เลิกกับแฟนแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่ด้วยกัน ต้องทำตัวยังไง

สวัสดีค่ะ เราพึ่งเลิกกับแฟนมาได้เกือบ 1 เดือนแล้ว เพราะแฟนแอบคุยกับคนอื่น แฟนเราเป็นทอมค่ะ เราคบกันมาเกือบ 3 ปีแล้ว ใกล้จะสิ้นปีนี้ก็ 3 ปีพอดี แต่เราเลิกกันซะก่อน 3 ปีมันอาจจะแค่แป๊บเดียวนะคะ แต่เราผูกพันกับเขามาก เขาเป็นคนแรกที่เราออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย เราจริงจังกับเขาถึงขั้นตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อสร้างอนาคตด้วยกัน เราวาดฝันอนาคตด้วยกันไว้หลายอย่างเลยค่ะ อยากไปเที่ยวด้วยกันทุกๆที่ที่เราอยากจะไป อยากซื้อรถ สร้างครอบครัว วางแผนอนาคตไปจนถึงเรื่องแต่งงาน อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยค่ะ ก่อนที่จะคบกันเรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ ก่อนหน้าที่เขาจะมาคบกับเรา เขาก็แอบคุยกับคนอื่นอยู่ตลอด ไปเที่ยวกับคนนู้นคนนี้ โดยที่แฟนเขาไม่รู้เรื่องสักนิด ว่ากำลังโดนเขานอกใจอยู่ เพราะตัวอยู่ไกลกัน เขาโกหกอะไรบ้างก็ไม่มีทางรู้ความจริงเลย ซึ่งเราก็ไม่คิด ว่าการกระทำแบบนี้ จะเดจาวูกับตัวเอง เหตุการณ์คล้ายกันอย่างกับฉายหนังซ้ำเลยค่ะ

เรากับเขาทำงานที่เดียวกัน แผนกเดียวกันเลยค่ะ แต่ตอนนั้นเราพึ่งเข้ามาใหม่ เป็นน้องใหม่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ความกะล่อนของเขามาบ้าง ในตอนนั้นเราไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย คิดเพียงแต่ว่าเราจะทำแต่งาน ตอนนั้นเราก็พึ่งเลิกคุยกับแฟนเก่าได้ 3 เดือน ส่วนตัวเขามีแฟนอยู่แล้วค่ะ แต่แฟนเขายังเรียนมหาลัยอยู่ อยู่ไกลกัน เลยทำให้เขามีโอกาสได้คุยกับคนนู้นคนนี้ จนกระทั่งเราทำงานที่นี่ไปได้ 6 เดือน เขาก็เริ่มระหองระแหงกับแฟนเขา เพราะแฟนเขาจับได้ว่าเขาแอบคุยกับคนในที่ทำงานเดียวกัน และเขาก็ไม่ค่อยติดต่อกับแฟนเขาอีกเลย พักความสัมพันธ์ไปเลยค่ะ และเขาก็เริ่มหันมาสนใจเรา เราเป็นคนแข็งๆ เย็นชา เงียบๆ ปากคอเราะร้าย ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ด้วยความที่เขาโดนพวกพี่ๆที่ทำงานยุยงมา ว่ามีเด็กใหม่เข้ามาโปรไฟล์ดี ไม่ใช่คนสวย แต่เป็นคนเก่ง เรียนจบเกียรตินิยมเอกภาษามาด้วย ถ้าได้คบกับผู้หญิงคนนี้ อนาคตของเขาจะไปได้ไกลแน่ๆ แล้วเขาก็บ้าตามที่พี่ๆที่ทำงานยุยง อยากรู้จัก อยากสนิท อยากท้าทาย อยากเอาชนะความเย็นชาของเรา เขาจึงเริ่มเข้าหาเรา รุกจีบเราเรื่อยๆ เดินมาหามาแซวที่โต๊ะทำงานบ้าง มานั่งเฝ้าบ้าง ซื้อขนม ซื้อของกินมาให้บ้าง แอบไปขอเบอร์เราจากพี่ที่เข้างานมาพร้อมกับเรา เขาโทรมาหาเราครั้งแรก