ด้วยความที่ว่า ความตั้งใจคืออยากจะนั่งรถไฟไปงานวัดพระปฐมเจดีย์ แค่นั้นอย่างเดียวเลย
เราก็หาวันที่จัดงาน อ่านรีวิวต่างๆ หามาหลายเดือนละ แล้วสรุปก็ได้ไปวันที่ 28/10/63
รูปทั้งหมดในรีวิวนี้ ถ่ายด้วยมือถือ Oneplus 6 + แคปบางภาพจากคลิป
................START................
- 7.45 อยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เดินไปซื้อตั๋วไปนครปฐมราคา 14 บาท รถไฟด่วนธรรมดารอบ 9.20
- 9.30-11.15 รถไฟออกเลทเทียบชานชาลา 10 นาทีถ้วน แล้วก็นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปนครปฐม
มีแค่ตัวเปล่า+ที่ชาร์จแบต+กล้องคิทแคท
ใช้วิถีสโลว์ไลฟ์มองวิวข้างทาง
พอมาถึงแล้วก็เดินดูงานวัดตอนกลางวัน คนก็เยอะเหมือนกันนะแต่คงไม่คึกคักเท่ากลางคืน
หลังจากเดินรอบๆได้สักพักก็หิวเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย จบที่ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตกข้างๆเจดีย์
หลังกินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปเจดีย์ ทำบุญไหว้พระเดินรอบเจดีย์ ซึ่งเจดีย์ก็ใหญ่มากเดินรอบนึงคือไกล
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาว่ามีอะไรบ้าง (ลองหาตามรีวิวอื่นๆหรือไปด้วยตัวเองก็ได้)
จากนั้นก็เดินเล่นงานวัดตอนกลางวัน หาไรกินไปเดินไป
- 13.15 นั่งวิน 60 บาทจากวัดพระปฐมเจดีย์ ไปที่วัดพระประโทณเจดีย์และศาลายายหอม ตามรอยตำนานพระยาพาน
(พระยากง-พระยาพานเป็นตำนานที่มีมานานเรื่องเจ้าเมืองกำพร้าฆ่าบุพการีและผู้เลี้ยงดู
จนต้องสร้างเจดีย์พระประโทณ และองค์พระปฐมเจดีย์เพื่อไถ่บาปแต่ตายไปกลายเป็นเปรต)
เข้าไปไหว้พระประทานหลวงพ่อโตที่โบสถ์ แล้วไปที่ศาลายายหอม
จากนั้นก็เดินรอบๆ กราบเจดีย์พระประโทณสี่ทิศ ตอนกราบก็บอกไปว่าไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ว่ามันจริงหรือไม่
แต่มานี่ก็ขอไหว้กราบสักการะทั่วไปเพราะตั้งใจมาที่นี่จริงๆ ย้ำว่าจริงๆ
ถ้าตำนานมีจริงก็ขอให้ความทุกข์เบาบาง ขอสิ่งดีๆจงมีแก่ตัวเองจากการตั้งใจมากราบไหว้
บรรยากาศวัดไม่ได้มีความคึกครื้นอะไรเลยเหมือนเป็นวัดธรรมดาที่ใหญ่โตกว้างขวางมากที่เพียงมาไหว้พระแล้วก็กลับไป
- 14.05 จากนั้นเรียก Grabbike 63 บาทกลับไปสถานีรถไฟนครปฐมแต่คิดในใจยังไม่อยากกลับบ้าน จะนั่งรถๆไปไหนต่อดี
ถ้างั้นก็ไปเที่ยวให้ไกลจากเดิม (ซึ่งได้วางแผนมาคร่าวๆแล้ว) เดินไปซื้อตั๋วนั่งรถไฟ 83 บาทไปต่อที่หัวหิน 555555555
รถไฟมาตอน 14.55 ระหว่างทางก็นั่งกินลมชมวิวบนรถไฟ เล่นมือถือฟังเพลงไปพลาง พ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายอะไรบนรถไฟก็ซื้อกิน
- 18.32 เราก็มาถึงสถานีหัวหินด้วยฟ้าที่มืดแล้วมีแต่เสียงนกร้อง
ก็เดินเท้าไปแวะโรงแรมแห่งนึงเพื่อขอเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
เพราะเวลานั่งรถไฟ จะมีกลิ่นพวกน้ำมัน ละออกเหล็ก ตะกั่วหรืออะไรติดตามตัวตามเสื้อไปหมด
แล้วก็ถามที่เที่ยวตอนกลางคืนกับพวกแม่บ้านพนักงาน ถามเรื่องผลกระทบโควิดมีผลมั้ย
พวกนางบอกว่าเดี๋ยวนี้เงียบมาก ผับบาร์ที่ว่าเต็มกันตั้งแต่หัวค่ำก็เงียบปิดชั่วคราวไปหมด
แต่ตอนที่เดินก่อนมาถึงโรงแรมแห่งนี้ มันก็ตามที่พูดจริงๆว่าสถานบันเทิงเงียบ คนก็ไม่พุกพล่าน
จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรมหาข้าวกินที่ร้านอาหารข้างทาง เดินเล่นตลาดกลางคืน
แล้วก็เดินรอบๆตัวเมืองเส้นนั้น จนสุดท้ายก็ไปจบที่.....
- 21.05 ไปจบที่ร้านเหล้าชื่อว่า Father Teds เป็นร้านที่ดนตรีสดเล่นแต่เพลงแจ๊ส-บลูส์-โซลยุค 70s-80s
ซึ่งบรรยากาศในร้าน85%มีแต่ต่างชาติ มีคนไทยน้อยมาก เราก็นั่งกินเบียร์+วอดก้ามาร์ตินี่หน้าบาร์คนเดียว
ก็ดูและฟังดนตรีสด ฮัมเพลงไปถูกไม่ถูกไม่รู้หรอกเอามือตบขาและปรบมือ
เห็นฝรั่งตั้งแต่อายุราว 50-70 ปีเต้นรำกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข จับมือเมียคนไทย จับมือเพื่อนกันเองเต้นรำ
ซึ่งมันทำให้เราเองคิดว่าอนาคตอยากอยู่จุดที่เป็นเพียงแค่ตาแก่วัยเกษียณแบบนั้น มีความสุขแบบพวกเขา
ร้องเล่นเต้นตามเพลง ขนาดเรามองจากตรงนี้เรายังมีความสุขเลย สุขแบบสบายใจมากๆ
เราก็ได้ชนแก้วกับฝรั่งข้างๆ ได้ชนแก้วกับผญ.คนนึงที่มาเดินชนแก้วกับเราด้วย
ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะมีระดับอยู่ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเมียเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นต่างชาติ
ซึ่งขอเรียกในนี้ว่าอาซ้อละกัน (ผญ.ผมยาวที่หันหลังใส่เสื้อขาวกางเกงลาย)
แล้วอาซ้อไฮโซเจ้าของร้านก็มาคุยกับเรา พูดคุยอย่างเป็นกันเองมาก นางถามมาจากไหน อายุเท่าไหร่
ซึ่งเราก็ตอบว่ามาจากกรุงเทพ นั่งรถไฟไปนครปฐม แล้วก็นั่งต่อมาหัวหิน เดี๋ยวก็กลับรถไฟขาดึกๆ
