.
ลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดพาความหนาวเหน็บมาปะทะกับแสงแดดอุ่น ๆ ของพระอาทิตย์ในยามเช้า ช่วงนี้คนต่างจังหวัดกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตของข้าวที่ปลูกมาแรมปี บางพื้นที่ทำนาสองครั้ง บางพื้นที่ทำแค่ครั้งเดียว
ครอบครัวของเมย์กำลังเกี่ยวข้าวช่วยกันอย่างขะมักเขม้นกลางทุ่งนา ที่นาผืนนี้เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น ที่นาใกล้เคียงกันก็เป็นของลุงป้าทั้งนั้น ที่ตายายแบ่ง ๆ ให้ไป
ตากับยายเกี่ยวข้าวคู่กันอีกมุมหนึ่งของคันนา ส่วนพ่อกับแม่เกี่ยวข้าวคู่กันอีกมุม ตาสวมหมวกคาวบอยอย่างเท่ ส่วนยายแม่และพ่อสวมหมวกมีปีกธรรมดา ต่างก้ม ๆ เงย ๆ อยู่อย่างนั้น
บ่ายโมงที่นาลุ่มหรือปลายนาครอบครัวของเธอกำลังเกี่ยวข้าวกันเองด้วยความจำเป็น ปลายนาของเธอติดกับลำห้วย น้ำในห้วยน้อยมาก แทบจะมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา
ตอนนี้แดดร้อนระอุทว่ายังมีความเย็นของลมหนาวช่วยผ่อนคลายให้อากาศเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป เมย์ออกจากร่มใต้ต้นค้อมาเกี่ยวข้าวกับพ่อแม่และตายายด้วย ทว่าเธอไม่ได้ทำ แค่มาวิ่งเกะกะทุกคนเฉย ๆ ตาไม่ให้เคียวกับเธอ เพราะยังเด็กเกินไป เมย์ไม่ยอมห่างพ่อกับแม่ไปไหนเลย แม้กระทั่งเกี่ยวข้าวในนา
เมย์สวมเสื้อแขนสั้นสีเหลืองอ่อนลายหมีพูห์ที่เป็นมรดกตกทอดจากญาติ กางเกงขายาวสีน้ำเงิน สวมหมวกผ้าสีแดงของแม่และรองเท้าแตะ แขนของเธอมีรอยขีดข่วนนิดหน่อยจากใบข้าว แก้มแดงอาจเป็นเพราะอากาศเย็น
เธอวิ่งเล่นบริเวณที่เกี่ยวข้าวเสร็จไปแล้ว วิ่งไปหาพ่อกับแม่ที วิ่งไปหาตากับยายทีอย่างเหงา ๆ เพราะน้องสาวยังเล็กอยู่ เล่นเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ กิ๊บเป็นน้องสาวของเธอ แม่ให้กิ๊บนอนในเปลมีเธอเป็นคนดูแล แต่ตอนนี้น้องหลับไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเฝ้า เมย์วิ่งไปหาแม่ทีไรโดนแม่บ่นว่าเกะกะทุกที
“เมย์หนีน้องมาทำไม เดี๋ยวน้องก็ตื่น” ยายยืนท้าวเอวคุยกับเธอ ในมือถือเคียวอยู่ส่วนอีกข้างก็กำฟางข้าวไว้เต็มกำมือใบหน้าของยายเปื้อนไปด้วยเม็ดเหงื่อ ยายไม่ปริปากบ่นสักคำ ส่วนตาก็ตั้งหน้าตั้งตาเกี่ยวข้าวอย่างเดียว อย่างกับเกรงว่ามันจะไม่เสร็จ
“น้องหลับแล้ว” เมย์ตอบยาย “ยายให้เมย์ช่วยเกี่ยวข้าวเอามั้ย” เธออยากทำมาก มันคงจะสนุกน่าดู เธอมองต้นข้าวที่มันล้มระเนระนาดมันช่างน่าใช้เคียวเกี่ยวจริง ๆ ต้นข้าวบางช่วงก็ล้มไปตามแรงลม บางช่วงก็ตั้งชูเป็นกอสวยงาม
“ไม่ ๆ ไปไกวเปลน้องน่ะ กิ๊บตื่นแม่มืงด่านะบอกให้” พูดไม่ทันขาดคำแม่ก็ยืนหันหน้ามามองพอดี
