ROG นั้นถือว่ายังคงโดดเด่นในแง่ของการทำสมาร์ทโฟนสายเกมออกมาครับ และยังคงพัฒนาต่อเนื่องจากที่เราได้เห็นในรุ่นแรกๆคือ ROG PHONE 1 และพัฒนาต่อเนื่องมายัง ROG PHONE 2 และในครั้งนี้ได้เปิดตัว ROG PHONE 3 รุ่นล่าสุดที่ต้องบอกเลยว่ามีหลายๆส่วนพัฒนาขึ้นแบบชัดเจน และยังคงเอกลักษณ์งานออกแบบที่ยังอิงจากรุ่นแรกๆอีกทั้งยังมีความเรียบง่ายมากขึ้นแต่แฝงด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของรุ่นนี้ทั้ง ช่องระบายอากาศหรือจะเป็นรูปทรงกล้องต่างๆรวมถึง ไฟ RGB ที่ใส่เข้ามา และแน่นอนว่าระบบแตะขอบเครื่องนั้นยังคงใส่เข้ามาและพัฒนาขึ้นเยอะมากๆ รองรับการสัมผัส การเลื่อน การแตะได้มากกว่าเดิมในตัว Air Triggers นั้นเองส่วนทางด้านหน้าจอเทพๆที่ 144Hz และใช้งานหน้าจอแบบเต็มตาพร้อมลำโพงคู่หน้าที่ดังที่สุดในบรรดามือถือตอนนี้ และยังใช้งานสเปก Snapdragon 865+ รองรับกับการใช้งานแบต 6,000 mAh ที่ต้องบอกว่าสเปกนั้นแน่นสุดๆสำหรับสมาร์ทโฟน
ROG Phone 3 ใช้ชิปเซต Snapdragon 865+ นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนยังใช้เป็นแท่งทองแดงแบบ 3D และมีแผ่นแกรไฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นที่ช่วยในการกระจายความร้อน อีกทั้งยังมี heat sink ที่ใหญ่กว่า ROG Phone 2 ถึง 6 เท่า และตัวเครื่องด้านหลังมีโลโก้ ROG ที่ปรับสีได้แบบ RGB อีกด้วย กล้องหลังของ ROG Phone 3 มีด้วยกัน 3 ตัวประกอบด้วยกล้อง 64MP + เลนส์กว้าง 125 องศา 13MP + เลนส์มาโคร 5MP และกล้องหน้าความละเอียด 24MP ตัวเครื่องด้านข้างของ ROG Phone 3 ยังมาพร้อมปุ่ม ultrasonic bumper สำหรับใช้เล่นเกมที่รองรับการสัมผัสแบบ Haptic ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AirTrigger 3 ที่ทำให้สามารถสไลด์, ปัด หรือแยกปุ่มย่อยเป็น 2 ช่องเพื่อการควบคุมที่หลากหลายขึ้นในการเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถสั่งการด้วยการเขย่าตัวเครื่องได้อีกด้วย ในส่วนของลำโพงเจ้า ROG Phone 3 มาพร้อมลำโพงคู่ด้านหน้า ที่สามารถปรับเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมได้ และตัวเครื่องมีไมโครโฟนถึง 4 ตัวที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ ส่วนเจ้าสมาร์ทโฟนดังกล่าวมาพร้อมกับแบตขนาด 6,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Hyper Charge 30W โดยสามารถชาร์จแบตได้ 4,510 mAh ในเวลา 46 นาที ถือว่าในสเปกที่ทาง ROG จัดให้มาในรุ่นนี้ทำได้จัดเต็มสุดแล้วในบรรดาสมาร์ทโฟน
- ROG PHONE 3 /// SNAP865+ RAM 12GB STORAGE 512GB
เปิดราคา 24,990 บาท
- ROG PHONE 3 รุ่น STRIX // SNAP865 RAM 8GB STORAGE 256 GB
เปิดราคา 32,990 บาท พร้อมแถม เคส ROG 2 ชิ้น ฟิล์ม ROG และ พัดลมในกล่อง !
