ไม่เคยรู้สึกรักใครเลย แต่งงานจะรอดมั้ย

วันนี้มีเรื่องคิดไม่ตก เลยอยากมาขอความเห็น
อธิบายตัวเองว่า ปกติคนรอบตัวจะบอกว่าเราเป็นคนแปลก 

เรื่องที่คิดไม่ตกคือ เรากำลังจะแต่งงาน
แต่พอดูคนรอบตัว ทั้งญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทไม่สนิท
เรารู้สึกว่าจุดเริ่มต้น​ของการแต่งงานคือความรัก จนอยากอยู่ด้วยกัน
ซึ่งเรารู้สีกว่าเราไม่มีส่วนนี้เลย ไม่เคยมีแม้ก่อนหน้าจะมีแฟนคนนี้ เราเคยมีแฟนมาหลายคนก็ตาม

แฟนคนแรกสมัยเรียนมหาวิทยาลัย​ก็เลิกกันไปเพราะพอจบมาทำงานหนักเหนื่อย ห่างกันเลิกกันไปเอง
ตอนเค้าขอเลิกเราก็เข้าใจ ไม่ได้เสียใจ จนงงตัวเองเหมือนกัน
เห็นเพื่อนๆ เลิกกับแฟนคนแรก ร้องไห้จะเป็นจะตายทั้งนั้น
แฟนคนแรกเราคบตั้งแต่ปี 1 จนทำงานได้ 2 ปีนับแล้วเกือบ 8 ปีที่คบกัน
คือมันก็วูบๆ โหวงๆ เคยมีคนคุยหัวเราะปรึกษา​กันแล้วก็ไม่มี แต่มันก็แค่นั้น ใช้ชีวิตต่อไปโดยยังเป็นเพื่อนทีดีกับแฟนคนแรก

พอเราเรียนต่อก็เจอแฟนคนที่สอง คบได้ 2 ปีเลิก 
เหตุผล​ใกล้ๆ กันคือ เหนื่อยไม่มีเวลา เรียนเสร็จอยากกลับบ้านนอนเสาร์อาทิตย์​อยากทำอย่างอื่นมากกว่าจะขับรถไปหาแฟนหรือให้แฟนมาหา เรามองว่าสภาพเราตอนนั้นไม่น่าพัฒนา​ความสัมพันธ์​อะไรกับใครได้ไม่อยากให้เค้าเสียเวลา คนนี้เราขอเลิกเอง รู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ ซึ่งก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

พอเรียนจบทำงาน เราเจอแฟนคนที่ 3 เป็นชาวตปท 
กับคนนี้สภาพเราตอนนั้นพร้อมล่ะ 
คบมาได้ประมาณ 2 ปี เค้าขอแต่งงาน แต่เราอาจจะคิดเยอะไป เพราะเค้าขอให้เราย้ายตามเค้าไป ตปท เราเป็นหลักของครอบครัว​เราเอง เรารู้สึกว่าเราทิ้งไม่ได้ ต่อให้ปีนึงจะกลับมาไทยบ่อยๆ ได้ก็ตาม
เราเลยปฏิเสธ เสียใจในแง่ที่ทำให้เค้าเสียเวลา พอหลังจากนั้นเวลามีชาวตปทเข้ามา เราจะยื่นข้อจำกัดเรื่องเราจะไม่ย้ายประเทศในช่วงนั้นกับทุกคน

ชีวิตเว้นเรื่องแฟนๆ ได้ประมาณ 2 ปี แม้จะมีคนเข้ามาเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับผู้ชายที่เข้ามา
เลยเน้นไปที่ทบทวนความต้องการของตัวเองมากกว่า

พบว่า เราไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก

จนอายุ 30 ทางครอบครัว​เราเองเริ่มร้อนรน 
อยากให้เราแต่งงานลงหลักปัก​ฐาน​กับคนดีๆ สักคน
ทางครอบครัว​เรารู้เรื่องแฟนชาวตปทคนแรกกับข้อจำกัดของเรา ทางครอบครัว​เราเลยบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ รักใครชอบใครก็ตามหัวใจได้เลย
ประมาณว่าปล่อยให้เราเป็นอิสระ

เราเลยเริ่มเหมือนจะเปิดโอกาสอีกรอบ
มีแฟนมาเรื่อยๆ แต่คราวนี้ แฟนแต่ละคนมีเวลาคบกันสั้นๆ 
กลายเป็นเราเบื่อไปหมด บอกไม่ถูก
แต่ตามหน้าที่แฟน เราก็ไม่เคยบกพร่องนะคะ
ไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจ​ หรือว่าผู้ชายต้องเปย์
ช่วงนี้แทบจะหารกัน เพราะกลัวเพราะเกรงใจ กลัวทำผู้ชายเสียเวลาเสียความรู้สึก​
จนผู้ชายงอน น้อยใจ
ข้อหาจะคล้ายๆ กัน คือ หาว่าเราไม่รัก เค้าสัมผัสได้ว่าเราไม่รักเค้า
พอเจอข้อหานี้ประมาณสามคน เราเลยเริ่มทบทวนอีกครั้ง
นอกจาก​ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก นี่ยังไม่เคยรักใครด้วยรึเปล่า แม้แต่แฟนคนแรกที่คบ 8 ปี เลิกกันไม่เสียใจเลยเพราะเราไม่ได้รักเค้ารึเปล่า

