ดิฉันได้ไปติดต่อขอเช้าบ้านทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว ในราคาเดือนละ 4000฿ มีทำสัญญาเช่าพร้อมมัดจำ 1 เดือน ส่วนตัวแฟนรู้จักกันกับเจ้าของบ้านเพราะเป็นรุ่นพี่ที่เคยเจอกัน สภาพบ้านทาสีใหม่แล้ว 2ห้องนอน 1ห้องน้ำ มแอร์2ตัว ไม่มีเฟอร์ ในวันที่ขอเข้าไปดูบ้านเราถามเขาว่าต้องทำสัญญาไหม ต้องอยู่ขั้นต่ำกี่เดือน เจ้าของบอกแล้วแต่จะอยู่ แต่มีสัญญาเช่านะ แต่จะอยู่ยาวใช่ไหม ความตั้งใจคืออยู่ยาวอยู่แล้วค่ะ เพราะว่า คงไม่มีใครอยากย้ายบ้านบ่อยๆ ตอนนั้นตัวเองท้องได้สามเดือนแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องย้ายกลับบ้านหรือเปล่า แล้ว ณ ตอนนั้น มีเหตุผลจำเป็นต้องย้ายบ้านด่วน เพราะบ้านหลังเก่าเจ้าของบ้านขายบ้านได้แล้ว เราเลยต้องรีบย้ายออกค่ะ เห็นว่าเป็นคนที่รู้จักเราเลยตกลงเช่าบ้านวันนั้นเลย คือ เข้าอยู่วันที่ 13 มิถุนา 63 ตกลงกันที่ จ่ายแรกเข้าเดือนแรก คิดแค่ครึ่งเดือนพอดี คือ 2000฿ +ค่ามัดจำล่วงหน้าอีก1เดือนเป็น 6000฿ พร้อมขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเรา เซ็นสำเนาถูกต้องแต่ไม่ได้เขียนว่าสำหรับเช่าบ้านเท่านั้น เจ้าของบ้านแจ้งว่า เดี๋ยวเอาสัญญาเช่ามาให้เซ็น แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้มีการติดต่อเพื่อเซ็นสัญญาเช่าอีกเลย หลังจากจ่ายเงินแล้วเราคุยต่ออีกว่า สามารถเจาะบ้านได้ไหม เพราะต้องการทำร้านเสริมสวยในบ้าน พร้อมเจาะสายอินเตอร์เน็ตบ้าน+กล่องทีวี ซึ่งได้คำตอบมาว่า เจาะไม่ได้นะครับ แต่อินเตอร์เน็ตติดตั้งเองได้..เป็นอันจบสิ้นว่าเจาะบ้านไม่ได้ เราเข้าใจตรงนี้ ณ ตอนนั้นมีเหตุผลคือต้องการที่อยู่ด่วนๆค่ะ เพราะเจ้าของบ้านเก่าไล่ที่ ส่วนตัวก็ไม่มีเงินไปเช่าตึกเพื่อทำร้านเสริมสวยเพราะช่วงโควิดทุกคนแย่หมด อยู่ไปได้สักพักบ้านหลังข้างซ้าย เมาเหล้าขาวโวยวายเสียงดัง บ้านหลังขวาเด็กนักเรียนวัยรุ่น กินเหล้าเปิดเพลงเสียงดัง กลับจากผับตีสองตีสามมาตะโกนคุยกันโหวกเหวกโวยวาย มันดังมาก ส่วนตัวคิดว่าถ้าลูกออกมาคงนอนไม่หลับแน่ๆ แถมเด็กพวกนั้นเลี้ยงแมวแบบเปิด แมววิ่งผ่านบ้านเรามาทำข้าวของหน้าบ้านเราเสียหาย และฉี่ใส่ทุกอย่างในบ้านจนบางทีต้องทิ้งของไปเลยค่ะ มีปัญหาเรื่องที่จอดรถด้วยเพราะถนนแคบมากเป็นสองเลนส์ ส่วนตัวมีรถสองคัน อีกคันจอดในรั้วบ้านอีกคันจอดเลยบ้านไปหน่อย ตรงนั้นคือถนนสาธารณะแต่บางทีเราไปจอด โดนป้าฝั่งตรงข้ามตะโกนด่าบอกขับรถออกไม่ได้เพราะปิดหน้าบ้านเขา ซึ่งเราจอดอีกฝั่งของบ้านค่ะ อารมณ์มนุษย์ป้าคือ ออกได้นะ แต่ออกลำบากหน่อย ตั้งแต่นั้นก็ไม่ไปจอดอีก คือทีแรกไม่รู้จริงๆรู้จากเพื่อนบ้านว่า บ้านนี้ด่ากับเขาไปทั่ว