ต้นฉบับที่แท้จริงของ “Pinocchio” ในปี 1881



(ภาพวาดประกอบโดย Enrico Mazzanti จากการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1883 ในหนังสือของ Carlo Collodi)


ปี 1940 วอลต์ ดิสนีย์ ได้เปิดตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่อง พินอคคิโอ (Pinocchio) เป็นเรื่องราวของเด็กชายหุ่นกระบอก ที่มีชีวิตขึ้นมาจากคำอธิษฐานของ เจ็ปเพ็ตโต (Geppetto) คุณพ่อช่างไม้ ที่ได้ตั้งชื่อให้กับลูกชายสุดวิเศษของตัวเองว่า “พินอคคิโอ” 
การ์ตูนเรื่องนี้ ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อว่า The Adventures of Pinocchio (การผจญภัยของพินอคคิโอ) แต่งโดย Carlo Collodi นักเขียนชาวอิตาลีตีพิมพ์เมื่อปี 1881 ซึ่งมีเนื้อหาตรงกันข้ามกับเวอร์ชั่นของดิสนีย์อย่างสิ้นเชิง โดยคำว่า Pinocchio เป็นภาษาอิตาเลียน มาจากคำว่า pino คือ ต้นสน รวมกับคำว่า occhio คือ ตา
Pinocchio ได้กลายมาเป็นเรื่องอ่านเล่นคลาสสิกสำหรับเด็ก และแพร่หลายอย่างกว้างขวาง โดยมีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ เผยแพร่ไปทั่วโลก ทั้งยังมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มากกว่า 20 ครั้ง โดยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้น เป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวของ Walt Disney ส่วนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ได้แก่ภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงในปี 2002 กำกับและแสดงโดย Roberto Benigni ในชื่อเรื่อง " พินอคคิโอ ฅนไม้ผจญภัย "

เป็นเรื่องราวการผจญภัยของหุ่นไม้ที่มีชีวิต กับ Geppetto พ่อช่างไม้ผู้ยากจนของเขา  Pinocchio มีลักษณะเด่นที่รู้จักกันดี คือ เมื่อพูดโกหกจมูกของเขาจะยาวขึ้น  Collodi นั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสำหรับเด็กตั้งแต่แรก ในเนื้อเรื่องดั้งเดิมนั้น  Pinocchio ถูกแขวนคอตาย เนื่องจากทำความผิดนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ได้แก้ไขในฉบับถัดมา ซึ่งตอนจบนั้นได้แก้ให้หุ่นกระบอกลายเป็นเด็กที่มีชีวิตจริง ๆ ซึ่งก็เป็นตอนจบที่เรารู้จักกันดี


Carlo Collodi นักเขียนชาวอิตาลี



 
 
เนื้อเรื่องโดยย่อของเวอร์ชั่นต้นฉบับ

Pinocchio เป็นเด็กเกเร ซุกซนและไม่เชื่อฟังใคร พ่อของเขาเป็นเพียงช่างไม้ยากจนที่พยายามดูแลลูกชายที่นางฟ้ามอบให้อย่างดีที่สุด แต่เนื่องจากความจน  Pinocchio ด่าว่าพ่อตัวเองทุกวัน เพราะเขาไม่อยากเกิดมาในครอบครัวที่ขัดสนแบบนี้ และหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันแรกที่เดินเป็น โดยไม่สนใจพ่อของเขาเลยแม้แต่น้อย

ครั้งหนึ่งเขาเล่นซนจนถูกไฟไหม้ขา จนต้องคลานกระยิ้มกระสนกลับบ้าน พ่อของเขาไม่โกรธที่ลูกหนีไปและได้ประกอบขาให้ใหม่ แต่สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากได้ขาใหม่แล้ว คือวิ่งไปบอกชาวบ้านว่าถูกพ่อทำร้าย จนทำให้พ่อของเขาต้องติดคุก เมื่อพ่อของเขาพิสูจน์ได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำร้ายลูก ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด

ซึ่งต่อมา  Pinocchio ได้สัญญากับพ่อว่าจะปรับปรุงตัวเป็นคนดี และเริ่มไปโรงเรียนเหมือนเด็กทั่วไป เมื่อพ่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจมากและยอมขายเสื้อกันหนาวตัวเดียวที่มีเพื่อนำเงินไปซื้อหนังสือให้ Pinocchio เรียน   โดยบอกกับ Pinocchio ว่า “เสื้อตัวนี้มันร้อนเกินไป เอาไปขายน่าจะมีประโยชน์กว่า”
เพราะกลัวลูกจะรู้สึกผิดต่อพ่อ

แต่ด้วยความเลวร้ายของ Pinocchio  เขากลับเอาหนังสือที่พ่อซื้อให้ไปขาย แล้วนำเงินไปซื้อตั๋วเพื่อดูการแสดงในโรงละครซึ่งโรงละครดังกล่าวก็อยู่ระหว่างทางไปโรงเรียน  และเมื่อไม่ได้ไปโรงเรียน Pinocchio ก็เอาเวลาทั้งหมดไปเที่ยวเล่นและห่างเหินกับเพื่อนที่ดีอย่าง Jiminy ตั๊กแตนพูดได้
โดยหันคบกับเพื่อนใหม่อย่าง ‘หมาป่าและแมวเจ้าเล่ห์’ ที่ชักชวนให้เขาทำสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ตั้งแต่กินเหล้า เล่นการพนัน และยังสอน Pinocchio ขโมยเงินชาวบ้านด้วย  จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาถูก‘หมาป่าและแมวเจ้าเล่ห์’ หลอกไปแขวนคอใต้ต้นโอ๊ค แต่ก็ยังรอดกลับมาได้