นางถามว่าวัยรุ่นอย่างเราว่าฟังดนตรีแนวนี้เป็นหรอ เราก็บอกอาซ้อว่าผมก็เล่นดนตรี เคยได้ยินเพลงเหล่านี้มาบ้างตั้งแต่เด็ก
แนวเพลงก็พอรู้กรุ๊ฟอยู่แต่งูๆปลาๆ แต่เห็นฝรั่งเขาเต้นเราก็ชอบ มันดูมีความสุขจริงๆ
อาซ้อบอกมีโอกาสขอให้เรามาอีกนะ (ถ้าได้ไปอีกสัญญาจะไปนะครับ อาซ้อใจดีจริงๆ)
เราก็นั่งจนร้านปิด 00.30 ด้วยเบียร์ 3 แก้วปิ๊นท์+ว้อดก้ามาร์ตินี่ แล้วขอลาอาซ้อกลับ
- 00.45 แวะเซเว่นซื้อน้ำซื้อขนมกิน แล้วก็เดินมาถึงทะเลหัวหิน นั่งกินน้ำ7up เอาเท้าจุ่มน้ำทะเล
นั่งมองแสงไฟเขียวๆ ของเรืออุตสาหกรรมและลมเย็นๆ ที่พัดเข้าหน้า สูดบรรยากาศทะเลยามดึกดื่น
คิดทบทวนเรื่องราวที่ได้ทำมาตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงตอนนี้
พอนั่งได้ครึ่งชม.แล้วก็เดินกลับไปสถานีรถไฟหัวหิน เพราะว่าตอนค่ำเรามีธุระต้องไป
ก็ได้ซื้อตั๋วกลับหัวลำโพงรอบตี 1.47 แต่รถไฟมาเลทตอนตี 2.22
นั่งๆ นอนๆ สับผงกไม่ค่อยหลับ จนถึงหัวลำโพงตอน 7.45 พอดีเป๊ะ
จบบริบูรณ์จันทร์เรือง.....สวัสดี.....
ปล.อันที่จริงไม่รู้หรอกว่าจะตั้งชื่อรีวิวทริปว่าอะไร แต่พอมาเช็คเวลาของรูปที่ถ่ายแต่ละรูป
แล้วก็เช็คเวลาที่บันทึกในมือถือ มันครบจบที่ 24 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ เลยเป็นที่มาของชื่อทริปครั้งนี้
ปล2. หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับผม และขอบคุณที่อ่านรีวิวนะครับ
รีวิว...HERE...อะไรก็ได้ EP.2 : เที่ยวตัวคนเดียว 24 ชั่วโมงเป๊ะๆ...ทริปไปเช้า - กลับเช้า(มั้ง)
เราก็หาวันที่จัดงาน อ่านรีวิวต่างๆ หามาหลายเดือนละ แล้วสรุปก็ได้ไปวันที่ 28/10/63
รูปทั้งหมดในรีวิวนี้ ถ่ายด้วยมือถือ Oneplus 6 + แคปบางภาพจากคลิป
................START................
- 7.45 อยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เดินไปซื้อตั๋วไปนครปฐมราคา 14 บาท รถไฟด่วนธรรมดารอบ 9.20
- 9.30-11.15 รถไฟออกเลทเทียบชานชาลา 10 นาทีถ้วน แล้วก็นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปนครปฐม
มีแค่ตัวเปล่า+ที่ชาร์จแบต+กล้องคิทแคท
ใช้วิถีสโลว์ไลฟ์มองวิวข้างทาง
พอมาถึงแล้วก็เดินดูงานวัดตอนกลางวัน คนก็เยอะเหมือนกันนะแต่คงไม่คึกคักเท่ากลางคืน
หลังจากเดินรอบๆได้สักพักก็หิวเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย จบที่ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตกข้างๆเจดีย์
