ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 2 ประจำสัปดาห์ที่ 21 ครับ... ^^
เรื่องนี้จะมีลักษณะแบบเรื่องซ้อนเรื่องเดียวกัน และมีปริศนากับ "หนทางเลือก" ที่ทิ้งท้ายให้ผู้อ่านคิด ว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบไหน
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยอมรับสินบาทคาดสินบน กินเงินใต้โต๊ะ หรืออะไรก็ตามที่เป็นแบบนั้น
แถมยังกล้าปฏิเสธต่อหน้าผู้ที่มาเสนอหยิบยื่นให้เสียด้วย
จะมีคนสักกี่คนกล้าหาญชาญชัยแบบนี้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้าย อาจเกิดขึ้นกับครอบครัวได้
แล้ว "จักรยานสีแดง" เกี่ยวอะไรด้วย ?
ต้องลองอ่านดูครับ (ถ้าอ่านจบแล้วยังไม่เก็ต ก็รอฟังเฉลยจาก จขถม.คนเขียนก็แล้วกัน) ^^

.....
คุณชอบปั่นจักรยานไหม ผมไม่รู้หรอก แต่สำหรับผม การปั่นจักรยานหมายถึงการไปให้ถึงจุดมุ่งหมายและได้ชื่นชมกับความสุขที่รายล้อมอยู่รอบตัวไปในเวลาเดียวกัน เปล่า..ผมไม่ได้เข้ากลุ่มนักปั่นที่ไหน ผมปั่นของผมเงียบ ๆ คนเดียว กับจักรยานคันเก่าของแม่ มันเป็นสีแดง แต่ตอนนี้สีถลอกร่อนไปเยอะจนเหลือแต่เหล็กและเนื้อสนิมสีน้ำตาล แต่มันยังเป็นจักรยานสีแดงในใจผมเสมอ
ทุกเช้าผมต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน เป็นระยะทางไกลพอดู ไม่ชอบเลยเวลาผ่านบ้านที่มีหมาแล้วมันออกมาเพ่นพ่าน แยกเขี้ยว เห่ากวดไล่ทั้งจักรยาน มอเตอร์ไซด์ คนเดินถนน เสียวน่องวาบ ๆ ว่าจะโดนงับเอาวันไหน ได้แต่ภาวนาขอให้วันนี้รอดปลอดภัยก็พอ
บางทีผมก็ปั่นจักรยานไปตลาด พาแม่นั่งซ้อนท้าย เอาผักที่ปลูกหลังบ้านไปขาย เพื่อนบ้านทักทายเกือบตลอดทาง บางทีไปไม่ถึงตลาดผักก็ขายหมดแล้ว แม่ปลูกผักหลายอย่าง ผักบุ้ง คะน้า ต้นหอม ผักชี พริกขี้หนู ใบกะเพรา แล้วก็ยังมีกล้วยน้ำว้าผลอวบ ผมชอบกินมากที่สุดเลยล่ะ
วันนี้ผมปั่นจักรยานกลับบ้านช้าหน่อย เพราะทำเวรที่โรงเรียน มีกันแค่สอนคนกับไอ้ปั้น คนอื่น ๆ หนีเวรกันไปหมด ผมก็อยากหนีนะ แต่พอเห็นขยะล้นออกมาจากถัง กระดานดำยังไม่ได้ลบ และฝุ่นเกรอะกรังในรางที่วางชอล์กและแปรงลบกระดาน ก็อดไม่ได้ที่จะทำความสะอาด ไม่ได้กลัวครูตีหรือหักคะแนน แต่ทำไปเพราะสำนึกในหน้าที่ว่าเป็นสิ่งที่ควรช่วยกันทำ ส่วนไอ้ปั้นมันบอก ถ้าผมทำ มันก็ทำด้วย ช่วยกันทำเป็นเพื่อนกัน แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าเพื่อนแท้
พอกลับมาถึงบ้าน เห็นรถคันใหญ่แปลกตาจอดหน้าบ้าน นึกสงสัยในใจไม่ได้ว่าใครมา เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเข้าบ้าน พบกับชายกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนขึ้นครึ่งนึง ดูเนื้อผ้าหรูหรา ราคาแพง ทั้งเสื้อและกางเกง กำลังนั่งคุยกับพ่ออยู่ด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด แม่เรียกให้ผมเข้าไปในครัว ช่วยยกน้ำมาเสิร์ฟแขก
“ นะครับ คุณชาตรี ถือว่าช่วย ๆ กัน โรงงานของผมถ้าผ่านการอนุมัติเร็ว จะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก วันนี้ผมมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากท่านด้วย ” ไม่พูดเปล่า ชายคนนั้นยื่นซองสีน้ำตาลหนาปึก ดูก็พอจะรู้ข้างในใส่ธนบัตรจำนวนมากไว้
