#รอยดำ #รอยแดง #รอยแผลจากสิวแก้ง่ายๆ

สำหรับคนที่มีปัญหาสิวทั้งหลายคงรู้ว่า
เมื่อมีสิวอักเสบขึ้นมา พอรักษากันไปซักพัก
สิ่งที่ต้องมาดีลกันต่อ ก็คือ "รอยสิว" ไม่ว่าจะรอยแดงหรือดำ
ซึ่งใช้เวลานานมากๆ กว่าจะทำให้รอยแดงมาเป็นรอยดำ
แล้วทำให้รอยดำจางลงจนเป็นผิวเนียนๆปกติ
ทำให้หลายๆคนทั้งเบื่อทั้งท้อไปในคราวเดียวกัน
แต่จากการที่รักดูแลปัญหาสิวให้หลายๆคน
จนตอนนี้มาอยู่ในขั้นตอนแก้ปัญหารอยสิว
ต้องบอกเลยว่าวิธีที่จะเล่าให้ฟังนี้เวิร์กมากๆ
ทั้งการอักเสบและรอยสิวก็ค่อยๆทยอยดีขึ้นกันหมด
รักจึงเอาเทคนิควิธีทั้งหมดที่รักใช้จริง
กับคนที่มาปรึกษารักมาฝาก
ว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้าง ที่ช่วยย่นเวลาในการรักษา
รอยสิว รอยดำ และรอยแดง ให้ดูจางลงไวขึ้น
เพื่อช่วยให้ทุกคนๆที่อาจจะมีปัญหานี้อยู่ เอาไปปรับใช้ได้เลยค่า
แต่ก่อนจะไปถึงการรักษาแบบภาพรวม
มาดูกันว่ารอยสิวคืออะไรมีที่มายังไง
จะได้เกิดความตระหนักและเข้าใจ
ในการแก้ปัญหารอยสิวได้ดียิ่งขึ้น
🎯 ที่มาของรอยสิว
รอยสิว อาจจะเป็นรอยดำหรือรอยแดงก็ได้
แต่ต้องเกิดจากสิวอักเสบ
ไม่ว่าจะอักเสบจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
เรามาเริ่มที่
🔴🔴รอยแดง
การอักเสบของสิว จะทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือด
ตรงผิวหนังที่อักเสบอยู่ ทำให้เลือดมาเลี้ยงมากขึ้น
พาสารอาหารต่างๆในร่างกายมามากขึ้น
เพื่อที่จะพยายามรักษาและแก้ไข
ภาวะการอักเสบ
จึงทำให้เราเห็นเป็นรอยแดง
ถ้าดูแลรักษาถูกต้อง รอยแดงนั้นก็จะอยู่ไม่นานแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยดำ
แต่ถ้าสมมติว่าเรารักษาไม่ถูกต้อง ไปแคะแกะเกาสิวทำให้แผลเปิด
เกิดการอักเสบมากขึ้น ก็จะทำให้เป็นรอยแดงนานอาจจะหลายเดือนเลยก็ได้
หรืออย่างแย่ก็เป็นหลุมสิวไปเลย 😖😖😖
🟤🟤 รอยดำ
หลังจากที่ร่างกายพยายามฟื้นตัว
และแก้อักเสบจนเสร็จเรียบร้อย
หลอดเลือดที่ขยายตัวก็หดตัวมาเป็นปกติ
ไม่ต้องพาสารต่างๆมาแก้ปัญหาการอักเสบ
รอยแดงก็จาง แต่สิ่งที่เกิด คือ
เม็ดสีบนผิวที่เป็นแผลจะเข้มขึ้นมา
เรียกว่า รอยดำหลังผิวหนังอักเสบ
(Post inflammatory hyperpigmentation : PIH)
เหตุเกิดจากตอนที่ผิวอักเสบ
ผิวมีการบาดเจ็บ และอ่อนแอ
ร่างกายเลยพยายามเสริมกำลัง
ในการปกป้องผิวอีกทางนึง
โดยเซลล์ผิวของเรากระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte)
ผลิตเม็ดสีออกมาสะสมบนผิวมากขึ้น
เพื่อปกป้องผิวจากการบาดเจ็บ
แต่พอการอักเสบดีขึ้นรอยแดงจางลง
