'ผู้เชี่ยวชาญ' วิเคราะห์นายกฯ ขอกลุ่มผู้ชุมนุม 'ราษฎร' ถอยคนละก้าว ย้ำการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการสร้างเงื่อนปม
https://ch3thailandnews.bectero.com/news/214306
จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร ได้ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมได้ยื่นหนังสือขอให้ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายใน 3 วัน ทั้งนี้ในส่วนของ พลเอกประยุทธ์ ได้ออกมาแถลง อยากให้ถอยคนละก้าว แต่ล่าสุดได้มีประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในท้องที่ กทม.แล้ว ซึ่งมีผลเที่ยงวันนี้ (22 ต.ค.63) นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ต.ค.63) รายการโหนกระแสได้เชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.
ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช และ ดร.
พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ อาจารย์สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพูคุยถึงเรื่องดังกล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.
ยุทธพร อิสรชัย เผยว่าจากกรณีที่มีการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในท้องที่ กทม. จากนายกฯ นั้น ซึ่งคำว่าประกาศ ออกได้โดยอาศัยอำนาจ พ.ร.ก. แต่ทั้งนี้ พ.ร.ก.ก็ยังคงอยู่ เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ตั้งแต่การเกิดการระบาดโควิด-19 ซึ่งครั้งนี้การออกประกาศ ทาง พ.ร.ก.ได้ให้อำนาจ นายกฯ ไว้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุต่างๆ สามารถขอความเห็นชอบจากทางคณะรัฐมนตรีได้ในการขอออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ถ้าเห็นมีความจำเป็นเร่งด่วน คณะรัฐมนตรีสามารถออกก็ได้ แต่ภายใน 3 วันต้องมาขอความเป็นธรรมเห็นชอบ ซึ่งถ้าไม่ดำเนินการถือว่าสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้การเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีทำได้คราวละ 3 เดือน และจะต่อได้ครั้งละ 3 เดือนไม่เกินนั้น ดังนั้นคำว่ายกเลิกประกาศ กับ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่างกัน
ดังนั้นการประกาศยกเลิกครั้งนี้เป็นเพียงยกเลิกประการณ์สถานการณ์ แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงอยู่ จึงทำให้สะท้อนเห็นว่าคงเป็นสิ่งที่ นายกฯ ตอบสนองต่อคำแถลงการณ์ว่า จะถอยคนละก้าว ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของการโยงความชอบธรรมให้เป็นคำถามกับผู้ชุมนุมว่า จะถอยในก้าวใด
ซึ่งในทางที่จริงนั้นการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในท้องที่ กทม. ไม่มีความจำเป็นตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นจุดที่สร้างเงื่อนปมให้การชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อย้อนการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมจะเห็นว่า ไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องแต่อย่างใด แต่วัตถุประสงค์คือให้ปล่อยตัวแกนนำ และ วันที่ 17-18 ตุลาคม ไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องแต่อย่างใด มีเพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการสลายการชุมนุม เมื่อ 16 ตุลาคม จึงทำให้สะท้อนเห็นว่า สถานการณ์เดินไปเรื่อยๆ ก็สร้างเงื่อนปมสะสมเช่นกันจึงก่อให้เกิดการพูดคุยเจรจรายากขึ้น ดังนั้นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่ต้น จึงเป็นเงื่อนไขจนเกิดสถานการณ์ที่ปรากฏ ซึ่งทางออกที่สำคัญของปัญหาถือต้องถอยทั้ง 2 ฝ่าย
อ.ธรรมศาสตร์ จี้ดำเนินคดี กลุ่มเสื้อเหลือง ชี้ถ้ายังเฉย สะท้อน กม. 2 มาตรฐาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5167089
อ.ธรรมศาสตร์ จี้ดำเนินคดี กลุ่มเสื้อเหลือง ชี้ถ้ายังเฉย สะท้อน กม. 2 มาตรฐาน
กรณี เหตุการณ์ความรุนแรงที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่ง กลุ่มคนเสื้อเหลือง ในนาม กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ปะทะกับ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย โดย กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้บุกเข้าไปปะทะกับกุล่มนักศึกษา จนทำให้นักเรียนหญิง ที่เป็นพิธีกรได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถูกลำโพงทุ่มใส่ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา สังคมออนไลน์ เผยแพร่ภาพบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสื้อเหลือง พบว่ามีความใกล้ชิด และทำงานอยู่ในพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งระบุว่า คือ นาย
ทินกร ปลอดภัย คนใกล้ชิด นาย
ถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม
ผศ.ดร.
ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ความว่า
ขอเรียกร้องให้รัฐดำเนินคดีกับกลุ่มคน “เสื้อเหลือง” ที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่รามคำแหง
หากเจ้าหน้าที่รัฐนิ่งเฉย ประชาชนคงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า
1. การบังคับใช้กฎหมายมี 2 มาตรฐาน
2. รัฐสนับสนุน ให้ท้าย
กระทั่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนดังกล่าว และคำถามจะดังขึ้นเรื่อยๆ
https://twitter.com/bkksnow/status/1319196066701426689
JJNY : ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ถอยคนละก้าว/จี้ดำเนินคดีกลุ่มเสื้อเหลือง/ถาม'ดีอีเอส'ซื้อเครื่องสแกนใบหน้า/หมอชิตเงียบเหงา
https://ch3thailandnews.bectero.com/news/214306
ล่าสุดวันนี้ (22 ต.ค.63) รายการโหนกระแสได้เชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช และ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ อาจารย์สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมพูคุยถึงเรื่องดังกล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย เผยว่าจากกรณีที่มีการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในท้องที่ กทม. จากนายกฯ นั้น ซึ่งคำว่าประกาศ ออกได้โดยอาศัยอำนาจ พ.ร.ก. แต่ทั้งนี้ พ.ร.ก.ก็ยังคงอยู่ เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ตั้งแต่การเกิดการระบาดโควิด-19 ซึ่งครั้งนี้การออกประกาศ ทาง พ.ร.ก.ได้ให้อำนาจ นายกฯ ไว้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุต่างๆ สามารถขอความเห็นชอบจากทางคณะรัฐมนตรีได้ในการขอออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ถ้าเห็นมีความจำเป็นเร่งด่วน คณะรัฐมนตรีสามารถออกก็ได้ แต่ภายใน 3 วันต้องมาขอความเป็นธรรมเห็นชอบ ซึ่งถ้าไม่ดำเนินการถือว่าสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้การเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีทำได้คราวละ 3 เดือน และจะต่อได้ครั้งละ 3 เดือนไม่เกินนั้น ดังนั้นคำว่ายกเลิกประกาศ กับ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่างกัน
ดังนั้นการประกาศยกเลิกครั้งนี้เป็นเพียงยกเลิกประการณ์สถานการณ์ แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงอยู่ จึงทำให้สะท้อนเห็นว่าคงเป็นสิ่งที่ นายกฯ ตอบสนองต่อคำแถลงการณ์ว่า จะถอยคนละก้าว ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของการโยงความชอบธรรมให้เป็นคำถามกับผู้ชุมนุมว่า จะถอยในก้าวใด
ซึ่งในทางที่จริงนั้นการประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในท้องที่ กทม. ไม่มีความจำเป็นตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นจุดที่สร้างเงื่อนปมให้การชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อย้อนการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมจะเห็นว่า ไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องแต่อย่างใด แต่วัตถุประสงค์คือให้ปล่อยตัวแกนนำ และ วันที่ 17-18 ตุลาคม ไม่มีการพูดถึงข้อเรียกร้องแต่อย่างใด มีเพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการสลายการชุมนุม เมื่อ 16 ตุลาคม จึงทำให้สะท้อนเห็นว่า สถานการณ์เดินไปเรื่อยๆ ก็สร้างเงื่อนปมสะสมเช่นกันจึงก่อให้เกิดการพูดคุยเจรจรายากขึ้น ดังนั้นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่ต้น จึงเป็นเงื่อนไขจนเกิดสถานการณ์ที่ปรากฏ ซึ่งทางออกที่สำคัญของปัญหาถือต้องถอยทั้ง 2 ฝ่าย
อ.ธรรมศาสตร์ จี้ดำเนินคดี กลุ่มเสื้อเหลือง ชี้ถ้ายังเฉย สะท้อน กม. 2 มาตรฐาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5167089
อ.ธรรมศาสตร์ จี้ดำเนินคดี กลุ่มเสื้อเหลือง ชี้ถ้ายังเฉย สะท้อน กม. 2 มาตรฐาน
กรณี เหตุการณ์ความรุนแรงที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่ง กลุ่มคนเสื้อเหลือง ในนาม กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ปะทะกับ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย โดย กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้บุกเข้าไปปะทะกับกุล่มนักศึกษา จนทำให้นักเรียนหญิง ที่เป็นพิธีกรได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากถูกลำโพงทุ่มใส่ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมา สังคมออนไลน์ เผยแพร่ภาพบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสื้อเหลือง พบว่ามีความใกล้ชิด และทำงานอยู่ในพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งระบุว่า คือ นายทินกร ปลอดภัย คนใกล้ชิด นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม
ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ความว่า
ขอเรียกร้องให้รัฐดำเนินคดีกับกลุ่มคน “เสื้อเหลือง” ที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่รามคำแหง
หากเจ้าหน้าที่รัฐนิ่งเฉย ประชาชนคงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า
1. การบังคับใช้กฎหมายมี 2 มาตรฐาน
2. รัฐสนับสนุน ให้ท้าย
กระทั่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนดังกล่าว และคำถามจะดังขึ้นเรื่อยๆ
https://twitter.com/bkksnow/status/1319196066701426689