เเชร์ประสบการณ์ฝากครรภ์ ผ่าคลอดรามาพรีเมียม (ลูกจะสองขวบเเล้ว เพิ่งจะมารีวิว)

ยังคงเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย ว่าจะฝากครรภ์ที่ไหน รพ ไหนดี หมอท่านไหนดี เราคลอดไปแล้วเมื่อ ปี 61 เพิ่งจะได้มาเล่าประสบการณ์ 
ตอนเริ่มตั้งท้อง เราตั้งโจทย์ในการเลือก รพ ไว้คร่าวๆ ดังนี้ 
1. งบประมาณ เราคิดว่าที่จ่ายไหวคือแพ็ค รพ เอกชนกลางๆ ก็คือผ่าคลอดไม่เกิน 70000-80000 บาท (รพ เอกชนท๊อปๆ ในเมืองก็ตัดออกไปเพราะน่าจะเกินเเสน) แต่ตอนแรกเราตั้งใจจะคลอดธรรมชาติ แต่มีเพื่อนๆ บอกว่าต้องดูเผื่อๆ ไว้ เพราะสุดท้ายเด็กจะเลือกวิธีเกิดของเค้าเอง  
2.  อยากได้เป็น รร แพทย์ เนื่องจากเคสเยอะ อุปกรณ์เยอะ ประสบการณ์ของอาจารย์หมอ และเผื่อกรณีคลอดแล้วมี complication ค่าใช้จ่ายตามมาจะได้ไม่โหดร้ายมาก เพราะฉะนั้น ตัดตัวเลือก รพ เอกชน ออกไป ก็จะเหลือ รร แพทย์ ไม่กี่ที่ในกรุงเทพ และปริมณฑล คือ รามา ศิริราช ธรรมศาสตร์ หรืออาจจะมีที่อื่นๆ อีก แต่เราคิดออกแค่นี้ จริงๆ สิทธิ์ประกันสังคมเราอยู่ที่ มธ แต่คิดว่าด้วยบ้านอยู่ในเมือง เดินทางไปที่ มธ จะลำบาก เลยตัดตัวเลือกนี้ออกไป ก็จะเหลือที่คุ้นเคย และคุ้นหูคุ้นตา แค่ศิริราช รามา ที่เดินทางไปค่อนข้างสะดวก
3. อยากได้แบบที่ไม่ต้องไปนั่งรอทั้งวัน รู้เวลาแน่ชัดว่าจะได้พบหมอกี่โมง เพื่อที่จะได้เข้าไปพบหมอพร้อมกันทั้งพ่อและแม่ได้ โดยที่พ่อก็แว๊บออกมาจากที่ทำงานก่อนเวลานัด บวกลบครึ่งชั่วโมง พอโจทย์นี้มาก็จบที่รามาพรีเมียมเลย ซึ่งก็มีประสบการณ์ที่ดีกับที่นี่อยู่แล้ว เพราะตรวจสุขภาพประจำปีกับที่นี่ประจำ รู้บรรยากาศ ที่นั่งรอว่าเป็นอย่างไร มีความสะดวกสบายในระดับไหน เเละด้วยโจทย์นี้ทำให้เราตัดศิริราชออกไป เพราะบรรยากาศการนั่งรอบบนเก้าอี้ไม้ท่ามกลางไฟสลัวมันคลาสสิคเกินไป รวมถึงเวลาที่ไม่สามารถกำหนดอะไรได้ รับบัตรคิวและนั่งรอ เราไม่ไหวจริงๆ
 
ของรามา พรีเมียม จะไม่มีเป็นแพ็คเกจแบบของเอกชน คิดค่าใช้จ่ายตามจริง แต่จะบอกราคาคร่าวๆ ของปี 61 เข้าใจว่า คลอดธรรมชาติประมาณ 40,000 บาท และผ่าคลอดประมาณ 70,000 บาท ซึ่งก็อยู่ใน budget ที่ตั้งไว้ 
 
การ approach รพ
