👦🏻💕👧🏻THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#84 Week#20. 9-14 พ.ย. / แต่งงานใหม่กันดีกว่า - ถุงมือ ลดแหลกแจกแถม👧🏻💕👦🏻

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม49
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 6 สุดท้ายสำหรับวีคนี้ครับ ^^

เรื่องราวของชายหนุ่มและหญิงสาว ซึ่งต้องแต่งงานกันด้วยความจำเป็นด้านผลประโยชน์ทางธุรกิจ มิใช่ด้วยความรักเลยแม้แต่น้อย

ทั้งคู่ ทำสัญญาฉบับหนึ่ง อันกำหนด กฏ ระเบียบ ข้อบังคับ อย่างเคร่งครัด แน่นอนในเมื่อต่างฝ่ายต่างมิได้รักกัน กฏเหล็กจึงถูกตั้งขึ้น กฏข้อสำคัญคือ ห้ามเข้าใกล้กันเกินระยะหนึ่งเมตร และสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ห้าม "จ้ำบึ๊ด" กันโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืน ผู้ฝ่าฝืนต้องยกทรัพย์สมบัติของตนเท่าที่มีอยู่ ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งหมด !!!

OMG...

แล้วสุดท้าย ทั้งสอง ต้องแต่งงานใหม่...
ทำไมจึงต้องแต่งงานใหม่ ? บางคน (หรือหลายคน) อาจจะคิดว่า ท่าจะทนไม่ไหวแน่ๆ อมยิ้ม19
อยู่ด้วยกันแต่บ่มีกิจกรรมชักคะเย่อกันเลย! หงุดหงิดแย่!!เค้าล้อเล่น

ต้องตามดูทั้งคู่จนจบ แล้วจึงจะรู้คำตอบครับ ^^

อมยิ้ม31
หญิงสาวขับรถตรงไปยังร้านกาแฟ อย่างเลื่อนลอยหนักอึ้งหัวใจ  อภิชา..หญิงสาววัยยี่สิบเก้า ดูเผินๆ เหมือนเธอสมบูรณ์เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางสังคม ชื่อเสียง เงินทอง รูปร่างหน้าตา แต่ใครบ้างจะเชื่อว่าเธอจะมีปัญหาชีวิต ทั้งยังเป็นปัญหาร้ายแรงเสียด้วย

เมธา สามีหนุ่มได้ขอหย่าร้างจากเธออย่างเป็นทางการ หลังจากแต่งงานกันมาเพียงสองปี ช่วงเวลาแห่งการวัดใจและทดลองรัก ที่ลงทุนด้วยค่าสินสอดจำนวนมากมาย งานแต่งงานหรูหราอลังการ เพื่อจะมาพบจุดจบในที่สุด

     ทั้งคู่ไม่ได้รักกันมาก่อน

     สิ่งที่เรียกว่า ‘คลุมถุงชน’  หลายคนติดว่ามันหายสาบสูญไปแล้ว แต่ความจริงวัฒนธรรมทางสังคมเก่าแก่ ไม่ได้หายไปไหน มันปรับเปลี่ยนรูปแบบ-วิธีการ เพื่อความอยู่รอดในการสืบสานเรื่องราวของมัน

     “สองปีหลังจากการแต่งงาน เราจะเลิกกัน”  เมธากระซิบประกาศกร้าวก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ในร้านกาแฟ ที่ทั้งคู่แอบนัดหมายมาตกลงกันด้วยเรื่องบางอย่าง

     “นั่นละ เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ”  อภิชาจ้องตาคู่สนทนา สวนคำด้วยทีท่าแข็งกร้าวไม่แพ้กัน แต่การประกาศกร้าวของทั้งคู่ไม่มีใครรับรู้  ทุกคนมองว่าหนุ่มสาวหน้าตาดีคู่หนึ่ง มานั่งคุยภาษารักธรรมดาเท่านั้น

     “เป็นความต้องการของผู้ใหญ่” เมธาอ้างถึงความจำเป็นของงานแต่งงาน “พวกท่านต้องการแค่ผลประโยชน์ทางธุรกิจและการเงินเท่านั้น ไม่คิดถึงหัวใจพวกเราเลย”

     “ฉันเข้าใจ” หญิงสาวเห็นด้วยในเรื่องนี้  การแต่งงาน ไม่ว่าภาพในสายตาคนอื่น ทั้งสองจะเหมาะสมคู่ควรเพียงใด  แต่ในเมื่อหัวใจไม่ต้องการ มันก็ไม่ผิดกับการถูกโทษทัณฑ์ “เราจะทำตามที่พวกท่านต้องการ แต่เราจะทำให้พวกท่านสมหวัง”