“ คุณเอากลับไปเถอะครับ ทุกอย่างผมดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการ อย่างไรเสีย ถ้าโรงงานของคุณไม่มีปัญหาอะไร ย่อมได้รับการอนุมัติอยู่แล้ว ”
“ แหม..ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ สมัยนี้ใคร ๆ เขาก็รับกัน นี่ผมใส่มาให้ท่านมากเป็นพิเศษกว่าหัวหน้าหน่วยงานอื่นสามเท่าเลยนะครับ วันหน้าวันหลัง เผื่อมีอะไร ผมจะได้ฝากเนื้อฝากตัวขอให้ท่านช่วย ”
“ ผมยืนยันคำเดิม ว่าไม่ขอรับเงินของคุณ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว เชิญครับ ช่วงเย็นเป็นเวลาของครอบครัว ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ”
“ เอ๊ะ ! คุณนี่ยังไงนะ มีคนเอาเงินมาให้ฟรี ๆ ถึงบ้านแต่ไม่ยอมรับไว้ โง่หรือเปล่า”
“ โง่ไหมผมไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่าหากประเทศมีคนไม่โง่ รับเงินของคุณไว้เยอะ ๆ ไม่ช้าไม่นาน ประเทศเราอาจใกล้ล้มละลายเหมือนอย่างที่การบินไทยกำลังจะล้มละลาย ตอนนี้เลยต้องลำบากเข้าสู่กระบวนการก่อนล้มละลาย ต้องยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะกรรมการฯ เพราะหันหน้าไปทางไหนก็เจอกับคนโกง โกงกันทุกระดับตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง คุณว่าไหมครับ ”
“ คุณชาตรี นี่มันจะมากไปแล้วนะ คุณหาว่าผมเป็นพวกคดโกงเหรอ ! เปล่าเลย ทุกอย่างผมทำอย่างถูกต้อง เพียงแต่ที่มาหาในครั้งนี้ เพื่ออยากขอให้ช่วยเร่งรัดขั้นตอนการดำเนินงานให้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น เอาล่ะ ผมกลับก็ได้ แต่เราจะได้เห็นดีกัน ! ” ชายคนนั้นพูดอย่างมีอารมณ์ทิ้งท้าย ก่อนขับรถออกจากบ้านไป
เราสามคนพ่อแม่ลูก เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อชายคนนั้นกลับไป พ่อได้แต่นั่งนิ่งงันตกอยู่ในภวังค์ความคิด จนกระทั่งแม่เดินเข้าไปนั่งข้างๆจับมือแล้วถามว่า
“ พ่อ..ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ”
พ่อยิ้มบาง ๆ ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ อืม..จ้ะแม่..พ่อไม่เป็นไรหรอก เย็นแล้ว..แม่ไปยกสำรับกับข้าวมาดีกว่า ”
ผมจำได้ว่ากับข้าวมื้อนั้นมี น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด และแกงจืดแตงกวา ปกติผมเคยชอบมาก แต่ทำไมไม่รู้ ข้าวมื้อนั้นมันไม่อร่อยเลย
พอหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงหมาบ้านตรงข้ามเห่ากันเกรียว ไม่นานนักรถกะบะสีดำคันใหญ่ของหัวหน้าพ่อ ผมจำได้ดี เพราะเคยมาที่บ้านหลายครั้งแล้วแล่นมาจอดหน้าบ้าน
หัวหน้าของพ่อเดินหน้ามุ่ยลงมาจากรถ ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณชาตรี เสี่ยธงเขาเสียความรู้สึกเรื่องคุณมากรู้ไหม ”
พ่อได้แต่ยืนอึ้ง สักพัก พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรเป็นอะไร พ่อก็ตอบหัวหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ เพียงแต่ไม่รับเงินของเขาเท่านั้นเอง ”
“ นั่นแหละ คุณจะทำตัวให้มันมีปัญหา เรื่องมากไปทำไม ใคร ๆ เขาก็รับกัน ”
“
ใคร ๆ นั่นรวมถึงหัวหน้าด้วยหรือเปล่าครับ ”
คำถามของพ่อ ทำเอาหัวหน้าสะอึก โกรธจนพูดอะไรไม่ออก หุนหันพลันแล่นออกไป เค่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า