ที่รามาพรีเมียม จะไม่รับ walk in เราเคยไปเก้อทีนึง ก็ได้แต่เดินเข้าไปทำนัด หรือจริงๆ จะโทรสอบถามได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรี หรือดูตารางลงตรวจของอาจารย์หมอท่านต่างๆ ก่อนก็ได้ ซึ่งของเรา walk in เข้าไป พอจะทราบชื่ออาจารย์หมอที่ดังๆ มาบ้าง แต่พอดูตารางลงตรวจแล้ว มีแค่ไม่กี่วัน บวกความดังของคุณหมอ เลยคิดว่าคิวยาวแน่ๆ เราเลยเลี่ยง จิ้มคุณหมอท่านนึงมา ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าใน 7 วันท่านลงตรวจเกือบ 6 วัน และยังชื่อคล้ายกับชื่อที่เราตั้งใจจะตั้งเป็นชื่อลูก ก็เลยได้เป็นคนไข้ของคุณหมอญาณิณี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 
แต่ท้องแรกไม่เป็นไปอย่างที่คิด ตัวอ่อนหยุดโตไปตั้งแต่วีคที่ 8 คุณหมอก็เลยนัดขูดมดลูกด่วน จริงๆ สัปดาห์นั้นจะบินไปเชียงใหม่ เลยได้ทิ้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และมาขูดมดลูกที่ รพ แทน ซึ่งขูดรอบแรกไม่สำเร็จ ยังออกไม่หมด คุณหมอก็ให้กลับมาพักที่บ้าน และมีการโทรติดตามอาการด้วยตนเอง น่ารักมาก จนมาขูดรอบที่สองและการตั้งครรภ์ครั้งแรกก็จบลงไปด้วยดี 
พอท้องอีกรอบ เราก็พุ่งตรงมาหาคุณหมอญาณิณีอีกรอบ และการฝากครรภ์ก็ดำเนินไปด้วยดี ที่นี่ได้อัลตร้าซาวน์ทุกเดือน ค่าใช้จ่ายต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 1200 บาท ยกเว้นจะมีสั่งยาให้ทานเพิ่มเติม แต่ตัวไหนที่เราทานอยู่แล้ว หมอก็จะไม่สั่งเพิ่มให้ หมอค่อนข้าง take time กับการตรวจ รวมถึงถ้ามีคำถามอะไร หมอก็ยินดีที่จะตอบ บางทีคำถามยาวเป็นหางว่าวก็มี หรือคำถามซ้ำๆ ตั้งแต่ไตรมาสต์แรก ออกกำลังกายได้มั้ยคะ ถามจนคุณหมอบอก เอาที่แม่สบายใจเลยค่า เพราะไม่ได้มีปัญหารกเกาะต่ำ หรือความเสี่ยงอื่นๆ ซึ่งเราก็ออกกำลังกายด้วยการเดิน ว่ายน้ำ สลับๆ กันไป แล้วก็มีโยคะทุกสัปดาห์จนถึง 37 วีค ครูโยคะบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว กลัวมาคลอดที่สตู และโชคดีไม่เคยมีปัญหาน้ำตาล ความดันตลอดการคลอด มีแต่ความดันต่ำ ซึ่งหมอก็บอกว่าต่ำดีกว่าสูง ส่วนการเจาะน้ำคร่ำ ตรวจพาโนรามา ก็แล้วแต่ความสมัครใจและการประเมินความเสี่ยง ของเราเลือกตรวจพาโนรามา ราคา ณ วันนั้นอยู่ที่ 16,000 บาท 
