ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 4 เกี่ยวกับ กีฬา ครับ แหมวีคนี้ มีหลากหลายแนวทีเดียว ผู้อ่าน อ่านกันเพลินละครับ ^^
เรื่องของนักกีฬาเทนนิสผู้มีชื่อเสียง เขากำลังจะมีแมทช์สำคัญแมทช์หนึ่ง แต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง ก็มีเหตุการณ์คาดไม่ถึงสอดแทรกเข้ามา...
เหตุการณ์นั้นคืออะไร อย่างไร ? เขาจะชนะแมทช์นี้ได้หรือไม่ ???
ตามไปดูกันครับ ^^

.....คุณเคยใช้เวลาขับรถนานสุดโดยไม่พักเลยเป็นเวลาเท่าไหร่ ไม่รู้คำตอบสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ การเดินทางเที่ยวนี้โหด หิน และเนิ่นนานเลวร้ายมากสุด เท่าที่เธอเคยเจอะเจอมาในชีวิต
เธอไม่น่าหาเรื่องเลยจริง ๆ และโชคก็ดูจะไม่เข้าข้างเธอนัก อุบัติเหตุบางอย่างด้านหน้า ทำให้ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนเส้นทางที่ไม่รู้จักนานร่วมสองชั่วโมง ชะเง้อชะแง้ กวาดสายตาในระยะทอดไกลออกไป รถราคับคั่งพากันจอดนิ่ง บ้างก็เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เท่าที่ทำได้ มองดูนาฬิกาตรงหน้าปัดรถยนต์ เกือบสามทุ่มแล้ว จะทำยังไงดี หญิงสาวไม่คิดเลยว่าการออกมาต่างจังหวัด จะทำให้เสียเวลาถึงขนาดนี้
เรวดีเริ่มคิดถึงเรื่องที่พัก เอื้อมมือหยิบมือถือมาเช็คแอพ ฯ จองห้องพักของโรงแรม ก็ต้องถอนหายใจออกมา ฤดูไฮซีซั่น ที่ไหน ๆ ก็เต็มไปหมด
เหลือบมองรถคันหรูสีดำข้างหน้า ดูเหมือนเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางกันมานานแล้วก็หนักใจ เธอกับรถคันนั้น ผลัดกันแซง ผลัดกันตาม ตั้งแต่ออกจากร้านอาหารตอนเที่ยง จุดมุ่งหมายแท้จริงเขาอยู่ไหนนะ เรวดีแอบถามตัวเอง แม้ว่านั่นอาจไม่ทำให้ได้คำตอบใดกลับมาก็ตาม
ไม่มีเวลาให้เหม่อลอยมากนัก เมื่อรถคันหน้าเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเตรียมเข้าซอยด้านข้าง คาดว่ามันไม่น่าจะอยู่ในแผนการเดินทางมาก่อน
ให้ตายเถอะ !
นี่เขารู้ตัวแล้วใช่ไหม ?
ถ้าคลาดกันตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานอีกแค่ไหนกว่าจะหาโอกาสดีเช่นนี้ได้อีก ความกะทันหันบีบให้ต้องตัดสินใจหักเลี้ยวตามโดยไม่มีข้อแม้ ชะลอรถแล่นตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
รถหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง เรวดีมองเห็นที่ว่างไม่ไกลกันนัก จึงไม่รอช้าเคลื่อนรถเข้าไปจอด แม้ว่าเครื่องยนต์ยังไม่ทันดับดี เสียงเคาะหนักหน่วงด้วยกำปั้นใหญ่แข็งแรงตรงกระจกด้านข้างคนขับทำให้เธอถึงกับทำหน้าเหวอ สะดุ้งอย่างคนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับสถานการณ์คุกคามเช่นนี้ กระจกถูกกดให้เลื่อนลง เรวดีแอบหวังว่าการยิ้มอาจช่วยให้เขามองเห็นความเป็นมิตรบนใบหน้าของเธอ
" คุณตามผมมาทำไม " คำถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม สีหน้าร้ายกาจ สมกับเป็นจอมราชาลูกเสิร์ฟสุดหนักหน่วงรุนแรงในเกมส์ลูกสักหลาดจริงๆ
เรวดีอดไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบ ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“มีคนฝากนี่มาให้คุณค่ะ” หญิงสาวเอื้อมมือไปด้านหลัง หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เขา ชายหนุ่มรับมันไปด้วยความเคลือบแคลง กระชากเสียงถามด้วยความไม่ไว้วางใจ
“มันคืออะไร และใครเป็นคนฝากมา” เสียงห้าวเข้มเค้นถามความจริงนั้น ทำให้เรวดีใจไม่ดี
“คือว่า..ฉันก็ไม่สามารถบอกคุณได้ค่ะ มันเป็นความลับของลูกค้า” เธอพยายามพูดให้ดูดีที่สุด ในสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้
เดชดนัยหรี่ตามองหญิงสาวด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก ก่อนเปรยขึ้นมา
“ความลับของลูกค้างั้นเหรอ คุณคงรับงานประเภทสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่นแบบนี้บ่อยสินะ”
คำถามเชิงดูถูกจากนักกีฬาหนุ่ม ทำให้เรวดีหน้าเปลี่ยนสี พยายามสงบสติอารมณ์ ตอบไปด้วยเสียงเรียบที่สุด
“ถ้านั่น หมายถึงรายได้ และไม่ขัดต่อสิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ฉันก็ไม่เกี่ยงค่ะ”
“อืม ดูเห็นแก่เงินดีแท้” น้ำเสียงเยาะ อีกแววตาเย้ยหยัน พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ทำให้เรวดีหน้าชา ไม่ทันจะทันตอบอะไรมากกว่านี้ ก็เห็นเขาเปิดซองนั้นออก กวาดตาอ่านข้อความและรูปบางอย่างที่แนบมา ก่อนจะขยำและฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงโทสะ แล้วหันมาพูดกับเธอ
“คุณ ! ตามผมมานี่ ” ไม่พูดเปล่า ด้วยความรวดเร็วของเขา เอื้อมมือเข้ามาในรถ ฉกบิดกุญแจไปครอบครองในมืออย่างง่ายดาย พลันกระชากประตูรถเปิด ออกแรงดึงข้อมือลากหญิงสาวออกมาจากรถแบบไร้ความปรานี
“โอ๊ย ! เบาๆก็ได้ ฉันเจ็บนะ ! “ เรวดีอุทรณ์ต่อเรี่ยวแรงมหาศาลที่กำลังคุกคามเธออยู่ในตอนนี้
อาจเป็นเพราะดึกแล้ว บริเวณโดยรอบค่อนข้างเปลี่ยว แม้จะมียามอยู่ที่ป้อม แต่ก็ยังไกลจากจุดนี้มากอยู่ ข้อมือแข็งแกร่งแบบคนออกกำลังกายมาตลอดชีวิต ดุจคีมเหล็กพันธนาการ ไม่ให้เธอสามารถทำอะไรได้ดีกว่าก้าวเท้าเร็วๆ ตามเดชดนัยไปอย่างไม่มีข้อแม้
ความเป็นคนตัวสูงของฝ่ายชาย แค่ก้าวเท้ายาว ๆ หน่อย เรวดีหญิงสาวร่างเล็กบอบบางก็แทบจะลอยหวือถูกลากตามติดเขาไป ไม่นานนักก็ถึงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรม พนักงานฟรอนท์ยกมือไหว้ทั้งคู่อย่างหน้าตื่น สายตามองสลับไปมายังคนทั้งสอง แต่ก็ไม่พูดมากอะไร รีบหยิบคีย์การ์ดส่งให้เดชดนัยด้วยความนอบน้อม ก่อนที่เขาจะลากหญิงสาวและยัดตัวเธอเข้ามาในลิฟต์
จังหวะนี้แหละ..เรวดีสะบัดตัวจากการเกาะกุม ใช้ความเร็วกดกระแทกส้นรองเท้าส้นแหลม ปักลงหลังฝ่าเท้าของคนตัวใหญ่ จนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องโอ๊ยอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กบางเบียดถลันตัวเฉียดฉิวออกมาก่อนประตูลิฟต์จะปิด แล้วรีบร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่ว…!”
