ที่บ้านเราทำร้านขายอาหารจานเดียว มีทั้งข้าวและก๋วยเตี๋ยว มีโต๊ะทั้งหมด 16 โต๊ะ ขายได้วันละ 150-200 จานต่อวัน ก่อนหน้านี้มีคนงานต่างด้าวช่วยทำ 3 คน รวมเรากับแม่เป็น 5 คน ธุรกิจกำลังไปได้ดี เจอพิษโควิดช่วงเดือนมีนาคม คนงานกลัวโควิดจึงขอลากลับประเทศตัวเองทั้ง 3 คน เหลือเรากับแม่ที่ขายกันแค่ 2 คน ช่วงนั้นขายได้แค่วันละ 50-70 จาน เรากับแม่จึงตกลงทำกันเองเพราะรายได้คงไม่พอจ้างคนงาน พอรัฐให้มีการท่องเที่ยวในประเทศได้ (ร้านเราอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว) ร้านเราก็กลับมาขายดีเกือบเท่าเดิม จึงตัดสินใจจ้างคนไทยมาช่วยงาน เพราะต่างด้าวยังข้ามประเทศมาไม่ได้ พอจ้างคนไทยมาทำงาน ทุกคนทำงานได้ 3 วันก็ลาออกเพราะบอกว่างานหนักเกินไป
...ทุกวันนี้จึงเหลือเรากับแม่ 2 คน กับโต๊ะ 16 ตัวและงานขาย 200 จานต่อวัน แม่เป็นคนทำอาหาร เราเสริฟ เก็บโต๊ะ ล้างจานและล้างหม้อที่ใช้ทำของหลังร้าน...
...ร้านเราทุกวันนี้คือซุยมากเพราะคนขายน้อยกว่าคนซื้อ ทุกคนมาซื้อของก็อยากได้อาหารเร็ว ๆ แต่ต้องรอคิวประมาณ 20-40 นาทีถึงจะได้กินอาหาร ถึงแม้จะสั่งแค่จานเดียว บางคนรอได้ บางคนรอไม่ได้ บางคนรอไม่ได้แถมหาว่าร้านเราโกงคิว ลัดคิวให้คนอื่นก่อน ซึ่งร้านไม่ได้โกง คิวมันยาวจริงๆ เพราะคนทำมันน้อย...
ปัญหาหลักของร้านตอนนี้คือไม่มีคนงานและแม่ก็ไม่ยอมจ้างคนเพิ่มเนื่องจากรำคาญคนไทยที่ไม่สู้งาน ส่วนแรงงานต่างด้าวถ้าจ้างก็ต้องทำบัตรทำงานให้ถูกกฎหมายก่อนถึงจะยอมจ้าง ซึ่งคนงานที่มีบัตรส่วนใหญ่ก็คือในบัตรยังติดชื่อนายจ้างคนเก่าอยู่ ถ้าเราพาไปทำใหม่แล้ว ทำงานไม่ทน ไม่อยู่กับเรา เราก็จะเสียค่าทำบัตรฟรีอีก นี่แหละปัญหามันก็วนลูปอยู่แค่ตรงนี้และไม่รู้ว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้เมื่อไหร่
ปัญหาต่อมาคือตอนนี้แม่เราเป็นโรคหัวใจและได้ทำบอลลูนหัวใจมา จึงเป็นโรคขัดใจไม่ได้ บางทีโดนลูกค้ากดดันมากๆเช่น "อาหารที่สั่งได้ยัง ถ้ายังไม่เอาแล้วนะ" แกก็จะตกใจและหายใจเหนื่อย บางทีแกก็แว๊บไปกินยาหอม ถ้าเป็นมากก็กินยาอมใต้ลิ้น เราก็ต้องรับหน้ากับลูกค้าต่อและทำเองทุกตำแหน่ง ทั้งสับ ทั้งเสริฟ ทั้งเก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะ บางทีก็คิด ทำไมชีวิตดูลำบากจัง
เคยบอกแม่ว่าเราจ้างคนไทยมาช่วยงานแต่ลดงานลงไหม ไม่ให้ทำงานหนักเหมือนต่างด้าว เขาจะได้อยู่ได้ แต่แม่บอกจ้างมาทำงานแล้วทำงานน้อยกว่าเราก็สู้ไม่จ้างดีกว่า เฮ้อ...หมดคำจะพูด
ปัญหาบ้านเราก็ประมาณนี้ไม่รู้จะมีทางออกหรือเปล่า แต่ขอมาระบายให้คนนอกบ้านฟังบ้างแล้วกัน
มีเรื่องการทำงานกับที่บ้าน อยากระบายให้ฟัง
...ทุกวันนี้จึงเหลือเรากับแม่ 2 คน กับโต๊ะ 16 ตัวและงานขาย 200 จานต่อวัน แม่เป็นคนทำอาหาร เราเสริฟ เก็บโต๊ะ ล้างจานและล้างหม้อที่ใช้ทำของหลังร้าน...