“เมย์ทำไมไปอยู่กับน้อง ไปไกวน้องเดี๋ยวนี้เลยหนีมาทำไม” แม่ดุเธอนิดหน่อย เมย์ทำหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่ได้กลับไปหาน้องตามที่แม่ส่ัง เปลน้องสาวก็อยู่ตรงนี้เอง ใต้ร่มต้นค้อตรงนี้เอง “เสื้อแขนยาวก็ไม่ใส่แขนลายเหมือนตุ๊กแกหมดแล้ว แก้มก็แตก ขี้เหร่มากเลยเมย์” แม่ยังมิวายบ่นเธอ ก่อนจะก้มลงเกี่ยวข้าวต่อไป พ่อเงยหน้าขึ้นมามอง
“เข้าร่มเลยลูกมันแดด! โตก่อนค่อยทำ อย่าขี้เกียจก็แล้วกัน” พ่อผู้ไม่เคยดุเธอเลย พูดเพียงเท่านี้ก็ก้มทำงานต่อเช่นกัน ไม่ค่อยมีใครสนใจเธอเท่าไหร่นัก แค่น้องสาวไม่มากวนเวลาทำงานของพ่อกับแม่ก็พอ
ถึงเธอจะไม่ยอมไปอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว ปล่อยน้องนอนในเปลคนเดียว แต่สายตายังสอดส่อง คอยมองว่าเปลกระดุกกระดิกตอนไหน เธอจะรีบวิ่งไปไกวทันที เพื่อไม่ให้น้องตื่น เดี๋ยวแม่ไม่ได้เกี่ยวข้าว
เมย์วิ่งเล่นไปมาอยู่คนเดียวอย่างสนุก บ้างก็วิ่งไปไกวเปลน้องทีสองทีก็กลับมากลางไร่เหมือนเดิม “พ่อทำไมพ่อถึงเกี่ยวข้าวเป็น แม่สอนเหรอ”
“ไปเข้าร่มเลยลูก ออกมาทำไม แดดมันร้อน” พ่อไม่ตอบคำถามของเธอ กลับบอกให้เธอไปเข้าร่มซะงั้น “เรียนสูง ๆ จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้าว มันเหนื่อย”
“ไม่! เมย์อยากเกี่ยวข้าว” แม่หัวเราะกับคำตอบของเธอ พร้อมยืนขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเหน็ดเหนื่อยให้หายไป พ่อยิ้มหัวเราะนิดหน่อยและก็ก้มเกี่ยวข้าวต่อ
“ไม่เรียนก็ได้มาเกี่ยวข้าวแบบนี้ แดดก็แดด ร้อนก็ร้อน กว่าจะเสร็จ” แล้วแม่ก็สาธยายยืดยาว ยกตัวอย่างคนนู้นคนนี้เรียนนั่นนี่ คนนู้นคนนี้เรียนไม่จบนี่นั่น เธอรู้สึกขี้เกียจฟังก็วิ่งไปหายายกับตาที่เกี่ยวข้าวอยู่อีกมุม
“เมย์เข้าร่มเลยเมย์มืงมาวิ่งตากแดดตากลมทำไม” ตาดุเธอ แต่เมย์ก็เฉยทำหูทวนลม ก็เธออยากเกี่ยวข้าว “ไปดูน้องเลย ตื่นแล้วป่านนี้” ตาออกคำสั่งแล้วเธอก็รีบวิ่งไปดู ไกวสามสี่ทีก็วิ่งกลับมา
“หลับอยู่ยังไม่ตื่น”
“อยากทำก็มาทำ! นี่ทำแบบนี้ หักฟางข้างตรงปล่องของมันหนิ เต็มกำมือแล้วเอามาวางรวมกับของยาย” ยายสอนเธอหักข้าวทีละต้น หักตรงปล่องของมันจะหักง่าย เธอตื่นเต้นมาก เที่ยวหักไปทีละต้น ๆ จนเต็มกำมือจึงค่อยเอาไปวางกับกองของยาย ตากับยายวางข้าวที่เกี่ยวเสร็จแล้วเป็นแถวเป็นแนวเดียวกันไป
ที่กลางทุ่งนาครอบครัวของเธอกำลังเกี่ยวข้าวกันอยู่ วันนี้หาคนงานไม่ได้ ครอบครัวของเธอจึงต้องทำกันเอง พรุ่งนี้ถึงจะมีคนงานมาช่วย ระหว่างที่เธอกำลังหักต้นข้าวอยู่นั้น สายตามองไปไกล ๆ เห็นภูเขาสองลูกเรียงซ้อนกันอยู่ เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด ภูอะไรกัน
“ยาย! ยายนั่นภูอะไรเหรอ” เธอตะโกนถามยายพร้อมชี้นิ้วไปที่ภูลูกนั้น
“ภูปอ!”