แต่นั่นก็ไม่เร็วพอที่อีกฝ่ายจะตามมาทัน โอบเอวเธอจนแทบจะกลายเป็นอุ้มแล้วเหวี่ยงอย่างแรงกลับเข้าลิฟต์อีกครั้ง
“ รู้เอาไว้ด้วย...นี่เป็นโรงแรมของพ่อผม ต่อให้คุณร้องให้ตายก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก ตราบใดที่เขาเห็นคุณมากับผม” เสียงห้าวเจือแรงโทสะดังก้องลิฟต์ ไม่นานนักลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นสาม ไม่รอช้า เขารวบข้อมือบางของเรวดีในอุ้งมือ ลากออกจากลิฟต์จนเธอต้องสาวเท้าถี่ๆเพื่อเดินตามเขาให้ทัน
ห้อง 3103 เธอทันได้มองแค่ปลายหางตา ก่อนที่ประตูจะเปิดออกและเธอถูกเหวี่ยงอีกครั้งอย่างไม่ใยดีลงบนไปนั่งกองตรงผืนพรม
ชั่วแวบนึง คิดว่าเขาคงไม่เห็น เรวดีแอบก้มหน้าลอบยิ้มให้กับความสำเร็จอันสวยงาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป คนอย่างเธอก็พร้อมเตรียมใจรับมัน เดชดนัยคงไม่รู้สินะ.. เธอลองคาดการณ์ดูล่วงหน้าถึงสถานการณ์สุดเลวร้าย ว่าอาจต้องเจอกับอะไรแบบนี้
ท่าทางที่เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวอย่างคุกคาม ความใหญ่โต บึกบึนของร่างกาย ทำให้เธอเหมือนลูกหนูตกอยู่ในอุ้งมือราชสีห์ร้าย เขาก้มลงถามด้วยเสียงกดต่ำ พยายามควบคุมโทสะอย่างเต็มที่
“มันจ่ายคุณเท่าไหร่ ผมยินดีให้คุณมากกว่าสามเท่า หรือคุณมีอะไรดีกว่านี้ก็ลองว่ามา”
ข้อเสนอของเดชดนัยฟังดูดี แต่น่าเสียดาย หญิงสาวทำงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าจ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นึกย้อนกลับถึงช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก..
เปล่าหรอก..คงไม่ใช่ตอนเธอกระแทกปลายส้มสูงแหลมคมลงบนหลังรองเท้านักกีฬาของเขา แม้ว่าในการแข่งขันฤดูกาลที่ผ่านมา ชายหนุ่มจะมีอาการบาดเจ็บตรงเท้า จนหลายต่อหลายครั้งเกือบเสียจังหวะพ่ายให้กับคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศ แต่จุดมุ่งหมายแท้จริงคือการเอี้ยวตัวเพื่อรองรับร่างเธอ ขณะเสียหลักกำลังจะล้มต่อจากนั้นต่างหากล่ะ
ในตอนนั้น ปฏิกริยาของเดชดนัยย่อตัวลงรับเธอก่อนจะถึงพื้น เป็นไปอย่างอัตโนมัติสมกับเป็นนักกีฬาฝึกฝนร่างกายมาเป็นอย่างดี
ช่วงจะล้มไม่ล้มแหล่นี่แหละ เป็นเวลาที่ดีที่สุด เรวดีใช้ความว่องไว เร็วและแรงพอ ทำให้มันดูคล้ายอุบัติเหตุ ราวกับว่าเธอเสียหลัก หัวล้มฟาดเข่าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนทุกอย่างผ่านไปอย่างแนบเนียน สมกับค่าจ้างหลายหลักที่โอนเข้าบัญชีเธอ
แต่จะว่าไป ข้อเสนอล่าสุดของเขาก็ฟังดูเข้าท่าไม่เลวทีเดียว หญิงสาวกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คงมีอะไรสนุกๆทำต่อจากนี้อีกสินะ
****************************
ภายในห้องพักนักกีฬา สีหน้าเคร่งเครียดของโค้ชและนักกีฬาภายในห้องพอจะบอกอะไรบางอย่างได้
“พี่ว่าเดชถอนตัวจากแมตช์นี้ดีกว่า เข่าบาดเจ็บเรื้อรังมานานควรจะพักมากกว่านะ อีกอย่างสไตล์การตีของคู่แข่งวันนี้ มีจุดเด่นตรงการยื้อเกมส์ ถ้าสักสามเซตอาจจะพอไหว แต่ถ้ายืดไปถึงห้า นั่นอาจไม่คุ้ม อย่าลืมสิ ยังมีการแข่ง
วิมเบิลดันเป็นด่านสำคัญที่สุด”
“อย่าห่วงเลยครับ เจ็บมากกว่านี้ผมก็เคยผ่านมา ครั้งนี้เป็นโอกาสของผม จะได้แชมป์ในรายการนี้ติดต่อกันสามสมัย ผมอยากลองดู”
“นั่นอาจเสี่ยงเกินไปนะเดช” โค้ชเตือนด้วยความห่วงใย
