เพื่อนไม่เก่า

กระทู้สนทนา
ขออนุญาตเจ้าของภาพค่ะ

.


               เรื่องสั้นเรื่องนี้มีคำหยาบคาย คนที่อ่อนโยนไม่ควรอ่าน เราเตือนคุณแล้วนะ! และเรื่องสั้นเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน บุคคลและสถานที่ไม่มีอยู่จริงค่ะ

               นาฬิกาไขลานติดฝาผนังออฟฟิศส่งเสียงบอกเวลาว่า 19.00 น. แยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้ค่อยมาสู้ต่อ แสงระวีรีบเก็บข้าวของส่วนตัว กระเป๋าถือ กระเป๋าเครื่องสำอาง กุญแจรถ เอามาวางกอง ๆ กันไว้ที่โต๊ะ รอลงเวลาเลิกงาน เพราะเธอติดละครเรื่องโซ่รักมาก จะพลาดแม้แต่ตอนเดียวก็ไม่ได้ ทั้งที่มันดูย้อนหลังก็ได้ ทว่าแสงระวีไม่ชอบดู ชอบดูสด ๆ

               เมื่อบึ่งรถมาถึงอพาร์ตเมนต์ จอดรถได้รีบวิ่งขึ้นบันไดมายังห้องพักของตน เคาะป๊อก ๆ รัว ๆ เกือบจะทุบก็ว่าได้เพื่อให้เพื่อนเปิดประตูให้ วันนี้เธอทำเวลาได้ดีมาก เหลือตั้ง 30 นาทีกว่าละครจะออนแอร์

               “เคาะเบา ๆ ก็ได้ปะ” คนในห้องเปิดประตูให้ แถมยังบ่นให้ด้วยสองสามคำ คนโดนดุไม่รอฟังวิ่งพรวดเข้ามาในห้อง วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะคอม มีแค่โต๊ะส่วนคอมสงสัยอยากไปอยู่ร้านขายของเก่า เปิดไม่ติดสักที เธอเองก็ไม่ได้สนใจจะซ่อมด้วยปล่อยไว้ให้ฝุ่นเกาะอย่างนั้นแหละ

               แสงระวีรีบเปิดทีวีช่องประจำทันที โซ่รักกำลังจะเล่น เจ้ากรรม! พระเจ้าจอร์ดมันไม่ได้ยอดมากหรอก รายการที่กำลังเล่นอยู่ ขึ้นข้อบ่งชี้ว่าวันนี้งดออนแอร์ละครเรื่องโซ่รักหนึ่งวัน อาจจะสองวันสามวันแล้วแต่อารมณ์ผู้กำกับ หึหึ! อรรถพลของแสงระวี เลยไม่ได้เจอกันเลย อรรถพลคือชื่อพระเอกในดวงใจของเธอ เธอทำได้แค่บ่นอุบอิบแบบเสียดาย

               “อรรถพลหรือจะสู้พชร” เพื่อนร่วมห้องของเธอพูดเย้าแหย่แบบสะใจ ที่เธอผิดหวังจากละครเรื่องโปรด

               “จ้าพ่อคนหล่อ” เธอยอมได้ที่ไหน พูดประชดคืน

               หลังจากนั้นก็ไม่ลืมที่จะออกกำลังกายก่อนนอนทุกวัน เธอเปลี่ยนชุดทำงานใส่กางเกงเลคกิ้งสีดำ สปอร์ตบาร์สีดำ เพราะมันเป็นชุดคู่กัน ปูพรมสีชมพูที่พื้นห้อง นาทีนี้เปลี่ยนห้องให้เป็นฟิตเนส จัดการทำแพงค์กิ้งตามยูทูป 10 นาที 3 เซ็ต ทุกวันแค่นี้ก็ได้หุ่นที่ต้องการแล้ว

               “หยุดออกกำลังกายได้แล้วตัวเอง เดี๋ยวผอมไปมากกว่านี้ จับไม่เต็มไม่เต็มมือเหมือนเมื่อก่อนเลย”