เราก็จะเห็นรอยดำชัดเจนขึ้น
จากเม็ดสีส่วนเกินที่ค้างอยู่บนผิว
เกิดเป็นรอยดำจากสิวนั่นเอง
🎯🎯 จากการรู้ที่เรารู้ว่ารอยแดงเกิดก่อนรอยดำ
และสาเหตุการเกิดก็มาเป็นทอดๆ
ทำให้มาถึง "
หลักการรักษารอยสิว"
หลักการรักษารอยแดงและดำอาจจะต่างกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ การดูแลผิวช่วงเป็นสิวให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ
ทำให้ปัญหารอยแดงและดำในตอนท้ายน้อยลงไปมากๆและหายไวขึ้น
ถ้าเราคุมให้สิวมีการอักเสบน้อย รอยแดงก็จะเกิดน้อย
ใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเป็นรอยดำ
รอยแดงที่น้อยก็จะทำให้รอยดำไม่เข้มมาก
การจะทำให้สีมันจางลงจนกลับมาเป็นผิวปกติก็จะไวขึ้น
🎯🎯 จากหลักการนำไปสู่
🔰
วิธีการรักษารอยแดงและดำแบบครบวงจร 🔰
✅ ขั้นที่1
แก้รอยแดง
ลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของสิว
รักษาสิว รีบทำให้สิวยุบไวที่สุดและมากที่สุด
ฆ่าเชื้อ C. Acne (ชื่อเก่า P.acne)
สาเหตุของการทำให้สิวอักเสบ
โดยการใช้ยาทาแต้มสิวหรือ Skin care ในการแต้มสิว
ยกตัวอย่างยาเช่น
- วิตามินเอหรืออนุพันธ์วิตามินเอ (คนท้องห้ามใช้) ⚠️⚠️
- Benzac
- Clinda-M (ควรใช้ร่วมกับตัวอื่นเดี๋ยวเชื้อดื้อยา)
- ส่วนเครื่องสำอาง Skin care
ที่ใช้ทาสิวแล้วให้ผลฆ่าเชื้ออ่ะมี
แต่ต้องลองศึกษาจากแบรนด์นั้นๆอีกทีน้า
เพราะว่าเคลมกันตรงๆมันผิดกฏหมายจ้า ⚠️⚠️
(เข้าข่ายโฆษณาเกินจริงตาม พรบ. เครื่องสำอาง)
🟠 ลดการอักเสบของผิว
เพราะถ้าความอักเสบลดลงได้ไว มันก็จะข้ามไปสเตจถัดไปได้เร็ว
การลุกลามพรั่งพรูของเมลานินที่จะขึ้นมาบนผิวก็ลดลง
โดยมากไม่ค่อยเจอว่าเอายาทาแก้อักเสบมาใช้รักษา
แต่จะเจอทางเครื่องสำอาง ที่พัฒนาสูตรเพื่อ
ปลอบประโลมผิวมากกว่า
เช่น ว่านหางจระเข้, แตงกวา, ชะเอมเทศ เป็นต้น
🟠 ไม่ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่ม
ห้ามบีบแคะแกะเกาสิวเองเด็ดขาด !!!
เพราะนอกจากจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
แผลจากการอักเสบที่เกิดจากการแกะเองแบบไม่ชำนาญ
หรือ Mechanical insults to skin
ยังทำให้การรักษายากขึ้นและนานขึ้น ทำให้เกิดหลุมสิวได้ด้วย
✅ ขั้นที่2 แก้รอยดำ
📌
ใช้ Moisturizer หรือให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว (อันนี้สำคัญมาก) 🍂🍁☘️🍀
ข้อควรสังเกตหลังจากผิวเป็นแผลอักเสบ
นอกจากความดำของรอย เรามักพบว่า
ผิวหนังจะหนาขึ้นด้วย
จากการแบ่งเซลล์ผิวมากกว่าปกติมาป้องกันผิว
.