“เอาล่ะ เอาเป็นว่าผมตัดสินใจแล้ว และพร้อมจะรับผิดชอบกับผลลัพธ์” เดชดนัยสรุป ก่อนเดินออกจากห้องไปด้วยความมุ่งมั่นพร้อมกระเป๋านักกีฬาและแร็กเก็ต ทิ้งให้โค้ชยังนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน นั่นคือภาพสุดท้าย ซึ่งถ้าหากมีกล้องแอบดักถ่าย ตามสืบเสาะความเคลื่อนไหวของนักกีฬาหนุ่มอยู่จริงล่ะก็ อาจจะบันทึกภาพเอาไว้ทันก็เป็นไปได้
เดชดนัยยิ้มให้กับตัวเอง หวังว่าแค่นี้คงเพียงพอ อดย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมไม่ได้ เขาพอจะรู้ว่าใครส่งเธอคนนั้นมา แต่ข่าวลวงล่วงหน้า ซึ่งเขาและโค้ชร่วมมือกันปล่อยออกไป บวกแรงซุบซิบจากอีกหลายเวบไซต์ดัง รวมทั้งบทวิจารณ์เกี่ยวกับการเล่นของเขาในแง่ลบจากหนังสือพิมพ์กีฬา ล้วนแต่ส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ!
บาดเจ็บงั้นหรือ โธ่เอ๊ย! มันก็แค่เกมส์เล็กๆน้อยๆ ก่อนการแข่งจริงเท่านั้นเอง
...............................
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อัฒจันทร์รอบข้างมีผู้ชมแน่นขนัด ส่งเสียงปรบมือดังกระหึ่ม เดชดนัยไม่ลืมที่จะยิ้มและยกมือโบกทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ที่บริเวณหนึ่งมีแสงแฟลชถ่ายรูปวิบวับหลายครั้ง คาดว่าในวันนี้ นักข่าวหลายสำนักคงมาจับจองพื้นที่เพื่อไม่ให้พลาดการแข่งขันนัดสำคัญ
เมื่อนักกีฬาทั้งคู่เดินลงสู่สนาม จับมือกัน ก่อนแยกย้ายประจำที่ม้านั่งริมสนามคนละฝั่ง สีหน้าของแมกซ์เวลล์คู่แข่งของเขาวันนี้มีความมั่นใจ ลีลาเริ่มต้นเกมส์เสิร์ฟเป็นไปอย่างเร็วและแม่นยำ ทำให้เริ่มออกนำไปก่อนอย่างสวยงาม
แต่แล้วในระหว่างเซตที่สองต่อมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดหมายก็เกิดขึ้น เดชดนัยที่มีประวัติการหายใจขัดระหว่างแมทช์มาก่อน เริ่มออกอาการอีกครั้งในเซทนั้น เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบสนาม บางคนคุยถึงข่าวในแง่ลบของเดชดนัยที่อ่านเจอในหนังสือพิมพ์
อาการผิดปกติของนักกีฬาหนุ่มไม่มีใครรู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่ บางทีอาจเกิดจากอะดรีนาลินหลั่งเร็วผิดปกติ ทำให้เขาออกอาการแปลกๆ หายใจหนักๆ เหมือนกำลังจะขาดใจ ตัวเย็น และเริ่มเป็นตะคริวในบางส่วน นั่นเป็นเหตุทำให้เขาตี UNFORCED ERROR พลาดไปเองในเซ็ทนี้อย่างน่าเสียดาย
ถ้าแม็กซ์เวลล์คาดไม่ผิด ตอนนี้ร่างกายของเดชดนัยคงเหนื่อยล้ามาก จะเป็นผลดีกว่า หากเขาเล่นเกมส์เร็วและปิดเซ็ตที่สามได้สำเร็จ การเสริฟอัพเพอร์สปิน และเล่นลูกเหนือศีรษะ เป็นจุดเด่นที่ถนัดถูกงัดมาใช้ จนยิ้มได้ด้วยคะแนนนำ 4 ต่อ 1 ในเซ็ตที่ 3 การแข่งขันใช้ระบบ 3 ใน 5 เซ็ตมาตรฐานสำหรับนักเทนนิสชาย สุดท้ายแมกซ์เวลล์สามารถคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด หลังจบแมทซ์ เดชดนัย มีอาการไม่สู้ดี เส้นเอ็นยึด ลุกไม่ได้ ต้องใช้เวลากดเส้นอยู่พักใหญ่จึงลุกขึ้นได้อีกครั้ง
(มีต่ออีกนิดนึงครับ) ^^
🏸👧🏻🕛THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#82 Week#20. 9-14 พ.ย. / คาดไว้แล้ว - ถุงมือ สักหลาด🕛👧🏻🏸
เรื่องของนักกีฬาเทนนิสผู้มีชื่อเสียง เขากำลังจะมีแมทช์สำคัญแมทช์หนึ่ง แต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง ก็มีเหตุการณ์คาดไม่ถึงสอดแทรกเข้ามา...