               “เอ๋าบักห่า”
               (ไอ้บ้า) เธออุทานโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็ด่าไปแล้ว  “ไม่ เค้าอยากผอมมากกว่านี้ “ เธอยิ้มให้เพื่อน พูดอะไรก็ไม่รู้ ผอมแหละดี จะมาอ้วนอะไร

               “ตัวเองกลับมากินยาตัวเดิมใช่มั้ย ผอมเชียว! กลับไปกินยาตัวนั้นเลย อ้วน ๆ กำลังดี ยาตัวเดิมไม่ดีกินแล้วผอม”

               “บ่! ทางใดเขามีตะอยากได้คนหุ่นดี ๆ “
              (ไม่! คนอื่นเค้ามีแต่อยากได้คนผอม ๆ )

               แล้วแสงระวีก็ไม่สนใจเพื่อนอีก ตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายไป ส่วนเพื่อนก็เล่นเกมไป “เฮ้ย ๆ บ้านหลังคาแดง ๆ เก้า ๆ คูณสาม ๆ ใช้กล้องคูณสามยิง” มันบ้าเกมมากเลยนะ เลิกงานมาแทบจะไม่ทำอะไรเลย

               “เล่นเบา ๆ ได้ปะ หูฟังมีก็รู้จักใช้บ้าง “ เธอบ่นให้ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ ไม่สนใจเอาคำตอบจากคนที่โดนเธอบ่น หลังจากออกกำลังกายเสร็จ อาบน้ำเสร็จ ก็มานอนเล่นมือถือบนที่นอนตามปกติ และก็เข้าอ่านนิยายเป็นปกติของเธอ

               “โอย! ตัวเองใส่ชุดนอนไม่ได้นอนบ้างสิ ใส่ชุดกีฬานอนอีกและ ชอบมากเหรอ! ผีกาก ๆ น่ะ เมิดอารมณ์เลยกุ!(หมดอารมณ์เลยกู)

               เสียงหัวเราะดังแทรกมาจากโทรศัพท์ที่เพื่อนเล่นเกมอยู่ ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ก็เพื่อนรู้จักกันทั้งนั้น แสงระวีทำได้แค่หัวเราะ พูดอะไรไม่ออก

                “มืงก็หาซื้อมาซี้ ชุดพยาบงพยาบาลมืงก็ซื้อมาให้เมียใส่สิ”

               นั่นไง! ไอ้เก้าโผล่หัวมาจากโทรศัพท์แล้ว ทว่าเธอก็ไม่สนใจ นอนเล่นโทรศัพท์คนละมุมกับเพื่อนร่วมห้อง อยากคุยกับพี่เมธีสักหน่อยก็ไม่กล้า รอพรุ่งนี้เที่ยงดีกว่า เห็นพิมพ์อะไรเงียบ ๆ นาน ๆ หน่อยไม่ได้ เพื่อนชอบโผล่หน้ามาดูตอนเผลออยู่เรื่อยเลย

               “อี่ปุ้มชอบใส่ใช่ปะ” เธอเอาคืนบ้างเรื่องอะไรจะยอมให้พูดอยู่คนเดียว ปุ้มคือภรรยาของเก้า และเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วย จึงค่อนข้างพูดไม่ค่อยไพเราะกัน

               “เฮ้ย! อย่าให้แสงระวีต้องพูด เงียบ ๆ น่ะดีแล้ว” เพื่อนร่วมห้องของเธอแซว ตกลงอยู่ข้างใครกันแน่วะ แสงระวีมองค้อนให้

               “แสงระวีอย่าลืมมางานแต่งโสรญานา”

               โสรญาเพื่อนรัก เพื่อนเลิฟ สมัยเรียน ม.ต้นทักแชทมาหา เธอตาลุกวาวกับคำพูดของเพื่อน ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ดีใจแทนเพื่อน งานแต่งเธอโสรญาก็มาร่วมยินดี มีหรืองานแต่งเพื่อนเธอจะไม่ไป

               “วันไหน บอกมาเลยจะได้ลาล่วงหน้า”

               ความรักของแสงระวีกับพชร ยังแพ้ความรักโสรญากับปิติพงษ์ คู่นี้คบกันมาตั้งแต่เรียน ม.1 จนตอนนี้จะแต่งงานกันแล้ว แสงระวีตามหลังโสรญาอยู่สามสี่ปีถ้านับจำนวนคร่าว ๆ