UNBOX
ตัวกล่องของทางด้าน ROG PHONE 3 นั้นยังคงมีความแปลกใหม่และโดดเด่นกว่าค่ายอื่นเช่นเดิม มาพร้อมกับรูปทรง 3 เหลี่ยมชัดเจนในการใช้งานและวิธีการเปิดแบบสไลด์ออกมาจากนั้นในแต่ละส่วนนั้นจะแทรกอยู่ในแต่ละด้านของเหลี่ยมกล่องถือว่าเป็นการแกะกล่องที่สนุกและมีอะไรเยอะแยะมากมายเลยในการใช้งานเปิดเครื่องรุ่นนี้ อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นยังคงให้มาแน่นๆเช่นเดิมถือว่าจัดเต็ม ทั้งเรื่องของสติกเกอร์ สายแปลง และ ยางสำรอง
- ตัวเครื่อง ROG PHONE 3
- เคสพลาสติกสีดำ ROG
- ที่ชาร์จ 30W USB-C
- สายแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
- สายชาร์จ USB-C
- สติกเกอร์ ROG
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- พัดลมระบายความร้อน เสริมหลังเครื่อง
- ยางสำรองสำหรับจุกท้ายเครื่อง
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นสวยงามและแปลกใหม่มากๆ แต่เรื่องของการปกป้องเครื่องเวลาตกหรือวางอาจจะไม่ดีเท่าไรนัก จะเน้นไปในเรื่องของความสวยงามมากกว่า ส่วนตัวพัดลมเสียบด้านหลังนั้นยังคงมีมาให้พร้อมกับไฟ RGB รวมถึงการเชื่อมต่อนั้นยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนๆคือเสียบกับพอร์ต USB-C ในด้านข้างของตัวเครื่องนั้นเอง และสำหรับสายชาร์จเป็นแบบสายถัก USB-C พร้อมกับให้ตัวแปลง หูฟังมาให้ด้วย รวมถึงที่ชาร์จนั้นเป็น 30W
ตัวเคสที่แถมมาให้ในกล่องนั้นจะเป็นเคสที่ค่อนข้างมีความบางและเรียบพอสมควรครับตัวเคสนั้นไม่ได้หวือหวาอะไรมากในแง่ของความหนาหรือการปกป้อง แต่โดดเด่นอย่างมากในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย และดูแพงเลยทีเดียวพร้อมกับการเว้นช่องสำหรับโชว์ไฟโลโก้ รวมถึงช่องระบายต่างไว้ได้เป็นอย่างดี ในขอบด้านหน้าก็พอปกป้องได้แต่ก็ไม่ได้นูนหนาออกมามากนัก และน่าเสียดายไม่มีฟิล์มกันรอยแถมมาให้ในตัวเครื่องนี้ ส่วนทางด้านพัดลมนั้นเราจะเห็นว่ามีไฟ RGB เข้ามา ส่วนการเสียบเหมือนกับรุ่นก่อนๆเลยนั้นเองสำหรับรุ่นนี้ถือว่าใช้ได้ดี และมีรู 3.5 มม.ใส่เข้าให้ในตัวเสริมพัดลมตรงนี้แทน
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ายังคงเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดีครับทั้งงานออกแบบรูปทรงที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีรวมถึงในตัวช่องระบายที่จากรุ่นแรกๆพัฒนามาจนเรียบร้อยมากขึ้นเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น และฝาหลังมีความเรียบหรูเป็นชิ้นเดียวกัน วัสดุกระจกครอบทับทั้งหมดอีกทั้งยังได้ในเรื่องของคุณภาพที่ดีขึ้นและสวยขึ้น ส่วนทางด้านกล้องหลังมาพร้อมกับ 3 ตัวดีไซน์ทรงเดิมแต่ขยายมายาวขึ้นและไฟแฟลช รวมถึงไฟ RGB เสริมเข้ามาสำหรับใช้งานกับเคส ส่วนทางด้านโลโก้ยังคงมี RGB เช่นเดิมเลยปรับแต่งได้ ปรับตามเสียงเพลงได้ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องนั้นอาจจะมีน้ำหนักหน่อยเพราะว่าให้แบตมาเยอะมาก ทำให้น้ำหนักรวมนั้น หนา9.85mm; น้ำหนักตัวเครื่อง: 240 กรัม
