😎👌🏾😁 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#89 Week#21, 16 - 20 พ.ย. / ทริปเด็กเทพ - ถุงมือของชำร่วย 😁👌🏾😎

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม49
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 5 ประจำสัปดาห์ที่ 21 กลางเดือนพฤศจิกายนครับ ^^

เป็นเรื่องราวของหนุ่มเมืองกรุงผู้มีโอกาสไปสัมผัสบรรยากาศ "กลิ่นโคลนสาบ(วัว)ควาย" ในชนบท

เป็น "ทริป" ที่คงจะน่าสนุกและท้าทายสำหรับเขา และนำพาเขาไปเจอกับประสบการณ์บางอย่าง ที่เขาคงจะลืมไม่ลง ครับ ^^ อมยิ้ม36หัวใจ

อมยิ้ม50
....ท้องฟ้ายามโพล้เพล้ในวันนั้นมีริ้วสีแดงอ่อนพาดผ่านฉากหลังสีเทาเข้มดูแปลกตา อากาศยามต้นฤดูหนาวเจือด้วยหมอกควันบาง ๆ ที่ใครบางคนจุดไฟเผาเศษไม้แห้ง ชายหนุ่มสองคนที่กำลังเดินไปบนถนนในหมู่บ้านพากันหยุดชิดริมทางเพื่อให้วัวฝูงใหญ่ที่เดินสวนมาได้ผ่านไปก่อน

    ภาพใกล้ของพ่อวัว แม่วัว และบรรดาลูกน้อยของมันที่เดินอ้อมหน้าอ้อมหลังรวม ๆ แล้วทั้งฝูงเกือบห้าสิบตัว เสียงกระดึงที่คอวัว ผสมกับเสียงร้องและไอกลิ่นสาบเฉพาะตัวของมันทำให้วีรวิทย์ ชายหนุ่มที่โตมากับกรุงเทพมหานครเมืองคอนกรีตต้องยืนมองดูพวกมันด้วยความทึ่ง คนต้อนวัวเป็นชายชราหน้าตายับย่นโพกหัวด้วยผ้าขาวม้า สวมเสื้อผ้าสีตุ่น ๆ พร้อมกับมีมีดอีโต้เหน็บหลัง เขายิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งคู่อย่างเป็นมิตรพร้อมเอ่ยถามด้วยสำเนียงแปร่ง ๆ

    “จะไปไหนกันหนุ่ม ๆ”

    “เดินเล่นครับ”

    ชัชตอบขณะที่วีรวิทย์ส่งยิ้มกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไร และเขายังเหลียวหลังกลับไปมองสัตว์ฝูงใหญ่นั้นอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาพูดกับชัช

    “เชื่อมั้ยวะ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้เห็นวัวใกล้ที่สุดแล้ว”

    “ก็เด็กเทพนี่หว่า...ดีที่ไม่ยกมือไหว้มันซักที”

    วีรวิทย์กระทุ้งศอกใส่สีข้างเพื่อนจนอีกฝ่ายต้องกระโดดหนีพร้อมกับหัวร่อก๊าก  

    “เออ...เฮ้ย! คืนนี้เอ็งจะไปนอนเป็นเพื่อนพระจริงหรือวะชัช”

    วีรวิทย์สอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกงดังที่ชอบทำ ชัชหันมากางแขนโอบไหล่เพื่อนขณะที่สาวเท้าไปด้วย

    “ทำไม นอนคนเดียวไม่ได้หรือไงวะ”      

    “ด้าย...” วีรวิทย์ลากเสียง “แค่สงสัยว่าจะไปจริง ๆ รึเปล่า”

    “หรือจะไปนอนด้วยกันเลยที่วัด เอาไหมล่ะ?” ชัชถามจริงจัง

    วีรวิทย์ส่ายหน้าดิก

    “ไม่เอาด้วยหรอกว่ะ ไม่ชอบบรรยากาศนอนวัด“

    “แอบนัดใครไว้รึเปล่าวะ” ชัชดักคอ

    “นัดพ่อเอ็งสิ”

