ในพระตำหนักชั่วคราวซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของจักรพรรดินี ก่อนจะเข้าสู่พิธีอภิเษกและสถาปนาเป็นจักรพรรดินีอย่างเป็นทางการในเวลาเที่ยงคืน จากนั้นจึงจะตามเสด็จองค์จักรพรรดิสู่พระตำหนักหลังใหม่ซึ่งจะใช้เป็น "เรือนหอ" ต่อไป...
ออเรเคิล กำลังนั่งนิ่งมองตัวเองอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง มีนางบริวารนับสิบนางผู้เป็นช่างแต่งหน้า ทำผม และแต่งองค์ทรงเครื่อง กำลังช่วยกันประดับตกแต่งว่าที่องค์จักรพรรดินีของพวกนางอยู่ตลอดเวลา
ทันใดนั้นเอง สาวดาบวงพระจันทร์ลาลูน่า ก็วิ่งพรวดพราดผ่านประตูซึ่งเปิดอยู่เข้ามาหาด้วยอาการร้อนรน ระล่ำระลักร้องเรียกผู้เป็นเจ้านาย
"ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้าเจ้าคะ! ท่านต้องรีบหนีไปกับข้าบัดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!!"
ออเรเคิลหันมามองด้วยท่าทางเนื่อยๆ และกล่าวสั่งสอนตักเตือน
"อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้น ข้าก็จะเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีโดยสมบูรณ์ อย่างเป็นทางการ เจ้าควรฝึกใช้ถ้อยคำร้องเรียกหาข้าเสียใหม่ได้แล้วนะ ต่อไป ห้ามเจ้าเรียกข้าว่า 'ท่านหัวหน้า' อีกตลอดชีวิตทีเดียว หัดใช้คำราชาศัพท์ให้ชินให้คล่อง เข้าใจไหม ?"
"แม่หญิง ท่านต้องกราบทูลด้วยคำว่า
'ข้าแด่พระแม่เจ้า' นะเจ้าคะ" ช่างทำผมคนหนึ่งกล่าวสอดเพื่อแนะนำ และมองลาลูน่าอย่างเหยียดๆ
สาวดาบวงพระจันทร์อารมณ์ขึ้นทันที สวนกลับพร้อมชักดาบวงพระจันทร์เล่มหนึ่งออกมาขู่ และปราดเข้าไปประชิดตัวออเรเคิลซึ่งถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยนางเหล่านั้น
"เจ้าอย่าเศือก!! ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็จงหุบปากซะ ถอยไป ถอยไปให้หมด นี่เป็นเรื่องด่วนชนิดคอขาดบาดตายกับพระแม่เจ้าของพวกเจ้าทีเดียวเชียวนะ
ถอยไป !!!"
เท่านั้นเอง พวกนางบริวารก็แตกกระเจิงห่างจากตัวของออเรเคิล เปิดโอกาสให้ลาลูน่าพรวดเข้าถึงตัวนางและคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางไว้ด้วยมือข้างที่ว่างในขณะที่มืออีกข้างถือดาบวงพระจันทร์เงื้อง่าอยู่ แล้วกล่าวเน้นย้ำกับผู้เป็นเจ้านาย
"ท่านต้องไปกับข้า บัดเดี๋ยวนี้ หากยังต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นจักรพรรดินี ท่านหัวหน้า!!"
สีหน้าและแววตาที่ขึงขังเอาจริงของนาง ทำให้ออเรเคิลไม่อาจปฏิเสธหรือขัดแย้งได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถาม
"มีเรื่องอะไรกันแน่นี่ ถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้ ?"
"จักรพรรดิคนที่ท่านเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ใช่จักรพรรดิ
แต่เป็นปีศาจ เป็นอสูรร้าย!!" ลาลูน่ากล่าวด้วยเสียงอันดัง สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทั้งเหล่านางในผู้เป็นบริวารและตัวของออเรเคิลเอง นางเบิกตาโพลงและซักถามทันที
"ว่ากระไรนะ ??? จักรพรรดิ เป็นปีศาจ เป็นอสูรร้าย อย่างนั้นหรือ ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ?"
