ผีตัวบิด ที่ภูกระดึง ( ผีเบรคแดนซ์ )

สถานที่เที่ยวยอดฮิตของผู้ที่รักการผจญภัยและความท้าทาย
ที่หวังจะได้พิชิตยอดภูซักครั้งในชีวิต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนหนุ่มสาว
หลายต่อหลายรุ่นต่างเคยรู้ซึ้งถึงความยากลำบากและความอดทนอย่างมากในการจะไปให้ถึงยอดภูซักครั้งในชีวิต
วันนี้หนังหน้าไฟ ขอนำเรื่องเล่าสยองขวัญสุดคลาสสิค ของรายการเดอะช็อค
เรื่องหลอนระดับตำนานเมื่อ10กว่าปีก่อน ของคุณเจ ซึ่งในคืนที่เล่าเรื่องนี้ 
ผมก็ได้มีโอกาศร่วมฟังอยู่ด้วยในคืนนั้น บรรณยากาศเก่าๆจึงได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเลย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของภูมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจ.เลย 
เรื่องราวเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.ปี50 ในวันนั้นเป็นวันหยุดรัฐธรรมนูญ
คุณเจก็ได้นัดหมายกันกับเพื่อนจะเดินขึ้นภูและไปนอนกางเต็นท์
ชมธรรมชาติบนยอดภูที่สวยงาม
ตกเย็นก็จะขึ้นไปดูอาทิตย์ตกกัน หลังจากที่ดูอาทิตย์ตกแล้ว คุณเจและเพื่อนๆต้องเดินเท้าราวๆ 9 กิโลเพื่อกลับมาที่เต๊นท์ ขากลับได้แวะซื้อโปสการ์ด มีร้านรวงก็ซื้อข้าว ซื้อเสบียงกินกันท้องฟ้าเริ่มมืดระหว่างทางก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร
อาจเพราะเป็นคนเมืองเดินชื่นชมธรรมชาติไปเรื่อยๆโดยได้ยินเสียงคนพูดคุยอยู่ข้างหน้าเป็นระยะๆ ดูเหมือนกลุ่มของคุณเจน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินกลับที่พัก
ระหว่างทางก็เดินหัวเราะพูดคุยกันเพื่อไม่ให้เกิดความเงียบจนราวๆสองทุ่มกว่าก็เดินไปเจอนักท่องเที่ยอีกกลุ่มใหญ่
"นั่นไงเดินมาทันเพื่อนๆแล้วไม่ต้องเดินระแวงแล้วนะเจ"
"ใครระแวงกันแน่ ชั้นเห็นเธอเดินจ้ำอยู่คนเดียว"
พูดแล้วก็หัวเราะแซวกัน ซึ่งในใจก็ค่อนข้างกลัวด้วยบรรณยากาศที่มืดลงไปเรื่อยๆ การได้พบนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นก็ทำให้อุ่นใจมากขึ้น
ก่อนจะเดินไปถึงกลุ่มนักเที่ยว ก็มีรถมอเตอร์ไซต์วิ่งมาจากทางด้านหลัง
คาดว่าน่าจะเป็นชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่
เค้าหยุดรถและพูดกับกลุ่มพวกเราว่า
“พวกเราเนี่ยเดินมาเป็นกรุ๊ปสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไปเจออะไรแปลกๆระหว่างทาง… “อย่าทัก อย่าพูดหรือ อย่าท้าทายเด็ดขาด”
“แค่คิดก็ห้าม…ให้เดินหน้ากันอย่างเดียวแค่นั้น” แล้วเจ้าหน้าที่ก็ผละไป 
พวกเรา มองหน้ากัน ค่อนข้างแปลกใจกับคำพูดของเจ้าหน้าที่
แต่ก็รีบเดินไปรวมกับกลุ่มข้างหน้า ใจอยากถึงที่พักให้เร็วที่สุดเพราะก็เริ่มเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
จับกลุ่มกันได้ราวๆสามสิบกว่าคน เดินไปเรื่อยๆรอบข้างก็มืดๆฝั่งซ้ายเป็นป่าทึบ ฝั่งขวาเป็นหน้าผา โดยที่พวกเราจะต้องเดินเลียบหน้าผากลับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะไม่ให้เดินลัดป่า ด้วยเหตุว่าเกรงจะได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าในยามค่ำคืน
เดินคุยกันกับเพื่อนลงมาเรื่อยๆ ร้องเพลงกันบ้าง ฮัมเพลงบ้าง เดินไปได้สักพัก ประมาณครึ่งทาง… ตอนนั้นประมาณเกือบ 4 ทุ่ม 
คุณเจซึ่งเดินอยู่ด้านหน้าสุดก็พบผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ทางด้านฝั่งซ้ายมือเยื้องเข้าไปในป่า ที่แปลกคือเธอนั่งอยู่เพียงลำพัง ลักษณะดูเหมือนกับคนปกติธรรมดา สวมเสื้อสีเทา ผมยาวประบ่า อายุดูจากหน้าตาน่าจะราวๆ 30
