ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่แห่งปี ชี้ปัญหาเชิงนโยบาย-สิ่งแวดล้อม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5359589
ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่แห่งปี ชี้ปัญหาเชิงนโยบาย-สิ่งแวดล้อม
ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่แห่งปี - วันที่ 19 พ.ย.
อินเตอร์เนชั่น หน่วยงานจัดอันดับชาติที่น่าเดินทางไปอยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติเปิดเผยผลสำรวจประจำปี 2563 โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 55 จากทั้งหมด 60 ประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลกของปีนี้
กลุ่ม 10 แห่งรั้งท้าย ได้แก่
ฮ่องกง (51) มัลตา (52) เคนยา (53) ฟิลิปปินส์ (54) ไทย (55) เวียดนาม (56) อินโดนีเซีย (57) อียิปต์ (58) คูเวต (59) และอินเดีย (60)
รายงานระบุว่า กลุ่มรั้งท้ายข้างต้นเป็นเอเชียถึง 6 แห่ง จากทั้งหมด 13 แห่งที่มีในรายงาน โดยประเทศอินเดีย ถือเป็นชาติที่น่าอยู่น้อยที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ เนื่องจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
ส่วนประเทศไทยนั้นได้คะแนนต่ำด้านนโยบาย และคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านประชากร ใกล้เคียงกันกับฟิลิปปินส์โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับประเทศที่น่าอยู่ที่สุด 10 อันดับแรกสำหรับชาวต่างชาติ ได้แก่ ฟินแลนด์ (1) สวีเดน (2) นอร์เวย์ (3) ออสเตรีย (4) สวิตเซอร์แลนด์ (5) เดนมาร์ก (6) นิวซีแลนด์ (7) เยอรมนี (8) แคนาดา (9) และลักเซมเบิร์ก (10)
สภานศ.ธรรมศาสตร์ แถลงการณ์ประณามรบ. เมินเฉยข้อเรียกร้องปชช.-จัดการผู้ชุมนุมราวศัตรู
https://www.matichon.co.th/politics/news_2449870
แถลงการณ์สภานักศึกษามธ.ขอประณามรัฐบาล วอนอย่าเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้อง
สภาน.ศ.ธรรมศาสตร์ แถลงการณ์ ถึงรัฐบาล และ ตำรวจ
แถลงการณ์สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง ประณามสถานการณ์การชุมนุม และ หยุดเพิกเฉยต่อเสียงประชาชน สืบเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 17 พฤศจิกายน ได้ปรากฎความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุม อีกฝั่ง จนบานปลายไปสู่สถานการณ์รุนแรงที่มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนซึ่งเสนอโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือ iLaw ก็ได้ถูกปัดตกในที่ประชุมรัฐสภา สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวดังนี้
ประการแรก สภานักศึกษามีความกังขาต่อการปฏิบัติภารกิจแบบสองมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นได้จากการที่เจ้าหน้าที่ ให้ความร่วมมือและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่เป็นอย่างดี แต่กลับปฏิบัติต่างกันกับผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ ทั้งยังปรากฎว่า มีการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมหนึ่งใส่อีกกลุ่ม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่แสดงท่าทีใส่ใจเท่าที่ควร
ประการต่อมา การปราบปรามผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่นั้น ปรากฎว่ามีการสารเคมีและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม อันเป็นการกระทำที่รุนแรง โดยเฉพาะกระสุนยางอันเป็นที่รับรู้ว่าสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้ที่ถูกกระสุนได้อย่างสาหัส การที่เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กระสุนยางเป็นอาวุธในการปราบปรามประชาชน จึงสะท้อนถึงท่าทีที่มองประชาชนเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ประการสุดท้าย การปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ด้วยความเคารพ การกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาบางทน นอกจากจะเป็นการละเลยเพิกเฉยต่อเสียงของประชาชนที่ได้เข้าชื่อเสนอแก้ร่างรัฐธรมนูญร่วมแสนแล้ว ยังปราศจากเหตุผลและหลักการรองรับที่ชัดเจน ตลอดเวลาการอภิปราย ได้ปรากฎการป้ายสี มุ่งโจมตีองค์กรว่าเป็นเครื่องมือที่รับงินจากต่างชาติ โดยละเลยถึงหลักการและ แก่นสารของการเข้าชื่เสนอร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนอันเป็นการสะท้อนถึงความเพิกเฉยและไร้วุฒิภาวะที่จะรับฟังข้อเสนอปฏิรูปของประชาชน ณ ขณะนี้ การต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิประชาชนของราษฎรยังไม่สิ้นสุดลง แต่ท่าทีของรัฐบาลในขณะนี้ นอกจากจะเป็นการละเลยต่อปัญหายังเป็นการสุมไฟให้ปัญหาเหล่านี้กองสูงและแก้ไขยากขึ้นไปอีก
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนท่าทีและรับฟังเสียงข้อเรียกร้องปฏิรูปของประชาชน เพื่อให้การแก้ปัญหาตามกลไกในรัฐธรรมนูญยังมีความเป็นไปได้ อย่าตอบโต้ประชาชนด้วยความรุนแรง อย่าเพิกเฉยต่อการปฏิรูปตามกลไกสภาและรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง มิฉะนั้น การแก้ไขปัญหาตาม ระบบจะไม่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นเงื่อนไขที่ผลักไสให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่บานปลายต่อไป 19 พฤศจิกายน 2563 สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
