เมื่อครอบครัวเริ่มขยายขึ้น ที่พักอาศัยก็ต้องขยายด้วยเช่นกัน จากเดิมเคยอยู่ Town Home (ทำเลโอเคใกล้ที่ทำงานมาก) ก็ขยับขยายไปซื้อบ้านเดียวที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และค่อนข้างไกลจากที่ทำงานนิสนึง แต่เนื่องจากนโยบายที่ทำงานไม่ต้องเข้าoffice ทุกวัน เราจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ได้ง่ายขึ้น เอาไงหละ เมื่อซื้อบ้านใหม่ บ้านหลังเดิมก็ต้องขาย ขายบ้านถ้าทำเลโอเค ราคาสมเหตุสมผล ขายยากมั้ยไม่ยากเลยจร้า แต่ที่ยากคือคนซื้อทำไมกู้ยากจังกู้ไม่ผ่านกันซักที แต่ถ้าว่าใช้เวลานานมั้ยเมื่อเทียบกับคนอื่นไม่นานเลยค่ะ เราจะเล่าประสบการณ์ และเทคนิคการขายบ้านไม่ให้เสียโอกาส จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราดังนี้
ขอเริ่มตั้งแต่ดูบ้านหลังใหม่ตัดสินใจซื้อและเข้าอยู่จนขายได้ เราใช้เวลาทั้งสิ้นเบ็ดเสร็จ 6 เดือน ดังนี้
5พ.ค.63 ตัดสินใจไปดูบ้านเดียวแถวรามอินทรา Developer Top5ของไทย เราชอบบรรยากาศ และรวามเป็นส่วนตัวมากเนื่องจากในหมู่บ้านมีแค่20 หลัง ตอนไปดูเหลือแค่2 หลังสุดท้าย และเราก็ได้มา ดูปุ๊บจองเลยจร้า กลับมาบ้านเราก็เริ่มคิดจะประกาศขายเลย (มั่นใจมากว่าบ้านหลังใหม่ต้องเป็นของเรา)
เริ่มจากการถ่ายรูปบ้าน หามุมที่สวย โดดเด่นสะดุดตา สำหรับลงโฆษณา
1 มิ.ย. 63 ผลกู้ผ่าน ซึ่งโอนและเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. การประกาศขายบ้านอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้นนะบัดนี้🏡
ตั้งแต่ประกาศขายมีคนโทรมาสอบถามเรื่อยๆ (เยอะสุดคือนายหน้าปฎิเสธไม่หวาดไม่ไหว)เข้ามาดูคนแรกจะเอาละอยู่ระหว่างตัดสินใจ และก็เปลี่ยนใจเนื่องจากทราบมาว่าเพื่อนบ้านของเรานิสัยค่อนข้างแย่ (แต่จริงๆต่างคนต่างอยู่ก็จบ แต่ก็เป็นการตัดสินใจของเค้าเราก็ไม่ว่าอะไร)
2 ก.ค.63 ผู้ซื้อคนที่2 เข้ามาดูบ้านเรา เค้าชอบมากเนื่องจากบ้านค่อนข้างใหม่ กว้าง สะอาด พร้อมอยู่ได้เลย ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคุณภาพ และราคาที่หลังอื่นประกาศขาย คนนี้เป็นข้าราชการอายุค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันอยู่บ้านพักของราชการ ใกล้เกษียณเลยอยากหาบ้านใกล้ๆที่พักปัจจุบัน เค้าตัดสินใจจองทันที โดยวางเงินมัดจำ 20,000 บาท และด้วยความใจดีของเรา บอกไปเลยถ้ากู้ไม่ผ่านคืนมัดจำให้หมด แต่ลืมบอกว่าต้องยื่นกู้หลายๆที่ สรุปเค้ายื่นกู้ที่เดียวรอผลนานมากนานเกือบ 2 เดือน ระหว่างทางมีคนติดต่อมาเรื่อยๆแต่เราติดสัญญาเราเลยไม่ได้สนใจขายรายอื่น และด้วยฐานเงินเดือนพี่เค้ามั่นใจมากว่าต้องกู้ผ่าน มือใหม่หัดขายแผลก็จะเหวะหวะหน่อยค่ะ รายนี้เค้ากู้ไม่ผ่าน เราพยายามจะช่วยให้ยื่นกู้อีกที่ เค้าบอกช่วงนี้เครียดลูกตกงาน ขอพักการกู้ก่อน เราสงสาร คืนเงินมัดจำให้หมด พร้อมกับโอกาสที่เสียไป2เดือน และมารู้ภายหลังว่าเค้าไปจองอีกหลังนึงไว้ด้วย มันเจ็บใจนิสๆ แต่ปล่อยละกันช่างมันเริ่มใหม่
ประสบการณ์จากรายแรก ทำให้เราเปลี่ยนวิธีการขายใหม่ เราไม่เซ็นสัญญาและเก็บเงินมัดจำจากใครทั้งนั้น ถ้าสนใจบ้านเราจริงไปยื่น pre approved กับ Bank เลยจร้า ถ้าใครผ่านก่อนก็เอาบ้านไปเลย เราไม่เซ็นสัญญากับใครเพื่อปิดโอกาสตัวเองแล้ว และการขายครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น
ต้นเดือน ก.ย.63 มีคนเข้ามาดูบ้าน 5 ราย มีคนสนใจ 3 ราย (เด็กวัยรุ่นเริ่มสร้างตัวอยากมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง (ขอเรียกว่าน้องA) ,พี่ผู้หญิงซึ่งต้องการบ้านเรามาทำเป็นoffice (ขอเรียกว่าพี่B),ครอบครัวทหารอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ (ขอเรียกว่าพี่ C)) ทุกคนเราแนะนำให้ไปยื่น pre approved ก่อนหมด ซึ่งคนที่อยากได้มากที่สุด คือ พี่C ครั้งแรกพี่เค้ากู้ไม่ผ่าน แต่เค้าอยากได้มากจีงพยายามจะซื้อสด และขอให้เรารอ ซึ่งเราก็บอกว่าเรารอไม่ได้จริงๆ ถ้ามีคนอื่นผ่านก็ต้องให้เค้าไป เค้าเลยขอเราว่ารอเค้าเหอะ เค้าให้มัดจำ 100,000 บาทเลย ถ้าเค้าโอนไม่ทันภายในกำหนด (1เดือนครึ่ง) เค้าให้ยึดเงินมัเจำเลย สุดท้ายเราก็ทำสัญญาอีกครั้งเพื่อรอพี่C
9 พ.ย.63 ทางพี่B แจ้งเข้ามาว่าผล pre approved ผ่านแล้วจะขอเอกสารผู้ขายเพื่อยื่นกู้ ผลอนุมัติจะพร้อมโอนได้ภายใน 2 อาทิตย์ ให้ตายละเราเซ็นสัญญาไว้ละทำไงหล่ะ เครียดเลยนอนไม่หลับ กลัวพี่C จะหาเงินไม่ได้ แล้วก็จะเสียโอกาสทางพี่B แต่เรายังไม่ได้ปฏิเสธพี่ Bนะ และก็ยังไม่บอกอะไร รอไปคิดวิธีก่อน
10 พ.ย. 63 สวรรค์ทรงโปรดมากเลย พี่C โทรมาแจ้งว่าเค้ายื่น Bank ไปอีกรอบผ่านแล้ว สามารถโอนได้ภายในวันที่ 13 พ.ย.63 เลย (โห ศุกร์13พอดีเลย555)
