สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่านนะครับ ก่อนที่ผมจะสมัครเข้ามาเพื่อตั้งกระทู้นี้ ผมได้ปรึกษาทั้งครอบครัวของผมเองและเพื่อนๆที่รู้จักแล้วนะครับ แต่ผมยังไม่รู้ว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อ ผมเองเลยอยากได้คำปรึกษาและความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกครับ
ถ้าแท๊กผิดห้องผมขออภัยครับ
เรื่องมีอยู่ว่าผมคบกับผู้หญิงคนนึงมาตั้งแต่สมัยมหาลัยแล้วครับ นับอายุตอนนี้คือ 8 ปีครับ ในวันที่ครบรอบ 8 ปีนั้นผมตัดสินใจว่าผมจะขอเธอแต่งงาน แต่เธอบอกกับผมว่าเธอยังไม่พร้อมครับ
ส่วนตัวผมเองเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างพอมีพอกินและอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก มีรถและบ้านที่เป็นของครอบครัวครับและได้รับสิ่งของเหล่านั้นเป็นทรัพย์สมบัติของผม จนทำให้ผมเกิดความคิดที่จะแต่งงานและสร้างครอบครัวของผมขึ้นมา ทั้งนี้เราเองทั้งคู่ก็เป็นพนักงานบริษัทปกติ กินเงินเดือนทั่วไปครับและผมก็คิดไว้แล้วว่าผมพร้อมที่จะแต่งงานกับเธอ
ในวันที่ผมขอเธอแล้วเธอบอกว่ายังไม่พร้อมนั้น เหตุผลที่ให้ไว้คือเธอไม่รู้ว่าแต่งงานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะมีความเป็นอยู่อย่างไร การงานเธอเพิ่งเปลี่ยนเข้ามาทำงานที่ใหม่อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่ เธอจึงบอกว่าเธอไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับผมครับ เธอถามผมกลับมาว่าแต่งงานแล้วยังไงต่อ ต่างจากเดิมยังไง จะเป็นไปในทางไหน จะไปทำงานกันอย่างไร เนื่องจากเข้างานกันคนละเวลา ปัจจุบันเธอไม่ได้อยู่กับผมนะครับ เธอออกมาเช่าคอนโดอยู่ในเมือง ส่วนผมอยู่ที่บ้านของผมเอง เธอถามผมที่อยากแต่งงานเพราะอะไร ผมก็ตอบกับเธอไปตามตรงครับ ว่ามันเป็นความรู้สึกที่อยากจะทำอะไรให้มันถูกต้องแล้ว อยากที่จะอยู่ด้วยกัน อยากที่จะตื่นเช้าขึ้นมาอย่างน้อบก็ได้เห็นเธออยู่ข้างๆครับ และอยากจะมีเป้าหมายในชีวิตของผมที่มันชัดเจนมากขึ้น เธอถามผมกลับมาอีกว่า แล้วตอนนี้ทำเป้าหมายนั้นโดยที่ยังไม่แต่งไม่ได้หรอ แล้วมันต่างกับไม่แต่วยังไง ผมก็ตอบไม่ถูกครับ เพราะสิ่งที่เธอพูดมาและเป้าหมายที่ผมต้องการ มันก็สามารถทำได้โดยที่ไม่แต่งงาน ในความคิดของผม ผมเลยไม่แน่ใจครับ เธอบอกผมอีกว่าเธอรู้สึกว่าผมไม่มีความเป็นผู้นำครับ ผมตามใจเธอตลอดและบางครั้งไม่สามารถให้เหตุผลที่เป็นประโยชน์หรือทำการตัดสินใจบางอย่างแก่เธอได้ ผมมองว่าที่ผมไม่ได้อยากตัดสินใจทุกอย่าง เพราะผมอยากได้คนที่ช่วยกันคิดครับและก้าวไปด้วยกันมากกว่า
สำหรับเรื่องของผมกับแฟนผมนั้นที่บ้านของผมรับทราบดีและรู้ว่าคนๆนี้มีฐานะอะไรสำหรับผม ผมปรึกษากับที่บ้านผมตลอดนะครับและที่บ้านก็พอใจที่จะได้คนๆนี้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้าน ในทางกลับกันสำหรับเธอนั้น เธอไม่ได้เปิดเผยสถานะของผมอย่างชัดเจนว่าบุคคลๆคนนี้มีสถานะยังไงกับบ้านของเธอ และก็ไม่เคยถามที่บ้านว่าในความคิดของพ่อกับแม่ของเขาว่าคิดยังไงกับผม จนทำให้ผมไม่รู้ว่าถ้าผมเข้าไปขอลูกสาวของเค้า ผมไม่แน่ใจว่าจะได้รับคำตอบอะไรกลับออกมา