               เมื่อเพื่อนเก่ามีโอกาสคุยกันก็มีเรื่องให้คุยตั้งมากมาย จนต้องวิดีโอคอลคุยกันเลย “วีมืงจำอี่ปูเป้ได้ปะ มันแอ็ดเพื่อนกูมาเว้ย มันรู้ว่าพวกกูจะแต่งงานกันมั้ง”

               “จำได้มืง อี่เป้มันชอบพงษ์”

               “กล้าแอ็ดกูมากูก็กล้ารับ โพสต์แขวะกูด้วยมืง คือปัญญาอ่อนมาก กูไม่เคยเห็นใครปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้” โสรญาเม้าส์บุคคลที่สามอย่างถึงพริกถึงขิง แสงระวีก็ตั้งอกตั้งใจฟังมาก เรื่องของเพื่อนคือเรื่องของเรา ปูเป้คือคนที่ชอบพงษ์ก่อนโสรญาตอน ม.1 แต่พงษ์เลือกโสเพื่อนของเธอ

               “ยินดีด้วยนะ กับของเก่า ๆ อะไรของมัน” โสรญาพูดจิบปากจิบคอ

               “มืงกูก็เจอคนปัญญาอ่อนเว้ย แต่คนละแบบกับมืง” แสงระวีพูดเรื่องเพื่อนร่วมงานให้เพื่อนเก่าฟังบ้าง เธอก็กำลังจะเหลืออด หรือเปล่า ฮา!

               “แบบไหน ๆ เล่ามา ๆ “ นั่นไงโสรญายังนิสัยเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

               “แมร่งปัญญาอ่อนมากเว้ย เฮี่ยไม่ยอมจบ คือแบบทะเลาะกับกู ด่ากับกูนี่แหละ”

               “แล้วไงต่อ”

               “ตอนแรกกูก็ไม่ได้คิดอะไร มืง! คือกูแบบคิดว่าตัวเองไม่ได้พูดแรงเว้ย แต่มันดันแรง ส่องกระจกดูเงาตัวเองบ้างอะไรแบบนี้”

               “แรงยังไงวะ” โสรญาไม่เข้าใจ กับคำว่าส่องกระจกมันดูแรงตรงไหน

               “แรงแบบผู้ดีไงมืง ถ้าแบบเรา ๆ ต้องอี่ห่าอี่ผีอะไรแบบนี้ใช่ปะ สัตว์อะไรแบบนี้ เชี้ยอะไรแบบนี้ นี่คือแรงเรา มันเงียบนะวันนั้น ที่กูมารู้ว่ามันโกรธเพราะไรรู้ปะ มันทักหาคนอื่นเว้ย หาเพื่อนร่วมงานกูอีกคนอ่ะ ว่าจะฟ้องกูมืง อี่ห่า! คือกูขำมาก”

               โสรญาหัวเราะกับคำพูดของเธอ “แล้วมันฟ้องมืงปะ”

               “ไม่! ตอนแรกกูก็คิดมาก แบบพูดแค่นี้ฟ้องเหรออะไรแบบนี้ แบบงงอ่ะมืง คือฟ้องอะไร เอาอะไรไปฟ้อง คือกูงงมากกว่า”

               “แล้ว”!

               “กูก็เลยเอาไปถามไอ้แมนเพื่อน ม.ปลายกูอ่ะ มันจบนิติเว้ย ให้มันดูให้ว่าฟ้องได้ปะ มันหัวเราะกู มันบอกเอาอะไรมาให้กูฟ้อง กูเลยว่าไม่รู้อี่สัตว์นี่มันจะฟ้องกู สรุปมันบอกฟ้องไม่ได้ เพื่อนร่วมงานกูเค้าก็เอาไปถามเพื่อนเค้า เพิ่นก็บอกฟ้องไม่ได้ กูก็สบายใจ กูก็จบไป เงียบไป กูก็นึกว่าไม่มีอะไรละ ต่างคนต่างอยู่อะไรงี้”

               “สรุปมันไม่จบใช่มั้ย” โสรญาเกลอเก่ารู้ทันอีกละ “ตบมัน!”

               “เออมืงกูก็อยากตบ อี่เชี้ยแมร่งไม่ยอมจบเว้ย มืงคิดดูนะมันทักแชทหาทุกคนให้ออฟฟิศกูเลยมืง บอกว่ากูเห้อย่างนั้นอย่างนี้ อย่าคบกู เชี้ยปัญญาอ่อน แคปโพสต์กูให้เขาดู”

               ฮา... โสรญาหัวเราะ “เหมือนเด็กอ่ะมืง แบบทะเลาะกันแล้วไปบอกเพื่อน ๆ ห้ามคบมันนะอะไรงี้  แล้วคนพวกนั้นเกลียดมืงตามมันปะ”

               “อี่ห่ากูโมโหมากเลยโสรญา ทั้งที่กูอยู่เฉย ๆ แล้ว จบคือจบ เพราะคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์แมร่งบอกให้กูจบ แต่อี่ห่านั้นไม่ยอมจบ เป็นคนดี ๆ ไม่ชอบเป็นหมา หมาลอบกัด”

               โสรญาก็เอาแต่หัวเราะ เป็นคู่สนทนาที่ดีของเธอมาก “มืงไม่พอนะมืง ค้นโปรไฟล์กูไปอี้ก แคปโพสต์ที่กูว่าใครไม่รู้อ่ะ ไปประจานกูกับคนอื่นเว้ย บอกให้เค้ามาด่ากูอี่เห้ ปัญญาอ่อนแค่ไหนมืงคิดดู ดีนะเค้าไม่ทำตามที่มันบอก ไม่งั้นนะมืงโดนกูด่าอีกคนแน่ ฮา” แสงระวีพูดแล้วก็หัวเราะคำพูดตัวเอง

               “ยัง ๆ ยังไม่ยอมจบนะมืง แมร่งไม่ละความพยายามเว้ย โพสต์แซะกู แขวะกูตลอด กูก็เงียบไว้ เพราะแมร่งมีพี่คนนึงเพื่อนร่วมงานกูนี่แหละ กูชอบถามเค้าเวลาไม่รู้อะไร หรือมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับงานน่ะ ก็เลยสนิทกัน เค้ากลัวกูด่ามันเว้ย กลัวเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม อย่าไปสนใจ! อย่าไปแคร์! ปล่อย ๆ เขาไปตามทางเขาเถอะ” เธอพูดล้อเลียนเพื่อนร่วมงานคนนั้นอย่างตลก สนุกสนานไม่เครียด ที่เล่าให้เพื่อนฟังตอนนี้ก็ไม่ได้เครียดอะไร

               “ใครวะ” โสรญาถามอย่างใคร่รู้ แม้บอกไปตัวเองก็ไม่รู้จักอยู่ดี

               “เพื่อนร่วมงานกูนี่แหละ แต่เค้าไม่รู้เรื่องนะว่ากูกับมันทะเลาะกัน มารู้เอาทีหลังเนี่ย กูก็บอก พี่มันด่ากูนะเว้ย พี่เค้าก็เออกูรู้แล้ว! กูอ่านแล้ว! อย่าไปสนใจ คนไม่สนใจคือคนชนะ กูก็ว่าแต่พี่มันด่ากูเว้ย พี่เค้าก็เออกูรู้แล้วว่ามันด่ามืง ฮา” แสงระวีหัวเราะเมื่อนึกถึงตอนนั้น  

               “แล้วเค้าว่าไง”

               “พี่เค้าก็บอกถ้าเรายิ่งไปตอบโต้มัน มันยิ่งได้ใจ คนที่เงียบที่สุดคือคนที่เก่งและชนะ กูก็เงียบเว้ย แต่มันแมร่งกัดกูตลอด ไม่จบ! ทุกวันนี้แมร่งก็ยังไม่จบ”

               “ปัญญาอ่อนน้อ บางทีก็นะ ไม่บอกมันอ่ะ ไปผูกคอตายสิอี่ดอก ฮา” เพื่อนเก่ารู้ใจจริง ๆ