JJNY : 4in1 ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่/สภานศ.ธรรมศาสตร์ประณามรบ./'หมอชลน่าน'ชี้ตร.ละเว้นหน้าที่/นักเรียนเลวนัดม็อบ21พ.ย.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5359589
ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่แห่งปี ชี้ปัญหาเชิงนโยบาย-สิ่งแวดล้อม
ไทยติดโผ10ปท.ไม่น่าอยู่แห่งปี - วันที่ 19 พ.ย. อินเตอร์เนชั่น หน่วยงานจัดอันดับชาติที่น่าเดินทางไปอยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติเปิดเผยผลสำรวจประจำปี 2563 โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 55 จากทั้งหมด 60 ประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลกของปีนี้
กลุ่ม 10 แห่งรั้งท้าย ได้แก่ ฮ่องกง (51) มัลตา (52) เคนยา (53) ฟิลิปปินส์ (54) ไทย (55) เวียดนาม (56) อินโดนีเซีย (57) อียิปต์ (58) คูเวต (59) และอินเดีย (60)
รายงานระบุว่า กลุ่มรั้งท้ายข้างต้นเป็นเอเชียถึง 6 แห่ง จากทั้งหมด 13 แห่งที่มีในรายงาน โดยประเทศอินเดีย ถือเป็นชาติที่น่าอยู่น้อยที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ เนื่องจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
ส่วนประเทศไทยนั้นได้คะแนนต่ำด้านนโยบาย และคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านประชากร ใกล้เคียงกันกับฟิลิปปินส์โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับประเทศที่น่าอยู่ที่สุด 10 อันดับแรกสำหรับชาวต่างชาติ ได้แก่ ฟินแลนด์ (1) สวีเดน (2) นอร์เวย์ (3) ออสเตรีย (4) สวิตเซอร์แลนด์ (5) เดนมาร์ก (6) นิวซีแลนด์ (7) เยอรมนี (8) แคนาดา (9) และลักเซมเบิร์ก (10)
สภานศ.ธรรมศาสตร์ แถลงการณ์ประณามรบ. เมินเฉยข้อเรียกร้องปชช.-จัดการผู้ชุมนุมราวศัตรู
https://www.matichon.co.th/politics/news_2449870
แถลงการณ์สภานักศึกษามธ.ขอประณามรัฐบาล วอนอย่าเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้อง
สภาน.ศ.ธรรมศาสตร์ แถลงการณ์ ถึงรัฐบาล และ ตำรวจ
แถลงการณ์สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง ประณามสถานการณ์การชุมนุม และ หยุดเพิกเฉยต่อเสียงประชาชน สืบเนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 17 พฤศจิกายน ได้ปรากฎความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุม อีกฝั่ง จนบานปลายไปสู่สถานการณ์รุนแรงที่มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนซึ่งเสนอโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือ iLaw ก็ได้ถูกปัดตกในที่ประชุมรัฐสภา สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวดังนี้
ประการแรก สภานักศึกษามีความกังขาต่อการปฏิบัติภารกิจแบบสองมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นได้จากการที่เจ้าหน้าที่ ให้ความร่วมมือและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่เป็นอย่างดี แต่กลับปฏิบัติต่างกันกับผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่ ทั้งยังปรากฎว่า มีการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมหนึ่งใส่อีกกลุ่ม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่แสดงท่าทีใส่ใจเท่าที่ควร
ประการต่อมา การปราบปรามผู้ชุมนุมของเจ้าหน้าที่นั้น ปรากฎว่ามีการสารเคมีและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม อันเป็นการกระทำที่รุนแรง โดยเฉพาะกระสุนยางอันเป็นที่รับรู้ว่าสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้ที่ถูกกระสุนได้อย่างสาหัส การที่เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กระสุนยางเป็นอาวุธในการปราบปรามประชาชน จึงสะท้อนถึงท่าทีที่มองประชาชนเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
ประการสุดท้าย การปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ด้วยความเคารพ การกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาบางทน นอกจากจะเป็นการละเลยเพิกเฉยต่อเสียงของประชาชนที่ได้เข้าชื่อเสนอแก้ร่างรัฐธรมนูญร่วมแสนแล้ว ยังปราศจากเหตุผลและหลักการรองรับที่ชัดเจน ตลอดเวลาการอภิปราย ได้ปรากฎการป้ายสี มุ่งโจมตีองค์กรว่าเป็นเครื่องมือที่รับงินจากต่างชาติ โดยละเลยถึงหลักการและ แก่นสารของการเข้าชื่เสนอร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนอันเป็นการสะท้อนถึงความเพิกเฉยและไร้วุฒิภาวะที่จะรับฟังข้อเสนอปฏิรูปของประชาชน ณ ขณะนี้ การต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิประชาชนของราษฎรยังไม่สิ้นสุดลง แต่ท่าทีของรัฐบาลในขณะนี้ นอกจากจะเป็นการละเลยต่อปัญหายังเป็นการสุมไฟให้ปัญหาเหล่านี้กองสูงและแก้ไขยากขึ้นไปอีก
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนท่าทีและรับฟังเสียงข้อเรียกร้องปฏิรูปของประชาชน เพื่อให้การแก้ปัญหาตามกลไกในรัฐธรรมนูญยังมีความเป็นไปได้ อย่าตอบโต้ประชาชนด้วยความรุนแรง อย่าเพิกเฉยต่อการปฏิรูปตามกลไกสภาและรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง มิฉะนั้น การแก้ไขปัญหาตาม ระบบจะไม่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นเงื่อนไขที่ผลักไสให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่บานปลายต่อไป 19 พฤศจิกายน 2563 สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์