นิสัยปกติเราก็ธรรมดาๆ แทบจะเรียกว่า
ผู้หญิงน้ำเปล่า จืดๆ เรียบๆ (ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อย)
แต่ไม่หวืดหวา ปีนเขาได้เที่ยวห้างเป็น
นอนเต้นท์ไหว รร 5 ดาวก็นอนได้
แต่งตัวก็เป็นได้ทั้งยายเพิ้งนุ่งกางเกงขาสั้นขาดๆเก่าๆอายุ 10 ปี
หรือจะมาลุคสวมราตรีหางปลายาวเฟื้อยได้หมด
ตามกาลเทศะ​

พอหลังจากนั้นเราบอกข้อจำกัดเราเลย
ว่าเราไม่อยากแต่งงานไม่จัดพิธี ไม่อยากมีลูก แถมเผลอๆ อาจจะไม่รักด้วย 
แต่หน้าที่แฟน ตามปกติก็ทำนะ จะให้น่ารักไม่งี่เง่ายังไงก็ได้ (ยังไม่เคยมีแฟนคนไหนบ่น)​

พอเริ่มชัดเจน ผู้ชายก็หายไปพอสมควร
ไม่ได้หัวกระไดไม่แห้งแบบก่อน
อาจจะเพราะอายุ ก็ 30 กว่าแล้ว
รู้สึกสบายใจดีมากๆ รู้สึกนิ่งจนอยากเป็นแบบนี้ไปตลอด

จนสองปีก่อน มีญาติมาทาบทามให้ผู้ชายคนนึง
หน้าที่การงาน​อะไรโอเค ลองคบก่อน
แต่เราก็บอกไปว่า เราไม่ต้องการมีลูก 
เค้าก็ขอลองคบก่อน เผื่อว่าเปลี่ยนใจเราได้
แต่สุดท้ายผู้ชายก็ถอยไป

พอมาปีนี้ มีเข้ามาอีกคน พ่อแม่เห็นด้วยมาก
ชอบมากถึงมากที่สุด ด้อยกว่าคนที่แล้วหน่อยนึง
ครอบครัว​พยายามหว่านล้อมให้เห็นข้อดีของการแต่งงาน ของการมีลูก
แต่สมองเรานี่คิดไปถึง กม การุณยฆาต​
ถ้าแก่ๆ บินไปสวิตเซอร์แลนด์​อะไรแบบนี้เลย 
ลึกๆ เราก็กลัวการอยู่คนเดียว​ ท่าทางจะลำบากพอดู
เพราะเราเป็นคนเดียวในตระกูลที่ดูแลผู้ป่วยติดเตียง
ทั้งย่ายายปู่ตาลุงป้าทะยอยตายไปทีละคน
เห็นแล้วแทบปลงอนิจจัง​
เลยคิดเรื่อง กม การุณย์​ฆาต​จริงจังมาก
ถ้าตอนนั้น กม ยังไม่เปิดกว้าง เรายู่คนเดียว
สัก 60 เราอาจจะฆ่าตัวตายก่อนจะป่วยติดเตียงอะไรแบบนี้
ไม่ได้คิดว่าน่าเศร้าอะไรนะ ปลงมากกว่า

ผู้ชายคนนี้เค้าโอเค แบบว่ามีลูกก็ได้ไม่มีลูกก็ได้
เลยคบมาเรื่อยๆ เค้าเป็นคนสนุกสนาน​
อยู่ด้วยก็สนุกดี ไม่เครียด เป็นคนทำให้สถานการณ์​ดีขึ้นในหลายๆ ครั้ง 

จนทางบ้านเค้าเกริ่นเรื่องสินสอดทองหมั้น​
งานแต่งอะไรเค้าก็ถามว่าเปลี่ยนใจมั้ย
จะจัดงานแต่งมั้ย เราก็ตอบไปว่าไม่เปลี่ยนใจ
เค้าขอต่อรองมีสักหน่อย เพราะทางเค้ากับครอบครัว​เราเป็นข้าราชการมีหน้ามีตา​พอสมควร ของานเล็กๆ ผูกข้อมือ​ เลี้ยงญาติ สัก 10-20 คนก็ยังดี
เราดันปากไม่ดีว่าไม่มีทางญาติจะ 10-20 คน เชิญคนนี้มางานอีกคนไม่เชิญ (ครอบครัว​ญาติเยอะทั้งคู่) รับรองมีปัญหาแน่ๆ 
แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว มีแต่คำว่าจัดกับไม่จัด

แล้วก็กลัวความวุ่ยวายของชีวิตคู่มากด้วย
ขนาดคนรักกัน พอไปสักพักยังมีเรื่องหึงหวง
ซึ่งเราไม่ชอบ เคยมีแฟนคบได้ไม่นานเค้านอกใจ
เรารู้ก็เทเลย ไม่พิรี้พิไร​อะไร
เพราะเกลียดความวุ่นวาย
ต้องระแวงคนโกหกอะไรแบบนั้น เหนื่อย

ตอนนี้เลยคิดหนักมาก ว่าจะเอายังไงดี
เหมือนนั่งคิดว่าคุ้มไม่คุ้ม ทำ SWOT 
มันพิลึกหน่อยๆ จนรู้สึกมันใช่เหรอ
จะแต่งงานทั้งที ทำไมคิดแต่ละอย่าง
จะรอดเหรอเนี้ยะ

บางคนเค้าก็ว่าเพราะยังไม่เจอคนที่ใช่
เราเองดันรู้สึกว่า ผช ดีมีมากมายน่าจะใช่คนที่ใช่แหละ
แต่เป็นเราเองที่ผิดปกติ
พอมานั่งคิดลึกๆ
งานแต่งก็ไม่จัด จดทะเบียน​ก็ไม่จด ลูกก็ไม่มี 
นี่แต่งงานไปทำไมกันนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่