"มันเป็นไปแล้ว!!" สาวดาบวงพระจันทร์กล่าวยืนยันเสียงดัง "ข้าเห็นมากับตาของข้าเอง ในขณะที่ข้ากำลังจะเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของท่านเพื่อนำของส่วนตัวที่ท่านต้องการออกมา จักรพรรดิก็เสด็จเข้าไปในห้องนั้นก่อน ข้าจึงไม่ได้เข้าไป แอบดูอยู่ข้างนอก พระองค์เสด็จเข้าไปเพียงอึดใจเดียวแล้วก็เสด็จออกมา คงเป็นเพราะไม่ทอดพระเนตรเห็นท่านอยู่ในห้อง ก็เลยเสด็จออกมาแล้วเสด็จกลับเข้าห้องบรรทม ข้าอยากรู้อยากเห็นว่าพระองค์จะทรงกระทำประการใดต่อ ก็เลยแอบย่องตามเข้าไปในห้องบรรทม โดยพยายามซ่อนตัวมิให้พระองค์เห็น แล้วสิ่งที่ข้าได้เห็นหลังจากนั้นคืออะไรรู้ไหม ??"
"อะไร ??" ทุกคนถามแทบเป็นเสียงเดียวกัน
"จักรพรรดิล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วมีเงาดำๆ ร่างหนึ่ง แทรกออกมาจากกายของจักรพรรดิ มันเป็นปีศาจ เป็นสัตว์ร้าย เป็นอสูรแห่งฝันร้ายที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะพบเจอแน่ๆ !! มันดูเหมือนกิ้งก่ายักษ์แต่หน้าคล้ายมนุษย์ ตาเขียวปั้ด ปานยื่น อ้าแล้วมีฟันเป็นซี่ๆ แหลมคมเต็มปากเลย แถมมีลิ้นตั้งสามแฉก แลบแผลบๆๆๆ เข้าๆ ออกๆ ทั่วตัวมีเกล็ดขึ้นเต็มไปหมด หางยาวเฟื้อยทีเดียว เล็บมือเล็บเท้ายาวใหญ่และแหลมคม รับรองได้ถ้ามันใช้เล็บจิกหรือกระชากใครซักคน ทีเดียวเท่านั้นแหละ คนๆนั้นต้องตายแน่นอนเลย !!"
"โหยยย น่ากลัวชะมัด!!" ช่างแต่งหน้านางหนึ่งพูดขึ้นมาและทำหน้าตาเหยเก ห่อไหล่ด้วยความหวาดเสียว
"แล้วเจ้ารอดมาได้อย่างไรกัน ?" ออเรเคิลถาม
"ข้าแอบอยู่หลังตู้เสื้อผ้าอาภรณ์ซึ่งตั้งเรียงรายใกล้ผนัง" ลาลูน่าเล่าต่อไป " อสูรร้ายมันได้กลิ่นกายของข้าแน่ๆ เพราะมันทำจมูกฟุดฟิตๆ ดมโน่นดมนี่ และหายใจแรงมาก มองหาข้าทั่วห้อง รื้อค้นข้าวของในห้องกระจุยกระจายเละเทะไปหมด แม้แต่เตียงมันก็พลิกหงายขึ้นจนพังพินาศ แล้วมันก็เริ่มมาที่ตู้เสื้อผ้าใบแรกสุด กระชากตู้ล้มไปทีละใบๆ ข้าก็หลบเข้าไปหลังตู้ใบท้ายๆ มันล้มตู้เสื้อผ้าจนเหลือตู้ใบสุดท้าย กำลังจะกระชากล้มเพื่อจะจับตัวข้าอยู่แล้ว แต่ข้าก็เตรียมตัวพร้อมอยู่ เลยใช้ดาบของข้านี่แหละกรีดแขนมันข้างหนึ่ง และจ้วงเข้าไปในเบ้าตาข้างหนึ่งของมัน ควักดวงตาข้างนั้นหลุดติดปลายดาบออกมาเลย! แล้วข้าก็กระโดดข้ามหัวมัน วิ่งออกจากประตูและหนีมาหาท่านนี่แหละเจ้าค่ะ!!"
"แล้วมันไม่ตามเจ้ามาหรือ ?" ออเรเคิลถามอีก
"มันคงเสียเวลาไปบ้างเจ้าค่ะ เพราะตู้ใหญ่ใบสุดท้ายล้มทับมันขณะที่ข้ากระโดดข้ามหัวมันแล้วหนีออกมา คงตามมาไม่ทันเจ้าค่ะ"
บรรดาสาวๆ ผู้เป็นบริวารของเทพพยากรณ์ ว่าที่บาทบริจาริกาทั้งหลายต่างพากันขนพองสยองเกล้าต่อเรื่องราวที่ลาลูน่าเล่าให้ฟัง ส่วนออเรเคิลนิ่งอยู่ ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็พูดกับสาวดาบวงพระจันทร์ต่อ
"เดี๋ยวนะ! เจ้าบอกว่า อสูรนั่น ออกมาจากร่างขององค์จักรพรรดิ ใช่ไหม ?"
