มีแฟนหมอยังไง หมอต้องมีแฟนเป็นหมอเหมือนกันมั๊ย ชอบหมอทำไง จากประสบการณ์ลองมาอ่านคำตอบกันค่ะว่าใครเป็นแบบนี้มั๊ย

กระทู้คำถาม
จริงๆแล้ว ส่วนตัวเป็นคนโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยยุ่งกับใครค่ะ

  นี่เป็นที่มาของคำตอบ " หมอก็คือมนุษย์  หมอก็มีหัวใจค่ะ " ดังนั้นขอตอบว่าหมอไม่ได้จีบยาก  แต่เราต้องรู้สถานที่เหมาะ โอกาสเหมาะ ถูกกาลเทศะ เจตนาที่ดีค่ะ  ไม่ใช่หวังเพราะวิชาชีพและเรื่องฐานะ การเงินของหมอ

  นี่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ขอเล่าสู่กันฟังเท่านั้นนะคะ  เราอาจจะไม่เหมือนใคร หรืออาจจะทัศนคติไม่เหมือนใครนะคะอมยิ้ม04

  เรื่องมีอยู่ว่า  เราไม่ค่อยสบายบ่อย เข้าออกโรงบาลบ่อยๆ ไป ร.พ เอกชลบ้าง ร.พ รัฐบาลบ้าง

  ช่วงตอนอายุ 25 ปี ปวดท้องรุนแรงเพื่อนจึงพาไปหาหมอ ร.พ เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น  เรานอน ร.พ 2 คืนและทุกคืนรู้สึกเหมือนมีคนคอยมายืนมองเป็นครั้งคราว ซึ่งเราเข้าใจว่าน่าจะเป็นหมอ

  ก่อนออก ร.พ วันนั้นเป็นวันที่เศร้ามาก เพราะในความรู้สึกคือ "จะได้เจอหน้าคุณหมอเป็นวันสุดท้าย "

  ตอนที่คุณหมอบอกวันนี้ให้กลับบ้านได้  แล้วยิ้มให้  เรารีบพูดเลยค่ะว่าหากเป็นอีกหรือสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยจะติดต่อคุณหมอยังไงได้บ้าง แล้วขอ mail คุณหมอไว้ พร้อมขอปากกากับกระดาษกับคุณหมอเพื่อเขียน mail ตัวเองไว้ให้  (ที่ขอไว้เพราะรู้ว่าคุณหมอกำลังศึกษาและน่าจะทำวิจัยเกี่ยวกับอาการที่เรากำลังเป็นอยู่ค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหมอแล้วเป็นประโยชย์กับตัวเองเกี่ยวกับอาการป่วยในอนาคต ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรจริงๆ)

  เกือบ 1 เดือนถัดมาคุณหมอ mail ถามอาการว่าเป็นยังไง  หลังจากนั้นเราก็เริ่มส่ง mail คุยกันเรื่อยๆ  

   ผ่านมาหลายปี จนถึงวันที่หมอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หมอได้ mail บอกว่า " ผมจะไปเรียนต่อแล้วนะครับ เดือนหน้าจะบินแล้ว  ดูแลสุขภาพดีๆด้วย  ขอบคุณที่คอยถามผมทุกครั้งที่ mail มา ทุกครั้งที่คุณถามผมว่า " วันนี้เหนื่อยไหมคะ ได้นอนบ้างหรือยัง เวลาทานข้าวเคี้ยวให้ละเอียดนะ  ดื่มน้ำมากๆ ดูแลตัวเองบ้างนะคะคุณหมอ " บอกตามตรงครับ ผมหายเหนื่อยทุกครั้งที่เปิดอ่าน  ผมคงคิดไปเองว่าคุณเข้าใจในวิชาชีพผมและคุณเป็นผู้หญิงอบอุ่นที่ผมสัมผัสได้จากควมรู้สึกลึกๆในใจของผม  
    ปล.ขอให้คุณมีความสุขและมีรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป

  หลังจากนั้น 3 ปี mail นี้ก็มีข้อความเข้าถามว่าสบายดีมั๊ย  ยังป่วยอยู่หรือเปล่า  หมอเรียนจบแล้ว กลับมาที่ไทยแล้ว  ถ้ามีอะไรสงสัยก็สอบถามหมอได้  หรือมีเรื่องอื่นอยากพูดคุยก็โทรมาเบอร์นี้ครับ

  ครั้งแรกที่ได้เบอร์หมออมยิ้ม16อมยิ้ม16

  บอกก่อนนะคะ ก่อนหน้าที่จะปวดท้องแล้วเข้า ร.พ ตอนนั้นเพิ่งเลิกกับแฟนคนแรก  แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เปิดใจคบกับใครเลยค่ะ  จนกระทั่งวันที่ได้เบอร์โทรหมอ  ใจมันเต้นตุบๆ  นอนไม่หลับ เริ่มกลิ้งไปมาบนที่นอน  เริ่มนั่งยิ้ม ความมโนก็มา  ความอยากกินอะไรหวานๆเริมรุนแรงขึ้นอมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21

  เคยขับรถไปแล้วคุยคนเดียวไปด้วยมั๊ยคะ  เพลงอะไรก็เพราะไปหมด เพลงรักก็มา  เพลงคู่ก็มี  อันนี้เป็นคนเดียวอยู่ 2 อาทิตย์ โดยที่ไม่รู้หรอดหมอคิดยังไง  แล้วก็ยังไม่ตอบ mail หมอเลยนะคะ

  เริ่มเข้าอาทิตย์ที่ 3 ก็ตัดสินใจโทรไป ซึ่งเป็นเวลางานของหมอ  แต่คิดแล้วว่าหมอน่าจะว่างช่วงบ่าย...นี้ น่าจะพอรับสายได้ (เพราะถ้าโทรตอนเย็นเผื่อหมออาจจะติดงานหรืออยู่ครีนิค หรือถ้าโทรตอนกลางคืนเดี๋ยวจะไปรบกวนเวลาที่หมออาจจะนอนหลับ)

  โทรไปหลายตื๊ด จนเกือบจะตัดสายหมอก็รับจนได้  แต่น้ำเสียงและคำถามก็ถาโถมมา โทรจากไหน มีเบอร์ได้ไง คุณเป็นใครทำไมมีเบอร์นี้ มีธุระอะไรสำคัญมั๊ยผมกำลังยุ่งมาก เรารอให้หมดคำถามต่างๆ แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มค่ะว่า " คนที่คุณหมอบอกให้ยิ้มตลอดไปค่ะ  โทรตามเบอร์ที่หมอ mail บอกไว้ แต่ถ้าตอนนี้หมอยุ่งก็ขอไม่รบกวนนะคะ  ถ้าหมอว่างอยากคุยค่อยโทรมาแต่ถ้าไม่อยากคุยไม่เป็นไรค่ะ  หมอดุจัง  พักผ่อนมากๆนะคะ  ขออนุญาตวางสาย สวัสดีค่ะ " และเราก็วางสายทันที

  ในคืนนั้นหมอโทรกลับมาขอโทษ  พร้อมอธิบาย  แต่รู้มั๊ยคะ  เราไม่โกรธหมอเพราะเราเข้าใจ ตอนหมอทำงานหมอยุ่งจริงๆค่ะ  อย่าว่าแต่เวลาพักกับกินข้าวเลย  เวลานอนน้อยมาก  น่าเห็นใจสุดๆ
  
  ที่เราเข้าใจเพราะเคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลใน ร.พ เอกชลแห่งหนึ่ง 2 ปี  เวลาพักเที่ยงกินข้าวครึ่ง ช.ม ขึ้นเวรควบตลอด บางวันเช้า-บ่าย บางวันเช้า-บ่าย-ดึก นอน 4 ช.ม ก็มาขึ้นเวรต่อ  แม่เราทนดูลูกทำงานแบบนี้ไม่ไหวขอให้ลาออกเราก็เลยต้องตามใจแม่ค่ะ