13 พ.ย.63 เราก็ไปโอนขายบ้านที่ ที่ดิน เสร็จสรรพเรียบร้อย ขั้นตอนการโอนติดขัดนิสหน่อย เนื่องจากพ่อมอบอำนาจมาให้ทำการขาย (โฉนดกรรมสิทธิ์ร่วม) และพ่อเราดันเปลี่ยนลายเซ็น ลายเซ็นไม่ตรงกับเมื่อ10ปีก่อน ต้องมีการพิสูจน์หลาย อย่างโทรเช็คกับพ่อ และวิดีโอคอลเพื่อตรวจสอบตัวตน แต่สุดท้ายก็เรียบร้อยได้ cashier chequeมาเรียบร้อยจร้า
การขายบ้านของเราก็จบเพียงเท่านี้ ขายได้เรากว่าที่ตั้งใจไว้หลายเดือนเลย ตามแผนเราตั้งใจว่าซัก 1 ปี แต่เราสามารถขายได้ ภายในนะยะเวลา 4 เดือนกว่าเท่านั้น🎉
ประสบการณ์ขายบ้านมือสอง
ขอเริ่มตั้งแต่ดูบ้านหลังใหม่ตัดสินใจซื้อและเข้าอยู่จนขายได้ เราใช้เวลาทั้งสิ้นเบ็ดเสร็จ 6 เดือน ดังนี้
5พ.ค.63 ตัดสินใจไปดูบ้านเดียวแถวรามอินทรา Developer Top5ของไทย เราชอบบรรยากาศ และรวามเป็นส่วนตัวมากเนื่องจากในหมู่บ้านมีแค่20 หลัง ตอนไปดูเหลือแค่2 หลังสุดท้าย และเราก็ได้มา ดูปุ๊บจองเลยจร้า กลับมาบ้านเราก็เริ่มคิดจะประกาศขายเลย (มั่นใจมากว่าบ้านหลังใหม่ต้องเป็นของเรา)
เริ่มจากการถ่ายรูปบ้าน หามุมที่สวย โดดเด่นสะดุดตา สำหรับลงโฆษณา
1 มิ.ย. 63 ผลกู้ผ่าน ซึ่งโอนและเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. การประกาศขายบ้านอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้นนะบัดนี้🏡
ตั้งแต่ประกาศขายมีคนโทรมาสอบถามเรื่อยๆ (เยอะสุดคือนายหน้าปฎิเสธไม่หวาดไม่ไหว)เข้ามาดูคนแรกจะเอาละอยู่ระหว่างตัดสินใจ และก็เปลี่ยนใจเนื่องจากทราบมาว่าเพื่อนบ้านของเรานิสัยค่อนข้างแย่ (แต่จริงๆต่างคนต่างอยู่ก็จบ แต่ก็เป็นการตัดสินใจของเค้าเราก็ไม่ว่าอะไร)
2 ก.ค.63 ผู้ซื้อคนที่2 เข้ามาดูบ้านเรา เค้าชอบมากเนื่องจากบ้านค่อนข้างใหม่ กว้าง สะอาด พร้อมอยู่ได้เลย ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคุณภาพ และราคาที่หลังอื่นประกาศขาย คนนี้เป็นข้าราชการอายุค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันอยู่บ้านพักของราชการ ใกล้เกษียณเลยอยากหาบ้านใกล้ๆที่พักปัจจุบัน เค้าตัดสินใจจองทันที โดยวางเงินมัดจำ 20,000 บาท และด้วยความใจดีของเรา บอกไปเลยถ้ากู้ไม่ผ่านคืนมัดจำให้หมด แต่ลืมบอกว่าต้องยื่นกู้หลายๆที่ สรุปเค้ายื่นกู้ที่เดียวรอผลนานมากนานเกือบ 2 เดือน ระหว่างทางมีคนติดต่อมาเรื่อยๆแต่เราติดสัญญาเราเลยไม่ได้สนใจขายรายอื่น และด้วยฐานเงินเดือนพี่เค้ามั่นใจมากว่าต้องกู้ผ่าน มือใหม่หัดขายแผลก็จะเหวะหวะหน่อยค่ะ รายนี้เค้ากู้ไม่ผ่าน เราพยายามจะช่วยให้ยื่นกู้อีกที่ เค้าบอกช่วงนี้เครียดลูกตกงาน ขอพักการกู้ก่อน เราสงสาร คืนเงินมัดจำให้หมด พร้อมกับโอกาสที่เสียไป2เดือน และมารู้ภายหลังว่าเค้าไปจองอีกหลังนึงไว้ด้วย มันเจ็บใจนิสๆ แต่ปล่อยละกันช่างมันเริ่มใหม่