“ภูปอคือภูอะไรเหรอ”
“ภูปอก็คือภูปอ ชื่อปอ มีพระนอนอยู่ที่นั้นสององค์”
“ยายเคยไปกราบมั้ย ตาเคยไปมั้ย แม่เคยไปมั้ย พ่อเคยไปมั้ย” เธอถามด้วยความสงสัยและอยากรู้ และอยากรู้ว่าภูปออยู่ตรงไหน มันต้องอยู่ใกล้ ๆ แน่เลยถึงได้มองเห็น
“เคย” เธอกำลังคุยกับยายอย่างสนุก และแล้วความสุขก็พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา เมื่อน้องสาวของเธอตื่นนอนกลางวันแล้ว กิ๊บลุกขึ้นนั่งในเปลผ้าขาวม้า เหมือนกำลังมึนงงอะไรสักอย่างอยู่ โชคดีที่เธอมองเห็นก่อน จึงรีบวิ่งไปหาทันทีก่อนที่น้องสาวของเธอจะร้องไห้เพราะมองไม่เห็นใคร
เมย์ทำหน้าเบื่อหน่ายนิดหน่อยที่น้องสาวตื่น เพราะว่าเธอจะไม่ได้ไปหักข้าวช่วยยายอีกแล้ว ต้องอยู่กับน้อง เมย์อุ้มน้องสาวออกมาจากเปล เอาน้ำให้กิน พร้อมเอาขวดนมให้ กิ๊บรับเอาอย่างว่าง่าย ดีที่ไม่ร้องไห้งอแง
“เมย์! มืงกวนน้องให้ตื่นทำไม น้องพึ่งนอนเมื่อกี้เองนะ “ ทันทีที่แม่มองเห็นน้องตื่น ก็ยืนตะโกนพูดกับเธอ
“เมย์ไม่ได้ปลุก กิ๊บมันตื่นเอง” เธอหน้าบึ้งกลัวแม่ดุหาว่าเธอทำน้องตื่น แม่กำลังเดินมาหาเธอกับน้องสาวที่ใต้ต้นค้อ
“น้องตื่นก็ไกวให้นอนต่อไงลูก น้องนอนยังไม่ถึงชั่วโมงเลย ตอนเย็นน้องงอแงแม่” แม่ถอดถุงมือถอดหมวกพร้อมนั่งลงบนเสื่อกับเธอ เมย์ตักน้ำในกระติกเย็นเจี๊ยบด้วยน้ำแข็งในนั้นยื่นให้กับแม่
“เห็นมั้ยแม่บอกให้อยู่กับน้อง ยังลงไปไร่กับแม่อีกน้องตื่นเลย” น้องสาวนั่งบนตักของเธอหัวฟูตาใสแป๋ว เธอนั่งในท่าขัดสมาธิ ส่วนแม่นั่งใช้หมวกพัดทำความเย็นให้ตัวเอง จึงยังไม่รับน้องสาวของเธอไปอุ้ม
“เกี่ยวข้าวเสร็จแม่ไปกรุงเทพมั้ย” เธอถามแม่ ไม่อยากให้ไป เธอเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น ทุกปีแม่จะกลับมาทำนาแล้วก็กลับไปกรุงเทพอีก
แม่ยิ้มให้เธอก่อนจะตอบ ที่ใบหน้าของแม่ปราศจากเหงื่อเพราะแม่เช็ดออกจนหมด และใช้หมวกพัดจนตัวเย็นแล้ว “ไป! เดี๋ยวก่อนแม่ไปกรุงเทพแม่พาเข้าไปในเมืองซื้อเสื้อแขนยาวสวย ๆ เอามั้ย”
“ไม่เอา!” เธอคิดว่าถ้าไม่ซื้อเสื้อแขนยาวแม่ก็จะไม่ต้องไปกรุงเทพ มันคงจะต้องเป็นแบบนั้น แค่ความคิดของเด็กคนหนึ่ง “แม่กับพ่อก็ไม่ต้องไปทำงาน” เธอยื่นข้อเสนอให้กับแม่ แม่เพียงยิ้มให้กับเธอเท่านั้น
