มีความได้สัมผัสกับคนอื่นนึง อาศัยอยู่ในนครปฐม ตอนแรกไม่แปลกใจพื้นเพอะไรมากแต่พอได้สัมผัส รู้จักก็สงสัยว่าทำไมครอบครัวเขาเป็นแบบนี้ ต้องใช้คำถามว่าเติบโตมายังไง ครอบครัวเริ่มต้นจากการมีพ่อที่เป็นผู้นำครอบครัวใช้ชีวิตดี มีความสุขมีงานมีสถานะการเงินดี แต่ในเมื่อวันหนึ่งที่พ่อเขาเสีย ที่บ้านก็ย้ายบ้านมาอยู่หลังใหม่ ซึ่งบ้านหลังนี้ก็เป็นมรดกจากพี่สาวของพ่อที่เสียไป บ้านหลังนี้ไม่ได้มีความราบรื่นเท่าไหร่หรอก ทว่าลูกของป้าก็แครงใจทำไมว่าต้องยกบ้านทาวเฮ้าส์หลังนี้ให้กับครอบครัวนี้ อยู่มาเรื่อยๆ ก็มีข่าวร้ายว่า ป้าเจ้าของบ้านเสียก็เกิดปัญหาตามมา กับครอบครัวนี้อีกเพราะชื่อของบ้านหลังนี้ เป็นของป้าโดยตรงไม่มีการเซ็นสัญญาโอนให้กับผู้ใด เท่าที่ทราบก็เห็นว่าลูกของป้าเขาจะฟ้องศาลเพื่อเอาคืน แต่ด้วยความที่ป้าเขาสั่งเสียว่าให้ครอบครัวนี้อยู่ต่อไป ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรมากมาย นอกจากความแคลงใจของคนต่างครอบครัวเท่านั้นเอง แล้ววันเวลาผ่านไป แม่ผู้เป็นดังเสาหลักของบ้าน ก็ต้องทำมาหากินกลายมาเป็นแม่ค้าขายข้าวกล่อง และบัวลอยอยู่ที่ตลาดเพื่อที่จะหาเงินทองมาส่งให้ลูกคนเล็กเรียน ม. เอกชน ชื่อดังแห่งหนึ่ง และคนโตทั้งก็ต่างกลายเป็นดั่งพี่เลี้ยง และคนดูแลแม่อยู่ที่บ้าน ต่างก็ไม่มีงานหลักประจำทำกัน ในส่วนของพี่ชาย เรียนจบมาก็ไม่ได้ทำงานอะไร คนกลางก็ไล่เรียนจบ ก็ไปวิ่งหางานลูกจ้างทำเงินเดือนเพียง10,000บาท เพื่อหนีความเป็นอยู่แบบเดิม ส่วนลูกชายคนรองเล็กก็หางานด้วยเช่นกัน เพียงเหตุเพราะว่าทุกคนอยากมีเงินใช้ แต่ด้วยความที่เรียนจบมหาวิทยาลัยกันมา แต่ก็ไม่ได้ใช้ความรู้หรือความสามารถแต่อย่างใด ภาระจึงตกที่แม่ ผู้ที่ต้องดูแลทุกอย่างได้ทั้งหมด
ความเป็นแม่ก็ค้าขายจนเก็บเงินพอที่จะดาวน์รถกระบะคันใหม่ โดยที่ลูกทั้ง3ที่เติบโตมาก็ยังไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย
สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ การเลี้ยงลูกของแม่คนนี้ ทำไมถึงไม่บอกลูกว่าคนเราต้องมีหน้าที่ทำอะไร และเติบโตยังไง กลายเป็นการปล่อยเวลาผ่านโดยที่พวกเขาไม่ได้สนใจว่าโตขึ้นจะเป็นแบบไหน เป็นคนเช่นไร ใช้ชีวิตอะไร เป้าหมายชีวิตคืออะไร เราได้แต่แปลกใจว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่มีความพยายามที่จะชีวิตให้ดีขึ้น กลับกันพวกเขามีสมอง สติสัมปัชชันยะที่ดี มีหัวคิดที่ดี มีแนวทางชีวิตที่ดี แต่กลับไม่มีความอดทนที่จะต่อสู้เพื่ออนาคตของตนเองกัน ความที่เราสัมผัสได้นั้น สังเกตว่าพวกเขาอยากที่จะมีในสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นๆ เขามีกัน แต่ทว่าสภาพทางการเงินของพวกเขาไม่เอื้ออำนวย และพวกเขาไม่ดิ้นรนที่จะหามันมา เพียงแต่ใช้ความคิดว่า แม่คือผู้ที่สามารถให้พวกเขาได้เท่านั้นหรอ ส่วนลูกคนเล็กก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นกัน จนเรียนจบก็ไม่หางานทำ เอาแต่ใช้ชีวิตที่บ้านไปวัน ให้เหตุผลว่าถ้าทำงานข้างนอกก็ได้เงินเดือนเพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง เราเห็นแล้วก็ได้เพียงร็สึกและตั้งคำถามในใจว่า พวกเขาเติบโตมายังไง เท่านั้นเอง
สงสัยจังว่า เติบโตมายังไง
ความเป็นแม่ก็ค้าขายจนเก็บเงินพอที่จะดาวน์รถกระบะคันใหม่ โดยที่ลูกทั้ง3ที่เติบโตมาก็ยังไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย
สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ การเลี้ยงลูกของแม่คนนี้ ทำไมถึงไม่บอกลูกว่าคนเราต้องมีหน้าที่ทำอะไร และเติบโตยังไง กลายเป็นการปล่อยเวลาผ่านโดยที่พวกเขาไม่ได้สนใจว่าโตขึ้นจะเป็นแบบไหน เป็นคนเช่นไร ใช้ชีวิตอะไร เป้าหมายชีวิตคืออะไร เราได้แต่แปลกใจว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่มีความพยายามที่จะชีวิตให้ดีขึ้น กลับกันพวกเขามีสมอง สติสัมปัชชันยะที่ดี มีหัวคิดที่ดี มีแนวทางชีวิตที่ดี แต่กลับไม่มีความอดทนที่จะต่อสู้เพื่ออนาคตของตนเองกัน ความที่เราสัมผัสได้นั้น สังเกตว่าพวกเขาอยากที่จะมีในสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นๆ เขามีกัน แต่ทว่าสภาพทางการเงินของพวกเขาไม่เอื้ออำนวย และพวกเขาไม่ดิ้นรนที่จะหามันมา เพียงแต่ใช้ความคิดว่า แม่คือผู้ที่สามารถให้พวกเขาได้เท่านั้นหรอ ส่วนลูกคนเล็กก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นกัน จนเรียนจบก็ไม่หางานทำ เอาแต่ใช้ชีวิตที่บ้านไปวัน ให้เหตุผลว่าถ้าทำงานข้างนอกก็ได้เงินเดือนเพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง เราเห็นแล้วก็ได้เพียงร็สึกและตั้งคำถามในใจว่า พวกเขาเติบโตมายังไง เท่านั้นเอง