พอเรารู้ตัวว่าเป็นใครเราก็ไล่ตะเพิดให้เขากลับไปคุยกับแฟนเขาเลยค่ะ เราไม่ชอบสุงสิงคนมีแฟนแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจ บอกว่าอยากคุยกับเรา ก็แค่อยากคุยด้วย เราก็เทศนาเขาไปเลยค่ะ ว่าถ้าทะเลาะกับแฟน ก็ให้ไปคืนดีกันซะ สงสารเขาที่ต้องมาเจอเธอทำแบบนี้ เขาก็บ่นเราค่ะ ว่าโทรมาจะคุยด้วย ไม่ได้โทรมาเพื่อคุยเรื่องแฟนของเขา ตอนแรกเขาเหมือนจะถอดใจเลิกตามตื๊อเราไปแล้ว แต่อยู่ดีๆเขาก็กลับมารุกจีบหนักขึ้น ด้วยความอยากเอาชนะ และแรงยุจากเพื่อนของเขาอีกรอบ เขาก็เลยเดินหน้าจีบเต็มกำลัง พร้อมกับบอกเราว่าเขากำลังจะเลิกกับแฟนของเขา เขาเคยบอกเลิกไปหลายครั้งแล้ว แต่แฟนเขาไม่ยอมเลิก ใช้น้ำตามาเป็นเครื่องมือให้เขาใจอ่อนรั้งเขาไว้อยู่แบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเหมือนคนรักแล้ว เขารักเหมือนน้องสาวคนนึง  แค่เป็นห่วงเพราะน้องเขามีปัญหากับที่บ้านบ่อย เข้ากับที่บ้านไม่ค่อยได้ เขาเป็นห่วงว่าถ้าเขาทิ้งเธอคนนั้นมา เธอจะอยู่ได้รึเปล่า เขาเลยไม่กล้าเลิกแบบเด็ดขาด เธอจึงเอาน้ำตามาใช้เป็นสิ่งที่รั้งเขาไว้อยู่ตลอด จนเขามาเจอกับเรา เขาเลยอยากเลิกให้เด็ดขาด เธอคนนั้นว่าเราเสียๆหายๆ ว่าเขานอนกับเราแล้วใช่มั้ยถึงจะเลิกกับเธอ ซึ่งมันไม่จริงเลยค่ะ เขาก็ให้เหตุผลเธอไปว่ามันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย มันเป็นเพราะเขาหมดรักเธอแล้วต่างหาก คิดกับเธอเหลือแค่คำว่าพี่น้อง ตอนนั้นเราแค่อยู่เฉยๆค่ะ ไม่ได้สนใจปัญหาของเขาเลย เขาก็ยังโทรมาจีบทุกวัน เจอที่ทำงานก็ยังมาจีบอยู่ตลอด เอาของมาให้ตลอด เราก็รับไว้ค่ะ มีซื้อกลับให้เขาบ้าง เพราะเราไม่อยากเป็นผู้รับอยู่ฝ่ายเดียว ตอนนั้นเราก็เริ่มมีใจให้เขานิดนึงแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นว่าจะยอมคบหรือยอมเปิดตัวว่าคุยกับเขาอยู่ เพราะตัวเขาก็ไม่ได้เป็นคนบริสุทธิ์ เขายังไม่เลิกกับแฟนเขาด้วยซ้ำ จนถึงวันที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดว่าเลิก เขาโทรไปบอกเลิกเธอ และตัดการติดต่อกับเธอทันที เพราะเธอโทรมาระรานเขาไม่เลิก พอเขาเลิกกับเธอคนนั้น เขาก็รีบมาบอกเราทันที ว่าตัวเขาไม่มีใครแล้ว และพร้อมที่จะชัดเจนกับเรา ตอนนั้นแหล่ะค่ะ เราถึงได้ยอมเปิดใจให้เขาเข้ามา โดยที่ไม่ระแวดระวังอะไรเลย