เพราะฉะนั้น การให้ความชุ่มชื้นควรเน้นทั้ง 2 กลไก คือ
⭐ Emollient
คือการใช้ครีม หรือ เซรัม ที่ทำให้ผิวนุ่มขึ้น
การที่ผิวนุ่มฟูขึ้น การซึมผ่านของสารต่างๆที่จะช่วยให้รอยจางลงก็ง่ายขึ้นค่ะ
⭐ Humectant
คือการใช้ครีม หรือ เซรัมที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น
โดยการดูดความชุ่มชื้นเข้าผิวให้ผิวนุ่ม
กระตุ้นกระบวนการผลัดเซลลผิวให้เป็นไปตามปกติ
นึกสภาพว่าถ้าผิวแข็งๆหนาด้านบน เซลล์ผิวที่ผลิตมาจะไปดันของเก่าออกได้ยัง
.
📌
ใช้ Whitening เพื่อให้รอยจางลงอย่างแท้จริง ✋🏽✋🏼✋🏻
ด้วย 2 กลไก คือ
การผลัดเซลล์ผิว และ
ลดการสร้างเม็ดสี
⭐ กลไลการผลัดเซลล์ผิว จะกระตุ้นให้ผิวหนังชั้นบนที่ตายแล้ว
และสะสมเม็ดสีส่วนเกินถูกผลัดออกไวๆ
โดยการใช้ skin care ที่มีส่วนผสมของสารผงัดเซลล์ผิว
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , AHA, BHA, Lactic acid, Glycolic acid ก็ได้
หรือจะใช้เป็นการล้างหน้าให้สะอาดโดยใช้เวลาที่มากพอก็ได้
ถ้าทำทั้งสองอย่างก็จะดีมาก แต่!! เลี่ยงการสครับหน้าเพราะจะยิ่งอักเสบมากขึ้น
⭐ การลดกระบวนการสร้างเม็ดสี
บางทีผิวเวลาบาดเจ็บ ก็จะเกิดอาการ Overacting หรือตื่นตัวมากกกว่าปกติ
รีบผลิตเม็ดสีออกมาเผื่อคราวหน้าจะได้ไม่เจ็บตัว
เพราะฉะนั้น การทา Skin care กลุ่มยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี
ก็จะช่วยลดความคล้ำในอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้
ยกตัวอย่างเช่น Niacinamide , Arbutin หรือสารสกัดอื่นๆ
📌 ใ
ช้ครีมกันแดด 🌞🌞🌞
บางคนงงว่าเกี่ยวอะไร?
