คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เข้ามารับฟังพร้อมส่งกำลังใจให้ จขกท ค่ะ
ใจเย็ฯ ๆ นะคะ และดีแล้วที่ไปพบจิตแพทย์ ทานยาสม่ำเสมอและไปพบคุณหมอตามนัดนะคะ อย่างน้อยการได้คุยกับคุณหมอ ก็จะได้บอกเล่าความโศกเศร้าที่มีอยู่ในใจกับคุณหมอได้
คนแทบทุกคนที่ จขกท รู้จักและคนที่เดินผ่านไปมา แต่ละคนผ่านประสบการณ์การสูญเสียคนที่รักจากการตายมาแล้วทั้งนั้น และส่วนใหญ่ยังอยู่ได้ พร้อมกับค่อย ๆ เรียนรู้ว่าความคิดถึงและเสียใจไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะผ่านพ้นไปกี่เดือนกี่ปี หากแต่ทุกคนจะต้องอยู่กับความจริงใหม่ของชีวิตที่เกิดขึ้นนี้ตลอดไป ให้เวลาและความกรุณากับตนเองเยอะ ๆ สักวันหนึ่ง ความทุกข์ที่เกิดจากการสูญเสียนี้ จะค่อย ๆ เบาบางลง ไม่มากเท่าวันนี้แน่ ๆ ค่ะ
ตอบแบบจิตแพทย์ เมื่อครั้งที่คุยกับหมอขณะคุณแม่ป่วยหนัก คุณหมอขอให้คิดตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่า ร่างกายของท่านมีความผิดปกติ ท่านไม่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนเดิม ท่านจะค่อย ๆ ทรุดลง เมื่อเป็นเช่นนี้ การเข้าใจและยอมรับว่าดีกว่าปล่อยให้ท่านเจ็บปวด การจากไปจะช่วยให้ท่านไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป
ในทางธรรม เป็นสัจธรรมเลยนะคะ ที่คนเราเกิดมาพร้อมกับมีความตายติดตัวมาด้วย ขึ้นกับวิบากกรรมของแต่ละคน ที่จะกำหนดว่าจะจากไปอย่างไร และเมื่อใด โลก ชีวิตและสรรพสิ่งอยู่ในการกำกับของหลักไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรสักสิ่ง ไม่มีชีวิตใดที่เกิดมาแล้วไม่ดับลง นี้คือครรลองของธรรม ครรลองของธรรมชาติ
ไม่มากก็น้อย นี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เป็นความจริงใหม่ของชีวิตของ จขกท จะให้ดี อาศัยความตายของคุณแม่นี้ คิดใคร่ครวญค่ะ ว่าจะดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างไร เพื่อจะทำให้กายและใจที่เกิดจากรักของพ่อและแม่ของ จขกท นี้ มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและโลกของเรา ชีวิตนี้น้อยนักแต่สำคัญยิ่งนัก อดีตองค์สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนได้เคยตรัสไว้
ระหว่างนี้ สิ่งที่จำเป็นมาก คือความเข้าใจเรื่องชีวิต ว่าชีวิตนั้น หากพูดให้ถึงที่สุดแล้ว ชีวิตที่แท้มีขณะเดียว อดีตจบไปแล้ว ไม่กลับมาอีก และอนาคตยังมาไม่ถึง ปัจจุบันขณะเท่านั้นที่สำคัญต่อคนเรามากที่สุด สิ่งที่จะทำให้คนเรารักษาใจให้อยู่กับตัวกาย ณ ที่นี่และ ณ จุดเวลานี้ ไม่ไปที่อื่น ไม่ไปอดีต และไม่ไปอนาคต คือสติและความรู้เนื้อรู้ตัว อาจเริ่มจากการฝึกอานาปานสติ เมื่อทำได้แล้ว ขอให้เจริญสติให้ได้เสมอ ๆ ความทุกข์ที่มีอยู่ท่วมท้น ณ เวลานี้ จะค่อย ๆ หายไป และสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติค่ะ
เอาใจช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความจริงใหม่นี้ได้ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องรีบร้อน ด้วยจิตใจที่กล้าหาญและเข้มแข็งสมกับที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ค่ะ
