หางแหลมของ Stegosaurus ที่ถูกตั้งชื่อตามการ์ตูน




(ภาพวาดสีน้ำของ stegosaurus โดย Katrine Glazkova / Shutterstock.com)


สเตโกซอรัส (Stegosaurus)  เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ สเตโกซอรัสแปลว่า “กิ้งก่ามีหลังคา” โดยกระดูกสันหลังของมันจะยาวขึ้นมามีลักษณะเหมือนใบพัดเรียงตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงส่วนหาง อีกทั้งอาวุธแสนอันตรายของมันคือหนามแหลม 2 คู่ที่ปลายหาง สมองของสเตโกซอรัสนั้นเล็กมากเพียงแค่ 70 กรัมเท่านั้นทำให้มันเป็นไดโนเสาร์ที่มีสมองเล็กที่สุดในโลก

มนุษย์และสเตโกซอรัส (stegosaurus) คลาดกันมากว่า 150 ล้านปี แต่ผู้คนมักสงสัยว่าหากไดโนเสาร์และมนุษย์อยู่ร่วมกันจะมีชีวิตที่ยากลำบากหรือน่ากลัวเป็นเพียงใด  หลักฐานนี้มักถูกถ่ายทอดเป็นภาพอย่างมีอารมณ์ขันในการ์ตูนและภาพยนตร์   มนุษย์ถ้ำและไดโนเสาร์มักจะถูกนำเสนอในการ์ตูน
The Far Side ของนักเขียนการ์ตูนที่ชื่อ Gary Larson   ซึ่งเป็นการ์ตูนแบบ single-panel ( การ์ตูนในกรอบสี่เหลี่ยมเรียงกัน) ที่ออกฉายมาเป็นเวลา 15 ปีในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 90  โดยการ์ตูน The Far Side เรื่องสุดท้ายเผยแพร่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1995

The Far Side เป็นที่รู้จักในเรื่องอารมณ์ขันด้านมืดที่เหนือจริง โดยอาศัยสถานการณ์ทางสังคมที่น่าอึดอัด และเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้รวมถึง
มนุษย์ต่างดาว, วัวพูดได้ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับไดโนเสาร์

ในปี1982  Larson ได้วาดการ์ตูนเกี่ยวกับห้องเรียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์  โดยมีมนุษย์ถ้ำคนหนึ่งกำลังบรรยายให้กับผู้ฟังมนุษย์ถ้ำคนอื่น ๆ ซึ่งเบื้องหน้าของทุกคนเป็นภาพหางของสเตโกซอร์ (stegosaurs) ขนาดใหญ่   ศาสตราจารย์มนุษย์ถ้ำชี้ไปที่หนามแหลมที่อยู่ปลายหาง และอธิบายว่าหนามแหลมๆพวกนี้ถูกเรียกว่า "thagomizer" หลังการเสียชีวิตของ Thag Simmons 

จากการสันนิษฐาน Thag Simmons มนุษย์ถ้ำได้เข้าไปใกล้สเตโกซอรัสมากเกินไป และถูกกระบองหางแหลมของมันตีจนตาย  และเพื่อให้มนุษย์ถ้ำคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เห็นเหตุการณ์ที่โชคร้าย ได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าว่าควรหลีกเลี่ยงหางของสัตว์ชนิดนี้  พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะทำให้ชื่อของ Thag Simmons เป็นอมตะในกายวิภาคของสัตว์ก่อนประวัติศาสตร์นี้

 Larson พูดติดตลกในภายหลังว่า ถ้ามีห้องสารภาพผิดสำหรับนักเขียนการ์ตูน เขาจะไปขอการอภัยโทษและจะพูดว่า “ หลวงพ่อ ฉันทำบาป, ฉันได้วาดทั้ง ไดโนเสาร์และโฮมินิดส์ไว้ด้วยกันในการ์ตูนเรื่องเดียวกัน”
แน่นอนว่า The Far Side เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น และไม่มีใครที่ชื่อ Thag Simmons ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วนี้ แต่“ thagomizer” นั้นมีอยู่จริง

ปรากฎว่าการเรียงตัวของหนามแหลมที่ปลายหางของสเตโกซอรัสนี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ  โดยในปี 2006 ในบทความ New Scientist  ได้มีการอธิบายไว้ว่าเพราะเหตุใด

" นักบรรพชีวินวิทยาไม่มีโอกาสตั้งชื่อกระดูกที่ค้นพบใหม่มากนัก  โครงสร้างกระดูกที่ถูกพบซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสิ่งมีชีวิตต่างๆจะคล้ายคลึงกัน  แต่ยังคงรักษาธรรมชาติพื้นฐานไว้  ดังนั้นนักกายวิภาคศาสตร์จึงใช้คำศัพท์เดิม ๆ เพื่ออธิบายพวกมัน อย่าง กระดูกต้นแขน (humerus) คือกระดูกต้นแขนไม่ว่าจะเป็นปีกไก่, ตีนกบ, ขาหน้าขนาดใหญ่ของบราคิโอซอรัส (brachiosaurus)หรือแม้แต่ต้นแขนของเราเอง "

มีเพียงสัตว์ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีกระดูกพัฒนาไปสู่สิ่งที่แตกต่างกัน มากพอที่จะได้รับชื่อที่แตกต่างออกไป เช่น หนามแหลมที่ดูน่ากลัวที่ปลายหางของ
สเตโกซอรัส อย่างไรก็ตามไม่มีใครใส่ใจที่จะตั้งชื่อที่จำง่ายๆให้กับหนามแหลมนี้ จนกระทั่งคำว่า "thagomizer" ของ Gary Larson ซึ่งเป็นนักชีววิทยาที่ตระหนักถึงลายละเอียดของลักษณะดังกล่าว

