นมาจากความที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ จึงทำให้เกิดความสงสัยถึงคอนเซ็ปต์ของการเดินทางในอนาคตว่ามันจะแตกต่างออกไปรึเปล่า เพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงที่หดหู่อย่างที่คิดไว้ แต่เพลงสนุกๆ ที่ใส่ความรู้สึกในการท่องไปในบ้าน ในห้องของเราครับ หวังว่าทุกคนฟังแล้วจะรู้สึกสนุกสนานไปด้วยครับ”



V “แทร็คที่ 3  คือเพลง ‘Blue & Grey’ แนว Pop Acoustic Ballad ที่ผมทำครับ ความรู้สึกหดหู่และวิตกกังวลภายใน ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยสีฟ้าและสีเทา โดยรวมอาจจะทำให้รู้สึกเศร้าสลดใจ แต่ก็มีเสียงกีตาร์ที่มอบความรู้สึกที่เบาใจและอบอุ่น หวังว่าจะตั้งตารอกันนะฮะ”



RM “แทร็คที่ 4 ‘Skit’ เป็นการใส่ Skit ลงไปในรอบ 3 ปีครับ พวกเราทำ Skit มาเรื่อยๆ ตั้งแต่เดบิวต์เลย ก็ถือว่านานๆ ทีได้กลับมาทำอีกครั้งครับ อย่าง Skit เราก็พอจะจับคอนเซ็ปต์ได้อยู่ แต่พวกเรารู้สึกเคอะเขินกัน ตอนที่ได้ที่ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 เป็นครั้งแรกจากเพลง ‘Dynamite’ ผมก็เลยเปิดไมค์ในช่วงเวลาที่ไม่มีการแต่งแต้มใดๆ แล้วพอหลังจากบันทึกเสียงไว้ก็เอามาตัดต่อครับ คิดว่ามันคงให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปเลยล่ะครับ”



Jin “แทร็คที่ 5 คือเพลง ‘Telepathy (잠시)’ เป็นเพลงแนว Retro Pop Disco ครับ เป็นเพลงที่สนุกสนาน และทำขึ้นในช่วงที่ไม่มี SUGA ฮยองครับ เนื้อเพลงเกี่ยวกับความเป็นจริงที่เศร้าสลดที่ไม่ได้พบเจอกับแฟนๆ ทุกคนทั่วโลกเพราะสถานการณ์ COVID-19 ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับแฟนๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด พอตอนนี้ต้องแยกห่างจากกันชั่วขณะหนึ่ง ก็เลยได้เพลงนี้เป็นเพลงที่บอกเล่าถึงความปรารถนาที่อยากอยู่ด้วยกันเสมอครับ”



J-hope “แทร็คที่ 6 คือเพลง ‘Dis-ease (병)’ ที่ผมได้ร่วมแต่งเนื้อร้องและทำนองครับ ผมคิดว่าชื่อเพลงนี้เป็นเพลงที่มีอิมแพกต์ต่อสถานการณ์นี้อย่างมากทีเดียวครับ เพลง ‘Dis-ease (병)’ เกิดมาจากความคิดที่ว่าคนทุกคนล้วนมีโรคประจำตัว พอได้มีเวลาพักผ่อนเพราะสถานการณ์ COVID-19 การพักผ่อนนั้นกลับทำได้อย่างไม่สมบูรณ์, วิตกกังวล และไม่สบายใจ ผมก็เลยเปรียบเทียบความรู้สึกเหล่านั้นกับโรคที่เกิดจากสภาพของงานที่ทำ ผมว่า BTS ถนัดในเรื่องการก้าวข้ามสิ่งต่างๆ อยู่แล้ว ผมจึงตั้งใจใส่ถ้อยความแห่งความหวังในแนวทางนั้นลงไปในเพลงครับ”



Jung Kook “แทร็คที่ 7 คือเพลง ‘Stay’ ที่ผมได้ร่วมทำ เพลงนี้เป็นเพลงยูนิตของผมกับ RM ฮยอง และ Jin ฮยอง เป็นยูนิตที่ทำครั้งแรก เพลงนี้ก็เลยให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ครับ เป็นเพลงที่อัดแน่นด้วยแนวเพลง Future House แต่ก็สนุกสนาน ถึงตอนนั้นจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ก็มีถ้อยความที่บ่งบอกว่าจะอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเสมอ เพราะฉะนั้นฝากมอบความรักให้เพลงนี้กันเยอะๆ ด้วยนะครับ”



RM “ในอัลบั้มนี้ บรรจุเพลง ‘Dynamite’ ลงไปด้วย ความจริงแล้วเราคิดไม่ตกเลยครับว่าจะใส่เพลง ‘Dynamite’ ดีหรือไม่ใส่ดี สุดท้ายแล้วสาเหตุที่เราบรรจุเพลง ‘Dynamite’ ลงไปก็เพราะมันมาจากฐานรากเดียวกันกับเพลง ‘Life Goes On’ เรามองว่า ‘Dynamite’ น่าจะเป็นการปิดฉากที่สวยงามของอัลบั้ม ‘BE’ ก็เลยบรรจุเพลงนี้ลงไปครับ”




แปลจากเกาหลีเป็นไทยโดย CANDYCLOVER
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่