ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 16 เรื่องที่ 5 ครับ...
กว่าจะว่างได้ก็ต้องรอจนตกเย็นเลยวันนี้ ^^
เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของ อำนาจ อิทธิพล กฎหมายและบทบาทของผู้บังคับใช้
เราลองมาติดตามชะตาชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาในอุ้งมือเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายกันดู....
เรื่องราวเกิดขึ้นบนรถไฟซึ่งแล่นพาหลายชีวิต มุ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ชื่อ
สถานีแห่งความยุติธรรม
ตามมาดูด้วยกันครับ ^^ 
"ลูกพี่ครับ ผมชื่อ หลี่ช้วนเถียน เรียกผมว่า เสี่ยวเถียน ก็ได้ครับ"
"ได้ ชั้นชื่อ
ลู่ต้าเจี้ยน ชั้นน่าจะแก่กว่านายหลายปี เรียกชั้นพี่ลู่ก็แล้วกัน ทำไมนายถึงอยากคุยกับชั้นล่ะ"
"คือว่ากว่ารถไฟจะถึง
ถังชาน คงอีกนาน เลยอยากทำความรู้จักไว้ครับ"
"เห็นนายขึ้นมาจาก
เฉิงเต๋อ คงจะกลับบ้านที่ถังชานสิ"
"ครับ ปีนี้หนาวจัดเลยบ่ายแล้วก็ยังรู้สึกมือไม้แข็ง พี่ลู่ไม่หนาวบ้างหรือครับ"
"ชินแล้ว ฉันเพิ่งลงเขามา นายรู้ไหมบนเขาหนาวกว่านี้มาก"
"พี่ลู่เดินทางคนเดียวใช่ไหมครับ ผมก็เดินทางคนเดียวเหมือนกัน ไปกลับสัปดาห์ละครั้งครับ"
"ชั้นมากับรถจักรยานยนต์คู่ใจ ขึ้นไว้ในตู้บรรทุกสินค้า แล้วนายไปทำอะไรที่เฉิงเต๋อล่ะ เสี่ยวเถียน"
"ผมไปสอนหนังสือครับ แต่ครอบครัวอยู่ถังชาน เลยต้องวิ่งไปวิ่งกลับสัปดาห์ละครั้ง แล้วพี่ลู่ทำอาชีพอะไรที่เฉิงเต๋อครับ"
"อ๋อ ชั้นเป็นหมอเท้าเปล่า ขึ้นลงเขาประจำ บนดอยการแพทย์ไปไม่ค่อยถึง ไปตรวจเยี่ยมคนป่วยกับผู้สูงอายุที่ลงมาเมืองลำบาก บนเขากันดารมาก ชีวิตสหายพี่น้องที่นั่นลำเค็ญไม่น้อยเลย"
"ที่แท้พี่ลู่เป็นหมอนี่เอง ผมดูไม่ออกจริง ๆ เสื้อผ้าเลอะฝุ่นหนวดเครารุงรัง แต่คุณธรรมสูงส่ง นับถือ ๆ"
"มันเป็นหน้านี่ของชั้น งานแบบนี้ถ้าหากเราไม่ทำก็หาคนทำแทนยาก"
"ลำบากไม่น้อยเลยนะครับพี่ลู่"
"ที่จริงคนบนเขาลำบากมากกว่า อยู่กันอย่างอดอยาก ทำการเพาะปลูกแสนยากเย็น ฤดูหนาวต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน มีทั้งลมหนาวกับหิมะตกรุนแรง หลายปีมานี้หน้าหนาวหิมะกลบหนทางแทบมิด การคมนาคมถูกตัดขาดบ่อยครั้ง"
"พี่ลู่เสียสละไม่น้อยเลย ผมเองสอนหนังสือในเมือง ลำบากเพียงแค่เดินทางเท่านั้น เงินเดือนสำหรับคนโสดพอกินพออยู่ครับ"
"นายอายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังไม่มีครอบครัวอีกล่ะ เสี่ยวเถียน"
