🔴มาลาริน/17พ.ย.ไทยพบโควิด 3 ราย มาจากตปท./วิจัยคาดโควิดอยู่ในอิตาลีก่อนพบที่จีน/เปิดปท.รับเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย ศก.ไทยไปรอด

🔴ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 3 ราย เดินทางมาจาก 'ฟิลิปปินส์-อังกฤษ'



ศูนย์ข้อมูล COVID-19" รายงาน "ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19" วันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,878 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 60 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,724 ราย
 
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 63 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,878 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 3 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,724 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 94 ราย
 
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย เป็นคนสัญชาติอินเดีย 1 ราย อังกฤษ 2 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ จาก ฟิลิปปินส์ 1 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Alternative State Quarantine)

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/908179

 
🔴วิจัยคาด'โควิด-19'อาจวนเวียนใน‘อิตาลี’ 3เดือนก่อนพบใน'จีน'



17 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ผลการศึกษาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (INT) ในนครมิลานของอิตาลี ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) ระบุว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 อาจวนเวียนอยู่ในอิตาลีตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ซึ่งนับเป็นเวลา 3 เดือนก่อนเชื้อไวรัสฯ จะถูกพบในจีนครั้งแรก
 
หากข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง นั่นหมายความว่าเชื้อไวรัสฯ อาจปรากฏในอิตาลีนาน 3 เดือนก่อนจีนรายงานการพบเชื้อไวรัสฯ ครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2019 และนาน 5 เดือนก่อนอิตาลีตรวจพบผู้ป่วยรายแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ก.พ. 2020
งานวิจัยของสถาบันฯ ระบุว่าร้อยละ 11.6 ของอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรง จำนวน 959 คน ซึ่งเข้าร่วมการทดลองตรวจคัดกรองมะเร็งปอดระหว่างเดือนกันยายน 2019 ถึงมีนาคม 2020 มีแอนติบอดีโรคโควิด-19 ตั้งแต่ก่อนเดือนกุมภาพันธ์
 
จิโอวานนี อะโพโลน ผู้เขียนร่วมของงานวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่ามีผู้ป่วยจากการศึกษาข้างต้นป่วยตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมปีก่อน จำนวน 4 ราย ซึ่งหมายความว่ากลุ่มคนเหล่านี้ติดเชื้อตั้งแต่เดือนกันยายนแล้ว

ก่อนหน้านี้แคว้นลอมบาร์ดีทางตอนเหนือ ซึ่งมีนครมิลานเป็นเมืองเอกและเป็นสถานที่ที่เกิดการระบาดใหญ่แห่งแรกเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ รายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดรุนแรงและปอดอักเสบมากผิดปกติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 ซึ่งบ่งชี้ว่าโรคโควิด-19 อาจวนเวียนอยู่ในอิตาลีนานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

https://www.naewna.com/inter/532286

🔴เปิดประเทศ...รับเสี่ยงโควิดต่ำ แบบปลอดภัย-เศรษฐกิจไทยไปรอด



เพราะแต่ละประเทศทั่วโลกมีระดับความเสี่ยงต่อโรคโควิด-19ไม่เหมือนกัน  บางประเทศเสี่ยงน้อยกว่า หรือใกล้เคียงกับไทย
 
แต่บางประเทศเสี่ยงสูงกว่ามาก บวกกับองค์ความรู้และศักยภาพระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง ประชาชนมีความเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น วันนี้ประเทศไทยจึงพร้อมเปิดประเทศรับต่างชาติจากประเทศเสี่ยงต่ำ ภายใต้ ความปลอดภัยและเศรษฐกิจไทยไปรอด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน Smart Living with COVID-19 เปิดประเทศปลอดภัย เศรษฐกิจไทยไปรอด เมื่อเร็วๆนี้ว่า วันนี้ต้องสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจบนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน โดยมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆเพื่อให้เศรษฐกิจของไทยได้ฟื้นตัวสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)จึงเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ เพราะภารกิจของกระทรวงไม่เพียงดูแลสุขภาพวิถีชีวิตของประชาชน แต่ต้องทำให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพทำมาหากินและใช้ชีวิตอย่างปกติสุขด้วย โดยการหาวิถีทางและชี้แนะแนวทางให้ประชาชนสามารถอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติทั่วโลก เช่น โรคโควิด-19ได้

"ประเทศไทยไม่มีคนติดเชื้อเลยไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป้าหมายคือเมื่อมีคนติดเชื้อต้องคุมโรคให้ได้โดยเร็ว ซึ่งการเปิดประเทศและลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน จะทำในประเทศที่มีความเสี่ยงโรคโควิด-19 ต่ำ ส่วนที่ยังมีความเสี่ยงสูงจะยังกักตัว 14 วันเช่นเดิม ทั้งหมดนี้ เชื่อมั่นว่าคนไทยจะเข้าใจ ทุกอย่างจะดำเนินการเปิดประเทศโดยคำนึงถึงความปลอดภัยก่อน ขณะเดียวกันเศรษฐกิจก็ไปรอด เพื่อที่ไทยจะได้พลิกฟื้น กลับสู่ปกติก่อนคนอื่น สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป" นายอนุทินกล่าว

สำหรับภาพรวมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุขนั้น ในการเฝ้าระวังควบคุมโรค มีการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคเชิงรุก จัดทีมสอบสวนโรคและหากพบการติดเชื้อจะต้องรายงานภายใน 3 ชั่วโมงกว่า 3,000 ทีมทั่วประเทศ