...ร้านเราทุกวันนี้คือซุยมากเพราะคนขายน้อยกว่าคนซื้อ ทุกคนมาซื้อของก็อยากได้อาหารเร็ว ๆ แต่ต้องรอคิวประมาณ 20-40 นาทีถึงจะได้กินอาหาร ถึงแม้จะสั่งแค่จานเดียว บางคนรอได้ บางคนรอไม่ได้ บางคนรอไม่ได้แถมหาว่าร้านเราโกงคิว ลัดคิวให้คนอื่นก่อน ซึ่งร้านไม่ได้โกง คิวมันยาวจริงๆ เพราะคนทำมันน้อย...
ปัญหาหลักของร้านตอนนี้คือไม่มีคนงานและแม่ก็ไม่ยอมจ้างคนเพิ่มเนื่องจากรำคาญคนไทยที่ไม่สู้งาน ส่วนแรงงานต่างด้าวถ้าจ้างก็ต้องทำบัตรทำงานให้ถูกกฎหมายก่อนถึงจะยอมจ้าง ซึ่งคนงานที่มีบัตรส่วนใหญ่ก็คือในบัตรยังติดชื่อนายจ้างคนเก่าอยู่ ถ้าเราพาไปทำใหม่แล้ว ทำงานไม่ทน ไม่อยู่กับเรา เราก็จะเสียค่าทำบัตรฟรีอีก นี่แหละปัญหามันก็วนลูปอยู่แค่ตรงนี้และไม่รู้ว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้เมื่อไหร่
ปัญหาต่อมาคือตอนนี้แม่เราเป็นโรคหัวใจและได้ทำบอลลูนหัวใจมา จึงเป็นโรคขัดใจไม่ได้ บางทีโดนลูกค้ากดดันมากๆเช่น "อาหารที่สั่งได้ยัง ถ้ายังไม่เอาแล้วนะ" แกก็จะตกใจและหายใจเหนื่อย บางทีแกก็แว๊บไปกินยาหอม ถ้าเป็นมากก็กินยาอมใต้ลิ้น เราก็ต้องรับหน้ากับลูกค้าต่อและทำเองทุกตำแหน่ง ทั้งสับ ทั้งเสริฟ ทั้งเก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะ บางทีก็คิด ทำไมชีวิตดูลำบากจัง
เคยบอกแม่ว่าเราจ้างคนไทยมาช่วยงานแต่ลดงานลงไหม ไม่ให้ทำงานหนักเหมือนต่างด้าว เขาจะได้อยู่ได้ แต่แม่บอกจ้างมาทำงานแล้วทำงานน้อยกว่าเราก็สู้ไม่จ้างดีกว่า เฮ้อ...หมดคำจะพูด
ปัญหาบ้านเราก็ประมาณนี้ไม่รู้จะมีทางออกหรือเปล่า แต่ขอมาระบายให้คนนอกบ้านฟังบ้างแล้วกัน