เหตุการณ์นั้นคืออะไร อย่างไร ? เขาจะชนะแมทช์นี้ได้หรือไม่ ???
ตามไปดูกันครับ ^^
เธอไม่น่าหาเรื่องเลยจริง ๆ และโชคก็ดูจะไม่เข้าข้างเธอนัก อุบัติเหตุบางอย่างด้านหน้า ทำให้ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนเส้นทางที่ไม่รู้จักนานร่วมสองชั่วโมง ชะเง้อชะแง้ กวาดสายตาในระยะทอดไกลออกไป รถราคับคั่งพากันจอดนิ่ง บ้างก็เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เท่าที่ทำได้ มองดูนาฬิกาตรงหน้าปัดรถยนต์ เกือบสามทุ่มแล้ว จะทำยังไงดี หญิงสาวไม่คิดเลยว่าการออกมาต่างจังหวัด จะทำให้เสียเวลาถึงขนาดนี้
เรวดีเริ่มคิดถึงเรื่องที่พัก เอื้อมมือหยิบมือถือมาเช็คแอพ ฯ จองห้องพักของโรงแรม ก็ต้องถอนหายใจออกมา ฤดูไฮซีซั่น ที่ไหน ๆ ก็เต็มไปหมด
เหลือบมองรถคันหรูสีดำข้างหน้า ดูเหมือนเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางกันมานานแล้วก็หนักใจ เธอกับรถคันนั้น ผลัดกันแซง ผลัดกันตาม ตั้งแต่ออกจากร้านอาหารตอนเที่ยง จุดมุ่งหมายแท้จริงเขาอยู่ไหนนะ เรวดีแอบถามตัวเอง แม้ว่านั่นอาจไม่ทำให้ได้คำตอบใดกลับมาก็ตาม
ไม่มีเวลาให้เหม่อลอยมากนัก เมื่อรถคันหน้าเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเตรียมเข้าซอยด้านข้าง คาดว่ามันไม่น่าจะอยู่ในแผนการเดินทางมาก่อน
ให้ตายเถอะ !
นี่เขารู้ตัวแล้วใช่ไหม ?
ถ้าคลาดกันตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานอีกแค่ไหนกว่าจะหาโอกาสดีเช่นนี้ได้อีก ความกะทันหันบีบให้ต้องตัดสินใจหักเลี้ยวตามโดยไม่มีข้อแม้ ชะลอรถแล่นตามรถยนต์คันหน้าอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
รถหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง เรวดีมองเห็นที่ว่างไม่ไกลกันนัก จึงไม่รอช้าเคลื่อนรถเข้าไปจอด แม้ว่าเครื่องยนต์ยังไม่ทันดับดี เสียงเคาะหนักหน่วงด้วยกำปั้นใหญ่แข็งแรงตรงกระจกด้านข้างคนขับทำให้เธอถึงกับทำหน้าเหวอ สะดุ้งอย่างคนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับสถานการณ์คุกคามเช่นนี้ กระจกถูกกดให้เลื่อนลง เรวดีแอบหวังว่าการยิ้มอาจช่วยให้เขามองเห็นความเป็นมิตรบนใบหน้าของเธอ
" คุณตามผมมาทำไม " คำถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม สีหน้าร้ายกาจ สมกับเป็นจอมราชาลูกเสิร์ฟสุดหนักหน่วงรุนแรงในเกมส์ลูกสักหลาดจริงๆ
เรวดีอดไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบ ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“มีคนฝากนี่มาให้คุณค่ะ” หญิงสาวเอื้อมมือไปด้านหลัง หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เขา ชายหนุ่มรับมันไปด้วยความเคลือบแคลง กระชากเสียงถามด้วยความไม่ไว้วางใจ