“ งั้นก็ได้..เราจะได้เห็นดีกัน ”
หลังจากนั้นไม่นาน...พ่อได้รับคำสั่งย้ายให้ไปช่วยงานที่หน่วยงานอื่น พ่อไปไกลถึงทางใต้ แม่ไม่ได้ย้ายตามไปด้วยเพราะที่นี่เป็นบ้านของเรา นาน ๆ พ่อจะกลับบ้านมาสักที พร้อมสีหน้าระโหยโรยแรง
ผมสงสารพ่อมาก เมื่อไหร่พ่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะ เป็นคำถามที่ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
ทางเลือกที่ 1
วันนี้ผมไม่ได้ปั่นจักรยาน เพราะขายจักรยานคันเก่าคันนั้นไปแล้ว พ่อออกจากงาน และบอกให้แม่ขายบ้านเพื่อเอาเงินไปทำธุรกิจ ซึ่งแม่ก็ยอมแต่โดยดี ครอบครัวของเราเริ่มเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ในตัวจังหวัด แม้ไม่ได้มีรายได้มากมายเหมือนก่อน แต่สีหน้าพ่อกับแม่ดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นทำให้ผมพลอยมีความสุขไปด้วย
ทางเลือกที่ 2
พ่อกลับมาอยู่กับเราแล้ว...แต่กลับมาเพียงรูปถ่าย และโกฏิใส่กระดูก
ทางเลือกที่ 3
พ่อไม่อยู่กับเราแล้ว หลังพ่อย้ายไปทำงานต่างจังหวัดได้สามปี พ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ที่นั่น ทิ้งให้ผมกับแม่อยู่กันตามลำพัง โชคดีหน่อยที่ผมได้ทุนเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และป้าเป้าข้างบ้านชวนแม่ไปทำงานสหกรณ์ชุมชน ผมมุมานะตั้งใจเรียน หวังอย่างยิ่งว่ากลับไปจะสามารถดูแลแม่ได้
ทางเลือกที่ 4
พ่อรับเงิน..และไม่ได้ย้ายไปไหน ครอบครัวของเรายังคงปกติสุขดี
ผมหยุดเขียนเรื่องสั้นไว้เพียงเท่านี้ ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง ตอนนี้ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีผม หลังจากคืนนั้นที่หัวหน้ากลับไป บ้านเราก็ถูกขโมยขึ้นบ้าน พ่อกับแม่ถูกยิงตายเพราะขัดขืนต่อสู้... ผมเองก็ไม่รอดเหมือนกัน
=================================================
พอหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงหมาบ้านตรงข้ามเห่ากันเกรียว ไม่นานนักรถกะบะสีดำคันใหญ่ของหัวหน้าพ่อ ผมจำได้ดี เพราะเคยมาที่บ้านหลายครั้งแล้ว แล่นมาจอดหน้าบ้าน
หัวหน้าของพ่อเดินหน้ามุ่ยลงมาจากรถ ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณชาตรี เสี่ยธงเขาเสียความรู้สึกเรื่องคุณมากรู้ไหม ”
พ่อได้แต่ยืนอึ้ง สักพัก พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรเป็นอะไร พ่อก็ตอบหัวหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ เพียงแต่ไม่รับเงินของเขาเท่านั้นเอง ”
“ นั่นแหละ คุณจะทำตัวให้มันมีปัญหา เรื่องมากไปทำไม ใคร ๆ เขาก็รับกัน ”
“ ใคร ๆ นั่นรวมถึงหัวหน้าด้วยหรือเปล่าครับ ”
คำถามของพ่อ ทำเอาหัวหน้าสะอึก
ก่อนจะหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ ๆ ด้วยความชอบใจ
“
คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นลูกน้องในอุดมคติของผมเลยนะ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบคุณมาก่อน เยี่ยมจริง ๆ ”
ปีนั้นพ่อได้เลื่อนขั้น และได้รับมอบหมายให้ดูแลงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว 10 ปี
=====================================
คุณคิดว่าชีวิตผมและครอบครัว จะมีตอนจบเป็นแบบไหน ? ช่วยตอบทีได้ไหม ?