     วีรวิทย์ตอบก่อนจะออกวิ่งนำไปข้างหน้าเพราะชัชยกเท้าทำท่าเตะ พวกเขาสนุกกันโดยไม่สนใจผู้คนที่อยู่ด้านหน้าร้านค้าเล็ก ๆ เยื้องกับทางเข้าตรอก และเมื่อถึงทางเลี้ยวเข้าตรอกนั้น วีรวิทย์จึงหยุดรอที่ปากตรอก พอชัชเดินไปทัน ทั้งคู่จึงเดินเข้าตรอกนั้นไปพร้อมกันเพื่อเข้าไปยังบ้านพักที่อยู่เกือบท้ายสุด  ภายในตรอกเป็นทางแคบสำหรับคนเดินเท้าได้เท่านั้น มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายทั้งสองฝั่ง และสังเกตว่ามีแต่บ้านไม้เก่าเสียเป็นส่วนใหญ่ ฝั่งซ้ายมือจากปากตรอกหลังที่สามคือบ้านไม้สีเขียวอ่อนในรั้วไม้ระแนงสีเดียวกันแต่ซีดจางและมีเถาไม้ปกคลุม วีรวิทย์มองเข้าไปตามเสียงคนกำลังกวาดใบไม้แกรกกราก เขาสบตากับหญิงสูงวัยที่กำลังจ้องมองมา สีหน้าเรียบเฉยของนางทำให้เขาละสายตาไปดูไม้เลื้อยที่หน้าบ้านแทน  ชัชพูดเสียงเบาเมื่อเดินผ่านแนวรั้วนั้นไปแล้ว

    “ตะกี้บ้านใครรู้เปล่า?”

    “ใครจะไปรู้วะ”

    “คนทรง

    “อือ คนทรง..แล้วไง?”

    “คนทรงคนนี้เขาว่าแกดุ แล้วก็ลึกลับชอบกล ไม่ค่อยมีใครยุ่งด้วยหรอก ใครไปวุ่นวายกับแกมักต้องเจอดี”

    “ช่างแกสิ” วีรวิทย์

    “ข้าเพิ่งรู้จากแม่ครัวห้องเช่าว่าแกเป็นป้าของน้องยีน แดนเซอร์คนนั้น

    วีรวิทย์กะพริบตาถี่ ๆ แล้วหันไปมองหน้าเพื่อน

    “พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ?”

    ชัชหัวเราะก่อนตอบ

    “ไม่รู้เว้ย ให้เดาเอาเอง”

    วีรวิทย์สบถใส่เพื่อนเบา ๆ แต่อีกฝ่ายยังหัวเราะร่าและตีหน้าทะเล้น

    “ก็เห็นพาเขาไปส่งบ้านคืนนั้น...ถามจริง ส่งถึงบ้านเปล่าวะ?”  

    “เดี๋ยวเจอยัน”

    สองหนุ่มน่าจะโต้เถียงกันต่อไปอีก แต่พอดีเดินไปหยุดลงที่หน้าห้องพักชั่วคราวที่พากันมาเปิดห้องไว้ในช่วงที่เดินทางมาร่วมงานบวชของเพื่อนร่วมรุ่นของชัช ชัชจึงรีบไขกุญแจเข้าห้องเพื่อคว้าเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเพื่อออกไปค้างแรมที่วัดในคืนแรกสำหรับการเป็นสงฆ์ใหม่ของเพื่อนที่คุ้นเคยกันในกลุ่ม

    เสียงจักรยานยนต์ดังใกล้เข้ามา ใครบางคนที่นัดไว้มารับชัชตามเวลา  

    “เฮ้ย เจอกันพรุ่งนี้สาย ๆ นะโว้ย แต่ถ้าอยากไปถวายข้าวเช้าพระก็เชิญ”

    เพื่อนหนุ่มร้องบอกตอนเดินไปซ้อนท้ายรถคันนั้น วีรวิทย์ยกมือโบกเป็นสัญญาณรับรู้และอำลาพร้อม ๆ กัน

    อากาศภายนอกมืดลงอย่างรวดเร็ว มีเสียงโทรทัศน์แว่วมาจากบ้านบางหลังภายในตรอกนั้น พร้อมกับเสียงแมลงกลางคืนที่ดังคลอกันไป วีรวิทย์หยิบเสื้อยืดกับกางเกงนอนเดินเข้าห้องน้ำ ห้องเช่าราคาประหยัดที่ชัชหาให้ในฐานะคนพื้นที่ ถือว่าช่วยให้วีรวิทย์ได้มีที่พักส่วนตัวสำหรับการเดินทางมาร่วมงานในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งโดยที่ยังต้องสะสางงานพิเศษเพื่อส่งลูกค้า

    น้ำเย็นที่พุ่งออกมาจากฝักบัวธรรมดาและกระทบผิวกายของเขาทำให้รู้สึกยะเยือกขึ้นมาบ้าง วีรวิทย์รู้สึกว่าอาการปวดฟันที่มีสัญญาณเตือนตั้งแต่สองวันก่อนเริ่มทวีขึ้นมาอีกครั้ง เขาถูสบู่ที่กรามด้านซ้ายซึ่งเป็นตำแหน่งฟันที่ปวดอย่างเบามือ ก่อนจะรีบฟอกกายแล้วล้างตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้า
    