“มันคืออะไร และใครเป็นคนฝากมา” เสียงห้าวเข้มเค้นถามความจริงนั้น ทำให้เรวดีใจไม่ดี
“คือว่า..ฉันก็ไม่สามารถบอกคุณได้ค่ะ มันเป็นความลับของลูกค้า” เธอพยายามพูดให้ดูดีที่สุด ในสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้
เดชดนัยหรี่ตามองหญิงสาวด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก ก่อนเปรยขึ้นมา
“ความลับของลูกค้างั้นเหรอ คุณคงรับงานประเภทสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่นแบบนี้บ่อยสินะ”
คำถามเชิงดูถูกจากนักกีฬาหนุ่ม ทำให้เรวดีหน้าเปลี่ยนสี พยายามสงบสติอารมณ์ ตอบไปด้วยเสียงเรียบที่สุด
“ถ้านั่น หมายถึงรายได้ และไม่ขัดต่อสิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ฉันก็ไม่เกี่ยงค่ะ”
“อืม ดูเห็นแก่เงินดีแท้” น้ำเสียงเยาะ อีกแววตาเย้ยหยัน พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ทำให้เรวดีหน้าชา ไม่ทันจะทันตอบอะไรมากกว่านี้ ก็เห็นเขาเปิดซองนั้นออก กวาดตาอ่านข้อความและรูปบางอย่างที่แนบมา ก่อนจะขยำและฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงโทสะ แล้วหันมาพูดกับเธอ
“คุณ ! ตามผมมานี่ ” ไม่พูดเปล่า ด้วยความรวดเร็วของเขา เอื้อมมือเข้ามาในรถ ฉกบิดกุญแจไปครอบครองในมืออย่างง่ายดาย พลันกระชากประตูรถเปิด ออกแรงดึงข้อมือลากหญิงสาวออกมาจากรถแบบไร้ความปรานี
“โอ๊ย ! เบาๆก็ได้ ฉันเจ็บนะ ! “ เรวดีอุทรณ์ต่อเรี่ยวแรงมหาศาลที่กำลังคุกคามเธออยู่ในตอนนี้
อาจเป็นเพราะดึกแล้ว บริเวณโดยรอบค่อนข้างเปลี่ยว แม้จะมียามอยู่ที่ป้อม แต่ก็ยังไกลจากจุดนี้มากอยู่ ข้อมือแข็งแกร่งแบบคนออกกำลังกายมาตลอดชีวิต ดุจคีมเหล็กพันธนาการ ไม่ให้เธอสามารถทำอะไรได้ดีกว่าก้าวเท้าเร็วๆ ตามเดชดนัยไปอย่างไม่มีข้อแม้
ความเป็นคนตัวสูงของฝ่ายชาย แค่ก้าวเท้ายาว ๆ หน่อย เรวดีหญิงสาวร่างเล็กบอบบางก็แทบจะลอยหวือถูกลากตามติดเขาไป ไม่นานนักก็ถึงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรม พนักงานฟรอนท์ยกมือไหว้ทั้งคู่อย่างหน้าตื่น สายตามองสลับไปมายังคนทั้งสอง แต่ก็ไม่พูดมากอะไร รีบหยิบคีย์การ์ดส่งให้เดชดนัยด้วยความนอบน้อม ก่อนที่เขาจะลากหญิงสาวและยัดตัวเธอเข้ามาในลิฟต์
จังหวะนี้แหละ..เรวดีสะบัดตัวจากการเกาะกุม ใช้ความเร็วกดกระแทกส้นรองเท้าส้นแหลม ปักลงหลังฝ่าเท้าของคนตัวใหญ่ จนอีกฝ่ายส่งเสียงร้องโอ๊ยอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กบางเบียดถลันตัวเฉียดฉิวออกมาก่อนประตูลิฟต์จะปิด แล้วรีบร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่ว…!”
