*ภาพปกจากพี่ออม รัชต์สารินทร์ค่ะ*
.
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ถึงจะวุ่นวายไปหน่อยก็ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง ยามพบค่ำแสงอาทิตย์หายไปถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากตึกอาคารบ้านเรือน ผู้คนกลางวันพักผ่อน ผ่อนคลายจากการเหนื่อยล้า จากการทำงานมาทั้งวัน และกำลังจะถูกแทนที่ด้วยคนอีกกลุ่ม
อีกกลุ่มที่ว่านั้นเป็นผู้คนกลางคืน ออกท่องราตรี มีบางกลุ่มที่ทำงานตอนกลางคืนนอกจากเที่ยวเล่นสนุก เช่นพวกพีอาร์เชียร์เบียร์ หรือพวกพนักงานโรงงานที่เข้ากะ เวลาพบค่ำแบบนี้ผู้คนก็ยังสัญจรไปมาแน่นหนาอยู่เนืองนิตย์ เพราะเป็นช่วงเลิกงานของใครหลาย ๆ คน รวมทั้งเขาด้วย
อรพินกับมนัสนัดเจอกันหลังเลิกงาน ที่ร้านอาหารแห่งนี้ ไม่หรูหราแค่ร้านธรรมดา ๆ ข้างถนน เป็นร้านอาหารตามสั่ง ที่พิเศษกว่าร้านตามสั่งปกตินิดหน่อย และมันเป็นร้านประจำ อรพินสั่งมาเด็ดขาดต้องร้านนี้ ส่วนเขายังไงก็ได้ ตามใจเธออยู่แล้ว ใจจริงอยากนั่งรถไปรับมาพร้อมกัน อรพินไม่ยอมอยากมาเอง ก็ไม่อยากขัด เขาจึงออกมาเดินเล่นตลาดแถวนี้ไปพลาง ๆ รอเธอมาถึง
การจัดตกแต่งร้านที่พูดถึงถือว่าดี กับข้าวราคาถูก เหมาะแก่พนักงานเงินเดือนอย่างเขา เพื่อใช้เป็นสถานที่นัดพบกันของพวกเขาสองคน และทุกทีที่มาเดินตลาดซื้อของจะต้องแวะกันที่ร้านนี้ ถือเป็นร้านประจำไปในตัว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหากันให้เมื่อย
มนัสออกมารอเธอตามที่นัดกันไว้ ออกมาก่อนล่วงหน้าตั้งหลายนาที ต้องออกมาก่อนอรพินไม่อยากให้เธอต้องรอ เขาต้องเป็นฝ่ายรอถึงจะถูก วันนี้ที่รอคอยมานาน เพียงเพราะอรพินอยากไปเดินตลาด ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างเพื่อให้ได้เจอกัน
มนัสดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว ทว่าคนที่นัดไว้ยังไม่มา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นข้อความจากอรพินว่าน่าจะถึงช้า เขาจึงคลายกังวลลง กลัวว่าเธอจะไม่มาต่างหาก มาช้าไม่เป็นไร ก็ยังดีกว่าไม่มา
พอกลับมาถึงห้องอรพินจัดการเปลี่ยนชุดทำงาน ใส่กางเกงยีนส์เอวสูง เสื้อแขนกุดสีส้มอ่อน ๆ เสื้อแฟชั้นมีโบว์ผูกไว้ด้านหลัง และโชว์หลังนิดหน่อย รับกับกางเกงยีนส์เป็นอย่างดี เธอหยิบแป้งและลิปสติกเติมปากที่ซีด ฉีดน้ำหอมก็โอเคแล้ว ก่อนจะออกเดินทางไปพบมนัสตามที่นัดกันไว้ เมือมาถึงพบว่ามนัสมาถึงก่อนแล้ว
“ทำงานเป็นยังไงบ้างรพิน เพื่อนร่วมงานดีมั้ย” มนัสเปิดประเด็นถามก่อน ระหว่างรอกับข้าวที่สั่ง “ทำไมวันนี้กลับค่ำจัง”
มนัสมองใบหน้าคนตรงหน้า เธอน่ารักไม่เคยเปลี่ยน อรพินไม่เปลี่ยนอะไรเลย ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น สวยขึ้น หรือ เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ขณะตอนที่เรียนไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่เธอคนที่อยู่ตรงหน้าเขา เคยเป็นอย่างไรเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม คลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงวันก่อน ๆ ที่รู้จักกัน