หลังจากที่เขาเปิดตัวว่ากำลังคุย กำลังคบหาดูใจกับเราอยู่ ตอนนั้นเขาปฏิบัติดูแลเราดีมาก ไม่มีขาดตกบกพร่องเลยค่ะ บ้านเราอยู่ไกลแค่ไหนก็นั่งรถมาหาได้ถึงที่ เปย์ให้เราหมดเท่าไหร่เท่ากัน พาเราไปกินของดีๆแพงๆ เพื่ออยากเอาชนะใจ จนในที่สุดเราก็ตกลงที่จะคบกับเขา หลังจากที่เขาพยายามมาเป็นเดือนๆ ตอนนั้นเขารู้สึกภูมิใจมากเลยค่ะ ที่เอาชนะใจเราด้วย ทั้งอวดทั้งคุยให้คนอื่นฟัง คอยเฝ้าเราอยู่ไม่ห่าง แนะนำเราให้รู้จักกับที่บ้านเขา เราก็พาเขามารู้จักกับที่บ้านเรา เหมือนจะไปได้สวยค่ะ ช่วงโปรโมชั่น 3 เดือนแรก อะไรๆก็ดูดี ดูหวานชื่นไปหมด แต่พออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ความเป็นตัวเองของเรา 2 คนก็เริ่มแสดงออกมากันคนละด้าน เราพยายามที่จะปรับจะจูนกันหลายครั้งมาก ทะเลาะกันเถียงกันเพื่อปรับความเข้าใจกัน ช่วงปีแรกทะเลาะกันบ่อยมาก เพราะนิสัยเราต่างกันสุดขั้วเลยค่ะ พอทะเลาะกันบ่อยๆขึ้น เขาก็เริ่มห่างจากเรา กลับไปคุยกับแฟนเก่า ไปให้กำลังใจแฟนเก่า หยอกเอินกันเหมือนคนที่พึ่งจีบกันใหม่ๆ เราจับได้เพราะเราเอามือถือไปชาร์จแบตให้เขาตอนที่เขาหลับ เราเห็น DM ที่แฟนเก่าเขาทักมาพอดี ปกติแล้วเราไม่เคยยุ่งกับมือถือเขาเลยค่ะ ไม่เคยเช็ค ไม่เคยถามอะไรเลย เขาก็ชะล่าใจค่ะ สแกนนิ้วมือของเราใส่มือถือเขาไว้ เพราะคิดว่าเราจะไม่ไปยุ่งกับของเขาแน่นอน แต่ในวันนั้นเป็นความโชคร้ายของเราที่ไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า ปกติเราแทบจะไม่ติดตาม social media ของกันและกันเลยค่ะ เพราะเราเองไม่ค่อยเล่น social เท่าไหร่ เราเปิดไปดูใน IG ของเขา ทุกอย่างหยุดนิ่งเลยค่ะ น้ำตามากมายไหลมาเป็นทาง ตั้งแต่เขาเลิกกับแฟนเก่าเขามา เขายังคงติดต่อกันอยู่ตลอด ไม่เหมือนคนพึ่งเลิกกันเลย พอเราเผลอเขาก็แอบโทรหากัน แล้วก็แคปประวัติการโทรว่า ขอแค่ได้คุยก็สุขใจแล้ว วิดีโอคอลหากัน เฝ้าเขานอนในตอนที่เรากลับไปบ้านแม่ค่ะ อันนี้แฟนเก่าเขาเป็นคนโพสต์ ส่งเพลงจีบกันแล้วก็โพสต์ท่อนในเพลงที่เขาส่งจีบกันหน้าไทม์ไลน์ IG เลย เราเจ็บปวดมากๆเลยค่ะ แต่เราก็เงียบที่จะไม่ถามอะไร เพราะเราจุกมากๆ เขาก็ยังคงแอบคุยกันต่อไปโดยที่ไม่เอะใจอะไรเลยว่าเรารู้เรื่องแล้ว จนเวลามันผ่านไปปีนึง เราอยูากับความรู้สึกเจ็บปวดมาเป็นปีๆ จนถึงวันที่เราทนไม่ไหว ผ่านวันเกิดเรามาได้แค่ไม่กี่วันในวันนั้นเรามีปัญหากันพอดีค่ะ เพราะในวันเกิดเรา เขาโทรคุยกันกับแฟนเก่าเขา เอารูปที่เราถ่ายให้ไปโพสต์ลงใน IG แล้วใส่ข้อความที่คุยหยอกเอินกันกับแฟนเก่าใน IG ใส่อีโมติคอนเป็นรูปหมีที่เขาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนตัวเองกัน วันนั้นเราหมดความอดทนค่ะ เราก็ถามเขาเลยว่ามีอะไรจะบอกเรามั้ย เขาก็งงๆค่ะ ไม่รู้ว่าเรางอนเขาเรื่องอะไร เราก็พูดออกไปเลยค่ะ ว่าเขายังคุยกับแฟนเก่าอยู่มานานแค่ไหนแล้ว หลอกเรามานานแค่ไหนแล้ว เขาไม่ตอบอะไีรเลยค่ะ เอาแต่นอนเงียบอย่างเดียว จนเราร้องไห้ออกมาเพราะความโกรธและเสียใจ เขาจึงเปิดปากออก