อีกหนึ่งความประทับใจที่อยากแบ่งปันค่ะ
เราออกเดินทางตั้งแต่เย็นวันที่ 5ตุลา ด้วยรถของเจ้านายที่ให้ยืม ถึงสุราษฎร์ธานีประมาณ ตี5 ถึงท่าเรือเทศบาล 
แต่ท่าเรือยังไม่เปิด 55 เลยต้องออกมาหาอะไรรองท้องก่อน จนท.ที่เขื่อนเลยแนะนำให้ขับเลยไปที่หมู่บ้านเชี่ยวหลาน
คุณป้าใจดี มี อาหารเช้าขาย อร่อยและราคาไม่แพง


อาหารเช้ามื้อแรกที่ บ้านเชี่ยวหลาน โจ้กร้อนๆ ข้าวหมกไก่ กาแฟร้อน พร้อมน้ำชาจีนหอมๆ 

ฝ่ายต้อนรับของร้าน 555

หลังจากกินอิ่มกันแล้ว พวกเราเลยตกลงกันว่า เราจะไปสะพานแขวน วัดเขาพัง
เพื่อถ่ายรูปกับภูเขารูปหัวใจที่เลื่องชื่อกันก่อน
ถึงแล้ว สะพานแขวนวัดเขาพัง

ฝนตกปรอยๆ นิดหน่อย เลยมีหมอกบางๆ บรรยากาศสดชื่นมากค่ะ 
(อยากสารภาพว่า ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันกันเลย 555)

สะพานแขวนนี้น่าจะสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนแถวนั้นใช้ข้ามคลองเล็กๆ สัญจรไปมา 
ตอนที่เราไปน้ำแห้งมากเลย (พอดีฝนตกและก็ยังเช้าอยู่ เลยไม่เจอใครให้ถามเลยว่า คลองนี้ชื่ออะไร)
สถานีต่อไป เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน

สันเขื่อนสวยมากๆ 
เรานัดกับ จนท.ของ บ.ทัวร์เชี่ยวหลานดิสคัฟเวอรี่  ตอน 10.30 น. 
เลยมีเวลาเหลือเฟือ ที่จะไปถ่ายรูปกับทะเลหมอกที่เขื่อนรัชชประภา
เป็นเขื่อนที่สวยมากๆ 
หลังจากเดินเลาะสันเขื่อนแวะถ่ายรูปกัน เราก็พากันไปรอที่ ท่าเรือเทศบาล 
ระหว่างรอเวลาก็เก็บภาพบรรยากาศ สวยๆ ที่ท่าเรือ

10.30 พร้อมขึ้นเรือแล้ว 

พี่คนขับเรือใจดีมาก
สมาชิกดีใจมาก..จะได้เจอสิ่งที่รอคอย

ไป...กันพวกเรา

ภูเขาหินปูนภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน


ต้นไม้ยืนต้นตาย คิดไม่ออกเลยว่าลำต้นจะสูงแค่ไหน น้ำเป็นสีเขียวใสมากกกกก


เขาสามเกลอ ที่ๆเราตั้งใจมากที่จะได้มาเจอ ไม่ผิดหวังจริงๆ

พี่คนขับเรือพาพวกเราแวะชมเขาสามเกลอก่อนเข้าแพพัก 
เรานั่งเรือจากท่าเรือประมาณ 1.30 ชั่วโมง แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ 
ลืมบอกไปว่าเราซื้อทัวร์ ช่วงโปรโควิด 1900 บาท 2 วัน 1 คืน รวมค่าเข้าอุทยาน ค่าเรือแล้ว
โดยปกติเรือต้องแชร์กับกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปอื่น แต่...แต่...
เหมือนสวรรค์เป็นใจ ช่วงที่เราเดินทางเป็นวันธรรมดาจ้าาาาา
ไม่มีกรุ๊ปอื่น เหมือนเหมาเรือไปกันเลยทีเดียว 
พี่คนขับเรือบอก..ถ้าเหมาเรือไปก็จะประมาณ 2000 บาทนะ
ในที่สุดเราก็มาถึงแพพัก แพภูผาวารี
สวยสมใจ มี Welcome drink ด้วยนะ แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปน้องๆที่มาต้อนรับ 
ตื่นเต้นแหละ ดูออก 55

บรรยากาศดี สะอาดมาก บริการดีเยี่ยม
 
หลังจากเข้าที่พักแล้ว เราก็ได้ทานอาหารกลางวันที่ทางแพ จัดไว้ให้กันเลยทีเดียว
มื้อที่ 2 ณ เชี่ยวหลาน แอ่น..แอน...แอ๊น...

ต้มยำไก่ ใบเหรียงผัดไข่ แกงปลาดุกใส่ใบยี่หร่า และไข่เจียว 
เติมได้ไม่อั้นนะคะ โดยเฉพาะใบเหรียงผัดไข่ กรุ๊ปเราเติมไปไม่ต่ำกว่า 6 รอบ 555
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ เข้าที่พัก อาบน้ำ นอนพักตามอัธยาศัย
แต่... น้ำใสๆแบบนี้ใครจะนอนได้ลงคอ 
เล่นน้ำสิคะ รออะไร ถ้าจะพายเรือที่มีผูกไว้หน้าแพพัก เราสามารถไปขอพายได้จาก
จนท.ของแพ โดยมัดจำค่าพาย อันละ 500 จนท.สำทับว่า ถ้าจะเล่นน้ำ
ต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้ง เพราะบริเวณนี้เป็นยอดเขา 
น้ำจะลึกประมาณ 30-40 เมตร และน้ำเย็นจัด เพื่อป้องกันอันตรายค่ะ


ตอนเย็นมีกิจกรรม ชมพระอาทิตย์ตกเหนืออ่างเก็บน้ำ 
หลังจากนั้นก็ทานอาหารเย็น 

แกงเหลือง ปลาแรดทอด (แต่เป็นปลามาจากอ่างทองนะ เพราะในเขตอุทยานฯเค้าห้ามจับปลาหรือล่าสัตว์ค่ะ)
ผัดผักรวมมิตร และ ไข่เจียว อร่อยเหมือนเดิม
เมื่อเสร็จจากอาหารเย็นก็พักผ่อน เก็บแรงไว้ตอนเช้า 

อาหารเช้าบุฟเฟต์ค่ะ

บรรยากาศตอนเช้า น้ำนิ่งมาก (เรือยังไม่วิ่งเลยได้ภาพสวยๆ)
หลังจากทานอาหารเช้าแล้วเราก็เดินทางออกจากแพพัก ถึงท่าเรือ ประมาณ10.00 เหมือนเดิม
สถานีต่อไป นครศรีธรรมราชค่ะ เราจะไปวัดเจดีย์ ไปทะเลกันค่ะ
ค่าทัวร์โปรโควิด 1900 / คน
ค่าน้ำมัน ประมาณ 4120 / 7 คน
ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม (ทั้งทริป ) 8120/7 คน
ค่าที่พักที่อ.ขนอม 2400/7 คน 
ค่าฝากรถ 80 บาท/คัน
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ก็ตกคนละ 4000 กว่าบาท