มีท่านนึงสอน อานาปนสติ ผมแบบนี้
ระหว่างวัน(ลืมตา)
1.ตั้งเจตนาในการรู้ลมหายใจ เข้า-ออก
2.เมื่อมีสติ ให้ จิตดูลมหายใจที่เข้าออก (วิญญานตั้งอาศัยในรูป)
- หากเกิดความคิดแทรกเข้ามา (วิญญานตั้งอาศัยในเวทนา,สัญญา,หรือสังขาร) ให้จิตกลับมารู้ที่ลมหายใจ คือ ให้วิญญานมาตั้งอยู่ที่รูป แบบนี้เป็นการทิ้งความเพลิน จิตไม่ไหลไปสร้างตัวตนภายใน เป็นการตัดเชื้อเกิดในขณะนั้นเลย
- อธิบายแบบที่ว่า การรู้ลมหายใจเป็นเครื่องอยู่ของจิต เหมือนเป็นที่สแตนบาย แล้วเพียรตัดไม่ให้วิญญานหรือจิต ตั้งใน สัญญา เพราะบางครั้งการที่จิตตั้งในสัญญา จะเกิดสังขารปรุงแต่งในจิต แล้วจิตจะเกิดเวทนา เกิดตัณหา เกิดอุปทาน สร้างความเป็นตัวตนภายในนั้นขึ้นมา
-จึงให้พยายามทิ้ง4 ขันธ์ แล้วมาดูรู้ลมหายใจ เป็นการตัดขาดอารมณ์เป็นขณะๆ ไม่ไปดูไปรู้ใน เวทนา หรือ สัญญา หรือ สังขาร หรือ วิญญาน
3.สิ่งที่ต้องทำมีเพียงเท่านี้
-อธิบายต่อแบบนี้ เมื่อจิตที่รู้ลมหายใจอยู่ เกิดความคิดแทรก ไปหยิบสัญญาขึ้นมาอย่างมีภาพแฟนขึ้นมาใจ ให้กลับมารู้ลมหายใจ ไม่ให้เข้าไปดูที่ตัวรู้คือวิญญาน
-การทำแบบนี้ปฎิบัติได้สบายกว่า เพราะ เป็นการตัดการปรุงแต่งซึ่งจะก่อให้เกิดความอยากและความยึด จะถูกตัดลงทุกขณะๆ เหมือนการทำลายตัวตนลงในทุกขณะที่ดึงกลับมารู้ที่ลมหายใจ
-เมื่อกลับมาอยู่กับลมหายใจ เป็นฐานที่มั่น สมาธิที่พอดีก็เกิดขึ้น จิตก็ตั้งมั่น พอจิตตั้งมั่นก็เห็นความจริง
เปรียบเหมือนบุรุษเห็นอะไรใสๆ ลอยอยู่ริมทะเล จึงกระโดดลงน้ำด้วยความอยากรู้ว่าคืออะไร เห็นเป็นถุงพลาสติกแน่แล้วไม่ใช่แมงกระพรุนเลยตระกายจากน้ำแล้วนั่งดูอยู่ที่โขดหิน ไม่ลอยคออยู่กลางน้ำเพื่อจะสัมผัส หรือจับถุงนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น การตระกายขึ้นโขดหินเปรียบเหมือนการกลับมารู้ลมหายใจ ไม่ลอยคอตีน้ำ เลี่ยงการที่จิตผูกติดอารมณ์ต่อๆไป ตัดขาดเป็นขณะๆไป
คิดยังไงกับการปฎิบัติแบบนี้ แล้วสมาชิกปฎิบัติแบบไหนกันบ้างครับ
ใครปฎิบัติธรรมแบบนี้บ้าง ผลเป็นยังไงครับ
ระหว่างวัน(ลืมตา)
1.ตั้งเจตนาในการรู้ลมหายใจ เข้า-ออก
2.เมื่อมีสติ ให้ จิตดูลมหายใจที่เข้าออก (วิญญานตั้งอาศัยในรูป)
- หากเกิดความคิดแทรกเข้ามา (วิญญานตั้งอาศัยในเวทนา,สัญญา,หรือสังขาร) ให้จิตกลับมารู้ที่ลมหายใจ คือ ให้วิญญานมาตั้งอยู่ที่รูป แบบนี้เป็นการทิ้งความเพลิน จิตไม่ไหลไปสร้างตัวตนภายใน เป็นการตัดเชื้อเกิดในขณะนั้นเลย
- อธิบายแบบที่ว่า การรู้ลมหายใจเป็นเครื่องอยู่ของจิต เหมือนเป็นที่สแตนบาย แล้วเพียรตัดไม่ให้วิญญานหรือจิต ตั้งใน สัญญา เพราะบางครั้งการที่จิตตั้งในสัญญา จะเกิดสังขารปรุงแต่งในจิต แล้วจิตจะเกิดเวทนา เกิดตัณหา เกิดอุปทาน สร้างความเป็นตัวตนภายในนั้นขึ้นมา
-จึงให้พยายามทิ้ง4 ขันธ์ แล้วมาดูรู้ลมหายใจ เป็นการตัดขาดอารมณ์เป็นขณะๆ ไม่ไปดูไปรู้ใน เวทนา หรือ สัญญา หรือ สังขาร หรือ วิญญาน
3.สิ่งที่ต้องทำมีเพียงเท่านี้
-อธิบายต่อแบบนี้ เมื่อจิตที่รู้ลมหายใจอยู่ เกิดความคิดแทรก ไปหยิบสัญญาขึ้นมาอย่างมีภาพแฟนขึ้นมาใจ ให้กลับมารู้ลมหายใจ ไม่ให้เข้าไปดูที่ตัวรู้คือวิญญาน
-การทำแบบนี้ปฎิบัติได้สบายกว่า เพราะ เป็นการตัดการปรุงแต่งซึ่งจะก่อให้เกิดความอยากและความยึด จะถูกตัดลงทุกขณะๆ เหมือนการทำลายตัวตนลงในทุกขณะที่ดึงกลับมารู้ที่ลมหายใจ
-เมื่อกลับมาอยู่กับลมหายใจ เป็นฐานที่มั่น สมาธิที่พอดีก็เกิดขึ้น จิตก็ตั้งมั่น พอจิตตั้งมั่นก็เห็นความจริง
เปรียบเหมือนบุรุษเห็นอะไรใสๆ ลอยอยู่ริมทะเล จึงกระโดดลงน้ำด้วยความอยากรู้ว่าคืออะไร เห็นเป็นถุงพลาสติกแน่แล้วไม่ใช่แมงกระพรุนเลยตระกายจากน้ำแล้วนั่งดูอยู่ที่โขดหิน ไม่ลอยคออยู่กลางน้ำเพื่อจะสัมผัส หรือจับถุงนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น การตระกายขึ้นโขดหินเปรียบเหมือนการกลับมารู้ลมหายใจ ไม่ลอยคอตีน้ำ เลี่ยงการที่จิตผูกติดอารมณ์ต่อๆไป ตัดขาดเป็นขณะๆไป
คิดยังไงกับการปฎิบัติแบบนี้ แล้วสมาชิกปฎิบัติแบบไหนกันบ้างครับ