.
“ท่าต่อไปเป็นท่าซูโม่สควอทครับ จังหวะปั๊มสามรอบให้หายใจเข้า จังหวะยืนให้หายใจออก ทำไป 45 วินาทีครับ”
เสียงเทรนเนอร์ในคลิปวีดีโอของยูทูป กำลังบอกจังหวะการหายใจ พรนภากำลังออกกำลังกายตามคนในคลิป ภายในห้องพักของเมธี โดยมีสายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถ
เธอสวมกางเกงขาสั้นรัดรูป เป็นกางเกงใส่ออกกำลังกายโดยเฉพาะ และเสื้อสปอร์ตบาร์ สั้นเพียงใต้ราวนมและโชว์เอวคอดได้รูปอย่างสวยงาม บวกกับผิวขาวเนียนทำให้เมธีอดใจแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทว่ามันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เธอกำลังออกกำลังกายอยู่ ใครหรือเมธีก็ห้ามยุ่ง
พรนภาเลือกที่จะทำตามยูทูปสอนมากกว่าไปฟิตเนส เพราะเมธีไม่อนุญาตให้ไป อีกอย่างไม่มีเวลาว่างที่จะไปด้วย แค่เลิกงานก็เกือบสองทุ่มแล้ว ยูทูปจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเธอ สะดวกสบายประหยัดค่าใช่จ่ายอีกด้วย
“น้องนภาครับ หยุดออกกำลังกายเถอะ ผอมมากเลยอ่ะ” พูดเสียงออดอ้อน ขณะที่นั่งดูเธอสควอทเรื่อย ๆ รูปร่างของเธอตัวเล็กสมส่วน ออกไปทางผอมมาก เขาชอบผู้หญิงอวบอั๋น มีน้ำมีนวลมากกว่าผู้หญิงผอมแห้ง แต่ว่าอะไรที่เป็นเธอ ที่เป็นพรนภาคนนี้ยังไงเขาก็รัก
ไม่มีเสียงพูดตอบกลับจากเธอ พรนภายังคงออกกำลังกายต่อไป เพียงหันมามองค้อนให้เขานิดหน่อยเท่านั้น เมธีรู้ว่าห้ามเธอไม่ได้ ก็ไม่ได้บังคับอะไร ออกกำลังกายก็ดีจะได้แข็งแรง แม้แต่เขาเองก็เช่นกัน ยังต้องออกกำลังกายฟิตหุ่นอยู่เป็นประจำ
“พี่เมธีก็! นภาไม่อยากอ้วน” พรนภาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดใบหน้า และลำตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เปิดขวดน้ำดื่มแก้กระหาย หลังจากออกกำลังกายเสร็จทุกกระบวนท่า
“ครับ แต่อ้วนพี่ก็รัก”
“ไม่! ไม่อ้วน นภาไปอาบน้ำก่อนนะ” แล้วเธอก็เดินตัวปลิวไปอาบน้ำสักพัก ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมานั่งแต่งตัวที่โต๊ะเครื่องแป้ง
เมธีมองทรวดทรงองค์เอวของเธอแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เลือดลมฉูบฉีด ปลุกความเป็นชายในตัวมาก ๆ “หยุด! จะไปกินข้าว นภาหิว” เธอหันมามองค้อนเขา รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เพราะมองผ่านกระจก
เมธีหัวเราะลั่น ช่างรู้ความในใจเขาไปซะทุกเรื่องจริง “อะไรนภา ออกกำลังกายแล้วจะไปทานข้าวเนี่ยนะ โห่ออกกำลังกายเพื่อ!” เมธีเน้นเสียงแบบล้อเลียนเธอ “มีค่าเท่าเดิม อ้วนเหมือนเดิม”
“เอ้า! ก็นภาสะดวกแบบนี้ นภาสบายใจในการกิน อย่างน้อยก็ออกกำลังกายแล้ว กินได้ นอนได้อะไรงี้” พรภาพูดพร้อมหัวเราะที่โดนแซว ทำไงได้เธอหิว แต่อย่างน้อยก็ออกกำลังกายแล้ว อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ ดีกว่าทานแล้วนอนโดยที่ไม่ออกกำลังกายเลย