แต่นั่นก็ไม่เร็วพอที่อีกฝ่ายจะตามมาทัน โอบเอวเธอจนแทบจะกลายเป็นอุ้มแล้วเหวี่ยงอย่างแรงกลับเข้าลิฟต์อีกครั้ง
“ รู้เอาไว้ด้วย...นี่เป็นโรงแรมของพ่อผม ต่อให้คุณร้องให้ตายก็ไม่มีใครสนใจคุณหรอก ตราบใดที่เขาเห็นคุณมากับผม” เสียงห้าวเจือแรงโทสะดังก้องลิฟต์ ไม่นานนักลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นสาม ไม่รอช้า เขารวบข้อมือบางของเรวดีในอุ้งมือ ลากออกจากลิฟต์จนเธอต้องสาวเท้าถี่ๆเพื่อเดินตามเขาให้ทัน
ห้อง 3103 เธอทันได้มองแค่ปลายหางตา ก่อนที่ประตูจะเปิดออกและเธอถูกเหวี่ยงอีกครั้งอย่างไม่ใยดีลงบนไปนั่งกองตรงผืนพรม
ชั่วแวบนึง คิดว่าเขาคงไม่เห็น เรวดีแอบก้มหน้าลอบยิ้มให้กับความสำเร็จอันสวยงาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป คนอย่างเธอก็พร้อมเตรียมใจรับมัน เดชดนัยคงไม่รู้สินะ.. เธอลองคาดการณ์ดูล่วงหน้าถึงสถานการณ์สุดเลวร้าย ว่าอาจต้องเจอกับอะไรแบบนี้
ท่าทางที่เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวอย่างคุกคาม ความใหญ่โต บึกบึนของร่างกาย ทำให้เธอเหมือนลูกหนูตกอยู่ในอุ้งมือราชสีห์ร้าย เขาก้มลงถามด้วยเสียงกดต่ำ พยายามควบคุมโทสะอย่างเต็มที่
“มันจ่ายคุณเท่าไหร่ ผมยินดีให้คุณมากกว่าสามเท่า หรือคุณมีอะไรดีกว่านี้ก็ลองว่ามา”
ข้อเสนอของเดชดนัยฟังดูดี แต่น่าเสียดาย หญิงสาวทำงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าจ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นึกย้อนกลับถึงช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก..
เปล่าหรอก..คงไม่ใช่ตอนเธอกระแทกปลายส้มสูงแหลมคมลงบนหลังรองเท้านักกีฬาของเขา แม้ว่าในการแข่งขันฤดูกาลที่ผ่านมา ชายหนุ่มจะมีอาการบาดเจ็บตรงเท้า จนหลายต่อหลายครั้งเกือบเสียจังหวะพ่ายให้กับคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศ แต่จุดมุ่งหมายแท้จริงคือการเอี้ยวตัวเพื่อรองรับร่างเธอ ขณะเสียหลักกำลังจะล้มต่อจากนั้นต่างหากล่ะ
ในตอนนั้น ปฏิกริยาของเดชดนัยย่อตัวลงรับเธอก่อนจะถึงพื้น เป็นไปอย่างอัตโนมัติสมกับเป็นนักกีฬาฝึกฝนร่างกายมาเป็นอย่างดี
ช่วงจะล้มไม่ล้มแหล่นี่แหละ เป็นเวลาที่ดีที่สุด เรวดีใช้ความว่องไว เร็วและแรงพอ ทำให้มันดูคล้ายอุบัติเหตุ ราวกับว่าเธอเสียหลัก หัวล้มฟาดเข่าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนทุกอย่างผ่านไปอย่างแนบเนียน สมกับค่าจ้างหลายหลักที่โอนเข้าบัญชีเธอ
แต่จะว่าไป ข้อเสนอล่าสุดของเขาก็ฟังดูเข้าท่าไม่เลวทีเดียว หญิงสาวกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คงมีอะไรสนุกๆทำต่อจากนี้อีกสินะ
“พี่ว่าเดชถอนตัวจากแมตช์นี้ดีกว่า เข่าบาดเจ็บเรื้อรังมานานควรจะพักมากกว่านะ อีกอย่างสไตล์การตีของคู่แข่งวันนี้ มีจุดเด่นตรงการยื้อเกมส์ ถ้าสักสามเซตอาจจะพอไหว แต่ถ้ายืดไปถึงห้า นั่นอาจไม่คุ้ม อย่าลืมสิ ยังมีการแข่งวิมเบิลดันเป็นด่านสำคัญที่สุด”
“อย่าห่วงเลยครับ เจ็บมากกว่านี้ผมก็เคยผ่านมา ครั้งนี้เป็นโอกาสของผม จะได้แชมป์ในรายการนี้ติดต่อกันสามสมัย ผมอยากลองดู”
“นั่นอาจเสี่ยงเกินไปนะเดช” โค้ชเตือนด้วยความห่วงใย
“เอาล่ะ เอาเป็นว่าผมตัดสินใจแล้ว และพร้อมจะรับผิดชอบกับผลลัพธ์” เดชดนัยสรุป ก่อนเดินออกจากห้องไปด้วยความมุ่งมั่นพร้อมกระเป๋านักกีฬาและแร็กเก็ต ทิ้งให้โค้ชยังนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วจึงเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน นั่นคือภาพสุดท้าย ซึ่งถ้าหากมีกล้องแอบดักถ่าย ตามสืบเสาะความเคลื่อนไหวของนักกีฬาหนุ่มอยู่จริงล่ะก็ อาจจะบันทึกภาพเอาไว้ทันก็เป็นไปได้
เดชดนัยยิ้มให้กับตัวเอง หวังว่าแค่นี้คงเพียงพอ อดย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมไม่ได้ เขาพอจะรู้ว่าใครส่งเธอคนนั้นมา แต่ข่าวลวงล่วงหน้า ซึ่งเขาและโค้ชร่วมมือกันปล่อยออกไป บวกแรงซุบซิบจากอีกหลายเวบไซต์ดัง รวมทั้งบทวิจารณ์เกี่ยวกับการเล่นของเขาในแง่ลบจากหนังสือพิมพ์กีฬา ล้วนแต่ส่งผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ!