เมย์ยื่นน้องสาวให้แม่อุ้ม แล้วแม่ก็อุ้มกิ๊บให้นอนลงเปลอีก ไกวแรง ๆ และร้องเพลงกล่อมไปด้วย ตอนแรกกิ๊บงอแง ไป ๆ มา ๆ หลับไปโดยไม่รู้ตัว
“อยู่กับน้อง ห้ามตามแม่ลงไปไร่ แม่ไปเกี่ยวข้าวช่วยพ่อกับตายาก่อน ดื้อพูดยากแม่ไปกรุงเทพพรุ่งนี้นะ” หลังจากแม่ไปแล้วเมย์ก็ไกวน้องไม่ยอมให้เปลหยุดนิ่งเลย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปกับการเก็บเกี่ยวข้าว เสร็จทุกกระบวนการ จนกระทั่งนำมาเก็บไว้ยุ้งฉาง พ่อกับแม่พาเธอไปเที่ยวและซื้อชุดใหม่ตามที่ได้สัญญาไว้แล้ว ก่อนที่พ่อกับแม่จะเดินทาง
เมย์ไม่ยอมห่างแม่ไปไหนเลย แม่เดินไปไหนเมย์ก็เดินตาม จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันที่พ่อกับแม่จำต้องทิ้งเธอไปอีกแล้ว เมย์ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเกาะแข่งเกาะขาพ่อกับแม่ ทว่าเธอเพียงยืนดูเงียบ ๆ ที่ประตูบ้าน ดูพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าขึ้นรถกระบะ ส่วนน้องสาวของตนไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
แม่ถักเปียให้เธอเรียบร้อยในตอนเช้า แม้ผมเธอจะสั้นเท่าติ่งหู หน้าม้าเลยคิ้วก็ตาม เธอสวมเสื้อแขนยาวสีชมพูตัวหนาที่แม่ซื้อให้ กางเกงยีนส์ขาบานลายการ์ตูน เธอยืนพิงประตูมองพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าและของฝากที่ยายจัดให้ใส่กระบะรถอยู่เงียบ ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงพ่อแม่ก็จะออกเดินทางกันแล้ว
“เมย์มาหาพ่อกับแม่หน่อย” แม่เรียกเธอให้มาหา ยายยืนอุ้มน้องสาวของเธอส่งแม่ที่รถยนต์ เธอยืนมองอยู่ประตูบ้านคนเดียว ไม่ยอมเดินไปตามเสียงเรียก จนแม่ต้องเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง
“ปีใหม่แม่ก็กลับมาบ้านแล้ว นับไปอีกหนึ่งเดือน” แม่เดินมากอดเธอ “อยู่ ป.1 แล้วนับวันถูกมั้ย”
“ 1 เดือนมีกี่วันแม่ “
“1 เดือนมี 30 วัน เดือนนี้ให้ถึงสิ้นเดือนก่อน เมย์ก็ค่อยนับไปอีก 30 วัน พ่อกับแม่ก็กลับมาปีใหม่แล้ว”
“เหรอแม่ “
แล้วเมย์ก็ยอมเดินไปส่งพ่อกับแม่ที่รถ มองรถของพ่อแม่วิ่งออกไปไกลจนลับสายตา
20 กว่าปีผ่านไป
“เมย์มาเกี่ยวข้าว! จะกินมั้ยข้าว ตอนเด็กไม่ให้ทำนี่ขยันเกิ๊น”!
“ปวดหลังยาย! ก้ม ๆ เงย ๆ ไม่ค่อยได้ เล็บยาวเดี๋ยวเล็บฉีก”
จบ...
เรื่องสั้น “เมย์”
.