การทากันแดด ถือเป็นการป้องกันรอยดำไม่ให้คล้ำขึ้นเข้าไปอีก
จากการที่ผิวหนังก็อ่อนไหวจากการอักเสบ
แล้วผลิตเม็ดสีมาเกินพอดีอยู่แล้ว ถ้ายังมาเจอแดดซ้ำซ้อน
รอยแดงที่อักเสบก็จะอักเสบอยู่นั่น รอยดำก็จะไม่ยอมจางซักที
เพราะมีสิ่งกระตุ้นให้ผิวต้องไฟท์ป้องกันตัวเองตลอดเวลาไงล่ะคะ
📌
ใช้ Antiaging 🌟🌟🌟
เจอข้อเมื่อกี๊ว่างงแล้ว เจอข้อนี้คงงงว่าเกี่ยวกับอะไร
เรื่องของ antiaging จริงๆมันคือการเสริมความแข็งแรงในชั้นผิว
ในเวลาที่ผิวเป็นสิวหรือโดนแดด
ผิวจะขาดความแข็งแรงและเสียสมดุล
ซึ่งจะมี 2 กลไกของเซรั่ม ที่ควรเน้น
คือ เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
และ Antioxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ)
⭐ เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
การได้รับสารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงจะเร่งการสร้างผิว
ทำให้การอักเสบรอยแดงลดลง และยังเป็นการกระตุ้น
ให้มีการผลัดเซลล์ผิวของรอยดำออกไปไวขึ้น
เช่น อนุพันธ์วิตามินเอ กรดไขมัน หรือสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ
⭐ Antioxidant
ให้ผลทั้งในแง่การเสริมความแข็งแรงผิว และลดความหมองคล้ำ
โดยอนุมูลอิสระที่เกิดจากกการอักเสบ หรือการทำร้ายจากแสงแดด
จะถูก Antioxidant จับไว้ ทำให้ไม่มี free radical ไปทำร้ายผิว
หรือทำให้เกิดเป็นรอยดำได้อีก
🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀
นี่ก็คือวิธีการดูแลรักษารอยแดงและดำทั้งหมด ที่รักรวบรวมมาให้
ก็ยังย้ำเหมือนเดิมว่า การแก้รอยแดง รอยดำที่ดีที่สุด คือ
การรักษสิวตั้งแต่เนิ่นๆ รักษาทั้งตัวสิวรอยแดงและรอยดำไปพร้อมๆกัน
ทำทุกขั้นตอนตามที่บอก
ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้มีอะไรยากเลย
ใช้ Product แค่ 4 ชนิดเองค่ะ
❤️ ใช้โฟมล้างหน้าให้สะอาด (เลี่ยงการสครับ)
❤️ ใช้ยาแต้มสิวให้ยุบ+ไม่แกะสิว
❤️ ใช้ Skin care บำรุงผิวเสริมการรักษารอยให้ครบทุกด้าน
ทั้ง ความชุ่มชื้น กระจ่างใส เสริมความแข็งแรงผิว
❤️ ใช้กันแดดทาทุกวัน+เลี่ยงแดด
ทำทุกวันสม่ำเสมอหายแน่นอน เหมือนกับเคสที่รักดูแลและให้คำปรึกษาผิวมาตั้งแต่ต้น
และใดๆก็ตามในกรณีที่เป็นหนักๆ ดูแลตัวเองดีอย่างสม่ำเสมอตามขั้นตอนนี้
ทำมาซัก 3 เดือนยังไม่ดีขึ้น ค่อยไปคลินิกเพื่อเลเซอร์ก็ได้ (ใช้เวลาอีกราวๆ 2-3เดือน)
.
แต่ก็ต้องดูแลผิวให้ดีให้แข็งแรงมากพอก่อนไปรักษาด้วย
และหลังการรักษาก็ต้องมีวินัยในการดูแลผิวเหมือนเดิม
การรักษาด้วยเครื่องมือหมอจึงจะช่วยให้รอยหายได้
เพราะสิ่งที่แก้ปัญหาเรื่องผิวไม่ใช่เงิน แต่เป็นวินัยและการดูแลอย่างถูกต้องน้า
.
.