“โอเค ทานอะไรดีเอ่ย ขุนให้อ้วน ๆ ก่อนผอมเกินไปแล้ว” ไม่พูดเฉย ๆ เดินมาหาเธอที่โต๊ะเครื่องแป้ง มือแตะไหล่ โน้มใบหน้ามาหอมแก้มด้านขวาของเธอ แกล้งให้หงุดหงิดเล่น ๆ
“พี่เมธีนภาจะแต่งตัว เดี๋ยวก็ดึก”
“ดึกอะไรพึ่งจะหนึ่งทุ่มเอง งั้นก็รีบเลย คิ้วเคิ้วน่ะเขียนไปด้วย เดี๋ยวคนในร้านหมูกระทะจะตกใจเอา นึกว่าแม่ชีที่ไหนหลงมา ฮา” พูดพร้อมหัวเราะอย่างรักใคร่ เด็กคนนี้ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตเขาท้าทาย และมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“พี่เมธี! ฮ่วย! เดี๋ยวเถอะ” พรนภาเขินโดนล้ออีกแล้ว หันไปมองค้อนเขา กลบเกลื่อนความเขินอาย “เสร็จแล้วเนี่ย ใส่เสื้อผ้าแป๊บ พี่เมธี!...” พรนภาเรียกเมธีด้วยท่าทางตกใจ
“ครับ มีอะไรเหรอครับน้องนภา” ทำเอาเขาตกใจไปด้วย
“นภาไม่มีเสื้อผ้าใส่อ่ะ”
“โถ! ใส่ซ้ำบ้างก็ได้ค่ะ นี่ ๆ ตัวนี้พี่จำได้นภาซื้อมายังไม่ได้ใส่เลย นี่ตัวนี้ใส่แค่ครั้งเดียวเอง “ เมธีเข้ามาเลือกชุดให้เธอใส่ ก็ทุกตัวในตู้เธอใส่ไปหมดแล้ว พรนภาทำหน้าบึ้งก่อนจะจำใจใส่ชุดที่เมธีจัดให้ นั่นคือกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดคอกลม
ณ ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างทะเลเผา
เวลานี้ลูกค้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่น เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าพูดถึงเรื่องปิ้งย่าง ที่นี่เป็นร้านประจำของพวกเธอ และใครอีกหลาย ๆ คน
ภายในร้านมีทั้งของคาวของหวานให้เลือกสรรค์ มีทั้งของทะเลและไม่ทะเล แล้วแต่จะเลือกรับประทาน ผลไม้ขนมอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ พร้อมเสียงเพลงเคล้าคลึงให้ความเพลิดเพลินใจ หฤหรรษ์ไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของเนื้อกุ้งหอยและปูบนเตาย่าง เพิ่มบรรยากาศในการกินเป็นอย่างมาก
พวกเธอสองคนเลือกนั่งโต๊ะด้านที่ติดกับถนน อยู่นอกชานร้าน แม้จะเสียงดังด้วยเสียงรถยนต์ ทว่ามันก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไร
เมธีกำลังย่างปูและกุ้งตัวเบ้อเริ่มให้เธอ เขามีหน้าที่ดูเตาย่าง พร้อมจิบเบียร์ไปด้วย ส่วนเธอกำลังย่างหมูสามชั้นพลิกไปพลิกมาให้กับเขา เธอมีหน้าที่ดูเตาปิ้ง
พอเนื้อสุกแล้วพรนภาก็ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มยัดเข้าปากไป เนื้อนุ่ม ๆ เคี้ยวอย่างอร่อยได้รสชาติ ละมุนลิ้นที่สุด
“อ้าว! เฮ้ย ของพี่ไม่ใช่เหรอ “ เมธีมองตามตาละห้อย กับหมูสไลด์ติดมันชิ้นนี้ แบบน่าสงสาร
“อ้าวเหรอ! นภาลืม ๆ เดี๋ยวนภาย่างให้ใหม่นะ โอ๋ ๆ อย่างอนนะคะคนดีของนภา นี่ ๆ นะภาย่างให้” เธออมยิ้มที่แกล้งเขาได้ ตักเนื้อหมูขึ้นมาย่างให้ใหม่อีกครั้ง
เมธียิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของเธอ เด็กคนนี้เขารักสุดหัวใจ “ออกกำลังกายแล้วได้อะไรเนี่ย มาซัดหมูกระทะอยู่ตรงเนี๊ย ฮึอิหล่า!” เมธีพูดล้อที่เธอออกกำลังกายก่อนหน้าจะมาที่นี่
“เอ๋า พี่เมธีก็ นภาก็หิวน้อ” พรนภายิ้ม ช่างปะไร ถึงอย่างไรก็ถือว่าได้ออกกำลังกายแล้ว
ภาพผู้หญิงอายุยี่สิบปลายกับผู้ชายสี่สิบกลาง ๆ กำลังนั่งทานหมูกระทะ เป็นที่สะดุดสายตาของใครหลายคนที่มาใช้บริการที่นี่ บ้างก็มองแล้วพูดคุยกันเบา ๆ บ้างก็เฉย ๆ แต่เธอก็ไม่แคร์สายตาใคร ทั้งเขาด้วย เพราะความรักมันออกแบบไม่ได้
จู่ ๆ ภาพบรรยากาศในร้านหมูกระทะก็หมุนวนอันตรธานหายไป กลายเป็นห้องพักเล็ก ๆ สี่เหลี่ยมที่คุ้นตา ห้อง! ใช่นี่มันที่ห้องของเธอ เธออยู่ในห้องหรอกเหรอ ไม่ได้ไปนั่งร้านหมูกระทะกับพี่เมธี
พรนภาสะดุ้งตื่นขึ้นมากับเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพอดี มองซ้ายมองขวานี่มันเตียงนอนของเธอ ห้องของเธอ ไม่ใช่คอนโดพี่เมธี พี่โค๊กแฟนของเธอไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน
เฮ้อ! เธอถอนหายใจออกมายาว ๆ อีกแล้วกับการอยู่คนเดียว ชีวิตพี่โค๊กมีแต่งานกับงาน แต่พอนึกถึงฝันเมื่อครู่ ฝันเมื่อคืนมันก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ฝันถึงพี่เมธีอีกแล้ว ฝันหวาน เป็นฝันที่มีความสุขที่สุด
ชีวิตจริงเธอทำอย่างที่ฝันไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ระหว่างเธอกับพี่เมธี แล้วทำไมเธอต้องปิดกั้นตัวเองในฝันด้วย ขอเพียงฝันถึง ขอเพียงได้ฝันถึงก็มีความสุข
ทำไมเธอต้องทรยศความรู้สึกตัวเอง แม้สิ่งที่เธอกำลังเป็นคนอื่นจะมองว่าเลว สองใจ นางวันทองก็ตาม ทว่ามันก็แค่เกิดขึ้นในฝัน ไม่มีวันได้เป็นจริง ตราบใดที่เธอยังมีพี่โค๊กอยู่
และสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันพี่โค๊กไม่สามารถทำให้เธอได้ กับพี่โค๊กเธอจำต้องอดทนและอดทน เข้าใจ! ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ก็เพราะเข้าใจพี่โค๊กเธอถึงได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่บางครั้งเพราะความเข้าใจของเธอ พี่โค๊กจึงมองข้ามความรู้สึก ไม่ใยดีว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เพราะความเข้าใจนี่แหละ
ใต้จิตสำนึกลึก ๆ หวังเล็ก ๆ ริบหรี่ เธอก็ยังหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เมธีจะจบลงตอนไหนและเมื่อไหร่
แว่บแรกของความคิด ไหน ๆ พี่โค๊กก็ไม่อยู่แล้ว ชวนหัวหน้าของเธอไปเจอพี่เมธีดีมั้ยน๊า...
ให้ความสุขมันเกิดขึ้นแค่ในฝัน ส่วนความจริงมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ทำไมเราต้องหักห้ามตัวเองไม่ให้ฝัน แค่หักห้ามตัวเองในโลกของความจริงก็พอ ขอแค่เพียงฝัน ให้ตัวเองมีความสุข สุขแค่ในฝันแค่นั้นก็พอ
จบบท...
ฝันหวาน (Sweet dreams) 4
.