"ผมอายุยี่สิบห้าครับ พ่อของผมเสียแล้วเหลือแต่แม่ต้องดูแล ที่ผมกลับถังชานนี่ก็เพราะต้องไปให้แม่เห็นหน้าทุกสัปดาห์ ฝากแม่ไว้ที่บ้านน้าชายครับ"
"กตัญญูอย่างนี้ดีแล้ว นับถือ ๆ เช่นกัน"
"แล้วพี่ลู่กลับถังชานบ่อยไหมครับ คงมีครอบครัวอยู่ที่นั่นใช่ไหมครับ"
"เปล่า อยู่ตัวคนเดียว ชั้นมีงานต้องทำที่ถังชานด้วย แต่คราวนี้เอารถจักรยานยนต์ไปซ่อม ระบบห้ามล้อมันเหมือนจะเสีย อะไหล่ที่เฉิงเต๋อไม่มี"
"พี่ลู่เป็นโสดนานยิ่งกว่าผมอีก ขออภัยนะครับ ผมเดาว่าอย่างน้อยอายุต้องไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีแล้ว คงทำงานเสียจนลืมเรื่องมีครอบครัว"
"ก็จริง เดือนหน้าชั้นก็สี่สิบเอ็ดแล้ว นายน่าจะไปเป็นหมอดูได้ ขึ้นเขาเข้าป่าประจำเรื่องครอบครัวลืมไปได้เลย ฮ่า ๆ"
"พี่ลู่ทำงานแบบนี้มากี่ปีแล้วครับ"
"ราวสิบห้าปีได้ เหมือนรู้สึกไม่นานมานี้เอง ถ้านายไม่ถามชั้นคงลืมนับไป"
"ทำไมถึงได้มาทำงานแบบนี้ครับ"
"ตอนชั้นอายุเท่านายนี่ ชั้นพบกับลูกพี่คนหนึ่ง ท่านแสดงให้ชั้นเห็นเรื่องการอุทิศตน เริ่มแรกตามท่านไปดูงาน แต่พอลงมือช่วยไม่นานก็เกิดศรัทธา ต่อมาเลยรับช่วงต่อหลังจากท่านตกดอยบาดเจ็บขาพิการ"
"งานเสี่ยงน่าดูเลยครับ"
"ใช่ แต่นายรู้ไหม คนบนเขานอกจากลำบากแล้วยังถูกเอารัดเอาเปรียบอีก น่าสงสารมาก เลยต้องเข้าไปดูแลเป็นปากเป็นเสียงให้ คอยต่อสู้กับพวกอิทธิพลเถื่อนแถวนั้น"
"โชคดีที่ผมไม่ต้องอยู่อย่างลำบากแบบนั้น"
"จะบอกอะไรให้นะเสี่ยวเถียน ต้องใช้อิทธิพลจัดการกับคนชั่ว ใช้กฎหมายปกป้องคนดี"
"ไหน ใครคือลู่ต้าเจี้ยน"
"ผมเองครับคุณตำรวจ มีธุระอะไรหรือครับ"
"นายลู่ นายเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ในตู้บรรทุกสินค้าใช่ไหม ขอดูบัตรประจำตัวหน่อย"
"ใช่ครับ ของผมเอง นี่ครับบัตร มีปัญหาอะไรหรือครับท่าน"
"มีปัญหาแน่นายลู่ รถไม่มีป้ายทะเบียน รถคันนี้ถือว่าเป็นรถเถื่อนต้องตรวจสอบ นายมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของไหม"
"หลักฐานผมทิ้งไว้ที่ถังชานครับ ไม่ได้พกมาด้วย ขอความกรุณาคุณตำรวจด้วยครับ"
"ถ้าเช่นนั้น ตามกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟมีสิทธิ์ยึดรถไว้ จนกว่านายจะสามารถแสดงหลักฐานการครอบครอง"
"อย่ายึดไปเลยครับ ไว้ถึงถังชานแล้วผมจะรีบหาหลักฐานมายื่นครับ"
"ไม่ได้ มันผิดกฎหมาย และเราสงสัยว่าจะเป็นรถขโมยมา ต้องขอจับกุมตัวไว้ก่อน"