ส่วนอันนี้เป็นภาคผนวกแถมให้
#ปัจจัยที่ทำให้รอยหายไวหรือช้า
1. สีผิวถ้าผิวเข้มรอยก็อาจจะอยู่นานหน่อย
2. อายุ ถ้าอายุมากการซ่อมแซมผิวช้าลงก็อาจจะหายช้ากว่าคนอายุน้อย
3. นิสัยการแคะแกะเกาสิว ถ้ายังทำอยู่รอยก็จะวนลูปอักเสบอีกนาน
4. ระดับการอักเสบ สิวเม็ดใหญ่ อักเสบมากก็อาจจะหาช้ากว่า หรือสิวเม็ดเล็กๆที่ระดับการอักเสบสูงก็เช่นกัน
#ลดรอยสิว แค่เข้าใจ ก็หายได้
#เภสัชกรรัก 😍😍😍
รอยดำ รอยแดง รอยแผลจากสิวแก้ไม่ยาก 🥰🥰🤩🤩
สำหรับคนที่มีปัญหาสิวทั้งหลายคงรู้ว่า
เมื่อมีสิวอักเสบขึ้นมา พอรักษากันไปซักพัก
สิ่งที่ต้องมาดีลกันต่อ ก็คือ "รอยสิว" ไม่ว่าจะรอยแดงหรือดำ
ซึ่งใช้เวลานานมากๆ กว่าจะทำให้รอยแดงมาเป็นรอยดำ
แล้วทำให้รอยดำจางลงจนเป็นผิวเนียนๆปกติ
ทำให้หลายๆคนทั้งเบื่อทั้งท้อไปในคราวเดียวกัน
แต่จากการที่รักดูแลปัญหาสิวให้หลายๆคน
จนตอนนี้มาอยู่ในขั้นตอนแก้ปัญหารอยสิว
ต้องบอกเลยว่าวิธีที่จะเล่าให้ฟังนี้เวิร์กมากๆ
ทั้งการอักเสบและรอยสิวก็ค่อยๆทยอยดีขึ้นกันหมด
รักจึงเอาเทคนิควิธีทั้งหมดที่รักใช้จริง
กับคนที่มาปรึกษารักมาฝาก
ว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้าง ที่ช่วยย่นเวลาในการรักษา
รอยสิว รอยดำ และรอยแดง ให้ดูจางลงไวขึ้น
เพื่อช่วยให้ทุกคนๆที่อาจจะมีปัญหานี้อยู่ เอาไปปรับใช้ได้เลยค่า
แต่ก่อนจะไปถึงการรักษาแบบภาพรวม
มาดูกันว่ารอยสิวคืออะไรมีที่มายังไง
จะได้เกิดความตระหนักและเข้าใจ
ในการแก้ปัญหารอยสิวได้ดียิ่งขึ้น
🎯 ที่มาของรอยสิว
รอยสิว อาจจะเป็นรอยดำหรือรอยแดงก็ได้
แต่ต้องเกิดจากสิวอักเสบ
ไม่ว่าจะอักเสบจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
เรามาเริ่มที่
🔴🔴รอยแดง
การอักเสบของสิว จะทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือด
ตรงผิวหนังที่อักเสบอยู่ ทำให้เลือดมาเลี้ยงมากขึ้น
พาสารอาหารต่างๆในร่างกายมามากขึ้น
เพื่อที่จะพยายามรักษาและแก้ไขภาวะการอักเสบ
จึงทำให้เราเห็นเป็นรอยแดง
ถ้าดูแลรักษาถูกต้อง รอยแดงนั้นก็จะอยู่ไม่นานแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยดำ
แต่ถ้าสมมติว่าเรารักษาไม่ถูกต้อง ไปแคะแกะเกาสิวทำให้แผลเปิด
เกิดการอักเสบมากขึ้น ก็จะทำให้เป็นรอยแดงนานอาจจะหลายเดือนเลยก็ได้
หรืออย่างแย่ก็เป็นหลุมสิวไปเลย 😖😖😖
🟤🟤 รอยดำ
หลังจากที่ร่างกายพยายามฟื้นตัว
และแก้อักเสบจนเสร็จเรียบร้อย
หลอดเลือดที่ขยายตัวก็หดตัวมาเป็นปกติ
ไม่ต้องพาสารต่างๆมาแก้ปัญหาการอักเสบ
รอยแดงก็จาง แต่สิ่งที่เกิด คือ
เม็ดสีบนผิวที่เป็นแผลจะเข้มขึ้นมา
เรียกว่า รอยดำหลังผิวหนังอักเสบ
(Post inflammatory hyperpigmentation : PIH)
เหตุเกิดจากตอนที่ผิวอักเสบ
ผิวมีการบาดเจ็บ และอ่อนแอ
ร่างกายเลยพยายามเสริมกำลัง