“ท่าต่อไปเป็นท่าซูโม่สควอทครับ จังหวะปั๊มสามรอบให้หายใจเข้า จังหวะยืนให้หายใจออก ทำไป 45 วินาทีครับ”
เสียงเทรนเนอร์ในคลิปวีดีโอของยูทูป กำลังบอกจังหวะการหายใจ พรนภากำลังออกกำลังกายตามคนในคลิป ภายในห้องพักของเมธี โดยมีสายตาของเขามองเธอทุกอิริยาบถ
เธอสวมกางเกงขาสั้นรัดรูป เป็นกางเกงใส่ออกกำลังกายโดยเฉพาะ และเสื้อสปอร์ตบาร์ สั้นเพียงใต้ราวนมและโชว์เอวคอดได้รูปอย่างสวยงาม บวกกับผิวขาวเนียนทำให้เมธีอดใจแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทว่ามันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เธอกำลังออกกำลังกายอยู่ ใครหรือเมธีก็ห้ามยุ่ง
พรนภาเลือกที่จะทำตามยูทูปสอนมากกว่าไปฟิตเนส เพราะเมธีไม่อนุญาตให้ไป อีกอย่างไม่มีเวลาว่างที่จะไปด้วย แค่เลิกงานก็เกือบสองทุ่มแล้ว ยูทูปจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเธอ สะดวกสบายประหยัดค่าใช่จ่ายอีกด้วย
“น้องนภาครับ หยุดออกกำลังกายเถอะ ผอมมากเลยอ่ะ” พูดเสียงออดอ้อน ขณะที่นั่งดูเธอสควอทเรื่อย ๆ รูปร่างของเธอตัวเล็กสมส่วน ออกไปทางผอมมาก เขาชอบผู้หญิงอวบอั๋น มีน้ำมีนวลมากกว่าผู้หญิงผอมแห้ง แต่ว่าอะไรที่เป็นเธอ ที่เป็นพรนภาคนนี้ยังไงเขาก็รัก
ไม่มีเสียงพูดตอบกลับจากเธอ พรนภายังคงออกกำลังกายต่อไป เพียงหันมามองค้อนให้เขานิดหน่อยเท่านั้น เมธีรู้ว่าห้ามเธอไม่ได้ ก็ไม่ได้บังคับอะไร ออกกำลังกายก็ดีจะได้แข็งแรง แม้แต่เขาเองก็เช่นกัน ยังต้องออกกำลังกายฟิตหุ่นอยู่เป็นประจำ
“พี่เมธีก็! นภาไม่อยากอ้วน” พรนภาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดใบหน้า และลำตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เปิดขวดน้ำดื่มแก้กระหาย หลังจากออกกำลังกายเสร็จทุกกระบวนท่า
“ครับ แต่อ้วนพี่ก็รัก”
“ไม่! ไม่อ้วน นภาไปอาบน้ำก่อนนะ” แล้วเธอก็เดินตัวปลิวไปอาบน้ำสักพัก ก่อนจะนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมานั่งแต่งตัวที่โต๊ะเครื่องแป้ง
เมธีมองทรวดทรงองค์เอวของเธอแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เลือดลมฉูบฉีด ปลุกความเป็นชายในตัวมาก ๆ “หยุด! จะไปกินข้าว นภาหิว” เธอหันมามองค้อนเขา รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เพราะมองผ่านกระจก
เมธีหัวเราะลั่น ช่างรู้ความในใจเขาไปซะทุกเรื่องจริง “อะไรนภา ออกกำลังกายแล้วจะไปทานข้าวเนี่ยนะ โห่ออกกำลังกายเพื่อ!” เมธีเน้นเสียงแบบล้อเลียนเธอ “มีค่าเท่าเดิม อ้วนเหมือนเดิม”
“เอ้า! ก็นภาสะดวกแบบนี้ นภาสบายใจในการกิน อย่างน้อยก็ออกกำลังกายแล้ว กินได้ นอนได้อะไรงี้” พรภาพูดพร้อมหัวเราะที่โดนแซว ทำไงได้เธอหิว แต่อย่างน้อยก็ออกกำลังกายแล้ว อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ ดีกว่าทานแล้วนอนโดยที่ไม่ออกกำลังกายเลย