ผมเองเคยคุยเรื่องนี้กับเธอครับ ซึ่งเธอเองบอกว่าเพราะที่บ้านของเค้าจะเน้นที่การกระทำมากกว่า ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องพูดกัน ถ้าลูกว่าดีก็ตามลูกอะไรแบบนั้นครับ ผมกับเธอเองเคยทะเลาะกันเรื่องนี้ เรื่องของความไม่ชัดเจนเพราะบางครั้งผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเข้าไปในฐานะอะไร แต่ผมเองก็มาปรับความคิดและพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของที่บ้านเธอครับ ว่าถ้าเค้าทำแบบนี้ก็แปลว่าเราน่าจะโอเคแหละ เขาน่าจะชอบเราแหละ ผมก็พยายามทำให้บ้านเค้าประทับใจในตัวผมครับ แม้สุดท้ายจะไม่มีใครเอ่ยว่าผมคือใครก็ตาม ผมเข้าใจในความหมายของบ้านเขาที่ไม่พูดกันแต่ว่าก็รับรู้ครับว่าผมเป็นใคร ประมานนั้นครับ
ในช่วงที่คบกันเราก็มีไปเที่ยวแต่ละสถานที่ด้วยกันนะครับทั้งในและต่างประเทศ ไปโดยที่ที่บ้านเขารับรู้ว่าไปกับผม และผมก็ไปกับที่บ้านของเค้าเช่นกันครับ เวลาไปเที่ยวกันกับบ้านผม เราจะนอนด้วยกันและทำเหมือนคนที่เป็นแฟนกันครับ แต่เวลาไปกับที่บ้านเขาผมจะต้องแยกห้องออกมานอนอีกห้องนึงครับ เช่นไปกัน 4 คน พ่อกับแม่เธอ ตัวเธอเอง และก็ผม ก็จะแยกกันโดยจองเป็น 3 ห้องครับ ผมเข้าใจว่ามันคงดูไม่ดีนะครับที่จะให้ลูกสาวเขาไปนอนกับผู้ชาย 2ต่อ2 ในเวลาที่ยังไม่แน่ใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกทักท้วงใดๆครับ และผมเองก็ต้องทำใจยอมรับมันแต่โดยดี เพราะเราจะไปขอลูกสาวเขานี่ครับ
จนมาถึงตอนนี้ปัจจุบันที่ผมจำเป็นจะต้องมาสอบถามทุกท่านในเรื่องของการแต่งงาน หลังจากวันนั้นที่เธอบอกว่าเธอยังไม่พร้อม ผมรู้สึกตัวเองเสียสูญไปครับ เลยจะขอเวลาไปทบทวนตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนที่เราห่างกันแล้วกลับมาเจอกัน เราก็ได้คุยกันครับ ครั้งนี้เธอบอกว่าเธอพร้อมที่จะแต่งงานกับผมแล้ว และยืนยันกับตัวเองว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่าพร้อมของเธอคืออะไร มันไม่มีอะไรที่ต้องคิดต่อแล้วครับ เธอพร้อมที่จะแต่งกับผม ในตอนนั้นที่เธอไม่พร้อมเพราะเธอบอกว่าเธอกลัวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครับ กลัวว่าอนาคตที่เธอเลือกเดินไปจะเป็นยังไงเลยทำให้เธอไม่แน่ใจ และเลือกที่จะบอกว่ายังไม่อยากแต่งงานกับผม
สำหรับผมในช่วงที่ผ่านมาผมสับสนกับตัวเองตลอด และถามตัวเองตลอดครับว่าผมควรทำยังไงต่อ มันเกิดความรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาครับ และทำให้รู้สึกว่าผมเองไม่คู่ควร จนเป็นสาเหตุที่มีความคิดเข้ามาว่าผมจะไม่ไปต่อครับ