ในการปกป้องผิวอีกทางนึง
โดยเซลล์ผิวของเรากระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte)
ผลิตเม็ดสีออกมาสะสมบนผิวมากขึ้น
เพื่อปกป้องผิวจากการบาดเจ็บ
แต่พอการอักเสบดีขึ้นรอยแดงจางลง
เราก็จะเห็นรอยดำชัดเจนขึ้น
จากเม็ดสีส่วนเกินที่ค้างอยู่บนผิว
เกิดเป็นรอยดำจากสิวนั่นเอง
🎯🎯 จากการรู้ที่เรารู้ว่ารอยแดงเกิดก่อนรอยดำ
และสาเหตุการเกิดก็มาเป็นทอดๆ
ทำให้มาถึง "หลักการรักษารอยสิว"
หลักการรักษารอยแดงและดำอาจจะต่างกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือ การดูแลผิวช่วงเป็นสิวให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ
ทำให้ปัญหารอยแดงและดำในตอนท้ายน้อยลงไปมากๆและหายไวขึ้น
ถ้าเราคุมให้สิวมีการอักเสบน้อย รอยแดงก็จะเกิดน้อย
ใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนเป็นรอยดำ
รอยแดงที่น้อยก็จะทำให้รอยดำไม่เข้มมาก
การจะทำให้สีมันจางลงจนกลับมาเป็นผิวปกติก็จะไวขึ้น
🎯🎯 จากหลักการนำไปสู่
🔰 วิธีการรักษารอยแดงและดำแบบครบวงจร 🔰
✅ ขั้นที่1 แก้รอยแดง
ลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบของสิว
รักษาสิว รีบทำให้สิวยุบไวที่สุดและมากที่สุด
ฆ่าเชื้อ C. Acne (ชื่อเก่า P.acne)
สาเหตุของการทำให้สิวอักเสบ
โดยการใช้ยาทาแต้มสิวหรือ Skin care ในการแต้มสิว
ยกตัวอย่างยาเช่น
- วิตามินเอหรืออนุพันธ์วิตามินเอ (คนท้องห้ามใช้) ⚠️⚠️
- Benzac
- Clinda-M (ควรใช้ร่วมกับตัวอื่นเดี๋ยวเชื้อดื้อยา)
- ส่วนเครื่องสำอาง Skin care
ที่ใช้ทาสิวแล้วให้ผลฆ่าเชื้ออ่ะมี
แต่ต้องลองศึกษาจากแบรนด์นั้นๆอีกทีน้า
เพราะว่าเคลมกันตรงๆมันผิดกฏหมายจ้า ⚠️⚠️
(เข้าข่ายโฆษณาเกินจริงตาม พรบ. เครื่องสำอาง)
🟠 ลดการอักเสบของผิว
เพราะถ้าความอักเสบลดลงได้ไว มันก็จะข้ามไปสเตจถัดไปได้เร็ว
การลุกลามพรั่งพรูของเมลานินที่จะขึ้นมาบนผิวก็ลดลง
โดยมากไม่ค่อยเจอว่าเอายาทาแก้อักเสบมาใช้รักษา
แต่จะเจอทางเครื่องสำอาง ที่พัฒนาสูตรเพื่อปลอบประโลมผิวมากกว่า
เช่น ว่านหางจระเข้, แตงกวา, ชะเอมเทศ เป็นต้น
🟠 ไม่ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่ม
ห้ามบีบแคะแกะเกาสิวเองเด็ดขาด !!!
เพราะนอกจากจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
แผลจากการอักเสบที่เกิดจากการแกะเองแบบไม่ชำนาญ
หรือ Mechanical insults to skin
ยังทำให้การรักษายากขึ้นและนานขึ้น ทำให้เกิดหลุมสิวได้ด้วย
✅ ขั้นที่2 แก้รอยดำ
📌 ใช้ Moisturizer หรือให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว (อันนี้สำคัญมาก) 🍂🍁☘️🍀
ข้อควรสังเกตหลังจากผิวเป็นแผลอักเสบ
นอกจากความดำของรอย เรามักพบว่าผิวหนังจะหนาขึ้นด้วย
จากการแบ่งเซลล์ผิวมากกว่าปกติมาป้องกันผิว
.