"รถคันนี้ผมใช้มานานแล้ว ระบบห้ามล้อมันเสีย ผมจะเอาไปซ่อม คุณตำรวจตรวจสอบได้ครับ"
"นั่นไม่ใช่คำแก้ตัว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา ขอใส่กุญแจมือนายก่อน แล้วตามชั้นไปที่ตู้เจ้าหน้าที่"
"คุณตำรวจครับ โปรดเมตตาพี่ลู่เถอะ ขอความกรุณาผ่อนผันให้สักหน่อยครับ"
"นายเป็นใคร พวกเดียวกันเหรอ จะได้จับกุมอีกคน"
"เปล่าครับ ผมเป็นครูสอนที่เฉิงเต๋อ นี่ครับบัตรประจำตัว"
"นายลู่ไปกับชั้น เดินตามมา ข้าวของมีไหมหิ้วไปด้วย"
"ถ้าเช่นนั้นผมขอหิ้วของให้พี่ลู่นะครับคุณตำรวจ"
"ก็ได้ ไปที่ตู้เจ้าหน้าที่กัน"
"มีวิธีไหนผ่อนผันไหมครับคุณตำรวจ ผมว่าพี่ลู่ไม่ได้ขโมยรถมาหรอกครับ"
"นายจะไปรู้อะไร ผู้ร้ายมันไม่เคยติดป้ายบอกให้รู้หรอกคุณครู"
"ผมถามตรง ๆ ครับคุณตำรวจ จับกุมผมนี่ต้องการอะไร"
"รถคันนี้มีราคาไม่น้อย
สารรูปกับฐานะอย่างนายไม่มีปัญญามีได้หรอก ตอบมาตรง ๆ ดีกว่าว่าขโมยมาจากที่ไหน"
"ผมเปล่าครับ แล้วจะมีวิธีไหนผ่อนผันให้ผมบ้างไหม"
"ไม่มี พอถึงถังชาน ชั้นจะส่งตัวนายให้กับทางตำรวจถังชานดำเนินการสอบสวนต่อ"
"เสี่ยวเถียน นายไม่ต้องตามชั้นมาหรอก เดี๋ยวข้าวของชั้นถือเอง ลำบากนายเปล่า ๆ"
"ไม่ได้หรอกครับพี่ลู่ ผมเชื่อว่าพี่เป็นคนดี เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยเหลือพี่เอง"
"เงียบไปเลยทั้งสองคน ถึงตู้เจ้าหน้าที่แล้วค่อยคุยกัน"
"พี่ลู่เดินระวังด้วยครับ"
"ขอบใจมากน้องชาย ไม่นึกว่าจะเจอกับคนดี ๆ อย่างนาย เสี่ยวเถียน"
"โน่น นายลู่นั่งกับพื้นมุมนั้น ส่วนนายนี่ ชั้นนับถือที่เป็นครู ไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้น"
"คุณตำรวจ ตอนนี้มีเราแค่สามคน เรื่องรถของผมนี่ ขอคืนแล้วปลดกุญแจมือเถอะครับ คุณพอจะบอกได้หรือยังว่าต้องการค่าน้ำร้อนน้ำชาสักเท่าใด ผมยินดีจ่าย"
"อย่าพูดเช่นนี้อีก มิฉะนั้นนายจะโดนข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งกระทง"
"พี่ลู่ พี่ไม่ได้ขโมยรถนั่นมาใช่ไหมครับ"
"ไอ้น้องชาย รถนั่นมันของพี่จริง ๆ"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอร้องคุณตำรวจแทนพี่ลู่ กรุณาผ่อนผันให้สักครั้งเถอะครับ"
"ไม่ได้ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย คุณเรียนมาก็มาก เป็นถึงคุณครูอย่าทำผิดอีกคน"
"อย่างนั้นผมขอติดตามไปส่งพี่ลู่ที่โรงพักในถังชาน ผมเองก็อยากทราบว่าทางตำรวจจะจัดการอย่างไรกับพี่ลู่"
"คุณตำรวจครับ กรุณาช่วยล้วงกระเป๋าสตางค์ของผมออกมาหน่อยเถอะครับ ผมติดที่กุญแจมือเลยล้วงไม่ถนัด"