หน้าจอเต็มตาขึ้นแต่ขนาดนั้นเท่าเดิมนะครับ ขอบเครื่องแอบบางขึ้น เป็นการออกแบบที่นำลำโพงวางคู่หน้าพร้อมยิงตรงมาแน่นอนทำให้ขอบต้องหนากว่าค่ายอื่นๆ แต่สายเกมมีขอบไว้ดีกว่าขอบบางๆแน่นอน หน้าจอ OLED ขนาด 6.59 นิ้ว (2340 × 1080 พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 144Hz, HDR 10-bit, อัตราส่วน 19.5:9, ความถี่การตอบสนอง 270Hz, ใช้กระจก Gorilla Glass 6 ไม่มีติ่งหน้าจอ และ ขอบบางกำลังดี มีที่วางนิ้วมือสำหรับสายเกม และดีไซน์ดูดีสวยและไม่สายเกมเยอะแบบรุ่นก่อนและลำโพงเป็นสีเรียบๆทั้งหมดแล้วใช้งานทั่วไปได้สบาย
หน้าจอในขอบด้านบนนั้น ความหนาอะไรไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก และ ส่วนลำโพงยังคงดีไซน์พัฒนาจากรุ่นเดิมแต่ไม่มีสีทองแดงไว้ข้างในแล้ว รวมถึงเซนเซอร์ ไฟแจ้งเตือน กล้องหน้ายังมีครบตำแหน่งคล้ายเดิมทั้งหมดเลย
ในส่วนหน้าจอขอบล่างนั้นก็เล็กกว่าเดิมนิดหน่อยด้วยเช่นกัน และลำโพงนั้น มีขนาดใหญ่เต็มขึ้นและสวยกว่าเดิมและไม่มีการใช้สีทองแดงไม่เด่นแบบรุ่นที่แล้วดูสวยขึ้น ส่วนปุ่มควบคุมอะไรก็อยู่บนหน้าจอทั้งหมดปรับเต็มจอได้
ขอบล่างตัวเครื่อง เป็นที่อยู่ของ ไมค์รับเสียง และ ช่องชาร์จ TYPE-C อยู่ชิดมุมขวา และ ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.แล้วนะจากที่รุ่นก่อนนั้นจะอยู่ทางด้านด้านซ้ายตัวเครื่อง ในรุ่นนี้ก็ตัดออกไปแล้วน่าเสียดายพอสมควร
ในส่วนขอบด้านบน เรียบๆเลยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีแค่รูไมค์สำหรับอัดเสียง ตัดเสียงต่างๆ และขีดเส้นสัญญาณ แต่จะเห็นเลยว่าตัวเครื่องนั้นหนากว่าเดิมนิดหน่อย แต่การออกแบบนั้นคล้ายๆกันอยู่ และกล้องนูนขึ้นมานิดๆ
ด้านซ้ายตัวเครื่อง แน่นอนว่า มีช่องใส่ถาดซิม แบบ Dual nano sim ไม่สามารถเพิ่มเม็มได้ และ ตรงกลางคือทีเด็ด พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อพัดลม ห้ามเสียบชาร์จตรงฝั่งสีส้ม และ อุปกรณ์เสริมทั้งหลาย มียางปิด และ มียางสำรองให้ด้วย บอกเลยว่า คิดมาดีและ ทำให้เวลาเล่นไปชาร์จไปสายไม่เกะกะในการเล่นเกมด้วยแหละ เสียบชาร์จได้ด้วยในรูซ้าย ถือว่ายังคงใส่มาให้ต่อเนื่องจากรุ่นที่แล้วและสำหรับเสียบใช้งานอุปกรณ์เสริมได้
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็น ปุ่มทั้งหมด คือ Power – Vol Up / Vol Down และ จะเห็นการเล่นลวดลายขีดๆบนตัวขอบมุม บน และ ล่าง ส่วนนั้นแหละ คือที่เราจะสามารถเอานิ้วแตะและ สั่งงานได้ เช่นยิง หรือ ซูม ในเกม และ ขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของเซนเซอร์ บีบขอบเครื่องสั่งงานต่างๆได้ แล้วแต่เราจะตั้งเลยว่าจะทำอะไร อันนี้ชอบ !
