มือขวาหายไป ไม่เป็นไร...มือซ้ายยังมี



ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เป็นตำนาน ผมอยากให้ทุกคนลองนึกภาพตามหรือจะลองทำดูก็ได้ครับ ถ้าวันหนึ่งเราต้องสูญเสียมือข้างที่ถนัดไป เราจะใช้ชีวิตกันอย่างไร แน่นอนจะหยิบจะทำอะไรก็ลำบากเพราะเหลือมือข้างเดียว ไม่ต้องพูดเรื่องการเขียนหนังสือเลย มันต้องลำบากยากเย็นแสนเข็ญเป็นแน่นอน ลองเจอข้อสอบอัตนัยสักทีเหงื่อตกกันเลยทีเดียว ยิ่งถ้าแข่งกีฬาที่จะต้องอาศัยความถนัดของมือล่ะครับ แบดมินตัน ปิงปอง กะน้ำหนักกันไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่สำหรับชายคนนี้ครับ นอกจากเขาจะใช้มือข้างที่เหลืออยู่ซึ่งไม่ถนัดแล้ว เขายังสามารถใช้การมือข้างนี้ได้อย่างระดับเทพอีกด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาฟังเรื่องราวของเขากันเลยครับ



ชายคนที่ว่านี้เขามีชื่อเสียงเรียงนามว่า การอลี่ ตากาจส์ ตัวเขาเองเป็นชาวฮังการีแต่กำเนิด เกิดที่อาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีในสมัยนั้น(ปัจจุบันแยกเป็นประเทศฮังการีแล้ว) ที่เมืองบูดาเปสต์ เป็นเมืองที่อยู่ในปาร์ตี้ร้อนดังกับไฟร์เยอร์ เธอสวยเซ็กซี่ร้อนดังกับไฟร์เยอร์......เอ่อ อันนั้นบูดด้าเบลสครับ ตึงโป๊ะ!!! ในตอนนั้นบรรยากาศยามสงครามมันเริ่มครุกรุ่นขึ้น ชาติต่างๆในยุโรป ต่างก็ต้องการกำลังพลในกองทัพเป็นจำนวนมาก พ่อหนุ่มการอลี่ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น พอเขาอายุได้ครบกำหนดก็สมัครเข้ากองทัพฮังการี



วันหนึ่งเมื่อการอลี่รับราชการอยู่ในกองทัพก็ค้นพบว่าตนมีความสามารถในการยิงปืนที่แม่นมากๆ ราวกับจับวางชนิดหาตัวจับได้ยาก ว่ากันว่าในยุคนั้นการอลี่นี่คือมือวางอันดับหนึ่งของมวลมนุษยชาติเลย เมื่อการแข่งโอลิมปิกที่เบอร์ลินในปี 1936 มาถึง การอลี่ก็คาดหมายว่าจะได้เหรียญทองมาคล้องคอแน่นอน แต่ทว่ายังไม่ทันจะแข่ง เขาก็ต้องรับประทานแห้วไปตั้งแต่แรกเลย เพราะในทีมยิงปืนของฮังการีนั้นระบุว่าผู้เข้าแข่งขันนั้นจะต้องเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรเท่านั้น แต่การอลี่ของเราเป็นนายทหารขั้นประทวน ตอนนั้นเขามีเพียงยศแค่จ่าวาสนาบ่ได้ติดดาว (อ่านแล้วห้ามใส่ทำนองตามนะครับ 555)



อย่างไรก็ตามโอกาสของจ่าการอลี่ก็มาถึง เมื่อโอลิมปิกในสมัยถัดมาก็ยกเลิกกฎเกณฑ์ดังกล่าวไป เขาก็หัวใจพองโตฝึกฝนอย่างหนักทุกเช้าเย็น ยิงปืนหมดกระสุนไปเป็นแสนเป็นล้านนัดเพื่อเตรียมที่จะแข่งในอีกสี่ปีต่อมา แต่ทว่าในปี1938 ก็เกิดอุบัติเหตุในการฝึกอย่างไม่คาดฝัน เมื่อวันหนึ่งขณะเขาฝึกขว้างระเบิดมืออยู่ ระเบิดดันลั่นคามือขวาปีศาจของเขาทำให้มือแหลกเละบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถใช้การได้อีกเลย นอกจากจะทำให้ความหวังที่จะแข่งโอลิมปิกต้องหมดไปแล้วมันยังทำให้ฝันของเขาต้องพังทลายลงในพริบตา....ไม่เหลืออะไรเลย....แหลกสลายลงไปกับตาาาา



เมื่อเป็นเช่นนั้นชื่อของการอลี่ก็หายจากสารบบของนักยิงปืนทีมชาติฮังการีไปนานเป็นปี เขาต้องรักษาตัวและพักฟื้นอยู่ที่โรงหมอหลายเดือน จากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินข่าวของเขาอีก จนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี 1939 การอลี่ก็ปรากฎกายอีกครั้ง ในการแข่งยิงปืนระดับชาติที่จัดขึ้น ทุกคนต่างมาห้อมล้อมถามสารทุกข์สุกดิบกับการอลี่ว่าไปไหนมา ทำอะไรอยู่พร้อมกับแสดงความเห็นใจว่าเสียใจกับมือขวาด้วยนะ พร้อมกับถามเขาว่า "วันนี้นายมาเยี่ยมเพื่อนๆหรอ?" การอลี่ตอบ "เปล่านะ ผมมาเพื่อแข่ง" ทุกคนก็งง แต่ก็เข้าใจว่ากาลอรี่คงคิดถึงการยิงปืน เพราะการยิงปืนก็คือลมหายใจของเขา