"นายจะติดสินบนชั้นเหรอนายลู่"
"เปล่าครับ ผมจะเอาของในนั้นครับ"
"โอ้โฮ เงินตั้งมากมาย นี่นายขโมยเงินพวกนี้มาด้วยเหรอนายลู่"
"เปล่าครับ กรุณาเปิดซิปแล้วหยิบของในนั้นออกมาให้หน่อยครับคุณตำรวจ"
"บัตรสมาชิกพรรคนี่ ขอชั้นเปิดดูหน่อยนะนายลู่"
"คุณเห็นแล้วใช่ไหมครับ คุณตำรวจ"
"ขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับท่าน ผมจะรีบไขกุญแจมือให้เดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านรองเลขาธิการ"
"รีบหน่อยก็ดี ชั้นชักปวดข้อมือแล้ว"
"โธ่ พี่ลู่ พี่เป็นถึงรองเลขาธิการพรรคประจำนคร ทำไมถึงไม่บอกแต่แรกครับท่านรอง"
"ไม่ต้องเรียกท่านรอง เรียกชั้นพี่ลู่ก็ดีอยู่แล้วเสี่ยวเถียน ขอบคุณมากคุณตำรวจ คุณทำงานได้ดีมากผมขอชมเชย
ขอชื่อแซ่ของคุณด้วย ผมจะแจ้งไปยังกรมการเมืองแล้วชี้แจงในคณะกรรมการพรรคเพื่อยกย่องชมเชยคุณอย่างเป็นทางการ"
“ที่จริงพี่ลู่มีตำแหน่งสูงส่งสามารถแสดงอำนาจได้อย่างเต็มที่ แต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ผมขอนับถืออย่างจริงใจ"
"นายยังจำคำฉันได้ไหมเสี่ยวเถียน"
"ผมเข้าใจแล้วครับพี่ลู่ ต้องใช้อิทธิพลจัดการกับคนชั่ว ใช้กฎหมายปกป้องคนดี”
วาย. บี. โบยานี่
19 กันยายน ค.ศ. 1964
สาธารณรัฐดาโฮมี
.....................................................................................................................
"ไม่เลว เขียนจบแล้วเหรอ ลงลายเซ็นไว้เสียด้วย แกนี่มันช่างเขียนจัง เป็นนักเขียนด้วยเหรอ ไอ้โบยานี่"
"ครับ ว่างเมื่อไหร่ผมชอบเขียนเรื่องสั้นแก้เหงาครับคุณตำรวจ แต่ติดขัดที่กุญแจมือนี่ ผมเลยเขียนไม่ใคร่สะดวก"
"อีกไม่นานรถไฟจะถึงสถานีเมืองอะโบแมย์แล้ว แกตัดสินใจได้แล้วยังวะ"
"เรื่องรถจักรยานยนต์คันนี้เหรอครับคุณตำรวจ"
"ใช่สิวะ ถ้าแกยอมยกให้ขั้นแกก็จะเป็นอิสระ ถ้าหากไม่ยอมให้ เมื่อถึงเมืองอะโบแมย์แล้วอย่าหวังว่าจะรอดไปได้ ติดคุกหัวโตเว้ย"
"ผมบอกแล้วไงครับ ว่ามันเป็นรถของลูกเจ้านายฝากมาซ่อม ผมให้คุณตำรวจไม่ได้จริง ๆ เห็นใจผมเถอะครับ"
"ไม่เชื่อเว้ย สภาพซอมซ่ออย่างแกไม่มีทางเป็นคนของเจ้านายอย่างเด็ดขาด อย่ามาโกหก แกขโมยของใครเขามารีบบอกมาตรง ๆ"
"ผมพูดความจริงครับท่าน อย่าเอารถไปเลยครับ"
"แกรู้ไหม ทุกอย่างมันจะง่ายมาก ถ้าชั้นถีบแกลงจากรถไฟตรงหุบเหว คนหายสาบสูญไปรถก็เป็นของชั้น แต่ชั้นเห็นว่าแกเป็นคนมีการศึกษาอยู่บ้าง มาเซ็นชื่อซื้อขายตรงนี้ แล้วแกจะรอด"
