JJNY : นักสิทธิฯ ชี้ รถฉีดน้ำสลายม็อบ ใช้ผิด-อันตรายถึงชีวิตฯ / "ยูเอ็น" ไม่เห็นด้วยไทยใช้กำลังสลายการชุมนุมฯ

นักสิทธิฯ ชี้ รถฉีดน้ำสลายม็อบ ใช้ผิด-อันตรายถึงชีวิต มีให้เห็นที่เกาหลี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_5129717
 

 
นักสิทธิมนุษยชนชี้ รถฉีดน้ำแรงดันสูงใช้ผิดวิธี อาจถึงแก่ชีวิตได้ ยกกรณีศึกษาจากต่างประเทศเป็นบทเรียนในการปราบชุมนุมอย่างมีอารยะ

จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ในวันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่มีการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงกับประชาชนที่ทำการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ ทำให้มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บอย่างต่ำ 11 คน และจากการปะทะ มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 คน
 
ผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก เล่าว่ามีการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดเข้าที่บริเวณเหนือระดับอก และบริเวณศีรษะ โดยมีรูปภาพและคลิปวิดีโอจำนวนมากที่บันทึกหลักฐานดังกล่าวไว้
 
ต่อมา เมื่อเวลา 01.00 นาฬิกา สุธารี วรรณศิริ นักสิทธิมนุษยชน ได้ใช้ทวิตเตอร์ Sutharee Wannasiri (@SuthareeW) รีทวีตภาพรถฉีดน้ำแรงดันสูงของ ข่าวสดอิงลิช พร้อมข้อความและลิงค์ข่าวที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถฉีดน้ำแรงดันสูง โดยรถดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึงคันละ 25 ล้านบาท
 
“เพิ่งเห็นข้อมูลว่ารถฉีดน้ำแรงดันสูงนำเข้ามาจากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ตำรวจฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุม มีลุงคนหนึ่งเป็นเกษตรกรมาประท้วงถูกฉีดน้ำใส่จนล้มสลบไปปี 2015 นอนโคม่าอยู่เกือบปีแล้วเสียชีวิตเมื่อปี 2016 หมอระบุว่ามีเลือดออกอวัยวะภายในจากแรงดันของน้ำ”
 
“ข่าวลุงเกษตรกรชาวเกาหลีใต้ที่ถูกตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูงใส่จนหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากกรณีนี้ ลูกสาวของคุณลุงที่เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ว่าทางการเกาหลีใต้ก็ไม่ได้นำการฉีดน้ำมาสลายการชุมนุมอีก”
 
“บทสัมภาษณ์ลูกสาวของคุณลุง เธอเตือนว่าตำรวจไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องใช้อาวุธอันตรายนี้กับพลเมือง ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงแม้จะไม่ใช่อาวุธที่อันตรายถึงตาย แต่ตำรวจก็ควบคุมการใช้งานได้ยากว่าจะยิงไปถูกส่วนไหนของผู้ชุมนุมที่กำลังเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในสถานการณ์ชุลมุนหรือเวลากลางคืน”
 
โดยข่าวที่ สุธารี วรรณศิริ ทวีตเป็นข่าวของ เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ที่รายงานถึงเหตุการณ์ การใช้เครื่องมือ-อาวุธ ที่ใช้โดยรัฐ ในการสลายการชุมนุมในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมทุพพลภาพและเสียชีวิตจากอาวุธที่เชื่อว่า “ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต”
 
กรณีในประเทศเกาหลี 
 
แบคนัมกิ เข้าร่วมการประท้วงรัฐบาลในปี พ.ศ.2558 และ เสียชีวิตใน 10 เดือนต่อมาหลังจากถูกรถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่จนล้มลงหมดสติ และน้ำยังคงถูกฉีดต่อแม้ว่าเขาจะแน่นิ่งไปแล้วก็ตาม แพทย์ระบุว่า เขามีเลือดออกที่อวัยวะภายใน หลังจากนั้น รัฐบาลเกาหลีก็ไม่ได้ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงในการปราบม็อบอีกเลย
 
บุตรสาวของแบคนัมกิ กล่าวว่า การใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงนั้น อาจถูกจัดว่าเป็นอาวุธที่ทำให้ไม่ถึงตาย แต่ในความเป็นจริง การที่ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุมที่เคลื่อนที่และอยู่ในเวลากลางคืนนั้น ยากแก่การควบคุมการเล็งไปที่ขา และทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต
 
มีหญิงชาวเกาหลีที่สูญเสียการมองเห็นจากการที่เจ้าหน้าที่ใช้ ถุงรูปทรงถั่ว ปาเข้าที่ใบหน้าของเธอ ทั้งที่คำแนะคำให้ปาในระดับต่ำกว่าเอวเท่านั้น และมีการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งแก็สน้ำตาถูกห้ามใช้ในพื้นที่ในร่มอย่างเด็ดขาด
 
ในปี พ.ศ. 2530 ลีฮันยอล ถูกปาแก๊สน้ำตากระป๋องเข้าที่ศีรษะ จากการประท้วงในโซล เขาเสียชีวิตไปใน 28 วัน ขณะมีเครื่องพยุงชีพ
 
กรณีในประเทศอื่น ๆ
 
ในการปราบการชุมนุมที่ นอร์ธ ดาโกต้า สหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ.2559 มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 300 คน จากการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ทั้งยังเกิดภาวะตัวเย็นจากถูกยิงด้วยมวลน้ำที่เย็นจัด
 
ในเยอรมัน ปี พ.ศ. 2553 มีผู้สูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้าง เพราะถูกรถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดเข้าที่หน้าระหว่างการชุมนุมในฮ่องกง รถฉีดน้ำแรงดันสูงสามารถผสมแก๊สน้ำตาหรือสีได้ ซึ่งทำให้ตำรวจสามารถระบุและตามจับตัวผู้ชุมนุมจากสีที่ติด
 
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำในการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง ระบุว่า ในการฉีดน้ำนั้น ควรใช้กับการชุมนุมใหญ่ที่มีการใช้ความรุนแรงเท่านั้น หากไม่มีความรุนแรงก็ห้ามใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง นอกจากนี้เป้าหมายการเล็งของการฉีดน้ำ ควรฉีดได้เพียงต่ำกว่าเอวเท่านั้น แต่เหตุการณ์ของแบคนัมกิ ได้ใช้การฉีดไปที่ระดับต่ำกว่าอก
 
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเกาหลี ทำให้เจ้าหน้าที่ลังเลที่จะใช้ แก๊สน้ำตาและถุงรูปทรงถั่ว ในการสลายการชุมนุม และเลือกใช้แต่โล่กับกระบองยาวเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่