ลมหนาวเดือนพฤศจิกายนพัดพาความหนาวเหน็บมาปะทะกับแสงแดดอุ่น ๆ ของพระอาทิตย์ในยามเช้า ช่วงนี้คนต่างจังหวัดกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตของข้าวที่ปลูกมาแรมปี บางพื้นที่ทำนาสองครั้ง บางพื้นที่ทำแค่ครั้งเดียว
ครอบครัวของเมย์กำลังเกี่ยวข้าวช่วยกันอย่างขะมักเขม้นกลางทุ่งนา ที่นาผืนนี้เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น ที่นาใกล้เคียงกันก็เป็นของลุงป้าทั้งนั้น ที่ตายายแบ่ง ๆ ให้ไป
ตากับยายเกี่ยวข้าวคู่กันอีกมุมหนึ่งของคันนา ส่วนพ่อกับแม่เกี่ยวข้าวคู่กันอีกมุม ตาสวมหมวกคาวบอยอย่างเท่ ส่วนยายแม่และพ่อสวมหมวกมีปีกธรรมดา ต่างก้ม ๆ เงย ๆ อยู่อย่างนั้น
บ่ายโมงที่นาลุ่มหรือปลายนาครอบครัวของเธอกำลังเกี่ยวข้าวกันเองด้วยความจำเป็น ปลายนาของเธอติดกับลำห้วย น้ำในห้วยน้อยมาก แทบจะมองเห็นสันดอนโผล่ขึ้นมา
ตอนนี้แดดร้อนระอุทว่ายังมีความเย็นของลมหนาวช่วยผ่อนคลายให้อากาศเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป เมย์ออกจากร่มใต้ต้นค้อมาเกี่ยวข้าวกับพ่อแม่และตายายด้วย ทว่าเธอไม่ได้ทำ แค่มาวิ่งเกะกะทุกคนเฉย ๆ ตาไม่ให้เคียวกับเธอ เพราะยังเด็กเกินไป เมย์ไม่ยอมห่างพ่อกับแม่ไปไหนเลย แม้กระทั่งเกี่ยวข้าวในนา
เมย์สวมเสื้อแขนสั้นสีเหลืองอ่อนลายหมีพูห์ที่เป็นมรดกตกทอดจากญาติ กางเกงขายาวสีน้ำเงิน สวมหมวกผ้าสีแดงของแม่และรองเท้าแตะ แขนของเธอมีรอยขีดข่วนนิดหน่อยจากใบข้าว แก้มแดงอาจเป็นเพราะอากาศเย็น
เธอวิ่งเล่นบริเวณที่เกี่ยวข้าวเสร็จไปแล้ว วิ่งไปหาพ่อกับแม่ที วิ่งไปหาตากับยายทีอย่างเหงา ๆ เพราะน้องสาวยังเล็กอยู่ เล่นเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ กิ๊บเป็นน้องสาวของเธอ แม่ให้กิ๊บนอนในเปลมีเธอเป็นคนดูแล แต่ตอนนี้น้องหลับไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเฝ้า เมย์วิ่งไปหาแม่ทีไรโดนแม่บ่นว่าเกะกะทุกที
“เมย์หนีน้องมาทำไม เดี๋ยวน้องก็ตื่น” ยายยืนท้าวเอวคุยกับเธอ ในมือถือเคียวอยู่ส่วนอีกข้างก็กำฟางข้าวไว้เต็มกำมือใบหน้าของยายเปื้อนไปด้วยเม็ดเหงื่อ ยายไม่ปริปากบ่นสักคำ ส่วนตาก็ตั้งหน้าตั้งตาเกี่ยวข้าวอย่างเดียว อย่างกับเกรงว่ามันจะไม่เสร็จ
“น้องหลับแล้ว” เมย์ตอบยาย “ยายให้เมย์ช่วยเกี่ยวข้าวเอามั้ย” เธออยากทำมาก มันคงจะสนุกน่าดู เธอมองต้นข้าวที่มันล้มระเนระนาดมันช่างน่าใช้เคียวเกี่ยวจริง ๆ ต้นข้าวบางช่วงก็ล้มไปตามแรงลม บางช่วงก็ตั้งชูเป็นกอสวยงาม
“ไม่ ๆ ไปไกวเปลน้องน่ะ กิ๊บตื่นแม่มืงด่านะบอกให้” พูดไม่ทันขาดคำแม่ก็ยืนหันหน้ามามองพอดี