“ก็ยัยอรนะสิ อยากอยู่เล่นฟิตเนส รพินก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนด้วย” เธอเพียงเล่าให้เพื่อนชายฟังเท่านั้น ไม่ได้จะต่อว่าอรอุมาที่ให้อยู่รอด้วย “แล้วนี่มนัสรอรพินนานมั้ย ออกมานานยังขอโทษนะที่ให้รอนาน แล้วที่ทำงานเป็นยังไงมั้ง สบายมั้ย”
อรพินรู้สึกผิดและเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก นัดเวลาหนึ่งมาถึงอีกเวลาหนึ่ง ถ้ามนัสมาตรงเวลาที่คุยกันไว้ เขาต้องรอเธอนานแล้วแน่นอน แต่ก็ยังโกหกว่าไม่เป็นอะไรเหมือนเดิม มนัสก็เป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน
อรพินคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง มนัสคือเพื่อนในสายตาของอรพินเสมอ ถึงแม้ว่าระยะนี้มนัสจะทำให้รู้สึกว่าเขาอยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับเธอ ทว่าก็ยังไม่มีใครพูดอะไร มนัสก็เป็นคนปากหนัก ถึงแม้การกระทำบางอย่างมันจะมากกว่าเพื่อน ทั้งคู่ก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนกัน เป็นความสัมพันธ์แบบคลุมเครืออยู่แบบนี้เรื่อยมา
“ก็โอเคดี ยัยอร! อรใครเหรอ เพื่อนสนิทรพินเหรอ”
“ใช่! เป็นคนที่รพินสนิทที่สุด คือเข้างานพร้อมกันน่ะ พูดคุยถูกคอกันก็เลยสนิทกัน รู้มั้ยยัยอรเป็นน้องสาวผู้จัดการแผนกด้วยนะ ก็เลยไม่มีใครกล้ายุ่งกับรพินกับอรเท่าไหร่”
“แหม! เด็กเส้นนี่หว่า” มนัสได้ทีแกล้งแซวอรพินซะเลย นัยน์ตาฉายแววมีความสุข ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสแบบนี้ เนื่องจากต่างคนต่างทำงาน ไม่ต่างจากเธอที่วันนี้ได้ออกมาเที่ยวชมแสงสีตอนกลางคืนของเมืองหลวง อยากชวนมนัสมาหลายครั้งก็ไม่กล้า วันนี้ลองชวนมนัสตอบตกลงเธอดีใจมาก
“ไม่ใช่! ก็นิดนึง” อรพินหัวเราะ ยกมือขึ้นมาทำท่าทางประกอบการพูดนิดหนึ่งของตนเองด้วย ทั้งคู่คุยกันระหว่างรอกับข้าวที่สั่ง ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะตรงหน้าทั้งสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวด้วยความหิว
“เดี๋ยวว่าง ๆ รพินจะพาอรมาแนะนำให้มนัสรู้จักนะ” อรพินพูดขึ้น เธอวางช้อนลงบนจานข้าว หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก เป็นสัญญาณบอกว่าอิ่มแล้วหลังทานไปสักพัก ส่วนมนัสยังทานเรื่อย ๆ
“อือดีเลย อ้าวนี่อิ่มแล้วเหรอ” มนัสมองเธอ เห็นเธอวางช้อนไว้บนจานข้าว ไม่ทานต่อ “รพินพึ่งกินไปนิดเดียวเอง จะกลัวอ้วนไปไหนเนี่ย” ความเป็นกันเองของพวกเธอสองคน มีมากกว่าตอนเรียนด้วยซ้ำ
“รพินอิ่มแล้ว มนัสทานต่อเลย”
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
เกือบชั่วโมงที่ทั้งสองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน คุยกันไปด้วย เอาเข้าจริงมนัสก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหากอรพินจะคบกับเขา เธอแอบมองเขาระหว่างนั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร ใบหน้ารูปไข่ ผิวเนียน ตาตี่ ๆ สไตล์คนจีน ทรงผมลองทรงต่ำดกดำ ก็ถือว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง หน้าที่การงานก็ถือว่าดี เธอจะรับไว้พิจารณา อรพินนึกในใจและปรายตามองเขา