ประสบการณ์จากรายแรก ทำให้เราเปลี่ยนวิธีการขายใหม่ เราไม่เซ็นสัญญาและเก็บเงินมัดจำจากใครทั้งนั้น ถ้าสนใจบ้านเราจริงไปยื่น pre approved กับ Bank เลยจร้า ถ้าใครผ่านก่อนก็เอาบ้านไปเลย เราไม่เซ็นสัญญากับใครเพื่อปิดโอกาสตัวเองแล้ว และการขายครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น
ต้นเดือน ก.ย.63 มีคนเข้ามาดูบ้าน 5 ราย มีคนสนใจ 3 ราย (เด็กวัยรุ่นเริ่มสร้างตัวอยากมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง (ขอเรียกว่าน้องA) ,พี่ผู้หญิงซึ่งต้องการบ้านเรามาทำเป็นoffice (ขอเรียกว่าพี่B),ครอบครัวทหารอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ (ขอเรียกว่าพี่ C)) ทุกคนเราแนะนำให้ไปยื่น pre approved ก่อนหมด ซึ่งคนที่อยากได้มากที่สุด คือ พี่C ครั้งแรกพี่เค้ากู้ไม่ผ่าน แต่เค้าอยากได้มากจีงพยายามจะซื้อสด และขอให้เรารอ ซึ่งเราก็บอกว่าเรารอไม่ได้จริงๆ ถ้ามีคนอื่นผ่านก็ต้องให้เค้าไป เค้าเลยขอเราว่ารอเค้าเหอะ เค้าให้มัดจำ 100,000 บาทเลย ถ้าเค้าโอนไม่ทันภายในกำหนด (1เดือนครึ่ง) เค้าให้ยึดเงินมัเจำเลย สุดท้ายเราก็ทำสัญญาอีกครั้งเพื่อรอพี่C
9 พ.ย.63 ทางพี่B แจ้งเข้ามาว่าผล pre approved ผ่านแล้วจะขอเอกสารผู้ขายเพื่อยื่นกู้ ผลอนุมัติจะพร้อมโอนได้ภายใน 2 อาทิตย์ ให้ตายละเราเซ็นสัญญาไว้ละทำไงหล่ะ เครียดเลยนอนไม่หลับ กลัวพี่C จะหาเงินไม่ได้ แล้วก็จะเสียโอกาสทางพี่B แต่เรายังไม่ได้ปฏิเสธพี่ Bนะ และก็ยังไม่บอกอะไร รอไปคิดวิธีก่อน
10 พ.ย. 63 สวรรค์ทรงโปรดมากเลย พี่C โทรมาแจ้งว่าเค้ายื่น Bank ไปอีกรอบผ่านแล้ว สามารถโอนได้ภายในวันที่ 13 พ.ย.63 เลย (โห ศุกร์13พอดีเลย555)
13 พ.ย.63 เราก็ไปโอนขายบ้านที่ ที่ดิน เสร็จสรรพเรียบร้อย ขั้นตอนการโอนติดขัดนิสหน่อย เนื่องจากพ่อมอบอำนาจมาให้ทำการขาย (โฉนดกรรมสิทธิ์ร่วม) และพ่อเราดันเปลี่ยนลายเซ็น ลายเซ็นไม่ตรงกับเมื่อ10ปีก่อน ต้องมีการพิสูจน์หลาย อย่างโทรเช็คกับพ่อ และวิดีโอคอลเพื่อตรวจสอบตัวตน แต่สุดท้ายก็เรียบร้อยได้ cashier chequeมาเรียบร้อยจร้า
การขายบ้านของเราก็จบเพียงเท่านี้ ขายได้เรากว่าที่ตั้งใจไว้หลายเดือนเลย ตามแผนเราตั้งใจว่าซัก 1 ปี แต่เราสามารถขายได้ ภายในนะยะเวลา 4 เดือนกว่าเท่านั้น🎉