ในวันที่เราเจอกัน เราได้ไปเที่ยว ตจว ด้วยกันครับ คืนแรกที่เราเจอกันเราก็คุยกันว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งเธอบอกว่าเหมือนเรามาเที่ยวส่งท้ายครับ และผมได้พูดออกไปว่าผมไม่รู้ว่าผมควรจะเดินทางไปต่อไหม หลังจากที่คุยไปคุยมาก็ทะเลาะกันครับ ครั้งนี้พอทะเลาะกันเธอบอกว่าเธอจะกลับบ้านเลยครับซึ่งตอนนั้นดึกมากแล้ว และสถานที่ที่เราไปนั้นเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยครับ เธอบอกว่าไม่ต้องตามมา ทำท่าจะออกจากที่พักอย่างเดียว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงรั้งเธอไว้ ไม่ให้ออกไปเนื่องจากกลัวจะเป็นอันตรายครับ จนเธอกลับเข้าไปจะนอน ผมก็เลยกลับมาทำเป็นนอนครับ แล้วพอผ่านไปสักพัก เธอก็ย่องที่จะออกไปอีก ผมเลยบอกครับว่า ไม่อยากที่ตื่นมาแล้วไม่เจออยากให้อยู่ด้วยแล้วถ้าจะกลับจริงๆ พรุ่งนี้ผมขอไปส่ง ผมยอมที่จะทำให้เธอทุกอย่างครับ เธอจึงหยุดครับ
วันถัดมาเธอทำเหมือนว่าเรากลับมาเป็นปกติกลับมาทำเหมือนเราคบกันเหมือนเดิมและก็ยังบอกว่าพร้อมที่จะแต่งงานกับผม ตอนนั้นผมเองสับสนมากครับและเริ่มมีความรู้สึกกลัวแทรกขึ้นมา แต่ก็อยู่กันจนจบและจบทริปกลับมาเราก็คุยกันอีกครับ ผมไปส่งเธอตามปกติ แต่ก็รับรู้ได้และพยายามตั้งใจแน่วแน่แล้ว ว่าคงไม่กลับไปและผมเองคงไม่พร้อมจะเจออะไรแบบนี้อีก หากผมตัดสินใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้ากับเธอ หลังจากส่งเธอไปสักพักผมจึงโทรหาเธอครับว่าผมขอเลือกที่จะไม่ไปต่อ เธอเองก็ร้องไห้อีกครับ และพอคุยกันก็เหมือนจะจบกันไปได้ด้วยดี แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นครับ เธอบอกว่าหลังจากนี้ถ้าเธอติดต่อไม่ได้ หรือที่บ้านของเธอติดต่อมาหาผม ให้ผมไม่ต้องรับสายหรือตอบรับข้อความใดๆ ห้ามไม่ให้ผมติดต่อครอบครัวเธอ โดยเธอพูดเหมือนสื่อไปในทางที่เธอจะไม่อยากอยู่ต่อถ้าไม่มีผม หรือเอาง่ายๆว่าเธอคิดสั้นครับ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ ผมเลยติดต่อพยายามติดต่อเธอไป จนเธอรับสายผม ผมเลยบอกว่างั้นเรากลับมาคืนดีกัน ผมไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไป ผมก็ยังรักนะครับ และเป็นห่วง แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าผมไม่พร้อมที่จะไปต่อ เธอจึงลดอุณหภูมิลง
ในหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมามันทำให้ผมสับสนครับ และไม่สบายใจ ในวันถัดมาผมเลยบอกว่า ผมขอเวลาที่จะทบทวนตัวเองได้ไหม เธอก็บอกว่าเธอจะให้เวลาผมครับ เธอบอกว่าเธอพร้อมที่จะรับฟังคำตอบของผม ไม่ว่าจะไปต่อหรือหยุดเธอก็พร้อมรับครับ เธอบอกว่าเธอเองก็ไม่แน่ใจที่ผมกลับมาดีกันเพราะเรื่องที่เธอคิดสั้นหรือเปล่า หรือกลับมาเพราะอยากไปต่อจริงๆ
ในตอนนี้ผมเองยังสับสนครับ ใจนึงก็ยังรักเธอนะครับ ยังเป็นห่วงและถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากที่จะไปต่อกับเธอ แต่อีกใจผมก็เป็นกังวลว่าถ้าไปต่อแล้วผลที่ออกมา มันจะเป็นแบบไหนและเริ่มมีความกลัวมากๆที่หากทะเลาะกันอีกหลังจากที่แต่งงานกันไปแล้วเธอจะเดินหนีแล้วทิ้งผมไว้ข้างหลังอีกหรือเปล่า ผมเลยอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆที่มีประสบการณ์คล้ายๆกันกับผมว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ?