ทว่าความสัมพันธ์ไม่รู้เป็นแบบไหน ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเช่นกัน หลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเห็นคงไม่เชื่อหากจะบอกว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน มนัสก็ไม่เคยจะขอเขาเป็นแฟนสักที อรพินก็ไม่กล้าคิดไปไกล เพื่อนก็คือเพื่อน ก็แค่บังเอิญเรียนจบมาทำงานใกล้ ๆ กันเท่านั้นเอง นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้มนัสคุยกับเธอก็ได้
“รพินที่ทำงานผู้ชายเยอะมั้ย มีใครมาขายขนมจีบให้หรือยัง” เขาถามรพินเมื่ออิ่มแล้ว วางช้อนไว้ที่จาน หยิบแก้วน่ำขึ้นมาดื่ม รอฟังคำตอบจากเธอ
“ทำไม! บ้า! ใครจะมาจีบรพิน ไม่มีหรอก”
“เหรอ” มนัสยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ “ดีแล้ว เรากลับกันเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวเราไปส่งรพินเอง”
“อือ ก็ได้”
แล้วทั้งคู่ก็ลุกเดินไปจากร้านอาหาร กลับห้องพักของตนเอง ก่อนกลับพวกเธอแวะเดินตลาดใกล้ ๆ เขาเดินตามหลังเธอ โดยให้เธอเดินนำหน้าไป อรพินเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อผ้า เธอไม่ติดหรูใส่อย่างไรก็ได้ ถูกและสวยเธอชอบมาก โดยมีมนัสเป็นคนถือของให้ เขาทำโดยไม่บ่นสักคำ
“นี่ ๆ รพินพอแล้ว จะซื้อไปขายหรือไง”
“ก็รพินสวย รพินชอบ” อรพินหันมายิ้มแก้เขินให้เพื่อน ที่โดนแซว แม่ค้าก็ยิ้มตาม คงนึกว่าเธอสองคนเป็นแฟนกัน
“กลับกันเถอะดึกแล้ว พรุ่งนี้รพินไม่หยุดหนิ”
“ก็ได้”
มนัสนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอถึงห้องพัก เขาค่อยวนกลับมาห้องตัวเอง อรพินกลับถึงห้องจริง ๆ ก็ปาเข้าไปสามทุ่ม เธอรีบอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อเข้านอน แต่นอนไม่หลับ บ้างก็นึกถึงมนัส บ้างก็นึกถึงใบหน้าผู้ชายคนนั้น นึกถึงอรรถพลพี่ชายของอรอุมา
สายตาคู่นั้นที่มองเธอ บางครั้งเธอแอบปะทะสายตากับเขาเข้าอย่างจัง แปลว่าพี่ของอรอุมาแอบมองตนเองอยู่อย่างนั้นหรือ ทำไมเขาต้องมองเธอแบบนั้นด้วย เธอไม่ชอบสายตาคู่นั้น ไม่ชอบที่เขาคอยแอบมอง อึดอัดแบบที่เธอก็อธิบายไม่ถูก รู้แค่ตนเองไม่ชอบที่เขามอง
“นี่เราเป็นบ้าอะไรเนี่ย นึกถึงแต่หน้าพี่อรรถอยู่ได้ “
อรพินบ่นกับตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นคร่าเวลา เพราะข่มตาให้หลับยังไงก็หลับไม่ลง เห็นมนัสส่งข้อความบอกฝันดี เธอแค่อ่านไม่ได้ตอบกลับ “คนนี้ก็เหมือนกัน จะเอายังไงกับชั้นกันแน่ มีแฟนก่อนจะมาเสียดายทีหลังไม่ได้นะ”
อรพินเพียงพูดขำ ๆ คนเดียวไปเท่านั้นบนที่นอน ไม่ได้รอคอยคำขอเป็นแฟนจากมนัส เธอพูดเพราะนึกถึงการกระทำของมนัสที่ปฏิบัติกับตนเองอย่างคนเป็นแฟนกัน แต่ไม่เคยเอ่ยขอเป็นแฟนเลยสักครั้ง
อรพินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง คิดไปเรื่อยเปื่อย ต่าง ๆ นานากว่าจะพาตัวเองหลับไปได้ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า พรุ่งนี้เธอจะต้องไม่เข้าผิดชั้นอีก เธอสัญญากับตัวเอง ก่อนจะผล็อยหลับไป ตื่นอีกทีหกโมงเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ที่ตั้งจากโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ
จบบท...
โซ่รัก บทที่ 3
*ภาพปกจากพี่ออม รัชต์สารินทร์ค่ะ*
.
ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ถึงจะวุ่นวายไปหน่อยก็ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง ยามพบค่ำแสงอาทิตย์หายไปถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากตึกอาคารบ้านเรือน ผู้คนกลางวันพักผ่อน ผ่อนคลายจากการเหนื่อยล้า จากการทำงานมาทั้งวัน และกำลังจะถูกแทนที่ด้วยคนอีกกลุ่ม
อีกกลุ่มที่ว่านั้นเป็นผู้คนกลางคืน ออกท่องราตรี มีบางกลุ่มที่ทำงานตอนกลางคืนนอกจากเที่ยวเล่นสนุก เช่นพวกพีอาร์เชียร์เบียร์ หรือพวกพนักงานโรงงานที่เข้ากะ เวลาพบค่ำแบบนี้ผู้คนก็ยังสัญจรไปมาแน่นหนาอยู่เนืองนิตย์ เพราะเป็นช่วงเลิกงานของใครหลาย ๆ คน รวมทั้งเขาด้วย
อรพินกับมนัสนัดเจอกันหลังเลิกงาน ที่ร้านอาหารแห่งนี้ ไม่หรูหราแค่ร้านธรรมดา ๆ ข้างถนน เป็นร้านอาหารตามสั่ง ที่พิเศษกว่าร้านตามสั่งปกตินิดหน่อย และมันเป็นร้านประจำ อรพินสั่งมาเด็ดขาดต้องร้านนี้ ส่วนเขายังไงก็ได้ ตามใจเธออยู่แล้ว ใจจริงอยากนั่งรถไปรับมาพร้อมกัน อรพินไม่ยอมอยากมาเอง ก็ไม่อยากขัด เขาจึงออกมาเดินเล่นตลาดแถวนี้ไปพลาง ๆ รอเธอมาถึง
การจัดตกแต่งร้านที่พูดถึงถือว่าดี กับข้าวราคาถูก เหมาะแก่พนักงานเงินเดือนอย่างเขา เพื่อใช้เป็นสถานที่นัดพบกันของพวกเขาสองคน และทุกทีที่มาเดินตลาดซื้อของจะต้องแวะกันที่ร้านนี้ ถือเป็นร้านประจำไปในตัว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหากันให้เมื่อย
มนัสออกมารอเธอตามที่นัดกันไว้ ออกมาก่อนล่วงหน้าตั้งหลายนาที ต้องออกมาก่อนอรพินไม่อยากให้เธอต้องรอ เขาต้องเป็นฝ่ายรอถึงจะถูก วันนี้ที่รอคอยมานาน เพียงเพราะอรพินอยากไปเดินตลาด ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างเพื่อให้ได้เจอกัน
มนัสดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว ทว่าคนที่นัดไว้ยังไม่มา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นข้อความจากอรพินว่าน่าจะถึงช้า เขาจึงคลายกังวลลง กลัวว่าเธอจะไม่มาต่างหาก มาช้าไม่เป็นไร ก็ยังดีกว่าไม่มา
พอกลับมาถึงห้องอรพินจัดการเปลี่ยนชุดทำงาน ใส่กางเกงยีนส์เอวสูง เสื้อแขนกุดสีส้มอ่อน ๆ เสื้อแฟชั้นมีโบว์ผูกไว้ด้านหลัง และโชว์หลังนิดหน่อย รับกับกางเกงยีนส์เป็นอย่างดี เธอหยิบแป้งและลิปสติกเติมปากที่ซีด ฉีดน้ำหอมก็โอเคแล้ว ก่อนจะออกเดินทางไปพบมนัสตามที่นัดกันไว้ เมือมาถึงพบว่ามนัสมาถึงก่อนแล้ว
“ทำงานเป็นยังไงบ้างรพิน เพื่อนร่วมงานดีมั้ย” มนัสเปิดประเด็นถามก่อน ระหว่างรอกับข้าวที่สั่ง “ทำไมวันนี้กลับค่ำจัง”
มนัสมองใบหน้าคนตรงหน้า เธอน่ารักไม่เคยเปลี่ยน อรพินไม่เปลี่ยนอะไรเลย ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น สวยขึ้น หรือ เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ขณะตอนที่เรียนไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่เธอคนที่อยู่ตรงหน้าเขา เคยเป็นอย่างไรเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม คลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงวันก่อน ๆ ที่รู้จักกัน