     หญิงสาวยังไม่พร้อมสำหรับชีวิตครอบครัว

     ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพากันมองว่า เมธาและอภิชา เหมาะสมกันอย่างที่สุด ราวกิ่งทองใบหยก ทั้งสองฝ่ายหวังอย่างยิ่งว่า จะได้มีหลานตัวน้อย มาวิ่งเล่น ภายในคฤหาสถ์หรู ให้คนเฒ่าคนแก่หายเหงา

     และร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นสถานที่ ทั้งเมธา และอภิชา มาตกลงซักซ้อมความเข้าใจ ทำสัญญาต่อกัน ให้เข้าใจตรงกัน ทั้งสองฝ่าย กฏ กติกา ถูกเขียนชัดเจน ลงนามรับรอง ซึ่งจะกลายเป็นกฏหมายที่ใช้บังคับในครอบครัวต่อไป

     ข้อที่ 1 – ทั้งคู่จะต้องนอนห้องเดียวกัน เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นพิรุธ แต่ห้ามไม่ให้เข้าใกล้กัน ในระยะหนึ่งเมตร เป็นอันขาด เมธาจะต้องนอนฟูกบนพื้นชิดผนังห้อง ส่วนอภิชานอนบนเตียง  (กว่าจะตกลงกันได้ในข้อนี้ ก็ในเวลาอภิปรายกันเกือบสองชั่วโมง)

     ข้อที่ 2 -  ทั้งคู่จะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกันทางกายภาพแห่งความรักอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าในกรณีใด ถ้าจะจำเป็นต้องแตะเนื้อตัวกัน เช่น ไม่สบายกะทันหัน จะต้องใช้วลาให้น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

     ข้อที่ 3 - ทั้งคู่จะต้องเล่นบทบาทสามีภรรยาตามหน้าที่ ในสายตาคนอื่นอย่างดีและเนียบเนียนที่สุด ไม่ให้ใครจับได้ถึงปัญหาซ่อนเร้น

     ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา จะต้องโอนทรัพย์สินและเงินในบัญชีทั้งหมด ให้กับอีกฝ่ายโดยไม่มีข้อแม้

     ส่วนพยานในการลงนาม ก็ได้แก่เจ้าของร้านนั่นเอง  แน่นอนว่าหญิงสาวเจ้าของร้านไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านข้อความ แต่ได้สิทธิ์ลงนามเป็นพยานเท่านั้น โดยได้รับค่าตอบแทน หนึ่งหมื่นบาท นั่นทำให้เมธาและอภิชา กลายเป็นแขกขาประจำระดับ วีไอพี ของร้านทันที  เวลามาประชุมลับ ทั้งคู่จะใช้ร้านกาแฟแห่งนี้เสมอมา

     ก่อนการแต่งงานจะเกิดขึ้น ทั้งเมธาและอภิชาก็ไม่ได้คบหาใครเป็นคนรักแท้จริงสักคน ทั้งสองมุ่งทำแต่งานและงาน เพื่อความรุ่งเรืองของบริษัท ที่มีพ่อแม่เป็นเจ้าของ ความกดดันทำให้ไม่มีเวลาสนใจคนรักและความรัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทั้งสองยังคงมีความสุขกับงาน และกราฟความรุ่งเรืองของบริษัท ที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี   จากคู่แข่งทางการค้า กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามเป้าหมาย กิจการของสองครอบครัว จะผนึกกำลังความเข้มแข็งมั่นคงทางการค้า ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก

     ดูตามสัญญาข้อตกลงแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย  ขอเพียงเวลาผ่านไปสองปี ไม่สามารถมีทายาทสืบสกุล การหย่าขาดจะเกิดขึ้นทันที หลังแต่งงาน ก็แค่เล่นละครไปตามเกม ซึ่งก็ไม่น่ายาก ไม่มีทายาทการหย่าร้างก็เป็นข้ออ้างได้ในอนาคต

     หลังจากกลับจากการทำงาน อภิชาเลี่ยงขึ้นห้องนอนก่อน  เมธาจะอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวชั้นล่าง รอจนง่วง จึงจะขึ้นห้องนอน ซึ่งภรรยาก็มักจะหลับไปก่อนแล้ว ต่างฝ่ายต่างรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนรับใช้ ก็ไม่มีใครจับพิรุธได้  ทั้งคู่ตื่นนอนเวลาตีสี่กว่า ๆ ใกล้เคียงกัน ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย ถึงเวลาก็ขับรถไปทำงาน

     คนทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันให้ใครเห็น เวลามีปัญหาที่ต้องตกลงกัน ต่างนัดกันมาเคลียร์ปัญหาที่ร้านกาแฟเสมอ เมธาก็รักษาสัญญาอย่างดี ไม่เคยถือโอกาสล่วงเกินภรรยาของตนเอง  รักษาภาพสามี ให้คนอื่นเห็นได้อย่างดีเยี่ยม เขาสุภาพ อ่อนโยน มีน้ำใจกับทุกคน

     ปัญหาที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นหลังแต่งงานเจ็ดเดือน เมธาหงุดหงิด กับการที่เห็นภรรยาในนาม แสดงความสนิทสนทกับเพื่อนชายจนเกินงาม

     “คุณยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาผม ไม่ควรไปทำตัวให้เป็นข่าวในทางไม่ดี”  เมธาเรียกอภิชามาสรุปหาข้อตกลง ที่ร้านกาแฟ ช่วงเย็นของวันหนึ่ง  หลังจากเพื่อนมารายงานว่า เห็นภรรยาของเขาไปทานอาหารเที่ยง กับเพื่อนชายหลายครั้ง จนผิดสังเกต และเริ่มมีเสียงซุบซิบในสังคม

     “เขาแค่เพื่อนนะคะ” อภิชาแย้งอย่างไม่พอใจ รู้สึกถึงการคุกคามเสรีภาพ

     “ยังไงก็ผู้ชาย คุณเป็นผู้หญิง และเป็นผู้หญิงที่มีสามี มันไม่เหมาะสม คุณควรวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้”

     “ทีคุณล่ะคะ ยังเห็นพาเพื่อนหญิงไปทานข้าวไปเที่ยวด้วยกันบ่อยไป”  ฝ่ายภรรยาก็มีข้อมูลสำคัญเหมือนกัน

     “ผมเป็นผู้ชายนะครับ มันไม่เสียหาย”

     “คุณคิดไปเอง แบบเห็นแก่ตัว”

     ถึงบรรยากาศจะมีการโต้เถียง แต่ภาพที่คนอื่นเห็น คือทั้งคู่นั่งตรงกันข้าม โต๊ะกาแฟน่ารักคั่นกลาง ศีรษะโน้มหากัน เหมือนคู่รักกระซาบกระซาบ แต่ความจริงกำลังอภิปรายดุเดือด

     “ผู้ชายมีสิทธิ์จะทำอะไรแบบนั้น มากกว่าผู้หญิงไง”

     “ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”

     “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายเหมือนกัน”

     หลังจากนั้นอีกเกือบชั่วโมง ต่างได้ข้อสรุป หลังจากนี้ห้ามไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไปไหนมาไหน กับเพศตรงกันข้าม สองต่อสองเด็ดขาด ยกเว้นญาติพี่น้อง ไม่มีใครเสียฟอร์มละเมิดข้อตกลงหลังจากนั้น  ข่าวซุบซิบหายไป กลายเป็นความชื่นชมคู่รักตัวอย่าง

     วันเวลาผ่านไป ใกล้ครบสองปี สงครามจิตวิทยาดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองผ่ายเริ่มพูดถึงชีวิตใหม่ และคนรักใหม่ของตัวเองให้กันและกันฟัง ราวกับว่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครแสดงท่าทีเสียใจกับการหย่าร้าง ที่กำลังจะเกิดขึ้น

     และแล้ว วันนี้ที่รอคอย ก็มาถึง

     “ได้เวลาที่ผมจะแต่งงานใหม่แล้ว ในวันนี้ เชิญคุณที่ร้านกาแฟที่เก่าเวลาเดิม ผมจะเปิดเผยคนรักคนใหม่ ให้คุณรู้จักและแสดงความยินดีกับเราด้วย ผมอดทนรอวันนี้มานาน”

     ข้อความในกระดาษที่วางไว้โต๊ะเครื่องแป้ง ทำให้อภิชาถึงกับตะลึง มันเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว แค่ครบกำหนดสองปี เมธาก็จะเปิดเผยตัวตนแต่งงานใหม่ทันที จะหยามกันเกินไปแล้ว

     หญิงสาวนึกถึงสัญญาข้อตกลงต่าง ๆ ห้ามไม่ให้ไปไหนมาไหนกับเพศตรงกันข้าม แต่ไม่ได้ห้ามการสื่อสารโลกออนไลน์ นี่คงเป็นช่องทางของเมธา ที่เปิดช่องว่างให้ มิน่า...พักหลังมักเห็นสามีตัวดีนอนเล่นโทรศัพท์มือถือจนดึกดื่นแทนที่จะรีบนอนอย่างเคย