ทั้งนี้ถ้าผมพิมพ์ตกไป พิมพ์ผิด เว้นวรรค หรือใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้องก็ให้อภัยผมด้วยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
คบกับแฟนมา 8 ปี แต่ไม่รู้ว่าควรไปต่อไหม?
ถ้าแท๊กผิดห้องผมขออภัยครับ
เรื่องมีอยู่ว่าผมคบกับผู้หญิงคนนึงมาตั้งแต่สมัยมหาลัยแล้วครับ นับอายุตอนนี้คือ 8 ปีครับ ในวันที่ครบรอบ 8 ปีนั้นผมตัดสินใจว่าผมจะขอเธอแต่งงาน แต่เธอบอกกับผมว่าเธอยังไม่พร้อมครับ
ส่วนตัวผมเองเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างพอมีพอกินและอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก มีรถและบ้านที่เป็นของครอบครัวครับและได้รับสิ่งของเหล่านั้นเป็นทรัพย์สมบัติของผม จนทำให้ผมเกิดความคิดที่จะแต่งงานและสร้างครอบครัวของผมขึ้นมา ทั้งนี้เราเองทั้งคู่ก็เป็นพนักงานบริษัทปกติ กินเงินเดือนทั่วไปครับและผมก็คิดไว้แล้วว่าผมพร้อมที่จะแต่งงานกับเธอ
ในวันที่ผมขอเธอแล้วเธอบอกว่ายังไม่พร้อมนั้น เหตุผลที่ให้ไว้คือเธอไม่รู้ว่าแต่งงานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะมีความเป็นอยู่อย่างไร การงานเธอเพิ่งเปลี่ยนเข้ามาทำงานที่ใหม่อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่ เธอจึงบอกว่าเธอไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับผมครับ เธอถามผมกลับมาว่าแต่งงานแล้วยังไงต่อ ต่างจากเดิมยังไง จะเป็นไปในทางไหน จะไปทำงานกันอย่างไร เนื่องจากเข้างานกันคนละเวลา ปัจจุบันเธอไม่ได้อยู่กับผมนะครับ เธอออกมาเช่าคอนโดอยู่ในเมือง ส่วนผมอยู่ที่บ้านของผมเอง เธอถามผมที่อยากแต่งงานเพราะอะไร ผมก็ตอบกับเธอไปตามตรงครับ ว่ามันเป็นความรู้สึกที่อยากจะทำอะไรให้มันถูกต้องแล้ว อยากที่จะอยู่ด้วยกัน อยากที่จะตื่นเช้าขึ้นมาอย่างน้อบก็ได้เห็นเธออยู่ข้างๆครับ และอยากจะมีเป้าหมายในชีวิตของผมที่มันชัดเจนมากขึ้น เธอถามผมกลับมาอีกว่า แล้วตอนนี้ทำเป้าหมายนั้นโดยที่ยังไม่แต่งไม่ได้หรอ แล้วมันต่างกับไม่แต่วยังไง ผมก็ตอบไม่ถูกครับ เพราะสิ่งที่เธอพูดมาและเป้าหมายที่ผมต้องการ มันก็สามารถทำได้โดยที่ไม่แต่งงาน ในความคิดของผม ผมเลยไม่แน่ใจครับ เธอบอกผมอีกว่าเธอรู้สึกว่าผมไม่มีความเป็นผู้นำครับ ผมตามใจเธอตลอดและบางครั้งไม่สามารถให้เหตุผลที่เป็นประโยชน์หรือทำการตัดสินใจบางอย่างแก่เธอได้ ผมมองว่าที่ผมไม่ได้อยากตัดสินใจทุกอย่าง เพราะผมอยากได้คนที่ช่วยกันคิดครับและก้าวไปด้วยกันมากกว่า
สำหรับเรื่องของผมกับแฟนผมนั้นที่บ้านของผมรับทราบดีและรู้ว่าคนๆนี้มีฐานะอะไรสำหรับผม ผมปรึกษากับที่บ้านผมตลอดนะครับและที่บ้านก็พอใจที่จะได้คนๆนี้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้าน ในทางกลับกันสำหรับเธอนั้น เธอไม่ได้เปิดเผยสถานะของผมอย่างชัดเจนว่าบุคคลๆคนนี้มีสถานะยังไงกับบ้านของเธอ และก็ไม่เคยถามที่บ้านว่าในความคิดของพ่อกับแม่ของเขาว่าคิดยังไงกับผม จนทำให้ผมไม่รู้ว่าถ้าผมเข้าไปขอลูกสาวของเค้า ผมไม่แน่ใจว่าจะได้รับคำตอบอะไรกลับออกมา