ด้านหลังนั้นยังคงความโดดเด่นเกินหน้าตาคนอื่นด้วย โลโก้ ROG เปลี่ยนสีได้ ตัวหนังสือเขียน Republic Of Gamers ชื่อเต็มของ ROG นั้นเอง และ ถ้าใครเห้นนั้นรุ่นก่อนๆจะมีช่องทองแดงสำหรับการระบายความร้อน แต่รุ่นนี้ปรับมาให้ซ่อนอยู่ใต้กระจกและมีรูออกมานิดหน่อยดีไซน์เรียบร้อยมากขึ้นเยอะ ! และยังคงค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับมือถือรวมถึงดีไซน์ออกแบบดูแตกต่างเลย กล้องหลัง พร้อมแฟลชที่ดีไซน์ได้ แหวกแนวมากๆ ในการออกแบบครั้งนี้พัฒนาขึ้นเรียบและหรูกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะมาก ฝาหลังเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น และเป็นกระจกใสตรงส่วนนั้นแทน
กล้องหลังใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับ 3 เลนส์สวยงาม ใช้งาน กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) และมาพร้อมกับไฟแฟลช และ ไมค์รับเสียง รวมถึงรุ่นนี้ยังมีจุดที่เพิ่มเข้ามาใต้แฟลช คือตัวไฟ RGB สำหรับส่งไปยังเคสไฟอุปกรณ์เสริมนั้นเองถือว่าล้ำเลยแหละ เพราะเป็นตัวยิงแสงสีนั้นเอง สำหรับบางเคสที่ปิดทับตัวโลโก้เดิม และจะเห็นว่าตรงช่องระบายข้างล่างโลโก้นั้นเปลี่ยนมาสวยงามเป็นฝาหลังแบบใสเห็นรายละเอียดข้างในพร้อมกับช่องระบายนิดๆตรงมุมขวาของภาพ
[SR] รีวิว ROG PHONE 3 จอ OLED 144HZ, SNAP 865+ แบต 6,000mAh พร้อม Air Triggers ที่ล้ำขึ้น !
ROG นั้นถือว่ายังคงโดดเด่นในแง่ของการทำสมาร์ทโฟนสายเกมออกมาครับ และยังคงพัฒนาต่อเนื่องจากที่เราได้เห็นในรุ่นแรกๆคือ ROG PHONE 1 และพัฒนาต่อเนื่องมายัง ROG PHONE 2 และในครั้งนี้ได้เปิดตัว ROG PHONE 3 รุ่นล่าสุดที่ต้องบอกเลยว่ามีหลายๆส่วนพัฒนาขึ้นแบบชัดเจน และยังคงเอกลักษณ์งานออกแบบที่ยังอิงจากรุ่นแรกๆอีกทั้งยังมีความเรียบง่ายมากขึ้นแต่แฝงด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของรุ่นนี้ทั้ง ช่องระบายอากาศหรือจะเป็นรูปทรงกล้องต่างๆรวมถึง ไฟ RGB ที่ใส่เข้ามา และแน่นอนว่าระบบแตะขอบเครื่องนั้นยังคงใส่เข้ามาและพัฒนาขึ้นเยอะมากๆ รองรับการสัมผัส การเลื่อน การแตะได้มากกว่าเดิมในตัว Air Triggers นั้นเองส่วนทางด้านหน้าจอเทพๆที่ 144Hz และใช้งานหน้าจอแบบเต็มตาพร้อมลำโพงคู่หน้าที่ดังที่สุดในบรรดามือถือตอนนี้ และยังใช้งานสเปก Snapdragon 865+ รองรับกับการใช้งานแบต 6,000 mAh ที่ต้องบอกว่าสเปกนั้นแน่นสุดๆสำหรับสมาร์ทโฟน