เพราะฉะนั้น การให้ความชุ่มชื้นควรเน้นทั้ง 2 กลไก คือ
⭐ Emollient คือการใช้ครีม หรือ เซรัม ที่ทำให้ผิวนุ่มขึ้น
การที่ผิวนุ่มฟูขึ้น การซึมผ่านของสารต่างๆที่จะช่วยให้รอยจางลงก็ง่ายขึ้นค่ะ
⭐ Humectant คือการใช้ครีม หรือ เซรัมที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น
โดยการดูดความชุ่มชื้นเข้าผิวให้ผิวนุ่ม
กระตุ้นกระบวนการผลัดเซลลผิวให้เป็นไปตามปกติ
นึกสภาพว่าถ้าผิวแข็งๆหนาด้านบน เซลล์ผิวที่ผลิตมาจะไปดันของเก่าออกได้ยัง
.
📌 ใช้ Whitening เพื่อให้รอยจางลงอย่างแท้จริง ✋🏽✋🏼✋🏻
ด้วย 2 กลไก คือ การผลัดเซลล์ผิว และ ลดการสร้างเม็ดสี
⭐ กลไลการผลัดเซลล์ผิว จะกระตุ้นให้ผิวหนังชั้นบนที่ตายแล้ว
และสะสมเม็ดสีส่วนเกินถูกผลัดออกไวๆ
โดยการใช้ skin care ที่มีส่วนผสมของสารผงัดเซลล์ผิว
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , AHA, BHA, Lactic acid, Glycolic acid ก็ได้
หรือจะใช้เป็นการล้างหน้าให้สะอาดโดยใช้เวลาที่มากพอก็ได้
ถ้าทำทั้งสองอย่างก็จะดีมาก แต่!! เลี่ยงการสครับหน้าเพราะจะยิ่งอักเสบมากขึ้น
⭐ การลดกระบวนการสร้างเม็ดสี
บางทีผิวเวลาบาดเจ็บ ก็จะเกิดอาการ Overacting หรือตื่นตัวมากกกว่าปกติ
รีบผลิตเม็ดสีออกมาเผื่อคราวหน้าจะได้ไม่เจ็บตัว
เพราะฉะนั้น การทา Skin care กลุ่มยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี
ก็จะช่วยลดความคล้ำในอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้
ยกตัวอย่างเช่น Niacinamide , Arbutin หรือสารสกัดอื่นๆ
📌 ใช้ครีมกันแดด 🌞🌞🌞
บางคนงงว่าเกี่ยวอะไร?