"ใช่เจ้าค่ะท่านหัวหน้า" ลาลูน่าพยักหน้าหงึก
"ถ้าเป็นอย่างนั้น องค์จักรพรรดิ ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย!!"
"พระองคน่าจะถูกมันแทรกพระวรกายอยู่นานแล้วนะเจ้าคะ"
"เราต้องช่วยจักรพรรดินะ ลาลูน่า"
"จะช่วยอย่างไรเจ้าคะท่านหัวหน้า ? เราจะเอาอะไรไปสู้กับมัน ? แล้วถ้ามันกลับเข้าร่างของจักรพรรดิอีก เราจะรู้ได้อย่างไร ???"
นี่เป็นคำถามและปริศนาที่สร้างความหนักใจให้แก่ออเรเคิลไม่น้อย..
.นั่นสินะ จะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดิองค์ที่จะได้พบเจอในกาลต่อไปข้างหน้า เป็นเนรอสตัวจริง ไม่ใช่ผู้ซึ่งมีร่างแฝงของอสูรร้ายควบคุมอยู่ ??
"เรื่องนี้...ข้าก็ไม่รู้ ไม่สามารถให้คำตอบแก่เจ้าได้เหมือนกัน" นางตอบบริวารสาวพลางส่ายหน้าด้วยความหนักใจ "แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราต้องหาทางช่วยจักรพรรดิให้ได้"
"ถ้าเช่นนั้น รีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่นานไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าอสูรร้ายนั่นจะตามมาถึงที่นี่หรือเปล่า"
"ได้! ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า" ออเรเคิลตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
"พระแม่เจ้าเพคะ จะเสด็จไปไหนเพคะ ??" เหล่านางกำนัลบริวารทั้งหลายร้องถามกันระงม
"ข้าคงอยู่กับพวกเจ้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว" นางบอกกับทุกคน "พวกเจ้าแต่ละคนๆ จงกลับบ้านกันก่อนเถิด หรือกลับภูมิลำเนาของตัวเองเลยก็ได้นะ ใครมาจากไหนก็กลับไปถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง เพราะถ้าอสูรร้ายมันรู้ว่าลาลูน่ามาหาข้าที่นี่ และเล่าเรื่องราวของมันให้ข้าและพวกเจ้าฟังหมดแล้ว มันต้องตามล่าสังหารปิดปากพวกเจ้าทุกคนแน่นอน! มันจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับของมันเป็นแน่แท้!"
"พระแม่เจ้าเพคะ..." เหล่านางผู้เป็นบริวารพากันคร่ำครวญ "แล้วพวกเราจะได้พบกันอีกไหมเพคะ ??"
ออเรเคิลนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้คำมั่นสัญญากับพวกนาง
"ถึงอย่างไร ข้าก็จะต้องบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของข้าให้จงได้! ฉะนั้น พวกเจ้าไม่ต้องกลัวไปดอก! พวกเราจะได้พบกันอีกแน่นอน ให้ข้าจัดการช่วยองค์จักรพรรดิให้พ้นภัยร้ายในครั้งนี้เสียก่อน แล้วข้าจะกลับมาทวงสิทธิ์เป็นจักรพรรดินี แน่นอน! เอาละ...พวกเจ้าอย่าพิรี้พิไรฟูมฟายกันนักเลย จงแยกย้ายกันหนีไป ข้ากับลาลูน่าจะไปละ
ไป! แยกย้ายกันไป วันหน้าค่อยพบกันใหม่!" พูดจบก็ไม่รอช้า พยักหน้าให้กับลาลูน่าแล้วกล่าวประโยคสุดท้ายต่อหน้าเหล่านางธารกำนัลผู้กำลังร่ำไห้อาลัยอาวรณ์
"ไปกันเถิด ลาลูน่า!!"
"เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า"
นายและบ่าวทั้งสอง รีบออกจากพระตำหนักชั่วคราวแห่งนั้นอย่างเร่งด่วน และออเรเคิลตัดสินใจมุ่งหน้ากลับสู่พระตำหนักของจักรพรรดิเนรอส....
เป็นการย้อนกลับเข้าถ้ำเสือ!!
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นใด หากต้องการช่วยจักรพรรดิเนรอส ก็มีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้น!!
************************************
ไม่กี่วินาที หลังจากกามาร่า ออกจากห้องบรรทมของจักรพรรดิเพื่อตามหาตัวลาลูน่า.......
