เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวที่น่ายินดีเกิดขึ้นในวงการฟุตบอล เมื่อ
มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิอังกฤษในระดับ
MBE (Mamber of the Most Excellent Order of the British Empire) จากการผลักดันโครงการอาหารกลางวันสำหรับเด็กยากไร้ในอังกฤษ แต่หากเราย้อนกลับไป 5-6 ปีก่อน มีแข้งรายหนึ่งเคยรณรงค์เกี่ยวกับอาหารของผู้ยากไร้ทั่วโลก ซึ่งผมคิดว่าเรื่องที่เขาทำมันก็สุดยอดไม่ต่างจากเจ้าหนูแรชชี่เลย ชายคนนั้นก็คือ
สลาตัน อิบราฮิโมวิช ผู้อุทิศร่างกายจารึกรอยสักช่วยเหลือผู้คนที่หิวโหยทั่วโลก
ย้อนกลับไปในปี
2015 มีการแข่งขันระหว่าง เปเอสเช VS ก็อง หลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา สกอร์ที่ออกมาคือ 2-2 แต่ทว่าผู้คนทั่วโลกกลับไม่ได้สนใจสกอร์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย หากแต่ผู้คนต่างพูดถึงรอยสักบนร่างกายของ GOD สลาตัน หลายๆ คนตั้งข้อสงสัยว่าเขาสักเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่???
ที่ต้องตั้งข้อสงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เพราะว่าจริงๆ แล้ว เดิมเขามีรอยสักเพียงแค่นี้
จนกระทั่งสลาตันออกมาเฉลยในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ
“805millionnames” ขององค์กร
WFP (World Food Programme)
“ ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนคนก็จำผมได้ และเรียกชื่อผม เชียร์ผม แต่ยังมีชื่อคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจที่จะจดจำอีก 805 ล้านคน พวกเขาทุกข์ทรมานจากความหิวโหย” สลาตันกล่าว
“ ผมมีผู้สนับสนุนอยู่ทั่วโลก จากนี้ไปผมต้องการให้การสนับสนุนผู้คนเหล่านี้รวมถึงผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหย พวกเขาคือผู้ชนะที่แท้จริง ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ยินชื่อของผมคุณจะนึกถึงชื่อของพวกเขา”
Carmen, Mariko, Antoine, Sawsan, Chheuy, Lida, Siatta, Rahma, Yaae ชื่อเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่บนร่างกายสลาตัน ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นชื่อของผู้ยากไร้ที่มีอยู่จริงทั่วโลก!!!
หลังจากนั้นเมื่อสลาตันย้ายไปเล่นกับ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอยสักเหล่านั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเขาบอกในงานแถลงข่าวสโมสรว่า
"ผมมีรอยสักแบบที่ลบได้บนร่างกาย เป็นชื่อจริงของผู้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดอาหารในโลกนี้" สลาตันกล่าวหลังถูกถามถึงรอยสักดังกล่าว
"รอยสักเหล่านั้นหายไปแล้ว แต่คนพวกนั้นยังอยู่ ผมหวังว่า คุณจะได้เห็นมันผ่านการปรากฏตัวของผม"
เรื่องราวทั้งหมดนี้หลายท่านอาจจะพอทราบมาบ้างแล้ว แต่ผมต้องการจะบอกทุกท่านว่า สิ่งที่สลาตันทำในวันนั้น ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่แรชฟอร์ดทำในวันนี้ แรชฟอร์ดผลักดันโครงการของอาหารกลางวันจนประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง ก็เพราะมีกระแสโซเชี่ยลคอยหนุนหลัง ซึ่งแตกต่างกับสลาตันที่ไม่มีใครหนุนหลังเขามากนักในเวลานั้น แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบใดก็ตาม นักฟุตบอลเหล่านี้ต่างทำลงไปด้วยใจที่มีความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์
บนโลก พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่พวกเขายังเป็นคนที่มีจิตใจงดงามอีกด้วย

.
.
.
เขียนโดย FootballWorm
สลาตันผู้อุทิศร่างกายเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั่วโลก
ย้อนกลับไปในปี 2015 มีการแข่งขันระหว่าง เปเอสเช VS ก็อง หลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา สกอร์ที่ออกมาคือ 2-2 แต่ทว่าผู้คนทั่วโลกกลับไม่ได้สนใจสกอร์ดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย หากแต่ผู้คนต่างพูดถึงรอยสักบนร่างกายของ GOD สลาตัน หลายๆ คนตั้งข้อสงสัยว่าเขาสักเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่???
ที่ต้องตั้งข้อสงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เพราะว่าจริงๆ แล้ว เดิมเขามีรอยสักเพียงแค่นี้
จนกระทั่งสลาตันออกมาเฉลยในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “805millionnames” ขององค์กร WFP (World Food Programme)
“ ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนคนก็จำผมได้ และเรียกชื่อผม เชียร์ผม แต่ยังมีชื่อคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจที่จะจดจำอีก 805 ล้านคน พวกเขาทุกข์ทรมานจากความหิวโหย” สลาตันกล่าว
“ ผมมีผู้สนับสนุนอยู่ทั่วโลก จากนี้ไปผมต้องการให้การสนับสนุนผู้คนเหล่านี้รวมถึงผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหย พวกเขาคือผู้ชนะที่แท้จริง ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ยินชื่อของผมคุณจะนึกถึงชื่อของพวกเขา”
Carmen, Mariko, Antoine, Sawsan, Chheuy, Lida, Siatta, Rahma, Yaae ชื่อเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่บนร่างกายสลาตัน ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นชื่อของผู้ยากไร้ที่มีอยู่จริงทั่วโลก!!!
หลังจากนั้นเมื่อสลาตันย้ายไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอยสักเหล่านั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเขาบอกในงานแถลงข่าวสโมสรว่า
"ผมมีรอยสักแบบที่ลบได้บนร่างกาย เป็นชื่อจริงของผู้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดอาหารในโลกนี้" สลาตันกล่าวหลังถูกถามถึงรอยสักดังกล่าว
"รอยสักเหล่านั้นหายไปแล้ว แต่คนพวกนั้นยังอยู่ ผมหวังว่า คุณจะได้เห็นมันผ่านการปรากฏตัวของผม"
เรื่องราวทั้งหมดนี้หลายท่านอาจจะพอทราบมาบ้างแล้ว แต่ผมต้องการจะบอกทุกท่านว่า สิ่งที่สลาตันทำในวันนั้น ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่แรชฟอร์ดทำในวันนี้ แรชฟอร์ดผลักดันโครงการของอาหารกลางวันจนประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง ก็เพราะมีกระแสโซเชี่ยลคอยหนุนหลัง ซึ่งแตกต่างกับสลาตันที่ไม่มีใครหนุนหลังเขามากนักในเวลานั้น แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบใดก็ตาม นักฟุตบอลเหล่านี้ต่างทำลงไปด้วยใจที่มีความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์
บนโลก พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นนักฟุตบอลที่ดี แต่พวกเขายังเป็นคนที่มีจิตใจงดงามอีกด้วย
.
.
.
เขียนโดย FootballWorm