การทากันแดด ถือเป็นการป้องกันรอยดำไม่ให้คล้ำขึ้นเข้าไปอีก
จากการที่ผิวหนังก็อ่อนไหวจากการอักเสบ
แล้วผลิตเม็ดสีมาเกินพอดีอยู่แล้ว ถ้ายังมาเจอแดดซ้ำซ้อน
รอยแดงที่อักเสบก็จะอักเสบอยู่นั่น รอยดำก็จะไม่ยอมจางซักที
เพราะมีสิ่งกระตุ้นให้ผิวต้องไฟท์ป้องกันตัวเองตลอดเวลาไงล่ะคะ
📌 ใช้ Antiaging 🌟🌟🌟
เจอข้อเมื่อกี๊ว่างงแล้ว เจอข้อนี้คงงงว่าเกี่ยวกับอะไร
เรื่องของ antiaging จริงๆมันคือการเสริมความแข็งแรงในชั้นผิว
ในเวลาที่ผิวเป็นสิวหรือโดนแดด
ผิวจะขาดความแข็งแรงและเสียสมดุล
ซึ่งจะมี 2 กลไกของเซรั่ม ที่ควรเน้น
คือ เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
และ Antioxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ)
⭐ เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
การได้รับสารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงจะเร่งการสร้างผิว
ทำให้การอักเสบรอยแดงลดลง และยังเป็นการกระตุ้น
ให้มีการผลัดเซลล์ผิวของรอยดำออกไปไวขึ้น
เช่น อนุพันธ์วิตามินเอ กรดไขมัน หรือสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ
⭐ Antioxidant
ให้ผลทั้งในแง่การเสริมความแข็งแรงผิว และลดความหมองคล้ำ
โดยอนุมูลอิสระที่เกิดจากกการอักเสบ หรือการทำร้ายจากแสงแดด
จะถูก Antioxidant จับไว้ ทำให้ไม่มี free radical ไปทำร้ายผิว
หรือทำให้เกิดเป็นรอยดำได้อีก
🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀
นี่ก็คือวิธีการดูแลรักษารอยแดงและดำทั้งหมด ที่รักรวบรวมมาให้
ก็ยังย้ำเหมือนเดิมว่า การแก้รอยแดง รอยดำที่ดีที่สุด คือ
การรักษสิวตั้งแต่เนิ่นๆ รักษาทั้งตัวสิวรอยแดงและรอยดำไปพร้อมๆกัน
ทำทุกขั้นตอนตามที่บอก
ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้มีอะไรยากเลย
ใช้ Product แค่ 4 ชนิดเองค่ะ
❤️ ใช้โฟมล้างหน้าให้สะอาด (เลี่ยงการสครับ)
❤️ ใช้ยาแต้มสิวให้ยุบ+ไม่แกะสิว
❤️ ใช้ Skin care บำรุงผิวเสริมการรักษารอยให้ครบทุกด้าน
ทั้ง ความชุ่มชื้น กระจ่างใส เสริมความแข็งแรงผิว
❤️ ใช้กันแดดทาทุกวัน+เลี่ยงแดด
ทำทุกวันสม่ำเสมอหายแน่นอน เหมือนกับเคสที่รักดูแลและให้คำปรึกษาผิวมาตั้งแต่ต้น
และใดๆก็ตามในกรณีที่เป็นหนักๆ ดูแลตัวเองดีอย่างสม่ำเสมอตามขั้นตอนนี้
ทำมาซัก 3 เดือนยังไม่ดีขึ้น ค่อยไปคลินิกเพื่อเลเซอร์ก็ได้ (ใช้เวลาอีกราวๆ 2-3เดือน)
.
แต่ก็ต้องดูแลผิวให้ดีให้แข็งแรงมากพอก่อนไปรักษาด้วย
และหลังการรักษาก็ต้องมีวินัยในการดูแลผิวเหมือนเดิม
การรักษาด้วยเครื่องมือหมอจึงจะช่วยให้รอยหายได้
เพราะสิ่งที่แก้ปัญหาเรื่องผิวไม่ใช่เงิน แต่เป็นวินัยและการดูแลอย่างถูกต้องน้า
.
.
ส่วนอันนี้เป็นภาคผนวกแถมให้
#ปัจจัยที่ทำให้รอยหายไวหรือช้า
1. สีผิวถ้าผิวเข้มรอยก็อาจจะอยู่นานหน่อย
2. อายุ ถ้าอายุมากการซ่อมแซมผิวช้าลงก็อาจจะหายช้ากว่าคนอายุน้อย
3. นิสัยการแคะแกะเกาสิว ถ้ายังทำอยู่รอยก็จะวนลูปอักเสบอีกนาน
4. ระดับการอักเสบ สิวเม็ดใหญ่ อักเสบมากก็อาจจะหาช้ากว่า หรือสิวเม็ดเล็กๆที่ระดับการอักเสบสูงก็เช่นกัน
#ลดรอยสิว แค่เข้าใจ ก็หายได้
#เภสัชกรรัก 😍😍😍