จักรพรรดิเนรอส เริ่มรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงง และยิ่งมึนงงหนักขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นสภาพห้องบรรทมเละไปหมด ราวกับถูกพายุเฮอริเคนถล่มก็ไม่ปาน!!
"อะไรกันนี่....เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ???"
มองซ้าย มองขวา แล้วโซซัดโซเซ ลุกขึ้นยืน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน พยายามคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าจำอะไรได้บ้าง
หลังจากที่ได้พบกับกัปตันวันชนะ...เซฟิย่า และมารดาของนาง...ได้รู้ว่าตนถูกอสูรต่างพิภพแทรกร่าง ได้ฟังคำแนะนำจากกัปตันวันชนะ ได้พูดคุยกับเทพพยากรณ์ และกำลังจะบอกความลับเรื่องอสูรร้ายแฝงกายในตนให้นางฟัง...ทรงจำได้เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างดับวูบ ไม่รู้สึกรู้สมใดๆ อีกเลย จนกระทั่งถึงตอนนี้!
"เจ้าอสูรร้ายนั่น แฝงตัวเข้ามาในร่างของเราอีกครั้งแน่นอนละสิ! ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง...แล้วทำไมห้องนอนเราถึงได้พังพินาศเละเทะไปหมดเยี่ยงนี้ ??"
หันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบคิด ปรึกษากับตัวเอง "เจ้าอสูรร้ายคงจะออกไปหาเหยื่อของมันเป็นแน่ ถึงได้ปล่อยให้เราเป็นอิสระแบบนี้...ช้าไม่ได้แล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มันต้องกลับมาแน่ไม่ช้าก็เร็ว ต้องรีบหนี !!"
เนรอสมองไปทั่วห้องซึ่งแหลกเละแทบไม่มีชิ้นดีแล้วส่ายหน้า ถอนใจ ก่อนก้าวเดินออกจากประตูอีกบานหนึ่งทางด้านหลัง ด้วยคิดว่าอสูรร้ายน่าจะออกไปทางประตูหน้า การออกไปทางด้านหน้าก็คงจะเสี่ยงต่อการจะได้พบกับมัน หากมันกลับมา...
จักรพรรดิผู้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นผู้ครอบครองแอตแลนติสทั้งทวีปไปแล้ว ทั้งไม่รู้ว่าบัดนี้ ไม่มีสหพันธรัฐอีกต่อไปแล้ว ไม่มีแดนเหนือและแดนใต้อีกต่อไปแล้ว มีแต่จักรวรรดิแอตแลนติสหนึ่งเดียว ออกจากประตูทางด้านหลังห้องบรรทมแล้วปิดประตูนั้นเสีย แล้วเปิดประตูหลังพระตำหนักออกมาอีกชั้นหนึ่ง ปิดประตูนั้นแล้วเดินลงบันไดหินอ่อนซึ่งทอดยาวลงไปสู่พื้นดินเบื้องล่าง 24 ขั้นอย่างรีบเร่ง พอลงมาถึงพื้นดินแล้วก็รีบวิ่งไปที่ลานจอดยานบินอันเป็นราชพาหนะส่วนพระองค์ มียานบินสำรองจอดเรียงรายอยู่ประมาณสิบลำ
เนรอสตัดสินใจเลือกลำที่มีสมรรถนะดีที่สุด เป็นหนึ่งใน "เดสทรอยเยอร์" ซึ่งกัปตันวันชนะในครั้งที่ยังถูกครอบงำด้วยไสยเวทย์ในอดีตเคยช่วยสร้าง มันจึงมีรูปร่างลักษณะคล้าย THE FUGITIVE อยู่หลายส่วน แต่มีขนาดเล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง และเมื่อเป็นราชพาหนะส่วนพระองค์ ยานลำนี้จึงดูโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ายานลำอื่น และแน่นอนว่ามีสมรรถนะเหนือกว่ายานอื่นๆ ของจักรวรรดิทุกลำ ยกเว้นยานของเร็พไทเลี่ยนอสูรต่างพิภพเท่านั้นที่เหนือกว่ามากมายจนมิอาจเทียบได้!
เนรอสใช้รหัสส่วนตัวในการป้อนข้อมูลเป็นภาษาแอตแลนเชี่ยนที่บริเวณด้านขวาของยานเพื่อสั่งให้ยานเปิดช่องและทอดบันไดลงมาให้ย่างก้าวขึ้นไป ครั้นขึ้นไปบนยานได้แล้วบันไดก็ถูกชักขึ้นไปเก็บ ช่องประตูปิด จากนั้นเจ้าของยานเดินไปนั่ง ณ ที่นั่งนักบิน แล้วบังคับยานบินขึ้นเป็นแนวดิ่งตรงๆ สู่ท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะพุ่งไปทางทิศเหนือ...