“ก็ยัยอรนะสิ อยากอยู่เล่นฟิตเนส รพินก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนด้วย” เธอเพียงเล่าให้เพื่อนชายฟังเท่านั้น ไม่ได้จะต่อว่าอรอุมาที่ให้อยู่รอด้วย “แล้วนี่มนัสรอรพินนานมั้ย ออกมานานยังขอโทษนะที่ให้รอนาน แล้วที่ทำงานเป็นยังไงมั้ง สบายมั้ย”
อรพินรู้สึกผิดและเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก นัดเวลาหนึ่งมาถึงอีกเวลาหนึ่ง ถ้ามนัสมาตรงเวลาที่คุยกันไว้ เขาต้องรอเธอนานแล้วแน่นอน แต่ก็ยังโกหกว่าไม่เป็นอะไรเหมือนเดิม มนัสก็เป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเช่นกัน
อรพินคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง มนัสคือเพื่อนในสายตาของอรพินเสมอ ถึงแม้ว่าระยะนี้มนัสจะทำให้รู้สึกว่าเขาอยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับเธอ ทว่าก็ยังไม่มีใครพูดอะไร มนัสก็เป็นคนปากหนัก ถึงแม้การกระทำบางอย่างมันจะมากกว่าเพื่อน ทั้งคู่ก็ยังไม่ตกลงเป็นแฟนกัน เป็นความสัมพันธ์แบบคลุมเครืออยู่แบบนี้เรื่อยมา
“ก็โอเคดี ยัยอร! อรใครเหรอ เพื่อนสนิทรพินเหรอ”
“ใช่! เป็นคนที่รพินสนิทที่สุด คือเข้างานพร้อมกันน่ะ พูดคุยถูกคอกันก็เลยสนิทกัน รู้มั้ยยัยอรเป็นน้องสาวผู้จัดการแผนกด้วยนะ ก็เลยไม่มีใครกล้ายุ่งกับรพินกับอรเท่าไหร่”
“แหม! เด็กเส้นนี่หว่า” มนัสได้ทีแกล้งแซวอรพินซะเลย นัยน์ตาฉายแววมีความสุข ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสแบบนี้ เนื่องจากต่างคนต่างทำงาน ไม่ต่างจากเธอที่วันนี้ได้ออกมาเที่ยวชมแสงสีตอนกลางคืนของเมืองหลวง อยากชวนมนัสมาหลายครั้งก็ไม่กล้า วันนี้ลองชวนมนัสตอบตกลงเธอดีใจมาก
“ไม่ใช่! ก็นิดนึง” อรพินหัวเราะ ยกมือขึ้นมาทำท่าทางประกอบการพูดนิดหนึ่งของตนเองด้วย ทั้งคู่คุยกันระหว่างรอกับข้าวที่สั่ง ไม่นานพนักงานเสิร์ฟก็ยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะตรงหน้าทั้งสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวด้วยความหิว
“เดี๋ยวว่าง ๆ รพินจะพาอรมาแนะนำให้มนัสรู้จักนะ” อรพินพูดขึ้น เธอวางช้อนลงบนจานข้าว หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก เป็นสัญญาณบอกว่าอิ่มแล้วหลังทานไปสักพัก ส่วนมนัสยังทานเรื่อย ๆ
“อือดีเลย อ้าวนี่อิ่มแล้วเหรอ” มนัสมองเธอ เห็นเธอวางช้อนไว้บนจานข้าว ไม่ทานต่อ “รพินพึ่งกินไปนิดเดียวเอง จะกลัวอ้วนไปไหนเนี่ย” ความเป็นกันเองของพวกเธอสองคน มีมากกว่าตอนเรียนด้วยซ้ำ
“รพินอิ่มแล้ว มนัสทานต่อเลย”
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
เกือบชั่วโมงที่ทั้งสองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน คุยกันไปด้วย เอาเข้าจริงมนัสก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหากอรพินจะคบกับเขา เธอแอบมองเขาระหว่างนั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร ใบหน้ารูปไข่ ผิวเนียน ตาตี่ ๆ สไตล์คนจีน ทรงผมลองทรงต่ำดกดำ ก็ถือว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง หน้าที่การงานก็ถือว่าดี เธอจะรับไว้พิจารณา อรพินนึกในใจและปรายตามองเขา