ROG Phone 3 ใช้ชิปเซต Snapdragon 865+ นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนยังใช้เป็นแท่งทองแดงแบบ 3D และมีแผ่นแกรไฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นที่ช่วยในการกระจายความร้อน อีกทั้งยังมี heat sink ที่ใหญ่กว่า ROG Phone 2 ถึง 6 เท่า และตัวเครื่องด้านหลังมีโลโก้ ROG ที่ปรับสีได้แบบ RGB อีกด้วย กล้องหลังของ ROG Phone 3 มีด้วยกัน 3 ตัวประกอบด้วยกล้อง 64MP + เลนส์กว้าง 125 องศา 13MP + เลนส์มาโคร 5MP และกล้องหน้าความละเอียด 24MP ตัวเครื่องด้านข้างของ ROG Phone 3 ยังมาพร้อมปุ่ม ultrasonic bumper สำหรับใช้เล่นเกมที่รองรับการสัมผัสแบบ Haptic ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AirTrigger 3 ที่ทำให้สามารถสไลด์, ปัด หรือแยกปุ่มย่อยเป็น 2 ช่องเพื่อการควบคุมที่หลากหลายขึ้นในการเล่นเกม อีกทั้งยังสามารถสั่งการด้วยการเขย่าตัวเครื่องได้อีกด้วย ในส่วนของลำโพงเจ้า ROG Phone 3 มาพร้อมลำโพงคู่ด้านหน้า ที่สามารถปรับเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมได้ และตัวเครื่องมีไมโครโฟนถึง 4 ตัวที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ ส่วนเจ้าสมาร์ทโฟนดังกล่าวมาพร้อมกับแบตขนาด 6,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Hyper Charge 30W โดยสามารถชาร์จแบตได้ 4,510 mAh ในเวลา 46 นาที ถือว่าในสเปกที่ทาง ROG จัดให้มาในรุ่นนี้ทำได้จัดเต็มสุดแล้วในบรรดาสมาร์ทโฟน
- ROG PHONE 3 /// SNAP865+ RAM 12GB STORAGE 512GB
เปิดราคา 24,990 บาท
- ROG PHONE 3 รุ่น STRIX // SNAP865 RAM 8GB STORAGE 256 GB
เปิดราคา 32,990 บาท พร้อมแถม เคส ROG 2 ชิ้น ฟิล์ม ROG และ พัดลมในกล่อง !
UNBOX
ตัวกล่องของทางด้าน ROG PHONE 3 นั้นยังคงมีความแปลกใหม่และโดดเด่นกว่าค่ายอื่นเช่นเดิม มาพร้อมกับรูปทรง 3 เหลี่ยมชัดเจนในการใช้งานและวิธีการเปิดแบบสไลด์ออกมาจากนั้นในแต่ละส่วนนั้นจะแทรกอยู่ในแต่ละด้านของเหลี่ยมกล่องถือว่าเป็นการแกะกล่องที่สนุกและมีอะไรเยอะแยะมากมายเลยในการใช้งานเปิดเครื่องรุ่นนี้ อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นยังคงให้มาแน่นๆเช่นเดิมถือว่าจัดเต็ม ทั้งเรื่องของสติกเกอร์ สายแปลง และ ยางสำรอง
- ตัวเครื่อง ROG PHONE 3
- เคสพลาสติกสีดำ ROG
- ที่ชาร์จ 30W USB-C
- สายแปลง USB-C ไป 3.5 มม.
- สายชาร์จ USB-C
- สติกเกอร์ ROG
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
- พัดลมระบายความร้อน เสริมหลังเครื่อง
- ยางสำรองสำหรับจุกท้ายเครื่อง
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นสวยงามและแปลกใหม่มากๆ แต่เรื่องของการปกป้องเครื่องเวลาตกหรือวางอาจจะไม่ดีเท่าไรนัก จะเน้นไปในเรื่องของความสวยงามมากกว่า ส่วนตัวพัดลมเสียบด้านหลังนั้นยังคงมีมาให้พร้อมกับไฟ RGB รวมถึงการเชื่อมต่อนั้นยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนๆคือเสียบกับพอร์ต USB-C ในด้านข้างของตัวเครื่องนั้นเอง และสำหรับสายชาร์จเป็นแบบสายถัก USB-C พร้อมกับให้ตัวแปลง หูฟังมาให้ด้วย รวมถึงที่ชาร์จนั้นเป็น 30W