เป้าหมาย...มุ่งหน้าสู่โลโคเทีย !!
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 42 🚀💫🕛💫
ออเรเคิล กำลังนั่งนิ่งมองตัวเองอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้ง มีนางบริวารนับสิบนางผู้เป็นช่างแต่งหน้า ทำผม และแต่งองค์ทรงเครื่อง กำลังช่วยกันประดับตกแต่งว่าที่องค์จักรพรรดินีของพวกนางอยู่ตลอดเวลา
ทันใดนั้นเอง สาวดาบวงพระจันทร์ลาลูน่า ก็วิ่งพรวดพราดผ่านประตูซึ่งเปิดอยู่เข้ามาหาด้วยอาการร้อนรน ระล่ำระลักร้องเรียกผู้เป็นเจ้านาย
"ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้าเจ้าคะ! ท่านต้องรีบหนีไปกับข้าบัดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!!"
ออเรเคิลหันมามองด้วยท่าทางเนื่อยๆ และกล่าวสั่งสอนตักเตือน
"อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้น ข้าก็จะเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีโดยสมบูรณ์ อย่างเป็นทางการ เจ้าควรฝึกใช้ถ้อยคำร้องเรียกหาข้าเสียใหม่ได้แล้วนะ ต่อไป ห้ามเจ้าเรียกข้าว่า 'ท่านหัวหน้า' อีกตลอดชีวิตทีเดียว หัดใช้คำราชาศัพท์ให้ชินให้คล่อง เข้าใจไหม ?"
"แม่หญิง ท่านต้องกราบทูลด้วยคำว่า 'ข้าแด่พระแม่เจ้า' นะเจ้าคะ" ช่างทำผมคนหนึ่งกล่าวสอดเพื่อแนะนำ และมองลาลูน่าอย่างเหยียดๆ
สาวดาบวงพระจันทร์อารมณ์ขึ้นทันที สวนกลับพร้อมชักดาบวงพระจันทร์เล่มหนึ่งออกมาขู่ และปราดเข้าไปประชิดตัวออเรเคิลซึ่งถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยนางเหล่านั้น
"เจ้าอย่าเศือก!! ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็จงหุบปากซะ ถอยไป ถอยไปให้หมด นี่เป็นเรื่องด่วนชนิดคอขาดบาดตายกับพระแม่เจ้าของพวกเจ้าทีเดียวเชียวนะ ถอยไป !!!"
เท่านั้นเอง พวกนางบริวารก็แตกกระเจิงห่างจากตัวของออเรเคิล เปิดโอกาสให้ลาลูน่าพรวดเข้าถึงตัวนางและคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางไว้ด้วยมือข้างที่ว่างในขณะที่มืออีกข้างถือดาบวงพระจันทร์เงื้อง่าอยู่ แล้วกล่าวเน้นย้ำกับผู้เป็นเจ้านาย
"ท่านต้องไปกับข้า บัดเดี๋ยวนี้ หากยังต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นจักรพรรดินี ท่านหัวหน้า!!"
สีหน้าและแววตาที่ขึงขังเอาจริงของนาง ทำให้ออเรเคิลไม่อาจปฏิเสธหรือขัดแย้งได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถาม
"มีเรื่องอะไรกันแน่นี่ ถึงได้ร้อนรนถึงเพียงนี้ ?"
"จักรพรรดิคนที่ท่านเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ใช่จักรพรรดิ แต่เป็นปีศาจ เป็นอสูรร้าย!!" ลาลูน่ากล่าวด้วยเสียงอันดัง สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทั้งเหล่านางในผู้เป็นบริวารและตัวของออเรเคิลเอง นางเบิกตาโพลงและซักถามทันที
"ว่ากระไรนะ ??? จักรพรรดิ เป็นปีศาจ เป็นอสูรร้าย อย่างนั้นหรือ ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ?"
"มันเป็นไปแล้ว!!" สาวดาบวงพระจันทร์กล่าวยืนยันเสียงดัง "ข้าเห็นมากับตาของข้าเอง ในขณะที่ข้ากำลังจะเข้าไปในห้องพักส่วนตัวของท่านเพื่อนำของส่วนตัวที่ท่านต้องการออกมา จักรพรรดิก็เสด็จเข้าไปในห้องนั้นก่อน ข้าจึงไม่ได้เข้าไป แอบดูอยู่ข้างนอก พระองค์เสด็จเข้าไปเพียงอึดใจเดียวแล้วก็เสด็จออกมา คงเป็นเพราะไม่ทอดพระเนตรเห็นท่านอยู่ในห้อง ก็เลยเสด็จออกมาแล้วเสด็จกลับเข้าห้องบรรทม ข้าอยากรู้อยากเห็นว่าพระองค์จะทรงกระทำประการใดต่อ ก็เลยแอบย่องตามเข้าไปในห้องบรรทม โดยพยายามซ่อนตัวมิให้พระองค์เห็น แล้วสิ่งที่ข้าได้เห็นหลังจากนั้นคืออะไรรู้ไหม ??"