ประสาทเสียมาก รอบข้างไม่โอเค มดขึ้นทั้งบ้าน ทั้งๆที่ไม่มีอะไรก็ขึ้น วันแรกที่เข้าอยู่ ลูกบิดเสียเราแจ้งซ่อม ok เขาซ่อมให้ อยู่ไปสองวันไฟหลังบ้านขาดเราโทรแจ้ง เขาก็หายไปเป็นอาทิตย์ มาอีกทีบอกว่า อยู่เองต้องซ่อมเองนะ ในความคิดเราๆโอเค จะให้จ่ายก็ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันพัง เรื่องแค่นี้เราคิดว่าน่าจะหยวนๆได้ ประตูไม้หลังบ้านจากสภาพ คือ ประตูตก วงกบทรุด ปิดยาก เวลาปิดต้องกระแทก ช่วงแรกปิดได้อยู่มาเป็นเดือน ประตูปิดไม่ได้อีกเลย มุ้งลวดไม่มีตัวล้อคๆไม่ได้ตั้งแต่วันแรก เราเลยใช้ตามสภาพโดยการเอากระดาษแข็งมาหนีบเอา เพราะคิดว่าบอกเจ้าของบ้านไป ก็เท่านั้น ส่วนตัวจ่ายเองก็ได้แต่คิดไปคิดมา กว่าเขาจะมาทำเรื่องให้เราคงอีกนานเลยไม่ยุ่งกับเจ้าของบ้านอีก อยู่บ้านแบบรู้สึกไม่โอเคมาตลอดคิดว่าอยากย้ายบ้านใหม่ละหลายๆอย่างไม่โอเคเลย ถ้าจ่าย4000฿มาเจอสภาพรวมแบบนี้ไม่ไหวค่ะ ตลอดเวลาที่อยู่เราไม่เคยเบี้ยวค่าเช่า จ่ายตรงทุกสิ้นเดือน เดือนแรกคนเช่าเก่าก็ค้างค่าน้ำจนโดนตัดน้ำ กลายเป็นเราไม่มีน้ำใช้ จริงๆมันไม่ใช่เรื่องเลยรู้สึกว่าเจ้าของบ้านไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ในวันที่ 28 เดือนตุลา เราได้บ้านใหม่พอดี เราเลยชวนแฟนทยอนย้ายของออกเลยเพราะไม่ได้ไกลมาก ใจอยากให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนจะได้เหลือค่ามัดจำคืน ส่วนตัวไม่ได้คิดจะเอาหมด4000฿ เพราะถ้าออกอาจมีค่าน้ำค่าไฟส่วนต่างที่ตัดยอดก่อนเราออกไป และเราไม่ได้ไปทำการเจาะหรือทำภายในบ้านเสียหายเลย แล้วรู้จักกันเลยคิดว่าคงจะคุยกันได้ ส่วนตัวเช่าบ้านมาหลายที่ แต่ละที่อยู่นานค่ะเพราะเจอเจ้าของบ้านดีด้วย และสภาพแวดล้อมดี จะย้ายออกก็แจ้งค่ะ แต่ไม่ทราบจริงๆว่าในสัญญาเช่าต้องย้ายและแจ้งล่วงหน้าออกก่อน30วัน เพราะไม่มีสัญญามาให้อ่านเลย ไม่ทราบด้วยว่าต้องเช่า 6 เดือนไม่งั้นไม่คืนมัดจำ ถ้าทราบเราจะไม่ออกหรอกค่ะ เพราะ เราก็ต้องหาเงินไปมัดจำที่ใหม่เช่นกัน ไม่มีใครอยากทิ้งมัดจำตรงนั้น ในวันที่ 28 แม่เจ้าของบ้านเช่ามาพอดี เราเลยแจ้งว่าขอออกนะ เขาถามย้ายวันไหน มีปัญหาอะไรไหม เราเลยบอกไปว่า เราตกงานด้วย เราต้องลดรายจ่ายอีกอย่าง ข้างบ้านไม่โอเค เราทำงานของเราไม่ได้ กับอีกบ้านเราคุยแล้วตกลง ขอเจาะท่อน้ำได้ เจาะกระจก ต่ออินเตอร์เน็ตได้ มันทำมาหากินได้เราก็ไปสิคะ ก่อนจะออกประมาณ 7 วัน เราแจ้งขอติดอินเตอร์เน็ตบ้านด้วยความชัวร์เราเลยโทรหาเจ้าของบ้านอีกทีว่าจะขอเจาะสายเน็ตนะ เพราะคุยกันว่าติดตั้งได้ตั้งแต่แรก คือแจ้งเพื่อทราบ เจ้าของบ้านบอกไม่ให้เจาะเพราะเดี๋ยวบ้านจะทรุด แต่เราเห็นว่ามันมีรอยเดิมนะ เราเลยตัดสินใจไม่เจาะ เลยไปคุยกับช่างแทนว่า ทำยังไงได้บ้างที่จะไม่เจาะ น้องช่างเลยเสนอว่า ให้ต่อสายไว้ข้างห้องนอนเวลาจะใช้เปิดมุ้งลวดแล้วหย่อนสายต่อกับเราเตอร์เอาจะได้ไม่ต้องเจาะ เราก็โอเคไม่อยากมีปัญหาสรุปไม่ได้เจาะแต่อย่างใด อยู่มาสามเดือนบ้านคงไม่มีสีถลอกหรอกค่ะ เพราะไม่ได้ไปแกะไปแงะ ก่อนนออกเคลียค่าน้ำค่าไฟเอง ทำความสะอาดให้ ไม่ได้ทิ้งสกปรกแต่อย่างใด ถ้ารู้ว่าจะโดนเอาเปรียบขนาดนี้ เราจะไม่ไปจ่ายค่าไฟค่าน้ำดีกว่า ส่วนตัวคิดว่าใจเขาใจเรานะ สัญญาไม่มีให้ คนละครึ่งก็ยังดีไม่ได้จะเอาหมด เพราะเราก็เป็นผู้เช่าที่ดีมาตลอด หลังจากนั้นหลายวันโทรไปถามเรื่องค่ามัดจำ โดนโวยกลับมาสารพัดค่ะว่า..คุณอยู่ไม่ถึง6เดือน ผมไม่คืน เราเลยบอกว่า ใจก็อยากอยู่นะ แต่รอบข้างเสียงดัง อะไรหลายๆอย่างอีกเราเลยไม่โอเค เขาน่าจะยอมรับตรงนี้ด้วยว่า ถ้าเป็นเขาๆอยากอยู่ไหม มีการบอกว่า เขาไล่ข้างบ้านออกแล้วเพื่อเรา คิดในใจ ถ้าจะไล่ๆนานแล้วค่ะ เพราะรู้จากฝั่งตรงข้ามบ้านว่า ถ้ามีคนไปแจ้งเจ้าของบ้านเมื่อไหร่มันชี้หน้าด่าคนแถวนั้นเลยค่ะ แล้วทำไมไม่ไล่ตั้งแต่ตอนนั้น แถมบอกว่า เขาส่งสัญญามาให้อ่านทางไลน์แล้ว ซึ่งไม่มีข้อขวามนั้นเลย แล้วสัญญาที่สมบูรณ์ก็ต้องมีลายเซ็นทั้งสองฝ่าย แต่นี่ไม่มีค่ะ แล้วแบบนี้เรามีความรู้สึกว่า เราโดนเอาเปรียบเกินไป คุยไปคุยมาเขาบอกเห็นว่ารู้จักกัน เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารวยนะ ขอคนละครึ่งทาง คืน2000฿ แต่2000฿ จะหักจากค่าน้ำไฟส่วนต่างและค่าทาสีใหม่ เพราะทุกครั้งที่คนออกเขาทาสีใหม่ตลอด ส่วนตัวคิดว่า 2000฿ค่าทาสีก็ไม่พอหรอกค่ะ หมดแล้ว เขาคงจะทาทั้งบ้าน ถ้าจะหัดค่าแม่บ้านเราโอเคนะ ค่าน้ำน่าจะตัดประมาน วันที่ 15 คือเราออกสิ้นเดือนให้เต็มที่ 100฿ เลยค่า ค่าไฟ ตัดทุกวันที่ 25 เราออกวันที่ 2 ให้ 200฿ เลยค่ะ เต็มที่ 300฿ ค่าแม่บ้านให้ 300฿ เลยอ่ะ ค่าสึกหรออื่นๆขอยืนยันเลยว่าไม่ควรเก็บหรือหักอะไรอีก เพราะทุกอย่างอยู่เหมือนเดิม รวมเลยหักไปเลยอะ 800฿ เหลือ 1200฿ ก็ยังดี แต่เขายืนยันว่าจะทาสีใหม่ คงจะเหลือไม่กี่บาท ใจอยากขอดูสัญญามาก เพราะมันไม่มีลายเซ็นเราอะเขาบอกเห็นรู้จักกันเลยไม่เอาไปให้แต่ถ่ายรูปให้ดู แต่ไม่มีรูปสัญญาเช่าเลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ได้คืนแล้ว ได้แต่ทำใจ ซวยค่ะ เงินตรงนั้นเป็นค่าฝากท้องลูกได้อีกหลายเดือนเลย ปรึกษาพี่ตำรวจร้อยเวรที่รู้จักกันเขาแนะนำให้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมค่ะ เพราะแจ้งตำรวจไปก็ทำไรไม่ได้.. เสียใจมากเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
คิดว่าเหมือนตัวเองโดนโกงค่ามัดจำเช่าบ้าน