ปัญหาการค้ำประกันรถยนต์

มีใครเคยเปลี่ยนชื่อผู้ค้ำประกันรถยนต์บ้างไหมครับ เอกสารอะไรบ้าง ยุ่งยากไหม 
   ก่อนอื่น ผมขอพูดถึงรายละเอียดและเหตุผลก่อนนะครับ เนื่องจากว่า น้องสาวผม(เป็นทอม)ได้ออกรถยนต์กับแฟนของเค้าโดยใช้ชื่อแฟนเป็นคนค้ำ ภายหลังได้เกิดปัญหาจนเลิกลากันไป ซึ่งรถที่ผ่อนต้องผ่อนทั้งหมด 7 ปี ตอนที่เลิกกัน ช่วยกันผ่อนไปแล้วเกือบ 3 ปี ซึ่งตอนนี้เลิกกันได้ประมาณ 10 เดือนแล้ว ส่วนรถเป็นชื่อน้องสาวของผมและน้องได้ทำการเอารถมาใช้และผ่อนต่อ แต่ชื่อผู้ค้ำประกันยังเป็นชื่อของแฟนน้องเค้าอยู่ ซึ่งฝ่ายนั้น ต้องการที่จะให้เปลี่ยนสัญญาคนค้ำประกันให้เป็นชื่อคนอื่น เพื่ออยากจะตัดปัญหาโดยสิ้นเชิง (ซึ่งผมก็เข้าใจนะ เป็นผมก็คงทำอย่างนั้น) และได้ทำการเรียกเงินที่ช่วยกันผ่อนมาตลอดเกือบสามปี เป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท (ต่อมาภายหลังบอกขอ 6 หมื่น)  ซึ่งบอกตามตรงว่าน้องสาวคงไม่มีให้แน่ๆ เพราะน้องสาวทำงานโรงงาน รายได้ต่อเดือนไม่น่าจะถึงหมื่นห้าในตอนนี้ 
     ตลอดเวลาอดีตแฟนน้องสาวก็คอยตามให้มาตกลงตลอด ไม่ว่าจะเป็นให้เอารถไปขายเต้นแล้วเอาเงินมาให้เค้า หรือให้เอารถไปรีไฟแนนซ์ (ซึ่งทำไม่ได้ เพราะรถผ่อนมายังไม่ถึงครึ่งหนึงของราคารถ และเงินที่จะได้จากการรีไฟแนนซ์ ไม่พออยู่แล้วกับค่างวดรถที่เหลือ) ซึ่งฝ่ายอดีตแฟนน้องสาวต่างมีการโพสด่าทอหรือแชทด่าทอน้องสาวมาตลอดในการที่ไม่จัดการซักที ซึ่งผมก็คอยบอกน้องเค้าว่าเป็นสิทธิของเค้าที่จะโกรธ
    ผมเองในฐานะพี่ เคยให้คำปรึกษาว่า ให้เอารถไปคืนไฟแนนซ์ให้จบๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยค้างจ่ายค่างวดรถ (ซึ่งผมคิดว่าน่าจะทำได้ในการยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ) แต่น้องสาวผมเองก็ไม่ยอมเพราะเป็นคนรักรถและก็เสียดายเงินที่เคยผ่อนมาและคิดว่าอีกไม่กี่ปีก็ผ่อนหมด
   ผมเคยให้คำปรึกษาว่าลองไปคุยกับทางเค้า ว่าเอาอย่างนี้ได้ไหม ให้ทำสัญญาเงินกู้ไว้ หากรถผ่อนจบรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยรีไฟแนนซ์ให้ แต่ทางอดีตแฟนน้องสาวก็ไม่ยอม 
   ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่น้องแยกทางกับแฟนเค้า ก็มีการโทร โพส แชท ด่าทอต่างๆ กับน้องสาวมากมาย ซึ่งผมเองก็คิดว่าน้องสมควรที่จะโดน เพราะไม่ไปเคลียร์ซักที ซึ่งทางอดีตแฟนได้บอกให้ไปเอาเงินกับแม่ (แม่พอมีเงินเก็บครับแต่ไม่ได้มากมาย ถ้าให้ก็คือเงินเก็บหมด) ซึ่งผมมองว่า มันเป็นปัญหาของบุคคล ซึ่งไม่ควรเอาครอบครัวมายุ่ง (น้องสาวอายุ 28 ปีแล้ว ส่วนแฟนเค้าอายุ 30 กว่าๆ ) 
   ซึ่งผมเองก็เข้าใจฝ่ายเค้านะ คืออยากให้เรื่องมันจบ ๆ เปลี่ยนคนค้ำ หาเงินมาคืน ซึ่งน้องสาวเองก็ทำไม่ได้ จนหลังๆมา อดีตแฟนก็ให้ทางญาติๆฝ่ายเค้า โทรมาคุย ส่วนตัวผมเองก็รับรู้ปัญหาตลอด และทางอดีตแฟนน้องก็ติดต่อมาพูดคุยตลอด ซึ่งผมก็ได้แค่ไปบอกน้องสาวแค่นั้นเอง 
   ปัญหาตอนนี้คือ ผมเองก็สงสารทั้งสองคนแหละ ที่ต้องเจอปัญหาแบบนี้ไม่รู้จบ เลยอยากจะยื่นมือเข้าไปเป็นคนค้ำ แต่ติดปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนี้ผมถูกเลิกจ้าง ตกงานเนื่องจากสถาณะการณ์โควิดมาตอนนี้เกือบๆ เจ็ดเดือนแล้ว ตอนนี้รายได้ที่เข้ามาคือเงินจากประกันสังคม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องได้ไหม ที่ผมอยากถามตอนนี้คือ 