ถามว่าเรารู้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แล้วทำไมถึงไม่พูด มาพูดทำไมตอนนี้ เราจุกเลยค่ะ แทนที่เขาจะสำนึกผิด กลับมาย้อนถามเราแบบนี้ และเขาก็ไม่ขอโทษเราด้วยค่ะ ปล่อยให้เราร้องไห้เสียใจอยู่แบบนั้น และก็มาขอโอกาสจากเรา ให้เราลืมเรื่องครั้งนี้ บอกกับเราว่าจะเลิกคุยให้ถ้าเราต้องการ แต่ไม่มีคำขอโทษค่ะ เราทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราแบบนี้ แต่เราก็ให้โอกาสเขาค่ะ ให้เขาแก้ตัวอีกครั้ง เขาก็เลิกคุยจริงๆ แต่เลิกคุยกับแฟนเก่าแล้วไปคุยกับกิ๊กเก่าแทนค่ะ

กิ๊กเก่าที่เขากลับมาคุยอีกครั้ง คือคนที่แฟนเก่าเขาจับได้ว่าแอบคุยกัน คนที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน เขาก็เลยห่างกันไปสักพักนึง และก็กลับมาคุยกันใหม่ ทั้งๆที่ยังคบกับเราเหมือนเดิม คราวนี้หนักข้อมากค่ะ เขาแอบไปเจอกันตอนที่เราไม่รู้ พอเราไม่ไปทำงานเขาก็เดินไปหากันถึงโต๊ะทำงานเลยค่ะ แอบเจอกันตามห้องน้ำ ตามแคนทีนบริษัท แอบส่งสายตาให้กันโดยไม่เห็นหัวเราเลย ผู้หญิงคนนี้ทำตัวโจ่งแจ้งมาก ตั้งใจเปิดเผยให้เห็นเลยว่าคุยกับแฟนของเราอยู่ พยายามมีตัวตน เดินผ่านแผนกเราบ่อยๆ ตั้งใจเดินมาให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ และก็แจ็คพ็อตแตกอีกครั้งค่ะ วันที่เขาหลับแล้วให้เราชาร์จมือถือให้ ผู้หญิงคนนี้ทักมาหาเขาใน FB ค่ะ เราก็เห็นพอดี พอกดเข้าไปอ่านเลยรู้ว่าเขาทำแบบนี้กับเราอีกแล้ว ครั้งนี้เราไม่รอแล้วค่ะ เราปลุกเขาขึ้นมาคุยเลย เขาทำเป็นใจดีสู้เสือค่ะ บอกว่าครั้งนี้ไม่มีอะไรจริงๆ คุยด้วยเฉยๆแต่ไม่ได้อะไรด้วย แต่ที่เราได้ยินเพื่อนในแผนกบอกเรามา คือเขาแอบไปหากันตามห้องน้ำ ตามที่ลับตาคน ในห้องชงกาแฟก็แอบไปหากัน ตอนนั้นที่เราได้ยินคนอื่นบอกเราก็เจ็บแล้วค่ะ แต่เรายังไม่มีหลักฐาน พอมาเจอแชทนี่เข้าเลยตาสว่างขึ้น เขาก็ยอมรับแล้วบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าไม่เชื่อใจเขาจะเลิกคุยก็ได้ เพื่อเราจะได้สบายใจ แต่ก็เลิกคุยได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหล่ะค่ะ คนมันเจอกันทุกวันที่ทำงาน ยังไงก็กลับไปแอบคุยอยู่ดี จนเราต้องเอามือถือเขามาบล็อกผู้หญิงคนนั้นโดยไม่ให้เขาสงสัย เพราะเขาไม่เป็นเพื่อนกันใน FB ก็เลยคิดว่าแฟนของผู้หญิงคนนั้นจับได้เลยเลิกคุย ก็ห่างๆกันไปค่ะ พอเข้าปีที่ 2 เราก็เลยตั้งใจไว้ว่าเราจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ แล้วคิดถึงอนาคตอย่างเดียว เราก็คุยกับเขาว่าเราอยากมีบ้าน เขาเลยชวนเราซื้อบ้าน โดยให้เป็นชื่อของเรา แล้วเขาจะช่วยออกค่าบ้านช่วยเราเพราะเขาอยากให้เรามีบ้านเป็นของตัวเอง เราก็ทำตามที่เขาเสนอค่ะ ตัดสินใจซื้อบ้าน เพราะอยากสร้างครอบครัวกับเขา คิดไปจนถึงแต่งงานเลยค่ะ ว่าจะเอาบ้านหลังนี้เป็นค่าสินสอด เราเก็บตังค์ช่วยกันสร้าง ช่วยกันหาในสิ่งที่เราฝันกันไว้ แต่ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้วางอนาคตร่วมกัน