หลังกินเสร็จแล้วก็ขึ้นไปเจดีย์ ทำบุญไหว้พระเดินรอบเจดีย์ ซึ่งเจดีย์ก็ใหญ่มากเดินรอบนึงคือไกล
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาว่ามีอะไรบ้าง (ลองหาตามรีวิวอื่นๆหรือไปด้วยตัวเองก็ได้)
จากนั้นก็เดินเล่นงานวัดตอนกลางวัน หาไรกินไปเดินไป
- 13.15 นั่งวิน 60 บาทจากวัดพระปฐมเจดีย์ ไปที่วัดพระประโทณเจดีย์และศาลายายหอม ตามรอยตำนานพระยาพาน
(พระยากง-พระยาพานเป็นตำนานที่มีมานานเรื่องเจ้าเมืองกำพร้าฆ่าบุพการีและผู้เลี้ยงดู
จนต้องสร้างเจดีย์พระประโทณ และองค์พระปฐมเจดีย์เพื่อไถ่บาปแต่ตายไปกลายเป็นเปรต)
เข้าไปไหว้พระประทานหลวงพ่อโตที่โบสถ์ แล้วไปที่ศาลายายหอม
จากนั้นก็เดินรอบๆ กราบเจดีย์พระประโทณสี่ทิศ ตอนกราบก็บอกไปว่าไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ว่ามันจริงหรือไม่
แต่มานี่ก็ขอไหว้กราบสักการะทั่วไปเพราะตั้งใจมาที่นี่จริงๆ ย้ำว่าจริงๆ
ถ้าตำนานมีจริงก็ขอให้ความทุกข์เบาบาง ขอสิ่งดีๆจงมีแก่ตัวเองจากการตั้งใจมากราบไหว้
บรรยากาศวัดไม่ได้มีความคึกครื้นอะไรเลยเหมือนเป็นวัดธรรมดาที่ใหญ่โตกว้างขวางมากที่เพียงมาไหว้พระแล้วก็กลับไป
- 14.05 จากนั้นเรียก Grabbike 63 บาทกลับไปสถานีรถไฟนครปฐมแต่คิดในใจยังไม่อยากกลับบ้าน จะนั่งรถๆไปไหนต่อดี
ถ้างั้นก็ไปเที่ยวให้ไกลจากเดิม (ซึ่งได้วางแผนมาคร่าวๆแล้ว) เดินไปซื้อตั๋วนั่งรถไฟ 83 บาทไปต่อที่หัวหิน 555555555
รถไฟมาตอน 14.55 ระหว่างทางก็นั่งกินลมชมวิวบนรถไฟ เล่นมือถือฟังเพลงไปพลาง พ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายอะไรบนรถไฟก็ซื้อกิน
- 18.32 เราก็มาถึงสถานีหัวหินด้วยฟ้าที่มืดแล้วมีแต่เสียงนกร้อง
ก็เดินเท้าไปแวะโรงแรมแห่งนึงเพื่อขอเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
เพราะเวลานั่งรถไฟ จะมีกลิ่นพวกน้ำมัน ละออกเหล็ก ตะกั่วหรืออะไรติดตามตัวตามเสื้อไปหมด
แล้วก็ถามที่เที่ยวตอนกลางคืนกับพวกแม่บ้านพนักงาน ถามเรื่องผลกระทบโควิดมีผลมั้ย
พวกนางบอกว่าเดี๋ยวนี้เงียบมาก ผับบาร์ที่ว่าเต็มกันตั้งแต่หัวค่ำก็เงียบปิดชั่วคราวไปหมด
แต่ตอนที่เดินก่อนมาถึงโรงแรมแห่งนี้ มันก็ตามที่พูดจริงๆว่าสถานบันเทิงเงียบ คนก็ไม่พุกพล่าน
จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรมหาข้าวกินที่ร้านอาหารข้างทาง เดินเล่นตลาดกลางคืน
แล้วก็เดินรอบๆตัวเมืองเส้นนั้น จนสุดท้ายก็ไปจบที่.....