“เมย์ทำไมไปอยู่กับน้อง ไปไกวน้องเดี๋ยวนี้เลยหนีมาทำไม” แม่ดุเธอนิดหน่อย เมย์ทำหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่ได้กลับไปหาน้องตามที่แม่ส่ัง เปลน้องสาวก็อยู่ตรงนี้เอง ใต้ร่มต้นค้อตรงนี้เอง “เสื้อแขนยาวก็ไม่ใส่แขนลายเหมือนตุ๊กแกหมดแล้ว แก้มก็แตก ขี้เหร่มากเลยเมย์” แม่ยังมิวายบ่นเธอ ก่อนจะก้มลงเกี่ยวข้าวต่อไป พ่อเงยหน้าขึ้นมามอง
“เข้าร่มเลยลูกมันแดด! โตก่อนค่อยทำ อย่าขี้เกียจก็แล้วกัน” พ่อผู้ไม่เคยดุเธอเลย พูดเพียงเท่านี้ก็ก้มทำงานต่อเช่นกัน ไม่ค่อยมีใครสนใจเธอเท่าไหร่นัก แค่น้องสาวไม่มากวนเวลาทำงานของพ่อกับแม่ก็พอ
ถึงเธอจะไม่ยอมไปอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว ปล่อยน้องนอนในเปลคนเดียว แต่สายตายังสอดส่อง คอยมองว่าเปลกระดุกกระดิกตอนไหน เธอจะรีบวิ่งไปไกวทันที เพื่อไม่ให้น้องตื่น เดี๋ยวแม่ไม่ได้เกี่ยวข้าว
เมย์วิ่งเล่นไปมาอยู่คนเดียวอย่างสนุก บ้างก็วิ่งไปไกวเปลน้องทีสองทีก็กลับมากลางไร่เหมือนเดิม “พ่อทำไมพ่อถึงเกี่ยวข้าวเป็น แม่สอนเหรอ”
“ไปเข้าร่มเลยลูก ออกมาทำไม แดดมันร้อน” พ่อไม่ตอบคำถามของเธอ กลับบอกให้เธอไปเข้าร่มซะงั้น “เรียนสูง ๆ จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้าว มันเหนื่อย”
“ไม่! เมย์อยากเกี่ยวข้าว” แม่หัวเราะกับคำตอบของเธอ พร้อมยืนขึ้นบิดตัวไปมาไล่ความเหน็ดเหนื่อยให้หายไป พ่อยิ้มหัวเราะนิดหน่อยและก็ก้มเกี่ยวข้าวต่อ
“ไม่เรียนก็ได้มาเกี่ยวข้าวแบบนี้ แดดก็แดด ร้อนก็ร้อน กว่าจะเสร็จ” แล้วแม่ก็สาธยายยืดยาว ยกตัวอย่างคนนู้นคนนี้เรียนนั่นนี่ คนนู้นคนนี้เรียนไม่จบนี่นั่น เธอรู้สึกขี้เกียจฟังก็วิ่งไปหายายกับตาที่เกี่ยวข้าวอยู่อีกมุม
“เมย์เข้าร่มเลยเมย์มืงมาวิ่งตากแดดตากลมทำไม” ตาดุเธอ แต่เมย์ก็เฉยทำหูทวนลม ก็เธออยากเกี่ยวข้าว “ไปดูน้องเลย ตื่นแล้วป่านนี้” ตาออกคำสั่งแล้วเธอก็รีบวิ่งไปดู ไกวสามสี่ทีก็วิ่งกลับมา
“หลับอยู่ยังไม่ตื่น”
“อยากทำก็มาทำ! นี่ทำแบบนี้ หักฟางข้างตรงปล่องของมันหนิ เต็มกำมือแล้วเอามาวางรวมกับของยาย” ยายสอนเธอหักข้าวทีละต้น หักตรงปล่องของมันจะหักง่าย เธอตื่นเต้นมาก เที่ยวหักไปทีละต้น ๆ จนเต็มกำมือจึงค่อยเอาไปวางกับกองของยาย ตากับยายวางข้าวที่เกี่ยวเสร็จแล้วเป็นแถวเป็นแนวเดียวกันไป
ที่กลางทุ่งนาครอบครัวของเธอกำลังเกี่ยวข้าวกันอยู่ วันนี้หาคนงานไม่ได้ ครอบครัวของเธอจึงต้องทำกันเอง พรุ่งนี้ถึงจะมีคนงานมาช่วย ระหว่างที่เธอกำลังหักต้นข้าวอยู่นั้น สายตามองไปไกล ๆ เห็นภูเขาสองลูกเรียงซ้อนกันอยู่ เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด ภูอะไรกัน
“ยาย! ยายนั่นภูอะไรเหรอ” เธอตะโกนถามยายพร้อมชี้นิ้วไปที่ภูลูกนั้น
“ภูปอ!”