               “มืงกูแมร่งโคตรเหลือเชื่อเลย ว่าแมร่งนี่คือคนที่มีการศึกษาสูงเว้ย คือทำเรื่องปัญญาอ่อนมาก คือเอาเรื่องกูไปทักหาคนนั้นคนนี้ให้บลูลี่กู แบลนกูอ่ะ ให้เกลียดกูอ่ะมืง ในออฟฟิศอ่ะ “

               “เหรอ ตะน่ายน้อ” โสรญาตอบ (ภาษากลางน่าจะแปลวว่าเอื่อมระอา)

               “มืงว่าแมร่งต้องโคตรโง่ขนาดไหนวะ ไปป่าวประกาศให้คนรู้ปัญหาของตัวเอง จากที่ทะเลาะกันแค่สองคนนะเว้ย รู้กันแค่ไม่กี่คน แต่แมร่งไปทักหาคนนั้นคนนี้เล่าให้เขาฟัง เรียกคะแนนสงสาร ตอนนี้เว้ยรู้กันทั้งออฟฟิศ อี่ห่า ไม่โง่กว่าควายแมร่งทำไม่ได้นะมืง แบบนี้ “

               “เค้ารู้กันหมดแล้วตอนนี้”

               “เออดิ แมร่งต้องไม่มีสมองขนาดไหนวะ ที่เอาปัญหาตัวเองไปบอกคนอื่น คนอื่นเค้ารู้หมด กูสะใจเว้ยแมร่งไม่มีใครสนใจเห้อะไรมันเลย ก็คนพวกนั้นเค้ามีสมอง คือแมร่งถ้ายอมให้สนตะพาย กูก็ไม่มีคำจะพูดละ“

               “นั่นดิ”

               “อีกอย่างนะเว้ยที่กูว่าแมร่งไม่มีสมองเพราะไรรู้ปะ ไปบอกเค้ามาด่ากู แมร่งไม่คิดเหรอวะว่ากูจะด่ากลับ คือมืงคิดตามกูนะเว้ย สมมุติว่าอี่เป้มันเกลียดกู มันบอกมืงมาด่ากู ทั้งที่มืงกับกูไม่เคยรู้จักกันเลย ไม่เคยคุยกันเลย มืงจะมามั้ยโส”

               “หื่อไปเห้อะไรล่ะ ไม่รู้จักกันน้อ”

               “ก็นั่นไง! กูถึงบอกแมร่งโง่ไง โง่กว่าควาย แมร่งไม่มีสมองเว้ย คือคนพวกนั้นเค้าไม่รู้จักกูเลยเว้ย ไม่เคยคุยกับกู แต่จะมาด่ากู! เพื่อ! ก็มาดิค้าบ ตีนไม่ถีบให้อ่ะ”

               โสรญาหัวเราะผ่านโทรศัพท์รวมทั้งเธอด้วย คุยกันออกรสออกชาติ นอกจากเรื่องของเธอก็คุยเรื่องอื่นด้วย เป็นสองสามชั่วโมง สมกับห่างหายกันไปนาน วันนี้เพื่อนจะแต่งงานแล้ว แสงระวีดีใจกับเพื่อนมาก เป็นเพื่อนสมัยเรียน ม.ต้น ทั้งปิติพงษ์ด้วย ก็เป็นเพื่อนกันรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว แค่ช่วง ม.ปลายเธอย้ายเข้าไปเรียนในตัวจังหวัดเฉย ๆ จึงห่างหายกันไปแต่ไม่ห่างเหิน วันงานเธอจะไม่ไปได้ไงล่ะ

               “อย่าลืมชวนวิลาวรรณ สุดใจ พวกดำรงค์ อะไรด้วยล่ะ “

               “ชวนแล้วแต่อี่วิไม่รู้จะว่างเปล่า”

               “ใครไม่ว่างไปแต่กูไปเพื่อน วันศุกร์กูก็จะกลับบ้านอีกแล้วเนี่ย ถ้ามีเวลาว่างเดี๋ยวแวะหาเด้อ”

               “งานแต่งกูมาคู่ให้ได้นะมืง อย่ามาคี่นา”

               “ค่า!”

จบ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่