     อภิชาแทบจะรอไม่ไหว จนถึงเวลานัด

     ในร้านกาแฟ เมธานั่งรอในร้านกาแฟ มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งเคียงข้างอย่างสนิทสนม มองตรงมาด้วยสายตาวาววาม

     “ชา...ผมรู้ว่าชาต้องมา”  เมธายิ้มพลางลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้อดีตภรรยานั่ง

     “รู้ไงคะว่าชา  เอ้อ..ฉันจะมา”    อภิชาพยายามสะกดใจรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ปร่าแปร่ง

     “รู้สิครับ เราอยู่ด้วยกันสองปี ถึงไม่นานมาก แต่ก็นานพอที่ผมจะรู้จักนิสัยใจคอชาได้ดี”

     “แฟนใหม่คุณหรือคะ” ถามเพื่อความแน่ใจ

     “ไม่ครับ” เมธาตอบพร้อมอมยิ้ม

     “หมายความว่ายังไงคะ”

     ”ผมจะแต่งงานใหม่ ใช่แล้ว ผมคิดมาหลายเดือนแล้ว ผมตัดสินใจและรู้ใจตัวเองแล้ว นี่พี่นุช พี่สาวคนโตของผม เพิ่งกลับจากต่างประเทศ อ้อ พี่นุชไม่ได้มางานแต่งของเราหรอกครับเมื่อสองปีที่แล้ว”

     หญิงสาวชื่อนุชยิ้ม และพยักหน้าให้อภิชาอย่างมีไมตรี ดูเค้าหน้าแล้วเมธาคงไม่ได้โกหก พี่น้องหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันจนสังเกตได้

     “แล้วไหนละคะ แฟนที่คุณบอกจะแต่งงานด้วย”

     “ผู้หญิงคนนั้นคือ ชา อภิชา ยังไงครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ผมจะขอใช้ชีวิตของผมอยู่ร่วมกับเธออย่างสามีภรรยาทั่วไป ไม่ใช่อยู่แต่ในนามกันแบบที่ผ่านมาสองปี ชาครับ  ผมรักอภิชา นายเมธาขอประกาศว่า เมธาจะรัก เทิดทูน อภิชา ภรรยา ตลอดไป ผมขอเธอแต่งงานในเวลานี้เลย ชีวิตเมธาจะขาดอภิชาไม่ได้ครับ”

     พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้น ควักกล่องกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดออก หยิบแหวนเพชรเม็ดงามวับวาว วงหนึ่งออกมา  คุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว ผู้ยืนตะลึง

     “ได้โปรดแต่งงานกับผมนะครับ เมธาคนนี้จะได้ดูแล อยู่ข้างชาตลอดไป พี่นุชจะเป็นพยานคนสำคัญ ให้เราสองคน”

     “เดี๋ยวนะคะ...” อภิชาหน้าตาตื่น ส่งเสียงตะกุกตะกัก   “จะไม่มัดมือชกไปหน่อยหรือคะ แน่ใจยังไงว่าชารักคุณ”

     สิ่งที่หญิงสาวมองเห็นกระจ่างชัด เบ่งบานไปทั่วโลกในเวลานั้นคือสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความจริงใจ อย่างที่สุด ซึ่งคนผู้หนึ่งจะแสดงออกมาได้ ความจริงใจของเมธาได้เปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น อย่างปราศจากข้อกังขาใด

     “สองปี ทำให้ผมรู้หัวใจตัวเอง และรู้หัวใจชาด้วย ถึงเราไม่เคยบอกรักกัน เพราะพันธะสัญญาที่เราเขียนขึ้นเอง เขียนตอนที่เรายังไม่ได้รักกัน แต่ชาครับ  ยิ่งผมอยู่ใกล้ชิดชาเท่าไร ยิ่งทำให้ผมรู้จักใจตัวเอง รักชามากขึ้นเท่านั้น ผมรู้ว่าชาเองก็รักผม ถึงชาจะไม่พูดออกมาก็ตาม ผมรู้ด้วยใจ ถึงกล้าขอชาแต่งงานยังไงครับ”

     อภิชารู้สึกมึนงงสับสน ดีใจ ผสมผสานปั่นป่วนไปหมด ยื่นมือออกไปรับการสวมแหวนแต่งงานอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาเจ้ากรรมไหลอาบแก้ม เป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มดีใจอย่างที่สุด แบบไม่คาดฝัน

(มีต่ออีกนิดครับ) ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่