เมื่อวีรกรรมของ Pinocchio เริ่มโด่งดังในทางที่เสียหาย ทำให้ Jiminy เพื่อนที่ห่างเหินกันไปได้เตือนสติและบอกให้เขากลับบ้านไปหาพ่อ แต่แทนที่
Pinocchio จะคิดได้ เขากลับโกรธจัดและลงมือสังหาร Jiminy ทันที (ผู้เขียนอธิบายไว้ว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ Pinocchio ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด)
เมื่อวันเวลาผ่านไป Pinocchio ก็ยิ่งทำตัวเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาที่เขาก่อแต่ละครั้งใหญ่ขึ้นทุกวัน จนสุดท้ายชาวบ้านทนพฤติกรรมของหุ่นกระบอกนางฟ้าประทานไม่ไหว เลยรวมตัวกันจับ Pinocchio แขวนคอใต้ต้นโอ๊คในป่าทำให้เขาก็สิ้นใจในที่สุด


สุนัขจิ้งจอกและแมวแต่งตัวเป็นโจรแขวนคอ Pinocchio


นี่คือเรื่องราวจากนิทานต้นฉบับของ Pinocchio โดย Carlo Collodi ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสอนให้เด็กยุคนั้นว่าหากไม่เชื่อฟังพ่อแม่อาจมีจุดจบที่เลวร้าย
เหมือน Pinocchio  เดิมทีเขาต้องการจบเรื่องไว้เพียงเท่านี้ แต่ด้วยกระแสนิยมทำให้เขาต้องเขียนออกมาอีกและให้ Pinocchio จบแบบ Happy ending โดยมีนางฟ้ามาช่วยและออกตามหาพ่ออย่างที่เราเห็นในเวอร์ชั่นของดิสนีย์

สำหรับ Collodi นั้นไม่มีบุตรทั้งชายหรือหญิงและเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมานั้นเพราะว่าในสมัยทศวรรษที่ 18 ได้มีการถกเถียงกันในระบบการศึกษาว่าเด็กควรจะเติบโตมาในทิศทางไหน 
นักวิจารณ์หลายคนได้ให้ความเห็นว่า Pinocchio เป็นเรื่องราวของสังคมในสมัยนั้น  ที่แสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ความเป็นที่นับหน้าถือตากับสัญชาตญาณของความเป็นอิสระ ในยุคสมัยที่มีธรรมเนียมปฏิบัติที่เคร่งครัดภายใต้ภาพพจน์ของการสั่งสอนในรูปแบบของการมองโลกในแง่ดี

มีนักจิตวิทยาที่ชื่อว่า Jean Jacques Rousseau ได้ออกมาบอกว่าเด็กๆ ควรที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิตจากความผิดพลาด ซึ่งผู้ที่แต่งเรื่องนี้ก็มีจุดประสงค์เพื่อจะทำให้เห็นว่าหากเด็กโตมาโดยไม่เชื่อฟังคำผู้ใหญ่จะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร
 
รูปแบบของเรื่องนั้นเป็นแนวทันสมัย และได้เป็นรูปแบบนำร่องให้กับนักเขียนในยุดถัดมา ภาษาอิตาเลียนที่ใช้ในเรื่องนั้นมีภาษาของชาวเมืองฟลอเรนซ์ ผสมผสานอยู่ทั่วไป   เนื้อเรื่องและแนวความคิดหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่อง  ได้กลายมาเป็นแนวความคิดที่ใช้กันทั่วไป เช่น คำกล่าวที่ว่า คนจมูกยื่นจมูกยาว หมายถึง คนโกหก  ช่วงนั้นเรื่อง Pinocchio ได้รับความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับตระกูลชนชั้นสูงถือว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมกับเด็ก ๆ ที่ได้รับการศึกษาที่ดีแล้ว

บางส่วนของ Pinocchio ที่มากกว่า 260 คำแปลของหนังสือถูกแสดงที่ Accademia della Crusca ห้องสมุดใน Florence

หุ่น Pinocchio ในหน้าต่างร้านขายหุ่นเชิดใน Florence


The Adventures of Pinocchio หรือ Le Avventura di Pinocchio, storia di un burattino คือชื่อของวรรณกรรมอิตาลีจากปลายปากกาของ Carlo Collodi เดิมทีตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์ ก่อนมีการรวมเล่มแล้วเติมเรื่องราวในครึ่งหลังเข้าไป ซึ่งวรรณกรรมเล่มนี้โด่งดังมากจนถูกแปลไปหลายภาษา และนับแต่นั้นโลกก็ได้รู้จักกับหุ่นไม้นาม “พินอคคิโอ”


เวอร์ชั่นที่โด่งดังที่สุดและทำให้คนทั่วโลกรู้จักเจ้าหุ่นไม้มีชีวิต คือแอนิเมชั่นของดิสนีย์ที่หยิบเอาวรรณกรรม Pinocchio มาเล่าใหม่
และเติมสีสันให้เหมาะกับการดัดแปลงเป็นหนังการ์ตูน จนครองใจผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้


จนกระทั่งปี 2002 Pinocchio ได้นำกลับมาสร้างเป็น Live Action อีกครั้งผลงานการกำกับของ Roberto Benigni และแสดงนำ
แต่ผลตอบรับในเวอร์ชั่นนี้จัดได้ว่าเข้าขั้นย่ำแย่เสียจนเข้าชิงรางวัล "ราซซี่เน่า" ในปี 2003 ถึง 6 สาขาด้วยกัน
สุดท้ายหนังคว้ารางวัลในสาขานักแสดงนำชายยอดแย่ไปครองในที่สุด




ที่มา: thevintagenews
Cr.https://www.catdumb.com/original-penocchio-511/By เหมียวจิวยี่

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่