==================/// จบ ///===================
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
✌️👔😈THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#86 Week#21, 16 - 20 พ.ย. / จักรยานสีแดง - ถุงมือ ถ้าวันนั้น😈👔✌️
เรื่องนี้จะมีลักษณะแบบเรื่องซ้อนเรื่องเดียวกัน และมีปริศนากับ "หนทางเลือก" ที่ทิ้งท้ายให้ผู้อ่านคิด ว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบไหน
เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยอมรับสินบาทคาดสินบน กินเงินใต้โต๊ะ หรืออะไรก็ตามที่เป็นแบบนั้น
แถมยังกล้าปฏิเสธต่อหน้าผู้ที่มาเสนอหยิบยื่นให้เสียด้วย
จะมีคนสักกี่คนกล้าหาญชาญชัยแบบนี้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้าย อาจเกิดขึ้นกับครอบครัวได้
แล้ว "จักรยานสีแดง" เกี่ยวอะไรด้วย ?
ต้องลองอ่านดูครับ (ถ้าอ่านจบแล้วยังไม่เก็ต ก็รอฟังเฉลยจาก จขถม.คนเขียนก็แล้วกัน) ^^
ทุกเช้าผมต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน เป็นระยะทางไกลพอดู ไม่ชอบเลยเวลาผ่านบ้านที่มีหมาแล้วมันออกมาเพ่นพ่าน แยกเขี้ยว เห่ากวดไล่ทั้งจักรยาน มอเตอร์ไซด์ คนเดินถนน เสียวน่องวาบ ๆ ว่าจะโดนงับเอาวันไหน ได้แต่ภาวนาขอให้วันนี้รอดปลอดภัยก็พอ
บางทีผมก็ปั่นจักรยานไปตลาด พาแม่นั่งซ้อนท้าย เอาผักที่ปลูกหลังบ้านไปขาย เพื่อนบ้านทักทายเกือบตลอดทาง บางทีไปไม่ถึงตลาดผักก็ขายหมดแล้ว แม่ปลูกผักหลายอย่าง ผักบุ้ง คะน้า ต้นหอม ผักชี พริกขี้หนู ใบกะเพรา แล้วก็ยังมีกล้วยน้ำว้าผลอวบ ผมชอบกินมากที่สุดเลยล่ะ
วันนี้ผมปั่นจักรยานกลับบ้านช้าหน่อย เพราะทำเวรที่โรงเรียน มีกันแค่สอนคนกับไอ้ปั้น คนอื่น ๆ หนีเวรกันไปหมด ผมก็อยากหนีนะ แต่พอเห็นขยะล้นออกมาจากถัง กระดานดำยังไม่ได้ลบ และฝุ่นเกรอะกรังในรางที่วางชอล์กและแปรงลบกระดาน ก็อดไม่ได้ที่จะทำความสะอาด ไม่ได้กลัวครูตีหรือหักคะแนน แต่ทำไปเพราะสำนึกในหน้าที่ว่าเป็นสิ่งที่ควรช่วยกันทำ ส่วนไอ้ปั้นมันบอก ถ้าผมทำ มันก็ทำด้วย ช่วยกันทำเป็นเพื่อนกัน แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าเพื่อนแท้
พอกลับมาถึงบ้าน เห็นรถคันใหญ่แปลกตาจอดหน้าบ้าน นึกสงสัยในใจไม่ได้ว่าใครมา เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเข้าบ้าน พบกับชายกลางคนใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนขึ้นครึ่งนึง ดูเนื้อผ้าหรูหรา ราคาแพง ทั้งเสื้อและกางเกง กำลังนั่งคุยกับพ่ออยู่ด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด แม่เรียกให้ผมเข้าไปในครัว ช่วยยกน้ำมาเสิร์ฟแขก
“ นะครับ คุณชาตรี ถือว่าช่วย ๆ กัน โรงงานของผมถ้าผ่านการอนุมัติเร็ว จะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก วันนี้ผมมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากท่านด้วย ” ไม่พูดเปล่า ชายคนนั้นยื่นซองสีน้ำตาลหนาปึก ดูก็พอจะรู้ข้างในใส่ธนบัตรจำนวนมากไว้