"อะไร ??" ทุกคนถามแทบเป็นเสียงเดียวกัน
"จักรพรรดิล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วมีเงาดำๆ ร่างหนึ่ง แทรกออกมาจากกายของจักรพรรดิ มันเป็นปีศาจ เป็นสัตว์ร้าย เป็นอสูรแห่งฝันร้ายที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะพบเจอแน่ๆ !! มันดูเหมือนกิ้งก่ายักษ์แต่หน้าคล้ายมนุษย์ ตาเขียวปั้ด ปานยื่น อ้าแล้วมีฟันเป็นซี่ๆ แหลมคมเต็มปากเลย แถมมีลิ้นตั้งสามแฉก แลบแผลบๆๆๆ เข้าๆ ออกๆ ทั่วตัวมีเกล็ดขึ้นเต็มไปหมด หางยาวเฟื้อยทีเดียว เล็บมือเล็บเท้ายาวใหญ่และแหลมคม รับรองได้ถ้ามันใช้เล็บจิกหรือกระชากใครซักคน ทีเดียวเท่านั้นแหละ คนๆนั้นต้องตายแน่นอนเลย !!"
"โหยยย น่ากลัวชะมัด!!" ช่างแต่งหน้านางหนึ่งพูดขึ้นมาและทำหน้าตาเหยเก ห่อไหล่ด้วยความหวาดเสียว
"แล้วเจ้ารอดมาได้อย่างไรกัน ?" ออเรเคิลถาม
"ข้าแอบอยู่หลังตู้เสื้อผ้าอาภรณ์ซึ่งตั้งเรียงรายใกล้ผนัง" ลาลูน่าเล่าต่อไป " อสูรร้ายมันได้กลิ่นกายของข้าแน่ๆ เพราะมันทำจมูกฟุดฟิตๆ ดมโน่นดมนี่ และหายใจแรงมาก มองหาข้าทั่วห้อง รื้อค้นข้าวของในห้องกระจุยกระจายเละเทะไปหมด แม้แต่เตียงมันก็พลิกหงายขึ้นจนพังพินาศ แล้วมันก็เริ่มมาที่ตู้เสื้อผ้าใบแรกสุด กระชากตู้ล้มไปทีละใบๆ ข้าก็หลบเข้าไปหลังตู้ใบท้ายๆ มันล้มตู้เสื้อผ้าจนเหลือตู้ใบสุดท้าย กำลังจะกระชากล้มเพื่อจะจับตัวข้าอยู่แล้ว แต่ข้าก็เตรียมตัวพร้อมอยู่ เลยใช้ดาบของข้านี่แหละกรีดแขนมันข้างหนึ่ง และจ้วงเข้าไปในเบ้าตาข้างหนึ่งของมัน ควักดวงตาข้างนั้นหลุดติดปลายดาบออกมาเลย! แล้วข้าก็กระโดดข้ามหัวมัน วิ่งออกจากประตูและหนีมาหาท่านนี่แหละเจ้าค่ะ!!"
"แล้วมันไม่ตามเจ้ามาหรือ ?" ออเรเคิลถามอีก
"มันคงเสียเวลาไปบ้างเจ้าค่ะ เพราะตู้ใหญ่ใบสุดท้ายล้มทับมันขณะที่ข้ากระโดดข้ามหัวมันแล้วหนีออกมา คงตามมาไม่ทันเจ้าค่ะ"
บรรดาสาวๆ ผู้เป็นบริวารของเทพพยากรณ์ ว่าที่บาทบริจาริกาทั้งหลายต่างพากันขนพองสยองเกล้าต่อเรื่องราวที่ลาลูน่าเล่าให้ฟัง ส่วนออเรเคิลนิ่งอยู่ ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็พูดกับสาวดาบวงพระจันทร์ต่อ
"เดี๋ยวนะ! เจ้าบอกว่า อสูรนั่น ออกมาจากร่างขององค์จักรพรรดิ ใช่ไหม ?"