"อย่าทำอย่างนั้นเลยครับคุณตำรวจ เมื่อถึงอะโบแมย์แล้ว
ผมยินดีมอบเงินให้คุณห้าพันฟรังก์ ผมสัญญา"
"ชั้นไม่เชื่อแกหรอกเว้ย ไอ้โบยานี่ น้ำหน้าอย่างแกจะหาเงินมากขนาดนั้นได้ที่ไหน อย่าต่อรองเลยวะ รีบลุกมาเขียนส่งมอบรถเพื่อแลกกับชีวิตและอิสรภาพของแกเถอะ"
"ถ้าผมลงนามแล้ว คุณตำรวจจะปล่อยตัวผมใช่ไหมครับ"
"แน่นอนซิวะ แกคงยอมแล้วสินะ ฮ่า ๆ"
"ครับ แต่ผมขอลงนามประทับลายนิ้วมือตอนรถไฟเข้าเทียบชานชาลาสถานีนะครับ ผมกลัวถูกถีบลงเหวก่อนถึงบ้าน"
"ก็ได้เว้ย แต่อย่าเบี้ยวนะไอ้โบยานี่ ไม่งั้นพรรคพวกชั้นที่อะโบแมย์เอาแกตายคาคุกแน่"
"ตกลงครับท่าน"
"รถคันนี้มันเสียตรงไหนวะ ถึงต้องเอามาซ่อม"
"ระบบห้ามล้อครับ ขับลุยเข้าไร่ฝ้ายแล้วห้ามล้อไม่ค่อยอยู่ อะไหล่ที่บ้านนอกไม่มี ช่างก็ซ่อมไม่เป็น"
"แกทำงานในไร่ฝ้ายเหรอ"
"ครับ ผมไปตรวจสุขภาพคนงานในไร่ฝ้าย มีโรคระบาดเลยไปดูแลคนที่นั่น พวกเขาลำบากมาก อยู่กินอย่างแร้นแค้นสุขภาพย่ำแย่ ผมไปช่วยพัฒนาให้ครับ"
"อย่ามาโม้ สารรูปอย่างแก เสื้อผ้าเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี่นะจะเป็นหมอได้ ชั้นไม่เชื่อ คงจำเนื้อเรื่องจากนิยายมาเล่าเป็นตุเป็นตะหลอกคนไปวัน ๆ"
"คุณตำรวจรถจวนถึงชานชาลาแล้วครับ เดี๋ยวผมลงนามซื้อขายให้ท่านเลย"
"ดี พูดง่าย ๆ ค่อยดูน่ารักหน่อย"
"ปล่อยผมได้แล้วยังครับ ผมจัดการเรื่องสัญญาซื้อขายเสร็จแล้วครับคุณตำรวจ"
"ชั้นจะปลดกุญแจมือให้แก ก็ต่อเมื่อรถไฟจะออกจากสถานีมุ่งไปเมืองโคโตเนาแล้วเท่านั้น เราจะบอกลากันตอนนั้นนะไอ้โบยานี่ ฮ่า ๆ"
"รถไฟจอดแล้วครับ คุณตำรวจลงรถไปพร้อมกับผมแล้วปลดกุญแจมือบนชานชาลาก็ได้ครับ"
"เออ ก็ยุติธรรมดีนะ เดินดี ๆ นะเว้ย เดี๋ยวตกรถแข้งขาหัก"
“กรุณาไขกุญแจมือให้ผมด้วยครับ”
“ไอ้โง่โบยานี่ แกนี่มันหลอกง่ายจัง ใครจะปล่อยแก ตอนนี้แกโดนจับโทษฐานลักทรัพย์บนรถไฟแล้ว ชั้นจะแจ้งข้อหาขังแกไว้ที่เมืองอะโบแมย์นี่แหละ อย่างน้อยแกต้องนอนอยู่ในคุกหกเดือนเว้ย ฮ่า ๆ”
(มีต่ออีกนิดครับ) ^^
🤷👔🤡 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#61 Week#16, 13 - 17 ตุลาคม/ รถไฟขบวนยุติธรรม - ถุงมือ เจ้าพนักงาน 🤷👔🤡
เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของ อำนาจ อิทธิพล กฎหมายและบทบาทของผู้บังคับใช้
เราลองมาติดตามชะตาชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาในอุ้งมือเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายกันดู....