ตัวเคสที่แถมมาให้ในกล่องนั้นจะเป็นเคสที่ค่อนข้างมีความบางและเรียบพอสมควรครับตัวเคสนั้นไม่ได้หวือหวาอะไรมากในแง่ของความหนาหรือการปกป้อง แต่โดดเด่นอย่างมากในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย และดูแพงเลยทีเดียวพร้อมกับการเว้นช่องสำหรับโชว์ไฟโลโก้ รวมถึงช่องระบายต่างไว้ได้เป็นอย่างดี ในขอบด้านหน้าก็พอปกป้องได้แต่ก็ไม่ได้นูนหนาออกมามากนัก และน่าเสียดายไม่มีฟิล์มกันรอยแถมมาให้ในตัวเครื่องนี้ ส่วนทางด้านพัดลมนั้นเราจะเห็นว่ามีไฟ RGB เข้ามา ส่วนการเสียบเหมือนกับรุ่นก่อนๆเลยนั้นเองสำหรับรุ่นนี้ถือว่าใช้ได้ดี และมีรู 3.5 มม.ใส่เข้าให้ในตัวเสริมพัดลมตรงนี้แทน
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่ายังคงเอกลักษณ์ของตัวเองได้ดีครับทั้งงานออกแบบรูปทรงที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีรวมถึงในตัวช่องระบายที่จากรุ่นแรกๆพัฒนามาจนเรียบร้อยมากขึ้นเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น และฝาหลังมีความเรียบหรูเป็นชิ้นเดียวกัน วัสดุกระจกครอบทับทั้งหมดอีกทั้งยังได้ในเรื่องของคุณภาพที่ดีขึ้นและสวยขึ้น ส่วนทางด้านกล้องหลังมาพร้อมกับ 3 ตัวดีไซน์ทรงเดิมแต่ขยายมายาวขึ้นและไฟแฟลช รวมถึงไฟ RGB เสริมเข้ามาสำหรับใช้งานกับเคส ส่วนทางด้านโลโก้ยังคงมี RGB เช่นเดิมเลยปรับแต่งได้ ปรับตามเสียงเพลงได้ ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องนั้นอาจจะมีน้ำหนักหน่อยเพราะว่าให้แบตมาเยอะมาก ทำให้น้ำหนักรวมนั้น หนา9.85mm; น้ำหนักตัวเครื่อง: 240 กรัม
หน้าจอเต็มตาขึ้นแต่ขนาดนั้นเท่าเดิมนะครับ ขอบเครื่องแอบบางขึ้น เป็นการออกแบบที่นำลำโพงวางคู่หน้าพร้อมยิงตรงมาแน่นอนทำให้ขอบต้องหนากว่าค่ายอื่นๆ แต่สายเกมมีขอบไว้ดีกว่าขอบบางๆแน่นอน หน้าจอ OLED ขนาด 6.59 นิ้ว (2340 × 1080 พิกเซล) Full HD+, รีเฟรชเรท 144Hz, HDR 10-bit, อัตราส่วน 19.5:9, ความถี่การตอบสนอง 270Hz, ใช้กระจก Gorilla Glass 6 ไม่มีติ่งหน้าจอ และ ขอบบางกำลังดี มีที่วางนิ้วมือสำหรับสายเกม และดีไซน์ดูดีสวยและไม่สายเกมเยอะแบบรุ่นก่อนและลำโพงเป็นสีเรียบๆทั้งหมดแล้วใช้งานทั่วไปได้สบาย
หน้าจอในขอบด้านบนนั้น ความหนาอะไรไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก และ ส่วนลำโพงยังคงดีไซน์พัฒนาจากรุ่นเดิมแต่ไม่มีสีทองแดงไว้ข้างในแล้ว รวมถึงเซนเซอร์ ไฟแจ้งเตือน กล้องหน้ายังมีครบตำแหน่งคล้ายเดิมทั้งหมดเลย
ในส่วนหน้าจอขอบล่างนั้นก็เล็กกว่าเดิมนิดหน่อยด้วยเช่นกัน และลำโพงนั้น มีขนาดใหญ่เต็มขึ้นและสวยกว่าเดิมและไม่มีการใช้สีทองแดงไม่เด่นแบบรุ่นที่แล้วดูสวยขึ้น ส่วนปุ่มควบคุมอะไรก็อยู่บนหน้าจอทั้งหมดปรับเต็มจอได้