ผมเองเคยคุยเรื่องนี้กับเธอครับ ซึ่งเธอเองบอกว่าเพราะที่บ้านของเค้าจะเน้นที่การกระทำมากกว่า ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องพูดกัน ถ้าลูกว่าดีก็ตามลูกอะไรแบบนั้นครับ ผมกับเธอเองเคยทะเลาะกันเรื่องนี้ เรื่องของความไม่ชัดเจนเพราะบางครั้งผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเข้าไปในฐานะอะไร แต่ผมเองก็มาปรับความคิดและพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของที่บ้านเธอครับ ว่าถ้าเค้าทำแบบนี้ก็แปลว่าเราน่าจะโอเคแหละ เขาน่าจะชอบเราแหละ ผมก็พยายามทำให้บ้านเค้าประทับใจในตัวผมครับ แม้สุดท้ายจะไม่มีใครเอ่ยว่าผมคือใครก็ตาม ผมเข้าใจในความหมายของบ้านเขาที่ไม่พูดกันแต่ว่าก็รับรู้ครับว่าผมเป็นใคร ประมานนั้นครับ
ในช่วงที่คบกันเราก็มีไปเที่ยวแต่ละสถานที่ด้วยกันนะครับทั้งในและต่างประเทศ ไปโดยที่ที่บ้านเขารับรู้ว่าไปกับผม และผมก็ไปกับที่บ้านของเค้าเช่นกันครับ เวลาไปเที่ยวกันกับบ้านผม เราจะนอนด้วยกันและทำเหมือนคนที่เป็นแฟนกันครับ แต่เวลาไปกับที่บ้านเขาผมจะต้องแยกห้องออกมานอนอีกห้องนึงครับ เช่นไปกัน 4 คน พ่อกับแม่เธอ ตัวเธอเอง และก็ผม ก็จะแยกกันโดยจองเป็น 3 ห้องครับ ผมเข้าใจว่ามันคงดูไม่ดีนะครับที่จะให้ลูกสาวเขาไปนอนกับผู้ชาย 2ต่อ2 ในเวลาที่ยังไม่แน่ใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกทักท้วงใดๆครับ และผมเองก็ต้องทำใจยอมรับมันแต่โดยดี เพราะเราจะไปขอลูกสาวเขานี่ครับ
จนมาถึงตอนนี้ปัจจุบันที่ผมจำเป็นจะต้องมาสอบถามทุกท่านในเรื่องของการแต่งงาน หลังจากวันนั้นที่เธอบอกว่าเธอยังไม่พร้อม ผมรู้สึกตัวเองเสียสูญไปครับ เลยจะขอเวลาไปทบทวนตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนที่เราห่างกันแล้วกลับมาเจอกัน เราก็ได้คุยกันครับ ครั้งนี้เธอบอกว่าเธอพร้อมที่จะแต่งงานกับผมแล้ว และยืนยันกับตัวเองว่าเธอไม่รู้ว่าคำว่าพร้อมของเธอคืออะไร มันไม่มีอะไรที่ต้องคิดต่อแล้วครับ เธอพร้อมที่จะแต่งกับผม ในตอนนั้นที่เธอไม่พร้อมเพราะเธอบอกว่าเธอกลัวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครับ กลัวว่าอนาคตที่เธอเลือกเดินไปจะเป็นยังไงเลยทำให้เธอไม่แน่ใจ และเลือกที่จะบอกว่ายังไม่อยากแต่งงานกับผม
สำหรับผมในช่วงที่ผ่านมาผมสับสนกับตัวเองตลอด และถามตัวเองตลอดครับว่าผมควรทำยังไงต่อ มันเกิดความรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาครับ และทำให้รู้สึกว่าผมเองไม่คู่ควร จนเป็นสาเหตุที่มีความคิดเข้ามาว่าผมจะไม่ไปต่อครับ
ในวันที่เราเจอกัน เราได้ไปเที่ยว ตจว ด้วยกันครับ คืนแรกที่เราเจอกันเราก็คุยกันว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งเธอบอกว่าเหมือนเรามาเที่ยวส่งท้ายครับ และผมได้พูดออกไปว่าผมไม่รู้ว่าผมควรจะเดินทางไปต่อไหม หลังจากที่คุยไปคุยมาก็ทะเลาะกันครับ ครั้งนี้พอทะเลาะกันเธอบอกว่าเธอจะกลับบ้านเลยครับซึ่งตอนนั้นดึกมากแล้ว และสถานที่ที่เราไปนั้นเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยครับ เธอบอกว่าไม่ต้องตามมา ทำท่าจะออกจากที่พักอย่างเดียว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงรั้งเธอไว้ ไม่ให้ออกไปเนื่องจากกลัวจะเป็นอันตรายครับ จนเธอกลับเข้าไปจะนอน ผมก็เลยกลับมาทำเป็นนอนครับ แล้วพอผ่านไปสักพัก เธอก็ย่องที่จะออกไปอีก ผมเลยบอกครับว่า ไม่อยากที่ตื่นมาแล้วไม่เจออยากให้อยู่ด้วยแล้วถ้าจะกลับจริงๆ พรุ่งนี้ผมขอไปส่ง ผมยอมที่จะทำให้เธอทุกอย่างครับ เธอจึงหยุดครับ
วันถัดมาเธอทำเหมือนว่าเรากลับมาเป็นปกติกลับมาทำเหมือนเราคบกันเหมือนเดิมและก็ยังบอกว่าพร้อมที่จะแต่งงานกับผม ตอนนั้นผมเองสับสนมากครับและเริ่มมีความรู้สึกกลัวแทรกขึ้นมา แต่ก็อยู่กันจนจบและจบทริปกลับมาเราก็คุยกันอีกครับ ผมไปส่งเธอตามปกติ แต่ก็รับรู้ได้และพยายามตั้งใจแน่วแน่แล้ว ว่าคงไม่กลับไปและผมเองคงไม่พร้อมจะเจออะไรแบบนี้อีก หากผมตัดสินใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้ากับเธอ หลังจากส่งเธอไปสักพักผมจึงโทรหาเธอครับว่าผมขอเลือกที่จะไม่ไปต่อ เธอเองก็ร้องไห้อีกครับ และพอคุยกันก็เหมือนจะจบกันไปได้ด้วยดี แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นครับ เธอบอกว่าหลังจากนี้ถ้าเธอติดต่อไม่ได้ หรือที่บ้านของเธอติดต่อมาหาผม ให้ผมไม่ต้องรับสายหรือตอบรับข้อความใดๆ ห้ามไม่ให้ผมติดต่อครอบครัวเธอ โดยเธอพูดเหมือนสื่อไปในทางที่เธอจะไม่อยากอยู่ต่อถ้าไม่มีผม หรือเอาง่ายๆว่าเธอคิดสั้นครับ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ ผมเลยติดต่อพยายามติดต่อเธอไป จนเธอรับสายผม ผมเลยบอกว่างั้นเรากลับมาคืนดีกัน ผมไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไป ผมก็ยังรักนะครับ และเป็นห่วง แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าผมไม่พร้อมที่จะไปต่อ เธอจึงลดอุณหภูมิลง
ในหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมามันทำให้ผมสับสนครับ และไม่สบายใจ ในวันถัดมาผมเลยบอกว่า ผมขอเวลาที่จะทบทวนตัวเองได้ไหม เธอก็บอกว่าเธอจะให้เวลาผมครับ เธอบอกว่าเธอพร้อมที่จะรับฟังคำตอบของผม ไม่ว่าจะไปต่อหรือหยุดเธอก็พร้อมรับครับ เธอบอกว่าเธอเองก็ไม่แน่ใจที่ผมกลับมาดีกันเพราะเรื่องที่เธอคิดสั้นหรือเปล่า หรือกลับมาเพราะอยากไปต่อจริงๆ
ในตอนนี้ผมเองยังสับสนครับ ใจนึงก็ยังรักเธอนะครับ ยังเป็นห่วงและถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากที่จะไปต่อกับเธอ แต่อีกใจผมก็เป็นกังวลว่าถ้าไปต่อแล้วผลที่ออกมา มันจะเป็นแบบไหนและเริ่มมีความกลัวมากๆที่หากทะเลาะกันอีกหลังจากที่แต่งงานกันไปแล้วเธอจะเดินหนีแล้วทิ้งผมไว้ข้างหลังอีกหรือเปล่า ผมเลยอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆที่มีประสบการณ์คล้ายๆกันกับผมว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ?
ทั้งนี้ถ้าผมพิมพ์ตกไป พิมพ์ผิด เว้นวรรค หรือใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้องก็ให้อภัยผมด้วยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