คุณคิดว่ากว่าที่คนๆนึงจะประสบความสำเร็จ...จะต้องผ่านอะไรมาบ้าง? แล้วคนๆนั้นเจอมรสุมหนักสุดในชีวิตตอนอายุเท่าไหร่?

วันนี้เราได้เจอเรื่องราวของคนๆนึง ซึ่งสร้างแรงบรรดาลใจให้เรา และเราอยากแบ่งปัน  แม้เรื่องราวที่ผ่านมาจะขลุขละไปบ้าง แต่เค้าก็ได้ทำให้เห็นแล้วว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไร ต้องทำเดี๋ยวนั้นและสิ่งนั้นต้องสำเร็จ หวังว่าเรื่องของเค้าจะสร้างแรงบรรดาลใจให้อีกหลายคนเช่นกัน

เรื่องราวของคุณเพทาย CEO บริษัท The Red 2 Group

            คุณเพทายเล่าให้ฟังว่าย้อนกลับไปสมัยเมื่อวัยรุ่น อายุราว 15-16 ปี กับการใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นแบบสุดขั้ว กิน เล่น เที่ยว ดื่ม สุดท้ายต้องถูกส่ง ตัวไปเรียนที่อเมริกา ด้วยคิดว่าจะทำให้สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ แต่เหตุผลสำคัญคือการที่ครอบครัวทหารส่งลูกให้ห่างจากอ้อมอกไป ด้วย ความอาย คือการที่ลูกชาย เป็น “เกย์” และทางบ้านคิดว่า ปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไข และเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการส่งลูกไปเรียนที่ประเทศอเมริกา แต่แท้ที่จริงแล้วนั่นคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
 
           ชีวิตเด็กหนุ่มที่อเมริกาไม่ได้เป็นไปตามที่ครอบครัวคาดหวัง ชีวิตอิสระที่นั่น เปิดโลก เปิดประสบการณ์ทุกอย่างให้กับเค้า ตลอดระยะเวลาประมาณ 4 ปี ที่อเมริกา เต็มไปด้วย การเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า และ ชีวิตติดสุข ติดแสงสี ด้วยเงินทองที่มากมายจากผู้เป็นแม่ จนกระทั่งทางบ้านไม่สามารถส่งเสียค่าใช้จ่ายได้ดั่งเคย ก็ได้เวลากลับบ้านที่เมืองไทย...
 
           การเริ่มต้นชีวิตวัยรุ่นอีกครั้ง ด้วยวัยยี่สิบต้นๆ ที่เมืองไทย หลังจากสะสมประสบการณ์ต่างๆ จากต่างแดน ไม่นานนักก็ได้รู้จัก และเริ่มความสัมพันธ์กับคุณหมอ ผู้มีอาชีพมั่นคง แต่ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบผิวเผิน แต่ทอดเวลามาจนถึงปัจจุบัน คุณหมอท่านนี้ ให้การสนับสนุนดูแลความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทุ่มเท แบบที่เรียกได้ว่า “เมื่อขอ ก็ต้องได้” ในขณะที่เจ้าตัวไม่ได้เห็นคุณค่าอะไรแม้แต่น้อย ใช้เงินทุกบาทที่ได้จากคุณหมอนั้น ปรนเปรอความต้องการของตัวเอง ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ สินค้าแบรนด์เนม แสงสี โดยอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ ผู้เสียสละเพื่อความรักก็เท่านั้น เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จวบจนเวลาผ่านไป 5-6 ปี เค้าได้มีโอกาสรับรู้ว่า คุณหมอมีหนี้สินอยู่นับสิบล้านบาท จากการที่ปรนเปรอทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ต้องการ เค้าจึงได้หยุดคิด ได้ทบทวนตัวเอง หรืออาจจะเกิดจากความที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง จึงบอกกับตัวเองว่า เค้าต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว
 
           เค้าตัดสินใจเปิดหนทางเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะคุ้นเคยจากธุรกิจของครอบครัวมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เค้าพอจะมีความรู้ หรือคุ้นเคย ได้เข้าสู่วงการธุรกิจ เริ่มรู้จักคนมากมายต่อยอดธุรกิจที่ได้เริ่มต้นขึ้น ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี เค้าก็ได้นำผลตอบแทนจากธุรกิจไปชำระหนี้ให้คุณหมอจนหมดสิ้น แต่ก็ทำให้เค้าได้ฮึกเหิมในเวลาเดียวกันว่า เค้าสามารถหาเงินจำนวนมากได้ด้วยตัวเอง การใช้ชีวิตที่มีสีสันเข้มข้นฟุ้งเฟ้อ เป็นภาพให้ตัวเองดูดี ด้วยวัยเพียง 32 ปี ได้เป็นที่รู้จักในวงสังคมมากยิ่งขึ้น ด้วยภาพจำจากการเฝ้าติดตามชีวิตดาราฮอลลีวูดที่เค้าชื่นชอบเค้าจึงเนรมิตทุกอย่างเฉกเช่น ดาราที่ชื่นชอบ จนบางครั้งก็หลงลืมไปว่า ความจริงใจจากคนรอบข้างนั้นหายากเต็มที แม้กระทั่งความรักจากชายที่เค้าหลงใหล คิดว่าเงิน และความหรูหราที่เค้าคิดมอบให้จะเนรมิตความรัก ความจริงใจตอบแทนมา แต่สุดท้ายก็จบลงอย่างไม่ต้องตั้งคำถามใดๆ
 
           การเข้าสู่วงการธุรกิจ และแวดวงสังคม ที่บางครั้งก็ยากจะแยกแยะว่า ความจริงใจอยู่ที่ไหนกันนั้น เค้าไม่สนใจเค้าสนเพียงแค่ ได้ทำตามภาพจำที่อยากมีอยากได้ เฉกเช่น ดาราฮอลลีวูดก็พอ ใช้ทุกเม็ดเงินหว่านเพียงเพื่อให้เป็นจุดสนใจ จนภาพที่ทุกคนรอบค้างเห็นนั้นคือสิ่งที่เค้าต้องการ ตราบเท่าที่มีคนให้ความสนใจต่อภาพลักษณ์ภายนอกอยู่ เค้าก็จะทำทุกอย่าง
 
           การใช้ชีวิตแบบฉบับของเค้า ขึ้นอยู่กับใครจะมองจากมุมไหน จะเป็นที่พอใจของคนทั่วไป หรือคนที่พบเจอหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม อาจจะเป็นตัวอย่าง หรือแบบอย่าง ในแง่มุมต่างๆ ก็สุดแล้วแต่ใครจะมอง เค้าก็แค่คนหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตสุดๆ อย่างที่ใฝ่ ฝันไว้ เมื่อมีโอกาส และที่สำคัญเค้าสามารถดูและครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ก็แค่นั้น...
 
          ถึงจุดนี้ใครจะไปคิดว่าคนๆนึงที่เคยดูเป็นความน่าผิดหวังในสายตาพ่อแม่ หรือบุคคลเพศที่สามที่เที่ยวเก่งมากๆในวันนั้น จะกลายมาเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึงในแวดวงธุรกิจของไทย คุณคิดว่ายังไงบ้างกับเรื่องราวนี้? ลองแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ

พบกับความสำเร็จของคุณเพทายได้ที่... https://www.thered2group.com/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่