ทว่าความสัมพันธ์ไม่รู้เป็นแบบไหน ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเช่นกัน หลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเห็นคงไม่เชื่อหากจะบอกว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน มนัสก็ไม่เคยจะขอเขาเป็นแฟนสักที อรพินก็ไม่กล้าคิดไปไกล เพื่อนก็คือเพื่อน ก็แค่บังเอิญเรียนจบมาทำงานใกล้ ๆ กันเท่านั้นเอง นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้มนัสคุยกับเธอก็ได้
“รพินที่ทำงานผู้ชายเยอะมั้ย มีใครมาขายขนมจีบให้หรือยัง” เขาถามรพินเมื่ออิ่มแล้ว วางช้อนไว้ที่จาน หยิบแก้วน่ำขึ้นมาดื่ม รอฟังคำตอบจากเธอ
“ทำไม! บ้า! ใครจะมาจีบรพิน ไม่มีหรอก”
“เหรอ” มนัสยิ้มและไม่ได้พูดอะไรต่อ “ดีแล้ว เรากลับกันเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวเราไปส่งรพินเอง”
“อือ ก็ได้”
แล้วทั้งคู่ก็ลุกเดินไปจากร้านอาหาร กลับห้องพักของตนเอง ก่อนกลับพวกเธอแวะเดินตลาดใกล้ ๆ เขาเดินตามหลังเธอ โดยให้เธอเดินนำหน้าไป อรพินเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อผ้า เธอไม่ติดหรูใส่อย่างไรก็ได้ ถูกและสวยเธอชอบมาก โดยมีมนัสเป็นคนถือของให้ เขาทำโดยไม่บ่นสักคำ
“นี่ ๆ รพินพอแล้ว จะซื้อไปขายหรือไง”
“ก็รพินสวย รพินชอบ” อรพินหันมายิ้มแก้เขินให้เพื่อน ที่โดนแซว แม่ค้าก็ยิ้มตาม คงนึกว่าเธอสองคนเป็นแฟนกัน
“กลับกันเถอะดึกแล้ว พรุ่งนี้รพินไม่หยุดหนิ”
“ก็ได้”
มนัสนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอถึงห้องพัก เขาค่อยวนกลับมาห้องตัวเอง อรพินกลับถึงห้องจริง ๆ ก็ปาเข้าไปสามทุ่ม เธอรีบอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อเข้านอน แต่นอนไม่หลับ บ้างก็นึกถึงมนัส บ้างก็นึกถึงใบหน้าผู้ชายคนนั้น นึกถึงอรรถพลพี่ชายของอรอุมา
สายตาคู่นั้นที่มองเธอ บางครั้งเธอแอบปะทะสายตากับเขาเข้าอย่างจัง แปลว่าพี่ของอรอุมาแอบมองตนเองอยู่อย่างนั้นหรือ ทำไมเขาต้องมองเธอแบบนั้นด้วย เธอไม่ชอบสายตาคู่นั้น ไม่ชอบที่เขาคอยแอบมอง อึดอัดแบบที่เธอก็อธิบายไม่ถูก รู้แค่ตนเองไม่ชอบที่เขามอง
“นี่เราเป็นบ้าอะไรเนี่ย นึกถึงแต่หน้าพี่อรรถอยู่ได้ “
อรพินบ่นกับตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นคร่าเวลา เพราะข่มตาให้หลับยังไงก็หลับไม่ลง เห็นมนัสส่งข้อความบอกฝันดี เธอแค่อ่านไม่ได้ตอบกลับ “คนนี้ก็เหมือนกัน จะเอายังไงกับชั้นกันแน่ มีแฟนก่อนจะมาเสียดายทีหลังไม่ได้นะ”
อรพินเพียงพูดขำ ๆ คนเดียวไปเท่านั้นบนที่นอน ไม่ได้รอคอยคำขอเป็นแฟนจากมนัส เธอพูดเพราะนึกถึงการกระทำของมนัสที่ปฏิบัติกับตนเองอย่างคนเป็นแฟนกัน แต่ไม่เคยเอ่ยขอเป็นแฟนเลยสักครั้ง
อรพินนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงกว้าง คิดไปเรื่อยเปื่อย ต่าง ๆ นานากว่าจะพาตัวเองหลับไปได้ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า พรุ่งนี้เธอจะต้องไม่เข้าผิดชั้นอีก เธอสัญญากับตัวเอง ก่อนจะผล็อยหลับไป ตื่นอีกทีหกโมงเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ที่ตั้งจากโทรศัพท์มือถือนั่นแหละ
จบบท...