ขอบล่างตัวเครื่อง เป็นที่อยู่ของ ไมค์รับเสียง และ ช่องชาร์จ TYPE-C อยู่ชิดมุมขวา และ ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.แล้วนะจากที่รุ่นก่อนนั้นจะอยู่ทางด้านด้านซ้ายตัวเครื่อง ในรุ่นนี้ก็ตัดออกไปแล้วน่าเสียดายพอสมควร
ในส่วนขอบด้านบน เรียบๆเลยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ มีแค่รูไมค์สำหรับอัดเสียง ตัดเสียงต่างๆ และขีดเส้นสัญญาณ แต่จะเห็นเลยว่าตัวเครื่องนั้นหนากว่าเดิมนิดหน่อย แต่การออกแบบนั้นคล้ายๆกันอยู่ และกล้องนูนขึ้นมานิดๆ
ด้านซ้ายตัวเครื่อง แน่นอนว่า มีช่องใส่ถาดซิม แบบ Dual nano sim ไม่สามารถเพิ่มเม็มได้ และ ตรงกลางคือทีเด็ด พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อพัดลม ห้ามเสียบชาร์จตรงฝั่งสีส้ม และ อุปกรณ์เสริมทั้งหลาย มียางปิด และ มียางสำรองให้ด้วย บอกเลยว่า คิดมาดีและ ทำให้เวลาเล่นไปชาร์จไปสายไม่เกะกะในการเล่นเกมด้วยแหละ เสียบชาร์จได้ด้วยในรูซ้าย ถือว่ายังคงใส่มาให้ต่อเนื่องจากรุ่นที่แล้วและสำหรับเสียบใช้งานอุปกรณ์เสริมได้
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็น ปุ่มทั้งหมด คือ Power – Vol Up / Vol Down และ จะเห็นการเล่นลวดลายขีดๆบนตัวขอบมุม บน และ ล่าง ส่วนนั้นแหละ คือที่เราจะสามารถเอานิ้วแตะและ สั่งงานได้ เช่นยิง หรือ ซูม ในเกม และ ขอบล่างนั้นเป็นที่อยู่ของเซนเซอร์ บีบขอบเครื่องสั่งงานต่างๆได้ แล้วแต่เราจะตั้งเลยว่าจะทำอะไร อันนี้ชอบ !
ด้านหลังนั้นยังคงความโดดเด่นเกินหน้าตาคนอื่นด้วย โลโก้ ROG เปลี่ยนสีได้ ตัวหนังสือเขียน Republic Of Gamers ชื่อเต็มของ ROG นั้นเอง และ ถ้าใครเห้นนั้นรุ่นก่อนๆจะมีช่องทองแดงสำหรับการระบายความร้อน แต่รุ่นนี้ปรับมาให้ซ่อนอยู่ใต้กระจกและมีรูออกมานิดหน่อยดีไซน์เรียบร้อยมากขึ้นเยอะ ! และยังคงค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับมือถือรวมถึงดีไซน์ออกแบบดูแตกต่างเลย กล้องหลัง พร้อมแฟลชที่ดีไซน์ได้ แหวกแนวมากๆ ในการออกแบบครั้งนี้พัฒนาขึ้นเรียบและหรูกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะมาก ฝาหลังเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น และเป็นกระจกใสตรงส่วนนั้นแทน
กล้องหลังใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับ 3 เลนส์สวยงาม ใช้งาน กล้องหลัง 64MP (f/1.8) ใช้เซนเซอร์ Sony IMX686 + เลนส์กว้าง 125˚ 13MP (f/2.4) + เลนส์มาโคร 5MP (f/2.0) และมาพร้อมกับไฟแฟลช และ ไมค์รับเสียง รวมถึงรุ่นนี้ยังมีจุดที่เพิ่มเข้ามาใต้แฟลช คือตัวไฟ RGB สำหรับส่งไปยังเคสไฟอุปกรณ์เสริมนั้นเองถือว่าล้ำเลยแหละ เพราะเป็นตัวยิงแสงสีนั้นเอง สำหรับบางเคสที่ปิดทับตัวโลโก้เดิม และจะเห็นว่าตรงช่องระบายข้างล่างโลโก้นั้นเปลี่ยนมาสวยงามเป็นฝาหลังแบบใสเห็นรายละเอียดข้างในพร้อมกับช่องระบายนิดๆตรงมุมขวาของภาพ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้