ในปี 1993 ในการประชุมประจำปีของ Society of Vertebrate Paleontology ที่พิพิธภัณฑ์  Denver Museum of Nature and Science
Ken Carpenter นักบรรพชีวินวิทยากำลังนำเสนอเกี่ยวกับโครงกระดูกสเตโกซอรัสที่เพิ่งค้นพบ  และเห็นว่าหนึ่งในหนามแหลมที่หักได้กลับมาเป็นปกติแล้ว ซึ่งมีหลักฐานที่น่าสนใจว่าสเตโกซอร์ใช้หางแหลมของมันเป็นอาวุธ

Thagomizer ที่  Denver Museum of Nature and Science
Cr.ภาพ Kevmin / Wikimedia Commons
Carpenter จำการ์ตูนของ Larson ที่เขาอ่านเมื่อหลายปีก่อนได้ และพบว่าเรื่องตลกเหล่านั้นดีเกินกว่าจะมองผ่านไปได้  จึงใช้คำว่า "thagomizer" อย่างเป็นทางการ นั่นเป็นครั้งแรกที่ใครก็ตามนอก Larson ใช้เรียกหางแหลมของสเตโกซอร์

หลังจากนั้นไม่นาน อนุสรณ์สถานแห่งชาติไดโนเสาร์ (the Dinosaur National Monument) ในยูทาห์ ก็มีป้าย thagomizer ติดอยู่บนหางแหลม
James Orville Farlow  ของมหาวิทยาลัยอินเดียนา (Indiana University) ได้รวบรวมความหมายทั้งหมดไว้ใน The Complete Dinosaur หนังสือของเขาที่สถาบันสมิธ โซเนียน (Smithsonian Institution) โดยจัดแสดงฟอสซิลสเตโกซอร์ ที่มีป้ายชื่อ thagomizer

ตั้งแต่นั้นมาคำนี้ได้กลายเป็นคำกึ่งทางการสำหรับหางแหลมของกายวิภาคของสเตโกซอร์  และ Gary Larson ยังได้รับเกียรติให้ใช้ชื่อเขาไปตั้งชื่อแมลงสองชนิด นั่นคือ a louse ที่เรียกว่า "Strigiphilus garylarsoni" และ a beetle ชื่อ "Garylarsonus"

Dale H. Clayton ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อ Strigiphilus garylarsoni ได้เขียนจดหมายถึง Larson โดยยกย่องนักเขียนการ์ตูนว่า “ เพื่อนร่วมงานของฉันและฉันรู้สึกว่า คุณได้สร้างชีววิทยาผ่านการ์ตูนของคุณ ซึ่งเป็นผลงานที่มีส่วนร่วมอย่างมหาศาล”  แต่ในหนังสือThe Prehistory of the Far Side ของ Larson กล่าวตอบว่า
" ฉันถือว่านี่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ฉันรู้ว่าคงไม่มีใครจะเขียนและขอชื่อฉันไปตั้งให้หงส์สายพันธุ์ใหม่หลังการตายของฉัน คุณต้องคว้าโอกาสเหล่านี้เมื่อเจอพวกมัน "




สเตโกซอรัส (Stegosaurus) อาศัยในช่วงปลายยุคจูแรสสิก ราวๆ 150 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาและสถานที่เดียวกับซอโรพอด อย่างพวกดิพโพลโดซิดส์ คามาราซอรัส และเทอโรพอด (อย่างอัลโลซอรัส / Allosaurus) โดยพบรูบนกระดูกหางของอัลโลซอรัส ที่ตรงกับขนาดของเดือยแหลมที่หางสเตโกซอรัสด้วย สิ่งนี้แสดงหลักฐานของผู้ล่าและเหยื่อในระบบนิเวศเดียวกัน




Strigiphilus garylarsoni เป็นเหาชนิดหนึ่งที่พบได้ในนกฮูกเท่านั้น สายพันธุ์นี้ไม่มีชื่อสามัญ ได้รับการอธิบายครั้งแรกโดยนักชีววิทยา Dale H. Claytonในปี 1990  ที่เขียนจดหมายกล่าวชื่นชมนักเขียนการ์ตูน Gary Larson โดยมันได้รับชื่อหลังจาก Larson เสียชีวิต


 
(การ์ตูน thagomizer ของ Larson ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1982 )




'The Far Side' กลับมาพร้อมกับการเปิดตัวทางออนไลน์และการ์ตูนเรื่องใหม่ในปี 2019 และจะมีผลงานใหม่เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปี 2020 ซึ่งเป็นวันครบรอบปีที่สี่ของ "The Far Side" โดย Larson ในวัย 70 ปี กล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในที่สุดทำให้เขาเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่การสร้างสรรค์การ์ตูนของเขาจะเข้าสู่ระบบดิจิทัล

ในช่วงเวลาที่ Larson เกษียณจากการเผยแพร่การ์ตูนรายวันในปี 1995  The Far Side ปรากฏในหนังสือพิมพ์เกือบสองพันเล่ม, หนังสือสี่สิบล้านเล่ม, และปฏิทินเจ็ดสิบเจ็ดล้านเล่ม และได้รับการแปลเป็นภาษามากกว่าสิบเจ็ดภาษาตามรายงานของสำนักพิมพ์ The Far Side และ เจ้าของเว็บไซต์ Andrews McMeel Universal  ตอนนี้ตัวละครผลงานและการ์ตูนของ The Far Side การได้รับเกียรติให้รวมอยู่ในเว็บทั่วโลกแล้ว



ที่มา


(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่