ลูกพูดช้า ทำไมลูกยังไม่พูดสักที

สวัสดีค่ะทุกท่าน
วันนี้ตั้งใจมาแบ่งปันประสบการณ์
หัวอกคนเป็นแม่ที่มีลูกพูดช้ากว่าปกติ (พูดสนทนาได้ตอนสามขวบกว่า)

ก่อนอื่นขอบอกว่าตอนนี้ ลูกสาวอายุ 8 ปีแล้ว 
ที่เข้ามาเขียน เพราะลูกชายของน้องที่รู้จักประสบปัญหาเดียวกันกับเราในตอนนั้น
จึงคิดอยากเขียนให้กำลังใจคุณแม่และแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองให้กับคนอื่นๆ ด้วย

ย้อนกลับไป ตอนลูกสาวอายุสองขวบครึ่ง 
ในช่วงเวลานั้น ค่อนข้างเป็นกังวล สภาพจิตใจคือแย่และเครียดมาก
เนื่องจากลูกพูดได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน มีอาการไม่นิ่ง
เราจึงพยายามศึกษาหาข้อมูล อ่านหนังสือ อ่านกระทู้ พาลูกพบคุณหมอ เข้าคอร์ส
ทุกอย่างที่สามารถทำได้ตามกำลังตัวเอง

อันดับแรก 
เราต้องยอมรับและเข้าใจเรื่องสื่อ เสียง แสง (ทีวี มือถือ Tablet, etc.)ที่ลูกเราได้รับ มากไปไหม 
รับเข้ามาในวัยที่เร็วเกินไปไหม ระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน
คนเลี้ยงที่ใกล้ชิดมีปฏิสัมพันธ์ด้านการพูดคุย การสอนศัพท์ใหม่ การเน้นคำให้พูดตาม บ้างไหม
ยอมรับในสิ่งที่เราผิดตกบกพร่องไปและรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด
ถ้าในวันนี้ ลูกพูดช้าเกินวัยไปแล้ว 
เราก็ต้องพยายามให้มากขึ้น แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือพาลูกพบคุณหมอเฉพาะด้าน
แล้วคุณหมอจะช่วยแนะนำต่อว่าควรฝึกอย่างไร

เคสของเราเองก็พาลูกพบคุณหมอ ที่ รพ.รัฐเฉพาะด้าน ใน จ.สมุทรปราการ ตอน 2 ขวบครึ่ง
ด้วยอาการพูดได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับเด็กวัยใกล้เคียงกัน
อ่านอาการต่างๆ แล้วเข้าข่ายลูกเราหมด ไม่นิ่ง เล่นต่อของเป็นแถว, ชอบมองอะไรหมุนๆ, ไม่สบตา, เดินเขย่งปลายเท้า
ผลประเมินจากคุณหมอครั้งแรก น้ำตาตกในเหมือนกัน
หมอบอกมีภาวะออทิสติกน่ะ แต่ก็จะมี level ของภาวะ แนะนำให้มาเข้าคอร์สฝึกพัฒนาการกับกลุ่มเด็กด้วยกัน
และมีสมุดแนะนำ จดบันทึกคำศัพท์ที่ลูกเริ่มเข้าใจและพูดได้ ซึ่งเราว่าเป็นอะไรที่ดีมาก
ทำให้เราได้มีการบันทึก และเพิ่มการตระหนักใส่ใจในตัวลูกของเรามากขึ้น พยายามเพิ่มคลังคำศัพท์ให้เค้า
ในวันที่มีเข้าคอร์สก็จะมีกิจกรรมต่างๆให้เด็กและ ผปค. ทำร่วมกัน 
ถ้าจำไม่ผิดเดือนละประมาณ 2-3 ครั้ง และเมื่อจบคอร์สจะมีการประมาณเด็กอีกทีหนึ่ง
จนวันที่มีการประเมินจากเจ้าหน้าที่ว่าลูกของเรา Discharge ได้แล้วน่ะ ให้คุณแม่ไปฝึกต่อเองที่บ้าน

นอกจากนี้เราก็ได้พาลูกสาวตัวน้อยไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลด้วย
โดยส่วนตัวคิดว่า เพื่อให้เค้าได้มีการสื่อสารที่มากขึ้น ได้มีเพื่อน มีคุณครู สภาวะใหม่ๆ อาจได้ศัพท์ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น 
พร้อมกับช่วยเค้า ฝึก เน้นคำศัพท์ ลดสื่อลงให้มากที่สุดเท่าที่ลูกเราทำไหว ค่อยๆปรับแบบเข้าใจ
เริ่มงอแงพาอุ้มเดินเที่ยว หากิจกรรม เล่นกองทราย เล่นสนามเด็กเล่น ต่อตัวต่อ ของเล่นเสริมพัฒนาการ
หากลูกอารมณ์รุนแรงฉุนเฉียวด้วย ต้องใจเย็นหน่อยนะคะ เข้าใจเค้าให้มากๆ กอดเค้าเยอะๆ 

ระหว่างนั้นเราก็บันทึกสมุดคำศัพท์ลูกไปเรื่อยๆ และได้พบว่ามันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสื่อสารกันได้ในที่สุด
น่าจะประมาณสามขวบครึ่งที่เรารู้สึกเริ่มผ่อนคลาย ในเรื่องการพูดของลูกลงได้บ้าง

ต้องบอกว่าเรากับแฟนทำงานประจำ แล้วมีแม่ช่วยเลี้ยงลูกในช่วงไม่ได้ไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียน
ในเวลากลับมาบ้านรับช่วงต่อจากแม่ ต้องสลัดทุกสิ่งทุกอย่างออกให้หมด 
โฟกัสแค่เพียงลูกอย่างเดียว เวลาให้เค้าทั้งหมดเลยค่ะ
เล่นกับเค้า คุยกับเค้า เอาใจช่วยนะคะ 
ในส่วนตัวของเราต้องฮึดสู้ก่อน อย่าถอย ปลุกกำลังใจในตัวเองขึ้นมา
เขื่อมั่นในตัวเอง เรากำลังทำสิ่งที่ดีอยู่ ผลลัพธ์ที่ดีกำลังจะเกิดขึ้น 
ต้องใช้เวลา ต้องอดทน 
เสียงคนอื่นที่ไม่รู้จริงและมีเจตนาไม่ดี รับฟังได้ แต่อย่ามาทำร้ายตัวเอง อันไหนปล่อยได้ปล่อยนะคะ

อีกอย่างคุณแม่ต้องยอมรับนะคะ ว่าในที่สุด ผลลัพธ์มีสองอย่าง
คือลูกเราอาจจะเป็นเด็กพิเศษหรือไม่เป็น
ถ้าเป็นต้องเปิดใจรับแล้วรักษา อย่าปิดกั้นเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรเสียเค้าคือลูกของเรา
แล้วเวลาจะเป็นเครื่องช่วยตัดสินในสิ่งที่เรากังวลในวันนี้
ทำให้ดีที่สุด เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่เสียใจเมื่อคิดย้อนกลับมาค่ะ Fighting

(ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ นะคะ ผู้เขียน เขียนจากความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่พบเจอมาค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่