"ใช่เจ้าค่ะท่านหัวหน้า" ลาลูน่าพยักหน้าหงึก
"ถ้าเป็นอย่างนั้น องค์จักรพรรดิ ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย!!"
"พระองคน่าจะถูกมันแทรกพระวรกายอยู่นานแล้วนะเจ้าคะ"
"เราต้องช่วยจักรพรรดินะ ลาลูน่า"
"จะช่วยอย่างไรเจ้าคะท่านหัวหน้า ? เราจะเอาอะไรไปสู้กับมัน ? แล้วถ้ามันกลับเข้าร่างของจักรพรรดิอีก เราจะรู้ได้อย่างไร ???"
นี่เป็นคำถามและปริศนาที่สร้างความหนักใจให้แก่ออเรเคิลไม่น้อย...นั่นสินะ จะรู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดิองค์ที่จะได้พบเจอในกาลต่อไปข้างหน้า เป็นเนรอสตัวจริง ไม่ใช่ผู้ซึ่งมีร่างแฝงของอสูรร้ายควบคุมอยู่ ??
"เรื่องนี้...ข้าก็ไม่รู้ ไม่สามารถให้คำตอบแก่เจ้าได้เหมือนกัน" นางตอบบริวารสาวพลางส่ายหน้าด้วยความหนักใจ "แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราต้องหาทางช่วยจักรพรรดิให้ได้"
"ถ้าเช่นนั้น รีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่นานไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าอสูรร้ายนั่นจะตามมาถึงที่นี่หรือเปล่า"
"ได้! ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า" ออเรเคิลตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
"พระแม่เจ้าเพคะ จะเสด็จไปไหนเพคะ ??" เหล่านางกำนัลบริวารทั้งหลายร้องถามกันระงม
"ข้าคงอยู่กับพวกเจ้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว" นางบอกกับทุกคน "พวกเจ้าแต่ละคนๆ จงกลับบ้านกันก่อนเถิด หรือกลับภูมิลำเนาของตัวเองเลยก็ได้นะ ใครมาจากไหนก็กลับไปถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง เพราะถ้าอสูรร้ายมันรู้ว่าลาลูน่ามาหาข้าที่นี่ และเล่าเรื่องราวของมันให้ข้าและพวกเจ้าฟังหมดแล้ว มันต้องตามล่าสังหารปิดปากพวกเจ้าทุกคนแน่นอน! มันจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับของมันเป็นแน่แท้!"
"พระแม่เจ้าเพคะ..." เหล่านางผู้เป็นบริวารพากันคร่ำครวญ "แล้วพวกเราจะได้พบกันอีกไหมเพคะ ??"
ออเรเคิลนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะให้คำมั่นสัญญากับพวกนาง
"ถึงอย่างไร ข้าก็จะต้องบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของข้าให้จงได้! ฉะนั้น พวกเจ้าไม่ต้องกลัวไปดอก! พวกเราจะได้พบกันอีกแน่นอน ให้ข้าจัดการช่วยองค์จักรพรรดิให้พ้นภัยร้ายในครั้งนี้เสียก่อน แล้วข้าจะกลับมาทวงสิทธิ์เป็นจักรพรรดินี แน่นอน! เอาละ...พวกเจ้าอย่าพิรี้พิไรฟูมฟายกันนักเลย จงแยกย้ายกันหนีไป ข้ากับลาลูน่าจะไปละ ไป! แยกย้ายกันไป วันหน้าค่อยพบกันใหม่!" พูดจบก็ไม่รอช้า พยักหน้าให้กับลาลูน่าแล้วกล่าวประโยคสุดท้ายต่อหน้าเหล่านางธารกำนัลผู้กำลังร่ำไห้อาลัยอาวรณ์
"ไปกันเถิด ลาลูน่า!!"
"เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า"
นายและบ่าวทั้งสอง รีบออกจากพระตำหนักชั่วคราวแห่งนั้นอย่างเร่งด่วน และออเรเคิลตัดสินใจมุ่งหน้ากลับสู่พระตำหนักของจักรพรรดิเนรอส....
เป็นการย้อนกลับเข้าถ้ำเสือ!!
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นใด หากต้องการช่วยจักรพรรดิเนรอส ก็มีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้น!!
จักรพรรดิเนรอส เริ่มรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาและลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงง และยิ่งมึนงงหนักขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นสภาพห้องบรรทมเละไปหมด ราวกับถูกพายุเฮอริเคนถล่มก็ไม่ปาน!!
"อะไรกันนี่....เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ???"