 1. ผมจะสามารถเป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ได้ไหม เนื่องจากสถาณะตอนนี้เป็นผุ้ว่างงาน มีรายได้จากเงินประกันสังคม 10500 บาทต่อเดือนและรายได้อื่นๆ 4-5 พันบาทต่อเดือน มีหนี้บัตรเครดิตบ้างเล็กน้อย ซึ่งไม่เคยผิดนัดชำระ 
   2. การเรียกร้องเงินค่าช่วยผ่อนตลอดระยะเวลา 3 ปี ของน้องสาวกับอดีตแฟน เป็นจำนวนเงิน 6 หมื่นบาทในส่วนนี้ ถ้าตามหลักกฎหมายไม่สามารถเรียกร้องได้ใช่ไหมครับ ( เพราะตอนที่ช่วยผ่อนรถก็ใช้ด้วยกัน) แต่ตามหลักมนุษยธรรมแล้ว ก็ควรจะให้เค้านั่นแหละ แต่ติดตรงที่น้องสาวเองก็ไม่มีเงินเลย (ทุกวันนี้เดือนยังไม่ชนเดือน ) จะมีวิธีคุยหรือแก้ปัญหาอย่างไรบ้างครับ ส่วนตัวแล้วถ้าจะให้เอาเงินเก็บของแม่มาให้ ผมไม่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง 
  3.น้าสาว มีร้านขายของชำ มีเงินหมุนเวียนอยู่บ้าง จะสามารถเป็นผู้ค้ำประกันได้ไหมครับ 
ปล. รถยนต์ยี่ห้อ วีออสครับ สัญญาผ่อน 7 ปี ตอนนี้ผ่อนมาแล้ว 3 ปีกว่าๆ เกือบๆ สิบเดือน เหลือผ่อนอีก สามปี ครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
การเปลี่ยนคนค้ำประกัน สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของไฟแนนซ์
ถ้าผู้ค้ำประกันรายใหม่ มีเครดิตที่ดีกว่าเดิม จะอนุมัติง่าย
แต่ถ้าผู้ค้ำประกันรายใหม่ เครดิตแย่กว่าเดิม ก็อาจโดนปฏิเสธ

ในกรณีนี้ ถ้าคุณพิจารณาว่าน้องรับผิดชอบการผ่อนรถไหว
ไม่ต้องไปทำอะไรครับ ไม่ควรลากคนนอกไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน
เพราะตอนสร้างหนี้ก้อนนี้ คนอื่นไม่เกี่ยวเลย

คือถ้าน้องผ่อนจนหมดได้ ผู้ค้ำประกันก็ปลอดภาระไปตามผู้กู้คือน้องคุณนั่นแหล่ะ
ส่วนเรื่องเงินที่จะคืน หรือให้ไม่ให้ ควรให้ทั้งสองคนเขาไปตกลงกันเอง
จะผ่อนชำระหรือให้เป็นเงินก้อน ก่อนหรือหลังผ่อนหมด ก็แล้วแต่เขาสองคน

อีกแนวทางหนึ่งคือ ถ้าอยากตัดรถทิ้งเพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
ก็ให้เช็คยอดปิด เทียบกับราคาขายรถ
จริงๆรถผ่อนมาเกินครึ่งทางแล้ว ราคาขายอาจจะใกล้เคียงกับยอดปิด (ส่วนที่จ่ายไปเหมือนเช่าใช้)
แค่ใกล้เคียงนะครับ แล้วแต่ว่าดาวน์ไปมากน้อยเท่าไหร่ อาจจะขายได้เท่ายอดปิด หรือได้น้อยกว่ายอดปิด

ถ้าขายได้น้อยกว่ายอดปิด ก็ให้ผ่อนต่อไปเรื่อยๆก่อน จนราคาขายมากกว่ายอดปิด
เหลือเงินเท่าไหร่ ก็แบ่งกันไป ต่างคนก็ไปเริ่มต้นใหม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่