“ภูปอคือภูอะไรเหรอ”
“ภูปอก็คือภูปอ ชื่อปอ มีพระนอนอยู่ที่นั้นสององค์”
“ยายเคยไปกราบมั้ย ตาเคยไปมั้ย แม่เคยไปมั้ย พ่อเคยไปมั้ย” เธอถามด้วยความสงสัยและอยากรู้ และอยากรู้ว่าภูปออยู่ตรงไหน มันต้องอยู่ใกล้ ๆ แน่เลยถึงได้มองเห็น
“เคย” เธอกำลังคุยกับยายอย่างสนุก และแล้วความสุขก็พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา เมื่อน้องสาวของเธอตื่นนอนกลางวันแล้ว กิ๊บลุกขึ้นนั่งในเปลผ้าขาวม้า เหมือนกำลังมึนงงอะไรสักอย่างอยู่ โชคดีที่เธอมองเห็นก่อน จึงรีบวิ่งไปหาทันทีก่อนที่น้องสาวของเธอจะร้องไห้เพราะมองไม่เห็นใคร
เมย์ทำหน้าเบื่อหน่ายนิดหน่อยที่น้องสาวตื่น เพราะว่าเธอจะไม่ได้ไปหักข้าวช่วยยายอีกแล้ว ต้องอยู่กับน้อง เมย์อุ้มน้องสาวออกมาจากเปล เอาน้ำให้กิน พร้อมเอาขวดนมให้ กิ๊บรับเอาอย่างว่าง่าย ดีที่ไม่ร้องไห้งอแง
“เมย์! มืงกวนน้องให้ตื่นทำไม น้องพึ่งนอนเมื่อกี้เองนะ “ ทันทีที่แม่มองเห็นน้องตื่น ก็ยืนตะโกนพูดกับเธอ
“เมย์ไม่ได้ปลุก กิ๊บมันตื่นเอง” เธอหน้าบึ้งกลัวแม่ดุหาว่าเธอทำน้องตื่น แม่กำลังเดินมาหาเธอกับน้องสาวที่ใต้ต้นค้อ
“น้องตื่นก็ไกวให้นอนต่อไงลูก น้องนอนยังไม่ถึงชั่วโมงเลย ตอนเย็นน้องงอแงแม่” แม่ถอดถุงมือถอดหมวกพร้อมนั่งลงบนเสื่อกับเธอ เมย์ตักน้ำในกระติกเย็นเจี๊ยบด้วยน้ำแข็งในนั้นยื่นให้กับแม่
“เห็นมั้ยแม่บอกให้อยู่กับน้อง ยังลงไปไร่กับแม่อีกน้องตื่นเลย” น้องสาวนั่งบนตักของเธอหัวฟูตาใสแป๋ว เธอนั่งในท่าขัดสมาธิ ส่วนแม่นั่งใช้หมวกพัดทำความเย็นให้ตัวเอง จึงยังไม่รับน้องสาวของเธอไปอุ้ม
“เกี่ยวข้าวเสร็จแม่ไปกรุงเทพมั้ย” เธอถามแม่ ไม่อยากให้ไป เธอเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น ทุกปีแม่จะกลับมาทำนาแล้วก็กลับไปกรุงเทพอีก
แม่ยิ้มให้เธอก่อนจะตอบ ที่ใบหน้าของแม่ปราศจากเหงื่อเพราะแม่เช็ดออกจนหมด และใช้หมวกพัดจนตัวเย็นแล้ว “ไป! เดี๋ยวก่อนแม่ไปกรุงเทพแม่พาเข้าไปในเมืองซื้อเสื้อแขนยาวสวย ๆ เอามั้ย”
“ไม่เอา!” เธอคิดว่าถ้าไม่ซื้อเสื้อแขนยาวแม่ก็จะไม่ต้องไปกรุงเทพ มันคงจะต้องเป็นแบบนั้น แค่ความคิดของเด็กคนหนึ่ง “แม่กับพ่อก็ไม่ต้องไปทำงาน” เธอยื่นข้อเสนอให้กับแม่ แม่เพียงยิ้มให้กับเธอเท่านั้น