พอซื้อบ้านเราก็เริ่มมีความคิดไม่ตรงกันค่ะ เราอยากตกแต่งบ้านแบบนี้ ซื้อของเข้าบ้านแบบนี้ แต่เขาไม่ชอบ อยากได้อีกอย่าง เราก็เลยตกลงกันคนละครึ่งทาง เธอซื้ออันนั้น เราจะตกแต่งอันนี้ เลยเคลียร์กันจบไปค่ะ พอเราได้ย้ายมาอยู่อีกทีม เข้าทำงานไม่ตรงกัน สวนกะกัน ไม่ค่อยได้เจอกัน เขาก็เริ่มลายออกอีกครั้ง ครั้งนี้เขาแอบคุยกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ พออยู่ห่างกัน ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน เขาก็บอกว่าเขาเหงา ทั้งๆที่เราวิดีโอคอลหากันเกือบตลอด โทรหากันทุกครั้งที่ว่าง แต่คนเจ้าชู้ก็คือคนเจ้าชู้นั่นแหล่ะค่ะ เขาไม่เคยพอ วันนั้นเราทำกับข้าวเพื่อรอเขาเลิกงานกลับมาบ้าน พอกินข้าวเสร็จเขาก็ขึ้นไปบนห้อง เราเก็บกวาดเสร็จก็เห็นว่าเขาหลับอยู่ในห้อง เราก็เลยเรียกเขาไปอาบน้ำ เขาเอามือถือเข้าไปด้วยค่ะ เขาเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ เราเลยเอะใจ ว่าทำไมเข้าไปนาน นึกว่าหลับในห้องน้ำ ที่ไหนได้ เปิดประตูเข้าไปเห็นเขากำลังแชทคุยกับคนในไลน์ เราเห็นผ่านกระจกค่ะ เขาบอกว่าเขาคุยกับเพื่อน เราขอดูแต่เขาไม่ให้เราดู แล้วบอกกับเราว่าเดี๋ยวเขาออกไป เรามือไม้สั่นไปหมด เขาออกมาจากห้องน้ำไม่มีแม้สักคำพูดเลยค่ะ ไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เราเสียใจ พอวันรุ่งขึ้นก็ถามว่าเราจะเอายังไงกับเรื่องนี้ เธอรู้แล้วเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องโกหกอีกต่อไปแล้ว เขาให้เราตัดสินใจว่าเราจะทำยังไง แต่ในตอนนั้นคือไม่มีคำขอโทษสักคำเลยนะคะ เขาบอกว่าขอโทษไปก็เหมือนเดิมอยู่ดี เลยไม่รู้ว่าจะขอโทษทำไม เขาบอกว่าเขารู้ว่าเขาผิด แต่เขาเลิกคุยไม่ได้ เขาถลำลึกไปแล้ว พูดไม่ออกเลยค่ะ เรานั่งร้องไห้เป็นชั่วโมง เขาไม่มีแม้กระทั่งคำปลอบโยน หรือขอโทษสักครั้ง เราตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์นี้ลง เพราะเราโดนย่ำยีหัวใจมาหลายครั้งเหลือเกิน และเขาก็ไม่เคยขอโทษเราเลย เขาบอกว่าที่เขาไม่แก้ตัว เป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนเราเป็นเพื่อนมานานแล้ว เขาไม่ได้รักเราแล้ว อาจจะรัก แต่รักไม่มากพอที่เราหวังไว้ เขาบอกว่าเขาเห็นแก่ตัว เขาขอให้เรามองข้ามที่เขาคุยกับคนอื่นไปได้มั้ย ขอแค่ยังอยู่กับเราเหมือนเดิม ยังมีต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่