ผู้หญิงในกลุ่มที่ไปด้วยกันก็ถามว่า “เป็นตะคริวรึเปล่าคะ?” เธอคนนั้นก็แหงนหน้ายิ้มให้ ผู้หญิงที่ไปด้วยกันกําลังจะหยิบเอายามาให้
จังหวะนั้นผู้หญิงแปลกหน้าคนที่ว่า..จากที่ยิ้มอยู่ก็เริ่มร้องไห้ ท่ามกลางบรรยากาศอันวังเวงทุกคนก็สงสัยกันว่า…เธอร้องไห้ทําไม? พี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็ถามว่า…
“ ร้องทําไมคะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราเดินกลับด้วยกันก็ได้ ”
สามสิบคนในกลุ่มที่มาด้วยกันก็ยืนล้อมให้กําลังใจ เธอคนนั้นก็หยุดร้องไห้ แต่ไม่ทันคาดคิดเธอกลับลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทางหน้าผา
พอถึงตรงหน้าผา ผู้หญิงคนนั้นกระโดดลงหน้าผาหายไปต่อหน้าต่อตาของทุกคน
เพื่อนที่ไปด้วยกันตะโกนอย่างตกใจก็บอกว่า “เฮ้ย!! กรุว่าโดนแล้วว่ะ”
พูดจบ… ทุกคนก็ออกวิ่ง ลืมหมดแฟนหรือเพื่อนที่ไปด้วยกัน เนื่องจากวิ่งแตกกระเจิดกระเจิง ได้ยินเสียงหัวเราะมาทางด้านหลัง ก็เห็นร่างผู้หญิงคนนั้นร่างกายสูงขึ้น หัวเราะด้วยความสะใจ
สวมเสื้อสีเทาแต่ว่าเลอะฝุ่นรวมทั้งคราบเลือด คอบิดๆแขนบิดเบี้ยวราวกับกิ่งไม้ที่ไม่มีใบ เป็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต  ทุกคนก็ออกวิ่งกันด้วยความอกสั่นขวัญแขวนแตกเตลิดเปิดเปิงไม่คิดชีวิต
ระหว่างวิ่งก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นวิ่งตามไล่หลังมากับเสียงหัวเราะ
วิ่งมาจนกระทั่งถึงจุดกางเต็นท์ ซึ่งด้านหลังจะเป็น บ้านพัก ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่ปลอบให้ใจเย็นลงพึ่งจะมาหนแรกกันใช่ไหม เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าว่าเจอกันทุกปี ทุกหน้าผามีคนเสียชีวิฅทั้งนั้นแหละ บางปีก็เจอบางปีก็ไม่เจอ
บางครั้งมีพระธุดงค์เดินมาพบผู้หญิงคนนี้ก็สะดุ้งวิ่งหนีไปเจอฝูงช้างแล้วไปโดนช้างเหยียบก็มี วิ่งตกใจกระเจิดกระเจิงตกผาไปก็มี ถึงได้ให้เจ้าหน้าที่ไปคอยเตือนนักท่องเที่ยวเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ขอให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนทุกคนปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ใครจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้มารวมตัวที่ศูนส์บริการนักท่องเที่ยวผมจะพาไปเอง ทุกคนรวมทั้งคุณเจและเพื่อนก็ต่างแยกย้ายกันกลับกลับเตนต์ด้วยความตื่นกลัวและเหนื่อยอ่อน
โดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
เหตุการยังไม่จบแค่นั้น
พี่ผู้หญิงคนที่จะล้วงยาให้หญิงสาวประหลาดคนนั้น 
ภายหลังจากได้กลับมาเต๊นท์แล้ว ช่วงเช้ามืดเธอได้ยินเสียงประกาศให้คนไปชมดวงอาทิตย์ขึ้น แต่ว่าเธอก็ไม่สนใจ เลยนอนต่อไปครู่หนึ่ง เธอเล่าว่าเจอผู้หญิงคนนั้นนั่งคร่อม ตัวบิดเบี้ยว หันหลังให้ แต่หัวหันไปคนละทาง แล้วบอกว่า
“พวกเมิงสนุกกันนักใช่มั้ย ที่เอาเรื่องของกรูไปเล่า”
พูดซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง
เธอดิ้นพยายามสวดมนต์ หญิงสาวตนนั่นก็ไม่ไป
“พวกเมิงสนุกกันนักใช่มั้ย ที่เอาเรื่องของกรูไปเล่า”
เธอก็กรีดร้องลั่นแล้วหอบเอาข้าวของ ถุงนอน ไปนอนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ส่วนบางคนหลังกลับไปบ้านก็เอามาคุยกันในวงว่าไปเจอ “ผีเบรกแดนซ์” ด้วยเหตุว่าผู้หญิงคนนั้นแขนขาบิดเบี้ยว ก็ยังมาโดนอำลักษณะเดียวกันกับที่พี่ผู้หญิงในเต๊นท์โดนกันอีกหลายคน
ชมคลืป ผีตัวบิด ภูกระดึง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่