เมย์ยื่นน้องสาวให้แม่อุ้ม แล้วแม่ก็อุ้มกิ๊บให้นอนลงเปลอีก ไกวแรง ๆ และร้องเพลงกล่อมไปด้วย ตอนแรกกิ๊บงอแง ไป ๆ มา ๆ หลับไปโดยไม่รู้ตัว
“อยู่กับน้อง ห้ามตามแม่ลงไปไร่ แม่ไปเกี่ยวข้าวช่วยพ่อกับตายาก่อน ดื้อพูดยากแม่ไปกรุงเทพพรุ่งนี้นะ” หลังจากแม่ไปแล้วเมย์ก็ไกวน้องไม่ยอมให้เปลหยุดนิ่งเลย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปกับการเก็บเกี่ยวข้าว เสร็จทุกกระบวนการ จนกระทั่งนำมาเก็บไว้ยุ้งฉาง พ่อกับแม่พาเธอไปเที่ยวและซื้อชุดใหม่ตามที่ได้สัญญาไว้แล้ว ก่อนที่พ่อกับแม่จะเดินทาง
เมย์ไม่ยอมห่างแม่ไปไหนเลย แม่เดินไปไหนเมย์ก็เดินตาม จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันที่พ่อกับแม่จำต้องทิ้งเธอไปอีกแล้ว เมย์ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเกาะแข่งเกาะขาพ่อกับแม่ ทว่าเธอเพียงยืนดูเงียบ ๆ ที่ประตูบ้าน ดูพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าขึ้นรถกระบะ ส่วนน้องสาวของตนไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
แม่ถักเปียให้เธอเรียบร้อยในตอนเช้า แม้ผมเธอจะสั้นเท่าติ่งหู หน้าม้าเลยคิ้วก็ตาม เธอสวมเสื้อแขนยาวสีชมพูตัวหนาที่แม่ซื้อให้ กางเกงยีนส์ขาบานลายการ์ตูน เธอยืนพิงประตูมองพ่อกับแม่เก็บกระเป๋าและของฝากที่ยายจัดให้ใส่กระบะรถอยู่เงียบ ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงพ่อแม่ก็จะออกเดินทางกันแล้ว
“เมย์มาหาพ่อกับแม่หน่อย” แม่เรียกเธอให้มาหา ยายยืนอุ้มน้องสาวของเธอส่งแม่ที่รถยนต์ เธอยืนมองอยู่ประตูบ้านคนเดียว ไม่ยอมเดินไปตามเสียงเรียก จนแม่ต้องเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง
“ปีใหม่แม่ก็กลับมาบ้านแล้ว นับไปอีกหนึ่งเดือน” แม่เดินมากอดเธอ “อยู่ ป.1 แล้วนับวันถูกมั้ย”
“ 1 เดือนมีกี่วันแม่ “
“1 เดือนมี 30 วัน เดือนนี้ให้ถึงสิ้นเดือนก่อน เมย์ก็ค่อยนับไปอีก 30 วัน พ่อกับแม่ก็กลับมาปีใหม่แล้ว”
“เหรอแม่ “
แล้วเมย์ก็ยอมเดินไปส่งพ่อกับแม่ที่รถ มองรถของพ่อแม่วิ่งออกไปไกลจนลับสายตา
20 กว่าปีผ่านไป
“เมย์มาเกี่ยวข้าว! จะกินมั้ยข้าว ตอนเด็กไม่ให้ทำนี่ขยันเกิ๊น”!
“ปวดหลังยาย! ก้ม ๆ เงย ๆ ไม่ค่อยได้ เล็บยาวเดี๋ยวเล็บฉีก”
จบ...