ศักยภาพตรวจเชื้อเฉพาะกรุงเทพมหานครได้ถึงวันละ 10,000 ตัวอย่าง ต่างจังหวัดตรวจได้วันละ 10,000 ตัวอย่าง ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการที่ตรวจได้ 238 แห่งทั่วประเทศ

ด้านการรักษาพยาบาล ขณะนี้มีเตียงทั่วประเทศกว่า 20,000 เตียง การรับผู้ป่วยจะพิจารณาจากคนไข้ที่มีอาการหนักที่อยู่ในห้องไอซียู ทั้งนี้ จากการระบาดรอบแรกคนไข้นอนไอซียูเฉลี่ยประมาณ 17 วัน
 
ดังนั้น การเตรียมพร้อมครั้งนี้ ในกรุงเทพมหานครสามารถรองรับได้ 230-400 คน ทั่วประเทศรองรับได้ 1,000-1,740 คน ยาและเวชภัณฑ์ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 มียาฟาวิพิราเวียร์ 628,304 เม็ด สำหรับผู้ป่วย 8,900 ราย ยาเรมเดซิเวียร์ 795 ขวด สำหรับผู้ป่วย 126 ราย หน้ากากN95 คงเหลือ 2,782,082 ชิ้น ชุด PPE คงเหลือ 1,959,980 ชิ้น มี 40 โรงงานกำลังการผลิต 6 หมื่นชุดต่อวัน และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ คงเหลือ 50,922,050 ชิ้น มี 60 โรงงาน กำลังการผลิต 4,700,000 ชิ้น/วัน 

สถานกักกันโรคที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine : ASQ) ปัจจุบันมี 107 แห่ง สถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine : AHQ) รองรับผู้ป่วยโรคอื่นที่เดินทางเข้ามารับการรักษา ปัจจุบันมี 173 แห่ง และสถานกักกันโรคประเภทต่างๆมีห้องรองรับมากกว่า 8,000;ห้อง รวมถึง มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1 ล้านคนในการเฝ้าระวัง

ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า การเปิดประเทศแบบแง้มๆจะมีการจัดกลุ่มประเทศตามระดับความเสี่ยงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย โดยการลดวันกักตัวเหลือ 10 วันนั้น จะดำเนินการในประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ใกล้เคียงกับไทยและมากกว่า+1 อาทิ ไต้หวัน เวียดนาม จีน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยหากนำเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.)ในสัปดาห์นี้แล้วได้รับความเห็นชอบ ก็จะเริ่มดำเนินการเพื่อประเมินผลเป็นเวลา 3 เดือน หากมีคนติดเชื้อหลุดรอดจากการคัดกรองสัปดาห์ละ 2 รายถือว่าอยู่ในระดับที่ระบบรับได้ แต่ถ้ามากกว่านั้ยจะต้องมีการปรับแผนใหม่ หรือหากน้อยกว่านั้นก็อาจจะขยับลดวันกักตัวลงเหลือ 7 วันในกลุ่มประเทศเหล่านี้ต่อไป

ยกตัวอย่าง ประเทศจีนที่ขณะนี้มีความเสี่ยงโรคโควิด-19ใกล้เคียงกับไทย มีการคาดการณ์ว่าหากเดินทางเข้าประเทศไทย 10 ล้านคนต่อปี จะมีคนติดเชื้อหลุดรอดการคัดกรองราว 100 คนต่อปี ถือว่าระบบยังรับได้ ซึ่งที่ผ่านมาคนจีนเข้ามาในไทยราว 5,153 คนตรวจพบเชื้อขณะเข้ารับการกักกันเพียง 1 ราย ส่วนไต้หวันเข้ามา 8,559 คน พบเชื้อ 3 ราย และญี่ปุ่น เข้ามา 9,872 คน พบเชื้อ 21 คน

"การกักตัว 10 และ 14 วันมีความเสี่ยงไม่แตกต่างกัน ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดตรวจพบเชื้อภายใน 10 วัน การพบเชื้อหลัง 10 วัน ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ มีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ อีกทั้ง เมื่อลดวันกักตัวมีการเติมมาตรการต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรคอย่างครบถ้วน เช่น ต้องมีผลการตรวจไม่พบโควิด-19ก่อนการเดินทางจากประเทศต้นทาง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงประมาณ 50% การเพิ่มการตรวจหาเชื้อระหว่างการกักตัวเป็น 3 ครั้ง ร่วมกับการเจาะเลือดหาภูมิคุ้มกันกรณีพบเชื้อเพื่อยืนยันว่าเพิ่งติดเชื้อหรือติดมานานแล้ว และ4 วันต่อจากที่ครบกักตัว10 วันจะมีริสต์แบนด์ติดตามตัว เป็นต้น จึงมีความมั่นใจที่จะค่อยๆเปิดประเทศให้ประชาชนปลอดภัยและเศรษฐกิจไทยรุ่ง"นพ.เกียรติภูมิกล่าว

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/907934

ไทยมีศักยภาพในการรับมือโควิด  

สามารถรับประเทศเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกับไทยเข้าประเทศเพื่อการท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจ

การวิจัยโควิดยังหาที่เกิดไม่จบสิ้น

ประเทศไทยอาจจะจบโควิดในปีหน้า...คาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่