ใจเย็ฯ ๆ นะคะ และดีแล้วที่ไปพบจิตแพทย์ ทานยาสม่ำเสมอและไปพบคุณหมอตามนัดนะคะ อย่างน้อยการได้คุยกับคุณหมอ ก็จะได้บอกเล่าความโศกเศร้าที่มีอยู่ในใจกับคุณหมอได้
คนแทบทุกคนที่ จขกท รู้จักและคนที่เดินผ่านไปมา แต่ละคนผ่านประสบการณ์การสูญเสียคนที่รักจากการตายมาแล้วทั้งนั้น และส่วนใหญ่ยังอยู่ได้ พร้อมกับค่อย ๆ เรียนรู้ว่าความคิดถึงและเสียใจไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะผ่านพ้นไปกี่เดือนกี่ปี หากแต่ทุกคนจะต้องอยู่กับความจริงใหม่ของชีวิตที่เกิดขึ้นนี้ตลอดไป ให้เวลาและความกรุณากับตนเองเยอะ ๆ สักวันหนึ่ง ความทุกข์ที่เกิดจากการสูญเสียนี้ จะค่อย ๆ เบาบางลง ไม่มากเท่าวันนี้แน่ ๆ ค่ะ
ตอบแบบจิตแพทย์ เมื่อครั้งที่คุยกับหมอขณะคุณแม่ป่วยหนัก คุณหมอขอให้คิดตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่า ร่างกายของท่านมีความผิดปกติ ท่านไม่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนเดิม ท่านจะค่อย ๆ ทรุดลง เมื่อเป็นเช่นนี้ การเข้าใจและยอมรับว่าดีกว่าปล่อยให้ท่านเจ็บปวด การจากไปจะช่วยให้ท่านไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป
ในทางธรรม เป็นสัจธรรมเลยนะคะ ที่คนเราเกิดมาพร้อมกับมีความตายติดตัวมาด้วย ขึ้นกับวิบากกรรมของแต่ละคน ที่จะกำหนดว่าจะจากไปอย่างไร และเมื่อใด โลก ชีวิตและสรรพสิ่งอยู่ในการกำกับของหลักไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรสักสิ่ง ไม่มีชีวิตใดที่เกิดมาแล้วไม่ดับลง นี้คือครรลองของธรรม ครรลองของธรรมชาติ
ไม่มากก็น้อย นี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เป็นความจริงใหม่ของชีวิตของ จขกท จะให้ดี อาศัยความตายของคุณแม่นี้ คิดใคร่ครวญค่ะ ว่าจะดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างไร เพื่อจะทำให้กายและใจที่เกิดจากรักของพ่อและแม่ของ จขกท นี้ มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและโลกของเรา ชีวิตนี้น้อยนักแต่สำคัญยิ่งนัก อดีตองค์สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนได้เคยตรัสไว้
ระหว่างนี้ สิ่งที่จำเป็นมาก คือความเข้าใจเรื่องชีวิต ว่าชีวิตนั้น หากพูดให้ถึงที่สุดแล้ว ชีวิตที่แท้มีขณะเดียว อดีตจบไปแล้ว ไม่กลับมาอีก และอนาคตยังมาไม่ถึง ปัจจุบันขณะเท่านั้นที่สำคัญต่อคนเรามากที่สุด สิ่งที่จะทำให้คนเรารักษาใจให้อยู่กับตัวกาย ณ ที่นี่และ ณ จุดเวลานี้ ไม่ไปที่อื่น ไม่ไปอดีต และไม่ไปอนาคต คือสติและความรู้เนื้อรู้ตัว อาจเริ่มจากการฝึกอานาปานสติ เมื่อทำได้แล้ว ขอให้เจริญสติให้ได้เสมอ ๆ ความทุกข์ที่มีอยู่ท่วมท้น ณ เวลานี้ จะค่อย ๆ หายไป และสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติค่ะ
เอาใจช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความจริงใหม่นี้ได้ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องรีบร้อน ด้วยจิตใจที่กล้าหาญและเข้มแข็งสมกับที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อแม่ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ทำใจไม่ได้หลังจากการสูญเสีย ทำอย่างไรต่อไปดี