“ คุณเอากลับไปเถอะครับ ทุกอย่างผมดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการ อย่างไรเสีย ถ้าโรงงานของคุณไม่มีปัญหาอะไร ย่อมได้รับการอนุมัติอยู่แล้ว ”
“ แหม..ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ สมัยนี้ใคร ๆ เขาก็รับกัน นี่ผมใส่มาให้ท่านมากเป็นพิเศษกว่าหัวหน้าหน่วยงานอื่นสามเท่าเลยนะครับ วันหน้าวันหลัง เผื่อมีอะไร ผมจะได้ฝากเนื้อฝากตัวขอให้ท่านช่วย ”
“ ผมยืนยันคำเดิม ว่าไม่ขอรับเงินของคุณ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว เชิญครับ ช่วงเย็นเป็นเวลาของครอบครัว ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ”
“ เอ๊ะ ! คุณนี่ยังไงนะ มีคนเอาเงินมาให้ฟรี ๆ ถึงบ้านแต่ไม่ยอมรับไว้ โง่หรือเปล่า”
“ โง่ไหมผมไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่าหากประเทศมีคนไม่โง่ รับเงินของคุณไว้เยอะ ๆ ไม่ช้าไม่นาน ประเทศเราอาจใกล้ล้มละลายเหมือนอย่างที่การบินไทยกำลังจะล้มละลาย ตอนนี้เลยต้องลำบากเข้าสู่กระบวนการก่อนล้มละลาย ต้องยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะกรรมการฯ เพราะหันหน้าไปทางไหนก็เจอกับคนโกง โกงกันทุกระดับตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้อง คุณว่าไหมครับ ”
“ คุณชาตรี นี่มันจะมากไปแล้วนะ คุณหาว่าผมเป็นพวกคดโกงเหรอ ! เปล่าเลย ทุกอย่างผมทำอย่างถูกต้อง เพียงแต่ที่มาหาในครั้งนี้ เพื่ออยากขอให้ช่วยเร่งรัดขั้นตอนการดำเนินงานให้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น เอาล่ะ ผมกลับก็ได้ แต่เราจะได้เห็นดีกัน ! ” ชายคนนั้นพูดอย่างมีอารมณ์ทิ้งท้าย ก่อนขับรถออกจากบ้านไป
เราสามคนพ่อแม่ลูก เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อชายคนนั้นกลับไป พ่อได้แต่นั่งนิ่งงันตกอยู่ในภวังค์ความคิด จนกระทั่งแม่เดินเข้าไปนั่งข้างๆจับมือแล้วถามว่า
“ พ่อ..ไม่เป็นไรนะจ๊ะ ”
พ่อยิ้มบาง ๆ ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ อืม..จ้ะแม่..พ่อไม่เป็นไรหรอก เย็นแล้ว..แม่ไปยกสำรับกับข้าวมาดีกว่า ”
ผมจำได้ว่ากับข้าวมื้อนั้นมี น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด และแกงจืดแตงกวา ปกติผมเคยชอบมาก แต่ทำไมไม่รู้ ข้าวมื้อนั้นมันไม่อร่อยเลย
พอหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงหมาบ้านตรงข้ามเห่ากันเกรียว ไม่นานนักรถกะบะสีดำคันใหญ่ของหัวหน้าพ่อ ผมจำได้ดี เพราะเคยมาที่บ้านหลายครั้งแล้วแล่นมาจอดหน้าบ้าน
หัวหน้าของพ่อเดินหน้ามุ่ยลงมาจากรถ ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณชาตรี เสี่ยธงเขาเสียความรู้สึกเรื่องคุณมากรู้ไหม ”
พ่อได้แต่ยืนอึ้ง สักพัก พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรเป็นอะไร พ่อก็ตอบหัวหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ เพียงแต่ไม่รับเงินของเขาเท่านั้นเอง ”
“ นั่นแหละ คุณจะทำตัวให้มันมีปัญหา เรื่องมากไปทำไม ใคร ๆ เขาก็รับกัน ”
“ ใคร ๆ นั่นรวมถึงหัวหน้าด้วยหรือเปล่าครับ ”