    ชายหนุ่มจัดแจงรื้ออุปกรณ์ทำงานออกมาวางบนโต๊ะข้างเตียง พร้อมเปิดดนตรีคลอเบา ๆ เขาใช้เวลาจัดการกับข้อมูลในไฟล์เอกสารสองสามชุดสลับกับการชงเครื่องดื่มที่ซื้อติดกระเป๋ามาด้วย อาการปวดฟันคล้ายชาลงไปเมื่อน้ำร้อนเข้าไปสัมผัส แต่หลังจากนั้นสักพักมันก็ตามมารบกวนเขาอีก

    เกือบสี่ทุ่มแล้วเมื่อเขาถอดสายไฟของเครื่องโน้ตบุ๊กออก ดับไฟ แล้วจึงทิ้งร่างบนเตียงนุ่ม หลับตาข่มความรู้สึกทรมานที่ยังติดตามอยู่ทุกวินาที  นึกถึงคำพูดของเพื่อนจอมทะลึ่งแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงเหตุการณ์คืนวานที่เป็นวันบวชนาค

    น้องยีน...แดนเซอร์สาวน้อยที่เขาคาดว่าหล่อนไม่น่าจะเกินวัยสิบแปด นัยน์ตาหล่อนเจ้าชู้มาก และจงใจสบตากับเขาหลายครั้ง เลือดหนุ่มในกายร้อนซู่ทั่วร่างผสานกับฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อน ๆ ทำให้เขารับโอกาสที่เข้ามาหาอย่างเต็มใจด้วยการพาหล่อนไปส่งที่บ้าน ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตรที่ชายหนุ่มได้พาหล่อนซ้อนท้ายไปด้วยยิ่งตอกย้ำอารมณ์ ความรู้สึก และการแสดงออกของเด็กสาวอย่างเด่นชัดเสียจนเขาแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ แต่สำนึกที่เตือนว่าตนเองเป็นคนแปลกถิ่น มันคงไม่คุ้มค่าถ้าต้องเอามาแลกกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเพียงชั่วไม่กี่นาที และสุดท้ายเขาก็พาเธอไปส่งจนถึงบ้านโดยที่ไม่ได้บอกเล่าชัชว่า น้องยีนนั่งในท่าเกือบจะเป็นซบและเกาะเอวเขาเอาไว้ราวกับเป็นคู่รักตลอดเส้นทาง

    แล้ววีรวิทย์ก็รู้สึกดีใจที่เขาทำแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อมารู้เรื่องที่ชัชบอกเล่าตอนเดินผ่านบ้านสีเขียวและหญิงแก่ที่จ้องมองมาคนนั้น

    “แกดุ แล้วก็ลึกลับชอบกล ไม่ค่อยมีใครยุ่งด้วยหรอก ใครไปวุ่นวายกับแกมักต้องเจอดี”

    ป้าของน้องยีนจะเกี่ยวข้องกับน้องอย่างไร ก็ไม่ควรต้องมาโยงถึงเขาที่ยังไม่ทันเผลอตัวเผลอใจไปกับหล่อน นอกจากสัมผัสของแผ่นหลังกับร่างนุ่มนิ่มและมือที่เกาะบนเอวเขา...เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มถอนใจยาว ยอมรับกับตัวเองว่าเด็กสาวคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างน่ากลัว และน่าจะมีผู้ชายอีกหลายคนที่เกือบถลำหรือไม่ก็ถลำลึกเพราะความเย้ายวนท้าทายนี้

    อาการปวดฟันกรามยังไม่ยอมลดละ กลับค่อยเร่งระดับปวดตุบ ๆ แล่นขึ้นที่ขมับซ้าย วีรวิทย์นิ่วหน้า นึกโมโหที่มาเป็นในขณะที่อยู่ต่างจังหวัด เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ นึกถึงหยูกยาในกระเป๋าก็ไม่มีติดมาสักอย่าง นี่เขาจะต้องนอนทนปวดฟันไปสักกี่โมงกี่ยาม
  
    ชายหนุ่มดับไฟโคม พยายามข่มใจหลับตาและหวังว่าอาการปวดนั้นจะทุเลาลง เขาภาวนาเหมือนตอนเด็กที่นอนป่วยในโรงพยาบาลและอยากจะหายเพื่อจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่พักใหญ่จนกระทั่งผล็อยหลับไป...