“โอเค ทานอะไรดีเอ่ย ขุนให้อ้วน ๆ ก่อนผอมเกินไปแล้ว” ไม่พูดเฉย ๆ เดินมาหาเธอที่โต๊ะเครื่องแป้ง มือแตะไหล่ โน้มใบหน้ามาหอมแก้มด้านขวาของเธอ แกล้งให้หงุดหงิดเล่น ๆ
“พี่เมธีนภาจะแต่งตัว เดี๋ยวก็ดึก”
“ดึกอะไรพึ่งจะหนึ่งทุ่มเอง งั้นก็รีบเลย คิ้วเคิ้วน่ะเขียนไปด้วย เดี๋ยวคนในร้านหมูกระทะจะตกใจเอา นึกว่าแม่ชีที่ไหนหลงมา ฮา” พูดพร้อมหัวเราะอย่างรักใคร่ เด็กคนนี้ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตเขาท้าทาย และมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“พี่เมธี! ฮ่วย! เดี๋ยวเถอะ” พรนภาเขินโดนล้ออีกแล้ว หันไปมองค้อนเขา กลบเกลื่อนความเขินอาย “เสร็จแล้วเนี่ย ใส่เสื้อผ้าแป๊บ พี่เมธี!...” พรนภาเรียกเมธีด้วยท่าทางตกใจ
“ครับ มีอะไรเหรอครับน้องนภา” ทำเอาเขาตกใจไปด้วย
“นภาไม่มีเสื้อผ้าใส่อ่ะ”
“โถ! ใส่ซ้ำบ้างก็ได้ค่ะ นี่ ๆ ตัวนี้พี่จำได้นภาซื้อมายังไม่ได้ใส่เลย นี่ตัวนี้ใส่แค่ครั้งเดียวเอง “ เมธีเข้ามาเลือกชุดให้เธอใส่ ก็ทุกตัวในตู้เธอใส่ไปหมดแล้ว พรนภาทำหน้าบึ้งก่อนจะจำใจใส่ชุดที่เมธีจัดให้ นั่นคือกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดคอกลม
ณ ร้านบุฟเฟต์ปิ้งย่างทะเลเผา
เวลานี้ลูกค้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่น เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าพูดถึงเรื่องปิ้งย่าง ที่นี่เป็นร้านประจำของพวกเธอ และใครอีกหลาย ๆ คน
ภายในร้านมีทั้งของคาวของหวานให้เลือกสรรค์ มีทั้งของทะเลและไม่ทะเล แล้วแต่จะเลือกรับประทาน ผลไม้ขนมอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ พร้อมเสียงเพลงเคล้าคลึงให้ความเพลิดเพลินใจ หฤหรรษ์ไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของเนื้อกุ้งหอยและปูบนเตาย่าง เพิ่มบรรยากาศในการกินเป็นอย่างมาก
พวกเธอสองคนเลือกนั่งโต๊ะด้านที่ติดกับถนน อยู่นอกชานร้าน แม้จะเสียงดังด้วยเสียงรถยนต์ ทว่ามันก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไร
เมธีกำลังย่างปูและกุ้งตัวเบ้อเริ่มให้เธอ เขามีหน้าที่ดูเตาย่าง พร้อมจิบเบียร์ไปด้วย ส่วนเธอกำลังย่างหมูสามชั้นพลิกไปพลิกมาให้กับเขา เธอมีหน้าที่ดูเตาปิ้ง
พอเนื้อสุกแล้วพรนภาก็ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มยัดเข้าปากไป เนื้อนุ่ม ๆ เคี้ยวอย่างอร่อยได้รสชาติ ละมุนลิ้นที่สุด
“อ้าว! เฮ้ย ของพี่ไม่ใช่เหรอ “ เมธีมองตามตาละห้อย กับหมูสไลด์ติดมันชิ้นนี้ แบบน่าสงสาร
“อ้าวเหรอ! นภาลืม ๆ เดี๋ยวนภาย่างให้ใหม่นะ โอ๋ ๆ อย่างอนนะคะคนดีของนภา นี่ ๆ นะภาย่างให้” เธออมยิ้มที่แกล้งเขาได้ ตักเนื้อหมูขึ้นมาย่างให้ใหม่อีกครั้ง
เมธียิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของเธอ เด็กคนนี้เขารักสุดหัวใจ “ออกกำลังกายแล้วได้อะไรเนี่ย มาซัดหมูกระทะอยู่ตรงเนี๊ย ฮึอิหล่า!” เมธีพูดล้อที่เธอออกกำลังกายก่อนหน้าจะมาที่นี่
“เอ๋า พี่เมธีก็ นภาก็หิวน้อ” พรนภายิ้ม ช่างปะไร ถึงอย่างไรก็ถือว่าได้ออกกำลังกายแล้ว
ภาพผู้หญิงอายุยี่สิบปลายกับผู้ชายสี่สิบกลาง ๆ กำลังนั่งทานหมูกระทะ เป็นที่สะดุดสายตาของใครหลายคนที่มาใช้บริการที่นี่ บ้างก็มองแล้วพูดคุยกันเบา ๆ บ้างก็เฉย ๆ แต่เธอก็ไม่แคร์สายตาใคร ทั้งเขาด้วย เพราะความรักมันออกแบบไม่ได้
จู่ ๆ ภาพบรรยากาศในร้านหมูกระทะก็หมุนวนอันตรธานหายไป กลายเป็นห้องพักเล็ก ๆ สี่เหลี่ยมที่คุ้นตา ห้อง! ใช่นี่มันที่ห้องของเธอ เธออยู่ในห้องหรอกเหรอ ไม่ได้ไปนั่งร้านหมูกระทะกับพี่เมธี
พรนภาสะดุ้งตื่นขึ้นมากับเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพอดี มองซ้ายมองขวานี่มันเตียงนอนของเธอ ห้องของเธอ ไม่ใช่คอนโดพี่เมธี พี่โค๊กแฟนของเธอไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน
เฮ้อ! เธอถอนหายใจออกมายาว ๆ อีกแล้วกับการอยู่คนเดียว ชีวิตพี่โค๊กมีแต่งานกับงาน แต่พอนึกถึงฝันเมื่อครู่ ฝันเมื่อคืนมันก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ฝันถึงพี่เมธีอีกแล้ว ฝันหวาน เป็นฝันที่มีความสุขที่สุด
ชีวิตจริงเธอทำอย่างที่ฝันไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ระหว่างเธอกับพี่เมธี แล้วทำไมเธอต้องปิดกั้นตัวเองในฝันด้วย ขอเพียงฝันถึง ขอเพียงได้ฝันถึงก็มีความสุข
ทำไมเธอต้องทรยศความรู้สึกตัวเอง แม้สิ่งที่เธอกำลังเป็นคนอื่นจะมองว่าเลว สองใจ นางวันทองก็ตาม ทว่ามันก็แค่เกิดขึ้นในฝัน ไม่มีวันได้เป็นจริง ตราบใดที่เธอยังมีพี่โค๊กอยู่
และสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันพี่โค๊กไม่สามารถทำให้เธอได้ กับพี่โค๊กเธอจำต้องอดทนและอดทน เข้าใจ! ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ก็เพราะเข้าใจพี่โค๊กเธอถึงได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่บางครั้งเพราะความเข้าใจของเธอ พี่โค๊กจึงมองข้ามความรู้สึก ไม่ใยดีว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เพราะความเข้าใจนี่แหละ
ใต้จิตสำนึกลึก ๆ หวังเล็ก ๆ ริบหรี่ เธอก็ยังหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เมธีจะจบลงตอนไหนและเมื่อไหร่
แว่บแรกของความคิด ไหน ๆ พี่โค๊กก็ไม่อยู่แล้ว ชวนหัวหน้าของเธอไปเจอพี่เมธีดีมั้ยน๊า...
ให้ความสุขมันเกิดขึ้นแค่ในฝัน ส่วนความจริงมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ทำไมเราต้องหักห้ามตัวเองไม่ให้ฝัน แค่หักห้ามตัวเองในโลกของความจริงก็พอ ขอแค่เพียงฝัน ให้ตัวเองมีความสุข สุขแค่ในฝันแค่นั้นก็พอ
จบบท...