มองซ้าย มองขวา แล้วโซซัดโซเซ ลุกขึ้นยืน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน พยายามคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าจำอะไรได้บ้าง หลังจากที่ได้พบกับกัปตันวันชนะ...เซฟิย่า และมารดาของนาง...ได้รู้ว่าตนถูกอสูรต่างพิภพแทรกร่าง ได้ฟังคำแนะนำจากกัปตันวันชนะ ได้พูดคุยกับเทพพยากรณ์ และกำลังจะบอกความลับเรื่องอสูรร้ายแฝงกายในตนให้นางฟัง...ทรงจำได้เพียงเท่านั้น หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างดับวูบ ไม่รู้สึกรู้สมใดๆ อีกเลย จนกระทั่งถึงตอนนี้!
"เจ้าอสูรร้ายนั่น แฝงตัวเข้ามาในร่างของเราอีกครั้งแน่นอนละสิ! ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง...แล้วทำไมห้องนอนเราถึงได้พังพินาศเละเทะไปหมดเยี่ยงนี้ ??"
หันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบคิด ปรึกษากับตัวเอง "เจ้าอสูรร้ายคงจะออกไปหาเหยื่อของมันเป็นแน่ ถึงได้ปล่อยให้เราเป็นอิสระแบบนี้...ช้าไม่ได้แล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มันต้องกลับมาแน่ไม่ช้าก็เร็ว ต้องรีบหนี !!"
เนรอสมองไปทั่วห้องซึ่งแหลกเละแทบไม่มีชิ้นดีแล้วส่ายหน้า ถอนใจ ก่อนก้าวเดินออกจากประตูอีกบานหนึ่งทางด้านหลัง ด้วยคิดว่าอสูรร้ายน่าจะออกไปทางประตูหน้า การออกไปทางด้านหน้าก็คงจะเสี่ยงต่อการจะได้พบกับมัน หากมันกลับมา...
จักรพรรดิผู้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้กลายเป็นผู้ครอบครองแอตแลนติสทั้งทวีปไปแล้ว ทั้งไม่รู้ว่าบัดนี้ ไม่มีสหพันธรัฐอีกต่อไปแล้ว ไม่มีแดนเหนือและแดนใต้อีกต่อไปแล้ว มีแต่จักรวรรดิแอตแลนติสหนึ่งเดียว ออกจากประตูทางด้านหลังห้องบรรทมแล้วปิดประตูนั้นเสีย แล้วเปิดประตูหลังพระตำหนักออกมาอีกชั้นหนึ่ง ปิดประตูนั้นแล้วเดินลงบันไดหินอ่อนซึ่งทอดยาวลงไปสู่พื้นดินเบื้องล่าง 24 ขั้นอย่างรีบเร่ง พอลงมาถึงพื้นดินแล้วก็รีบวิ่งไปที่ลานจอดยานบินอันเป็นราชพาหนะส่วนพระองค์ มียานบินสำรองจอดเรียงรายอยู่ประมาณสิบลำ เนรอสตัดสินใจเลือกลำที่มีสมรรถนะดีที่สุด เป็นหนึ่งใน "เดสทรอยเยอร์" ซึ่งกัปตันวันชนะในครั้งที่ยังถูกครอบงำด้วยไสยเวทย์ในอดีตเคยช่วยสร้าง มันจึงมีรูปร่างลักษณะคล้าย THE FUGITIVE อยู่หลายส่วน แต่มีขนาดเล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง และเมื่อเป็นราชพาหนะส่วนพระองค์ ยานลำนี้จึงดูโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ายานลำอื่น และแน่นอนว่ามีสมรรถนะเหนือกว่ายานอื่นๆ ของจักรวรรดิทุกลำ ยกเว้นยานของเร็พไทเลี่ยนอสูรต่างพิภพเท่านั้นที่เหนือกว่ามากมายจนมิอาจเทียบได้!
เนรอสใช้รหัสส่วนตัวในการป้อนข้อมูลเป็นภาษาแอตแลนเชี่ยนที่บริเวณด้านขวาของยานเพื่อสั่งให้ยานเปิดช่องและทอดบันไดลงมาให้ย่างก้าวขึ้นไป ครั้นขึ้นไปบนยานได้แล้วบันไดก็ถูกชักขึ้นไปเก็บ ช่องประตูปิด จากนั้นเจ้าของยานเดินไปนั่ง ณ ที่นั่งนักบิน แล้วบังคับยานบินขึ้นเป็นแนวดิ่งตรงๆ สู่ท้องฟ้าเบื้องบน ก่อนจะพุ่งไปทางทิศเหนือ...
เป้าหมาย...มุ่งหน้าสู่โลโคเทีย !!