  หลังจากนั้นไม่นานเราคุยกันบ่อยขึ้นและเราก็ตกลงเป็นแฟนกันค่ะ  ตั้งแต่เป็นแฟนกันเราไม่ค่อยได้ทะเลาะกันค่ะ  เพราะหมอไม่ค่อยมีเวลาง้อ(เรารู้ ก็เลยไม่ค่อยงอน)  เวลาอยู่ด้วยกันก็น้อย  งานก็เครียดแล้ว  เวลาอยู่กับเราต้องไม่เครียดค่ะ  เรามีความสุขที่เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ แต่มีความสุข  เราไม่ค่อยหึงหวงหมอเท่าไหร่  เพราะเราเข้าใจหมอ  แต่หมอจะหึงหวงเราเพราะหมอไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ  แต่ในใจลึกๆหมอรู้ว่าเราเป็นคนนิสัยยังไงค่ะ  แต่ก็ชอบแสดงความรักของเขาด้วยการหึงหวง  แต่แค่เป็นคำถามนะคะ ทำไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร เบสิกของแฟนค่ะแต่ไม่ทะเลาะกัน

  แต่เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว  หมอก็จากไปอย่างสงบด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด  พักผ่อนน้อย  ไม่สบาย แต่ก็ยังทำงานเพราะห่วงคนไข้ ก่อนจากไปหมอยิ้มแล้วบอกว่า " ขอให้มีความสุขและมีรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป " ("_") ทุกครั้งที่คิดถึงรอยยิ้มนั้น น้ำตาไหลพราก ไม่มีวันลืมเสียงนั้นได้เลย

  อย่าเข้าใจหมอผิด คิดว่าหมอจะต้องแต่งกับหมอหรือพยาบาล  จริงๆหมออาจต้องการแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขและเข้าใจกันและกัน  จริงๆแล้วเป็นเพราะด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพของหมอ  คนไข้มาอันดับแรกเสมอ  ตอนที่เราเจอหมอในเวลาทำงานเขาคือหมอรักษาคนไข้  อยู่ดีๆหมอจะจีบเลยเหมือนเราไปเที่ยวผับไม่ได้  เราไป ร.พ หมอจะมองเราเป็นคนไข้  การรักษาจะมาก่อนอันดับแรก  หมออาจจะรู้สึกชอบแต่แสดงออกโดยตรงไม่ได้  หลายคนไม่เข้าใจข้อนี้

  แต่ถ้าอยู่นอก ร.พ ตอนที่ไม่ใช่เวลาทำงาน หรือเจอในร้าน Starbucks หมอก็คือผู้ชายทั่วไปนี่แหละ  ทักได้ คุยได้ จีบได้  แต่แค่เราไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอแค่นั้นเองค่ะ

  อาชีพหมอเสียสละมากนะคะ  สละเวลานอน  มีเวลาดูแลคนไข้  แต่แทบไม่มีเวลาดูแลครอบครัว  ชีวิตส่วนมากอยู่ที่ ร.พและที่ทำงาน เวลาเที่ยวน้อยมาก  ถ้าจะมีเวลาให้ใครเพิ่มมาสักคน นั่นแสดงว่าเวลาส่วนตัวของเขาและเวลานอนจะน้อยลงไปอีก  แน่นอนว่าการช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด  ดังนั้นถ้าน้อยใจในเวลาที่เขาทำงานแล้วไม่มีเวลาให้คุณ  นั่นแสดงว่าคุณรักหมอไม่มากพอ  ไม่มากพอที่จะเข้าใจวิชาชีพและการใช้ชีวิตของหมอเลย  

  ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทำไมหมอแต่งงานกับหมอหรือพยาบาล เพราะพื้นฐานการใช้ชีวิตใกล้เคียงกัน  ก็เลยเข้าใจกันและกันได้มากกว่าค่ะ  อีกอย่างจะเอาเวลาไหนไปจีบสาว  ในเมื่อวันๆ เจอแต่คนไข้ หมอ พยาบาล ญาติคนไข้ หรือถ้าอยู่นอกที่ทำงาน  อยู่ดีๆเจอคนถูกใจแล้วเข้าไปคุย ขอเบอร์ จีบ ก็ไม่ใช่ป๊ะ  เดี๋ยวหาว่าโรคจิตไปอีกนะคะอมยิ้ม01อมยิ้ม01อมยิ้ม01

  ตอนนี้เราอายุ 36 ปี ยังไม่มีแฟนใหม่ ยังไม่แต่งงานมีครอบครัว  ก็พอๆกันกับหมอที่ยังไม่มีแฟนนั่นแหละค่ะ  มีแต่คนคิดว่าเรามีแฟนแล้วก็เลยไม่กล้าจีบ  ส่วนมากคนใกล้ตัวจะบอกแบบนั้น

  อีกอย่างเราไม่ค่อยได้เจอใคร  ไม่ติดเพื่อน  ไม่ค่อยออกบ้านยกเว้นไปกับครอบครัว  ไม่ค่อยมีสังสรรค์นอกบ้านเท่าไหร่  นานๆทีจะนัดทานข้าวกับเพื่อนหรือมีงานสังสรรค์ของบริษัทค่อยไป  แต่ไม่ใช่ไม่ไปไหนนะคะ เราก็ เดินห้าง shopping
ทานข้าวนอกบ้าน ไปร้านกาแฟ  เบเกอรี่ ปกติ  แต่เราไปคนเดียวค่ะ เราชอบไปนั่งอ่านหนังสือในร้าน Starbucks ชอบท่องเที่ยว  ออกไปทานอาหารอร่อยๆ ชอบไปทานอาหารทะเล  ชอบภูเขา  ชอบท้องฟ้า ชอบดอกไม้  ชอบถ่ายรูปต่างๆเก็บไว้ในโทรศัพท์  ชอบไปไหว้พระทำบุญ ขอพร  ชอบไปเดินตลาดต่างๆ  ชอบน้องหมามากๆ  ชอบอะไรก็ได้ที่เห็นแล้วยิ้มและมีความสุขไปกับมัน  แต่ถ้าคนไม่รู้จักเห็นเราภายนอก ก็ไม่กล้าเข้ามาคุยเหมือนกัน  ด้วยบุคลิกเวลาเงียบนั้นเองค่ะ

  ดังนั้น  มองอีกมุมของหมอเวลางานก็คืองานค่ะ  เวลาอยู่ข้างนอกก็คือการวางตัวเหมาะสมกับวิชาชีพ  แค่บุคลิคภายนอกค่ะ  เอาจริงๆแล้วถ้าหมอที่มีแฟนแล้วนะคะ  เวลาอยู่กับแฟนจากมุมที่เราเห็นคิดว่าเป็นสิงโต สง่า สุขุม จริงจัง แต่เวลาอยู่กับแฟนก็คือแมวขี้อ้อนนี่แหละค่ะ  มุ้งมิ้งๆ  แต่แค่เวลามุ้งมิ้งจะน้อยนิดนึง  เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้อ้อนเยอะ นี่แหละคือคำตอบของเรา  ที่มองอีกมุมของหมอ  ถึงแม้ว่าหมอจะไม่ได้คิดและเป็นเหมือนหมอของเรา  แต่เราพอจะเข้าใจหมออยู่บ้างแหละ(มั๊งคะ  แหะๆ)


  หากคุณหมอท่านใดผ่านเข้ามาอ่านแล้วมี comment เพิ่มเติมได้นะคะ

  เพิ่งสมัครสมาชิกค่ะ  ข้อมูลทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัว  หากไม่ตรงตวามคิดเห็นหรือหากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะอมยิ้ม04อมยิ้ม04อมยิ้ม04
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่