บาดเจ็บงั้นหรือ โธ่เอ๊ย! มันก็แค่เกมส์เล็กๆน้อยๆ ก่อนการแข่งจริงเท่านั้นเอง
...............................
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อัฒจันทร์รอบข้างมีผู้ชมแน่นขนัด ส่งเสียงปรบมือดังกระหึ่ม เดชดนัยไม่ลืมที่จะยิ้มและยกมือโบกทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ที่บริเวณหนึ่งมีแสงแฟลชถ่ายรูปวิบวับหลายครั้ง คาดว่าในวันนี้ นักข่าวหลายสำนักคงมาจับจองพื้นที่เพื่อไม่ให้พลาดการแข่งขันนัดสำคัญ
เมื่อนักกีฬาทั้งคู่เดินลงสู่สนาม จับมือกัน ก่อนแยกย้ายประจำที่ม้านั่งริมสนามคนละฝั่ง สีหน้าของแมกซ์เวลล์คู่แข่งของเขาวันนี้มีความมั่นใจ ลีลาเริ่มต้นเกมส์เสิร์ฟเป็นไปอย่างเร็วและแม่นยำ ทำให้เริ่มออกนำไปก่อนอย่างสวยงาม
แต่แล้วในระหว่างเซตที่สองต่อมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดหมายก็เกิดขึ้น เดชดนัยที่มีประวัติการหายใจขัดระหว่างแมทช์มาก่อน เริ่มออกอาการอีกครั้งในเซทนั้น เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นรอบสนาม บางคนคุยถึงข่าวในแง่ลบของเดชดนัยที่อ่านเจอในหนังสือพิมพ์
อาการผิดปกติของนักกีฬาหนุ่มไม่มีใครรู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่ บางทีอาจเกิดจากอะดรีนาลินหลั่งเร็วผิดปกติ ทำให้เขาออกอาการแปลกๆ หายใจหนักๆ เหมือนกำลังจะขาดใจ ตัวเย็น และเริ่มเป็นตะคริวในบางส่วน นั่นเป็นเหตุทำให้เขาตี UNFORCED ERROR พลาดไปเองในเซ็ทนี้อย่างน่าเสียดาย
ถ้าแม็กซ์เวลล์คาดไม่ผิด ตอนนี้ร่างกายของเดชดนัยคงเหนื่อยล้ามาก จะเป็นผลดีกว่า หากเขาเล่นเกมส์เร็วและปิดเซ็ตที่สามได้สำเร็จ การเสริฟอัพเพอร์สปิน และเล่นลูกเหนือศีรษะ เป็นจุดเด่นที่ถนัดถูกงัดมาใช้ จนยิ้มได้ด้วยคะแนนนำ 4 ต่อ 1 ในเซ็ตที่ 3 การแข่งขันใช้ระบบ 3 ใน 5 เซ็ตมาตรฐานสำหรับนักเทนนิสชาย สุดท้ายแมกซ์เวลล์สามารถคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด หลังจบแมทซ์ เดชดนัย มีอาการไม่สู้ดี เส้นเอ็นยึด ลุกไม่ได้ ต้องใช้เวลากดเส้นอยู่พักใหญ่จึงลุกขึ้นได้อีกครั้ง
(มีต่ออีกนิดนึงครับ) ^^