เมื่อเริ่มการแข่งขัน กาลอรี่ก็ถือปืนเดินเข้าช่องยิง แต่แล้วกองเชียร์ก็ต้องตะลึงเมื่อเขาจับปืนด้วยมือซ้ายเพราะคิดว่าเขาคงแค่อยากยิงเพื่อหายอยากด้วยมือขวาที่ยังมีอยู่ แต่เท่านั้นไม่พอเมื่อเริ่มการแข่งขันเขาก็ทำให้ทุกคนในสนามต่างก็เงียบกริบและอ้าปากค้างเมื่อการอลี่ลั่นไก กระสุนทุกนัดที่ออกจากปืนของเขาเข้าตรงจุดดำที่อยู่ตรงกลางทุกนัดและเขาก็ก้าวออกมาจากช่องยิงด้วยชัยชนะอย่างงดงาม



อย่างไรก็ตามชัยชนะนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่มันเป็นเรื่องของทัศนคติ ความอุตสาหะและความพากเพียรของเขาเมื่อเขาพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเขาก็คิดแต่เพียงว่า "ช่างหัวมือขวามันประไร มือซ้ายยังมี ดูซิว่าเราจะใช้มันทำอะไรได้บ้าง" พอออกจาก รพ. เขาก็ออกไปฝึกเงียบๆคนเดียว จนนำมาสู่ผลงานขั้นเทพที่กล่าวมา แต่ทว่าโชคก็ยังไม่เข้าเขาอยู่ดี เมื่อการแข่งโอลิมปิกในปี 1940 และ 1944 ต้องยกเลิกไปเพราะพิษสงคราม



เมื่อถึงปี 1948 การอลี่ ตากาจส์ในวัย 38 ปี ถึงจะแก่แต่ก็เก๋า เขายังคงเป็นเสือเฒ่าที่แฝงไปด้วยเขี้ยวเล็บเขาก็เข้าแข่งขันโอลิมปิกที่ลอนดอนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเขาก็ต้องแข่งกับวาเลียนเต้ นักแม่นปืนชาวอาร์เจนไตน์ที่ครองมือวางอันดับหนึ่งในการแข่งขันและเป็นตัวเก็งที่จะคว้าเหรียญทอง ก่อนแข่งวาเลียนเต้ก็ถามการอลี่ว่า "ป๋ามาทำอะไรที่นี่อะได้ข่าวว่าป๋าเสียมือขวาไปแล้วไม่ใช่หรอ" ป๋าของเราก็ตอบไป "ป๋ามาอยากเรียนรู้มาลองประสบการณ์และว่างๆก็อยากทำลายสถิติเล่นๆสักหน่อย" แหม่....เคลมกันน่าดู



เมื่อจบการแข่งขัน ทั้งโลกก็ต้องตะลึงเมื่อป๋าการอลี่ล้มแชมป์ลงและคว้าเหรียญทองมาครองได้ แชมป์เก่าของเราก็เดินมายินดีและเอ่ยกับแชมป์คนใหม่ว่า "ยินดีด้วยป๋า ป๋าเรียนมาพอได้แล้วมั้ง ยิงซะขนาดนั้น" แต่เท่านั้นยังไม่พอ ในปี1952 โอลิมปิกสมัยต่อมาป๋าการอลี่ก็คว้าเหรียญทองได้อีกครั้ง คราวนี้วาเลียนเต้เจ้าเก่าก็เข้ามาแซวป๋าของเราว่า"คราวนี้เรียนจบได้แล้วมั้งป๋า ป๋าไม่ต้องเรียนรู้แล้ว ป๋ามาสอนผมดีกว่า" แต่การแข่งขันในสมัยต่อมาการอลี่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเขาจึงแขวนปืนแล้วก็เบนเข็มมาเป็นโค้ชให้ทีมชาติเรื่อยมา จนถึงบั้นปลายของชีวิต เขาก็เสียชีวิตลงอย่างสงบในปี 1976 ที่บูดาเปสต์บ้านเกิดของเขา



นี่แหละครับคือเรื่องราวของชายที่ชื่อ กาลอรี่ ตากาจส์ ชายคนที่ก้าวข้ามอุปสรรคและทำตามความฝันได้สำเร็จ เขาเลือกที่จะหยุดโทษสิ่งรอบข้างแล้วมาพัฒนาตัวเอง เขาเลือกที่จะเดินตามความฝันด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ และเขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตาชีวิตของตนเองชีวิตเป็นของเรา เราต้องเลือกเอง สุดท้ายผมขอฝากทุกๆ คนครับ"ตำแหน่งมันอยู่ได้ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ได้ตลอดไป" ขอขอบคุณการอลี่สำหรับแรงบันดาลใจ และขอขอบคุณท่านผู้อ่านท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่