คำถามของพ่อ ทำเอาหัวหน้าสะอึก โกรธจนพูดอะไรไม่ออก หุนหันพลันแล่นออกไป เค่นเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “ งั้นก็ได้..เราจะได้เห็นดีกัน ”
หลังจากนั้นไม่นาน...พ่อได้รับคำสั่งย้ายให้ไปช่วยงานที่หน่วยงานอื่น พ่อไปไกลถึงทางใต้ แม่ไม่ได้ย้ายตามไปด้วยเพราะที่นี่เป็นบ้านของเรา นาน ๆ พ่อจะกลับบ้านมาสักที พร้อมสีหน้าระโหยโรยแรง
ผมสงสารพ่อมาก เมื่อไหร่พ่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งนะ เป็นคำถามที่ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
ทางเลือกที่ 1
วันนี้ผมไม่ได้ปั่นจักรยาน เพราะขายจักรยานคันเก่าคันนั้นไปแล้ว พ่อออกจากงาน และบอกให้แม่ขายบ้านเพื่อเอาเงินไปทำธุรกิจ ซึ่งแม่ก็ยอมแต่โดยดี ครอบครัวของเราเริ่มเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ในตัวจังหวัด แม้ไม่ได้มีรายได้มากมายเหมือนก่อน แต่สีหน้าพ่อกับแม่ดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นทำให้ผมพลอยมีความสุขไปด้วย
ทางเลือกที่ 2
พ่อกลับมาอยู่กับเราแล้ว...แต่กลับมาเพียงรูปถ่าย และโกฏิใส่กระดูก
ทางเลือกที่ 3
พ่อไม่อยู่กับเราแล้ว หลังพ่อย้ายไปทำงานต่างจังหวัดได้สามปี พ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ที่นั่น ทิ้งให้ผมกับแม่อยู่กันตามลำพัง โชคดีหน่อยที่ผมได้ทุนเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และป้าเป้าข้างบ้านชวนแม่ไปทำงานสหกรณ์ชุมชน ผมมุมานะตั้งใจเรียน หวังอย่างยิ่งว่ากลับไปจะสามารถดูแลแม่ได้
ทางเลือกที่ 4
พ่อรับเงิน..และไม่ได้ย้ายไปไหน ครอบครัวของเรายังคงปกติสุขดี
ผมหยุดเขียนเรื่องสั้นไว้เพียงเท่านี้ ใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง ตอนนี้ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีผม หลังจากคืนนั้นที่หัวหน้ากลับไป บ้านเราก็ถูกขโมยขึ้นบ้าน พ่อกับแม่ถูกยิงตายเพราะขัดขืนต่อสู้... ผมเองก็ไม่รอดเหมือนกัน
หัวหน้าของพ่อเดินหน้ามุ่ยลงมาจากรถ ยังไม่ทันที่พ่อจะพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณชาตรี เสี่ยธงเขาเสียความรู้สึกเรื่องคุณมากรู้ไหม ”
พ่อได้แต่ยืนอึ้ง สักพัก พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรเป็นอะไร พ่อก็ตอบหัวหน้ากลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ เพียงแต่ไม่รับเงินของเขาเท่านั้นเอง ”
“ นั่นแหละ คุณจะทำตัวให้มันมีปัญหา เรื่องมากไปทำไม ใคร ๆ เขาก็รับกัน ”
“ ใคร ๆ นั่นรวมถึงหัวหน้าด้วยหรือเปล่าครับ ”
คำถามของพ่อ ทำเอาหัวหน้าสะอึก ก่อนจะหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ ๆ ด้วยความชอบใจ
“ คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นลูกน้องในอุดมคติของผมเลยนะ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแบบคุณมาก่อน เยี่ยมจริง ๆ ”
ปีนั้นพ่อได้เลื่อนขั้น และได้รับมอบหมายให้ดูแลงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว 10 ปี