    เมื่อรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง วีรวิทย์ก็ยังรับรู้ความปวดนั้นได้ว่ามันยังไม่หายไปไหน แต่กำลังคืบคลานเกาะกินเส้นประสาทและความรู้สึกของเขาอย่างน่าทุกข์ทรมาน ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง คลำหาปุ่มสวิทซ์ไฟโคม เปิดไฟแล้วหยิบโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้ปิดเครื่องมาดูเวลา เที่ยงคืนครึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังปวดฟันไม่มีทีท่าว่าจะสร่างซา มันปวดเสียจนปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา

    เขาเริ่มใช้ความคิด เวลานี้ตนเองคือคนป่วยที่ต้องการการเยียวยา การจะโทรหาชัชที่อยู่ไกลออกไปนั้นไม่ใช่ทางเลือก ยา...ยาแก้ปวดสินะที่จะมาช่วยได้ แล้วจะหาได้จากที่ไหน
          
    ร้านค้า!  ร้านค้าที่หน้าปากตรอกร้านนั้นต้องช่วยได้แน่นอน วีรวิทย์ลุกขึ้นยืนเปิดไฟดวงใหญ่กลางห้อง หยิบกระเป๋าสตางค์ หาเสื้อสวมทับอีกตัว แล้วก็ตัดสินใจถอดกลอน หมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูออกจากห้อง ไฟหน้าบ้านสว่างนวลพอแลเห็นทางในระยะใกล้ แต่ภายในตรอกที่จะต้องเดินออกไปร้านค้านั้นมืดมาก เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนบ้านนอกคุ้นเคยกับแสง สี และเสียงของธรรมชาติมากที่สุด

    วีรวิทย์ก้าวเท้าออกเดินตามแรงปวดภายในกรามที่เร่งเร้าราวกับจะเอาชนะไม่ยอมให้เขาพักผ่อน ความเงียบสนิทปกคลุมไปทั่วบริเวณ เขาดุ่มเดินไปโดยที่ไม่มีไฟฉาย สอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง ก้าวเท้ายาว ๆ อย่างเร่งรีบเพื่อลดทอนเวลาป่วยไข้ของตนเองให้น้อยลงไป พื้นรองเท้าผ้าใบของเขาที่กระทบพื้นคือเสียงที่ดังที่สุดแล้วในยามนี้

    อีกไม่ถึงสามสิบเมตรก็จะถึงปากซอย วีรวิทย์เหลือบไปทางขวามือที่ตั้งของบ้านหลังรั้วไม้ระแนงแล้วก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงสายตาเย็นชาที่จ้องเขม็งยามที่เขาเดินผ่าน เขานึกขอบใจในอาการปวดตุบ ๆ ที่มันเป็นตัวกระตุ้นให้สองเท้าของเขาออกเดินต่อไปโดยไม่ต้องหยุดหรือรีรอ

    ทันใดนั้น...มีเสียงการเคลื่อนไหวของบางสิ่ง แล้วเสียงขู่ของแมวตัวหนึ่งก็ดังขึ้นมาจนเกือบทำให้เขาสะดุ้ง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน

    ขาของเขายังคงก้าวยาวและลงน้ำหนักเท้าอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าจะสะเทือนถึงอวัยวะภายในกราม  ความมืดทะมึนเบื้องหน้าทำให้วีรวิทย์รู้ว่ายังไม่ถึงปากตรอก แต่เมื่อเดินต่อไปอีกสามสี่ก้าว เขากลับรู้สึกได้ว่าก้อนความมืดที่ทะมึนขวางหน้าอยู่นั้นไม่ใช่ความว่างเปล่าเสียแล้ว ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ใจเต้นระทึก รู้สึกว่ามือที่ซุกในกระเป๋ากางเกงเย็นเฉียบ

    วินาทีนั้น ความกลัววาบขึ้นมาในใจครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นคือความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นทุกขณะ เหมือนสัตว์ร้ายรุมเจาะเนื้อเยื่อในปากทั้งที่เขายังมีลมหายใจ เขาเกือบจะรู้สึกหน้ามืดเมื่อตัดสินใจยกเท้าขวาเตะเข้าไปที่เงาทะมึนเบื้องหน้าจนสุดแรง

    “มออออออออออออ !! ”

    เสียงร้องของวัวชัดเต็มทั้งสองหู ขณะที่เขารู้สึกเจ็บข้อเท้าจากแรงกระทบที่หนังท้องกลางลำตัวอันตึงเขม็งของมัน อาการปวดฟันสะดุดลงราวห้าวินาที คราวนี้เขาออกวิ่งเหยาะ ๆ ฝ่าความมืดตรงไปยังร้านค้าอย่างคนที่กำลังกระหายแล้วมองเห็นสระน้ำเบื้องหน้า โดยไม่สนใจว่าเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนกองนุ่ม ๆ ที่คงเรี่ยราดอยู่แถวนั้นจนแทบมิดหลังเท้า

......................///  จบ  ///......................

รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่