เนื่องด้วยเป็นท้องแรก และท้องเดียว บวกความตั้งใจเดิมว่าจะคลอดธรรมชาติ เพราะก็พยายามฟิตร่างกายมาตลอดขนาดนั้น เลยไม่ได้มีการนัดหมายว่าจะคลอดตอนไหน แต่หมอบอกให้เตรียมตัวตั้งแต่วีคที่ 37 แต่นั่นแหละ 37 ก็ไม่มีทีท่าจะมา 38 ผ่านไปก็ไม่มา 39 นี่ยังไปเดินรอบสวนรถไฟอยู่เลย จนหมอบอกว่าให้ถึง 40สัปดาห์ละกัน และด้วยความไม่รู้ว่าอะไรคือลักษณะของการเจ็บท้องคลอดหรือท้องแข็ง เพราะมันไม่มีอาการ แค่วันท้ายๆ 39 วีคกว่าๆ คือเจ็บขา มีจี๊ดๆ บ้าง เลยไปที่ รพ ติดต่อห้องคลอดชั้น 6 และด้วยความดวงสมพงษ์หรืออะไรก็ไม่ทราบได้ คุณหมอญาณิณีก็อยู่ทุกครั้ง อย่างที่บอกแหละ หมอเข้าเกือบเจ็ดวันต่อสัปดาห์ รอบแรกสรุปยังไม่คลอด ปากมดลูกเพิ่งเปิดเซ็นต์เดียว ไปเก้อ ได้กลับบ้าน ไปอีกทีตอน 39 วีค 6 วัน ก็ยังเจอคุณหมอเพิ่งเสร็จเคสทำคลอดตอนทุ่มกว่าๆ หมอเลยบอกว่าคลอดเลยละกัน และอยู่ดูอาการไปด้วย แต่จนแล้วจนรอด ให้ยาเร่งคลอดก็ไม่คลอดซักที ปากมดลูกเปิดช้า บวกหมอกลัวจะติดเชื้อเอาซะก่อน และสุดท้ายมาเจอตัวเร่งว่าอ๊อกซิเจนเด็กต่ำ น่าจะรกพันคอ หมอเลยมาหารือว่าผ่าเลยละกัน พอตัดสินใจผ่า ทุกอย่างก็เกิดขึ้นราวฟ้าแล่บ คุณพ่อยังเปลี่ยนชุดแทบไม่ทัน ลูกจะโดนควักออกมาแล้ว 
และทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย คำแรกที่หมอพูดคือ ผมเยอะมาก และเจ้าหนูญาณิน ก็ลืมตาดูโลก 
คุณหมอมาเยี่ยมติดตามอาการในวันต่อมา ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี 
ค่าใช้จ่าย น่าจะราวๆ 78,000 บาท ไม่ได้เกินความคาดหมาย และเหมือนได้ลองฟีลของการคลอดธรรมชาติหน่อยๆ ด้วย ก็ถือว่าคุ้มค่า อ้อ ลืมบอกไปอีกอย่าง ว่าที่เราชอบรามาพรีเมียมอีกอย่างคือ เราไม่ต้องมาใส่ซองอะไรให้หมออีกแล้ว ซึ่งเราเห็นเพื่อนหลายคน คลอดเสร็จต้องมานั่งคิดว่าจะใส่ซองหมอเท่าไหร่ สุดท้าย บวกไปบวกมา รวมทุกอย่าง อ้าว เท่า รพ เอกชนก็มีนะ 
จบการรีวิวเพียงเท่านี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย 
 
ปล. Review ช้าไปสองปี อาจจะมีค่าใช้จ่ายหรือเงื่อนไขบางประการที่เปลี่ยนไปบ้าง 
โดยส่วนตัว คิดว่า รพ ทุกที่ก็มีข้อดีข้อเสียเเตกต่างกันไป ทั้งนี้ จะเลือกไปรักษาที่ใด ก็ดูว่ามันตรงจริตเราหรือไม่ คุยกับหมอเเล้วเคมีตรงกันมั้ย เพราะเราในฐานะคนไข้ก็ควรจะมีสิทธิ์เลือกด้วยเช่นกัน เเละที่สำคัญ งบประมาณคิดเผื่อๆ ไว้ด้วย ในกรณีที่อาจจะมี complication หลังคลอด รพ รัฐ ที่เด็กได้สิทธิ์บัตรทองหลังคลอด ก็อาจจะตอบโจทย์ เพราะเคยมีเพื่อนคลอดเอกชน เเต่หลังคลอดเกิดปัญหา ค่าใช้จ่ายวันออกจาก รพ คือซื้ออีโคคาร์ได้หนึ่งคันเลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่