- 21.05 ไปจบที่ร้านเหล้าชื่อว่า Father Teds เป็นร้านที่ดนตรีสดเล่นแต่เพลงแจ๊ส-บลูส์-โซลยุค 70s-80s
ซึ่งบรรยากาศในร้าน85%มีแต่ต่างชาติ มีคนไทยน้อยมาก เราก็นั่งกินเบียร์+วอดก้ามาร์ตินี่หน้าบาร์คนเดียว
ก็ดูและฟังดนตรีสด ฮัมเพลงไปถูกไม่ถูกไม่รู้หรอกเอามือตบขาและปรบมือ
เห็นฝรั่งตั้งแต่อายุราว 50-70 ปีเต้นรำกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข จับมือเมียคนไทย จับมือเพื่อนกันเองเต้นรำ
ซึ่งมันทำให้เราเองคิดว่าอนาคตอยากอยู่จุดที่เป็นเพียงแค่ตาแก่วัยเกษียณแบบนั้น มีความสุขแบบพวกเขา
ร้องเล่นเต้นตามเพลง ขนาดเรามองจากตรงนี้เรายังมีความสุขเลย สุขแบบสบายใจมากๆ
เราก็ได้ชนแก้วกับฝรั่งข้างๆ ได้ชนแก้วกับผญ.คนนึงที่มาเดินชนแก้วกับเราด้วย
ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะมีระดับอยู่ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเมียเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นต่างชาติ
ซึ่งขอเรียกในนี้ว่าอาซ้อละกัน (ผญ.ผมยาวที่หันหลังใส่เสื้อขาวกางเกงลาย)
แล้วอาซ้อไฮโซเจ้าของร้านก็มาคุยกับเรา พูดคุยอย่างเป็นกันเองมาก นางถามมาจากไหน อายุเท่าไหร่
ซึ่งเราก็ตอบว่ามาจากกรุงเทพ นั่งรถไฟไปนครปฐม แล้วก็นั่งต่อมาหัวหิน เดี๋ยวก็กลับรถไฟขาดึกๆ
นางถามว่าวัยรุ่นอย่างเราว่าฟังดนตรีแนวนี้เป็นหรอ เราก็บอกอาซ้อว่าผมก็เล่นดนตรี เคยได้ยินเพลงเหล่านี้มาบ้างตั้งแต่เด็ก
แนวเพลงก็พอรู้กรุ๊ฟอยู่แต่งูๆปลาๆ แต่เห็นฝรั่งเขาเต้นเราก็ชอบ มันดูมีความสุขจริงๆ
อาซ้อบอกมีโอกาสขอให้เรามาอีกนะ (ถ้าได้ไปอีกสัญญาจะไปนะครับ อาซ้อใจดีจริงๆ)
เราก็นั่งจนร้านปิด 00.30 ด้วยเบียร์ 3 แก้วปิ๊นท์+ว้อดก้ามาร์ตินี่ แล้วขอลาอาซ้อกลับ
- 00.45 แวะเซเว่นซื้อน้ำซื้อขนมกิน แล้วก็เดินมาถึงทะเลหัวหิน นั่งกินน้ำ7up เอาเท้าจุ่มน้ำทะเล
นั่งมองแสงไฟเขียวๆ ของเรืออุตสาหกรรมและลมเย็นๆ ที่พัดเข้าหน้า สูดบรรยากาศทะเลยามดึกดื่น
คิดทบทวนเรื่องราวที่ได้ทำมาตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงตอนนี้
พอนั่งได้ครึ่งชม.แล้วก็เดินกลับไปสถานีรถไฟหัวหิน เพราะว่าตอนค่ำเรามีธุระต้องไป
ก็ได้ซื้อตั๋วกลับหัวลำโพงรอบตี 1.47 แต่รถไฟมาเลทตอนตี 2.22
นั่งๆ นอนๆ สับผงกไม่ค่อยหลับ จนถึงหัวลำโพงตอน 7.45 พอดีเป๊ะ
จบบริบูรณ์จันทร์เรือง.....สวัสดี.....
ปล.อันที่จริงไม่รู้หรอกว่าจะตั้งชื่อรีวิวทริปว่าอะไร แต่พอมาเช็คเวลาของรูปที่ถ่ายแต่ละรูป
แล้วก็เช็คเวลาที่บันทึกในมือถือ มันครบจบที่ 24 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ เลยเป็นที่มาของชื่อทริปครั้งนี้
ปล2. หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับผม และขอบคุณที่อ่านรีวิวนะครับ