เรื่องราวเกิดขึ้นบนรถไฟซึ่งแล่นพาหลายชีวิต มุ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ชื่อ สถานีแห่งความยุติธรรม
ตามมาดูด้วยกันครับ ^^
"ลูกพี่ครับ ผมชื่อ หลี่ช้วนเถียน เรียกผมว่า เสี่ยวเถียน ก็ได้ครับ"
"ได้ ชั้นชื่อ ลู่ต้าเจี้ยน ชั้นน่าจะแก่กว่านายหลายปี เรียกชั้นพี่ลู่ก็แล้วกัน ทำไมนายถึงอยากคุยกับชั้นล่ะ"
"คือว่ากว่ารถไฟจะถึงถังชาน คงอีกนาน เลยอยากทำความรู้จักไว้ครับ"
"เห็นนายขึ้นมาจากเฉิงเต๋อ คงจะกลับบ้านที่ถังชานสิ"
"ครับ ปีนี้หนาวจัดเลยบ่ายแล้วก็ยังรู้สึกมือไม้แข็ง พี่ลู่ไม่หนาวบ้างหรือครับ"
"ชินแล้ว ฉันเพิ่งลงเขามา นายรู้ไหมบนเขาหนาวกว่านี้มาก"
"พี่ลู่เดินทางคนเดียวใช่ไหมครับ ผมก็เดินทางคนเดียวเหมือนกัน ไปกลับสัปดาห์ละครั้งครับ"
"ชั้นมากับรถจักรยานยนต์คู่ใจ ขึ้นไว้ในตู้บรรทุกสินค้า แล้วนายไปทำอะไรที่เฉิงเต๋อล่ะ เสี่ยวเถียน"
"ผมไปสอนหนังสือครับ แต่ครอบครัวอยู่ถังชาน เลยต้องวิ่งไปวิ่งกลับสัปดาห์ละครั้ง แล้วพี่ลู่ทำอาชีพอะไรที่เฉิงเต๋อครับ"
"อ๋อ ชั้นเป็นหมอเท้าเปล่า ขึ้นลงเขาประจำ บนดอยการแพทย์ไปไม่ค่อยถึง ไปตรวจเยี่ยมคนป่วยกับผู้สูงอายุที่ลงมาเมืองลำบาก บนเขากันดารมาก ชีวิตสหายพี่น้องที่นั่นลำเค็ญไม่น้อยเลย"
"ที่แท้พี่ลู่เป็นหมอนี่เอง ผมดูไม่ออกจริง ๆ เสื้อผ้าเลอะฝุ่นหนวดเครารุงรัง แต่คุณธรรมสูงส่ง นับถือ ๆ"
"มันเป็นหน้านี่ของชั้น งานแบบนี้ถ้าหากเราไม่ทำก็หาคนทำแทนยาก"
"ลำบากไม่น้อยเลยนะครับพี่ลู่"
"ที่จริงคนบนเขาลำบากมากกว่า อยู่กันอย่างอดอยาก ทำการเพาะปลูกแสนยากเย็น ฤดูหนาวต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน มีทั้งลมหนาวกับหิมะตกรุนแรง หลายปีมานี้หน้าหนาวหิมะกลบหนทางแทบมิด การคมนาคมถูกตัดขาดบ่อยครั้ง"
"พี่ลู่เสียสละไม่น้อยเลย ผมเองสอนหนังสือในเมือง ลำบากเพียงแค่เดินทางเท่านั้น เงินเดือนสำหรับคนโสดพอกินพออยู่ครับ"
"นายอายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังไม่มีครอบครัวอีกล่ะ เสี่ยวเถียน"
"ผมอายุยี่สิบห้าครับ พ่อของผมเสียแล้วเหลือแต่แม่ต้องดูแล ที่ผมกลับถังชานนี่ก็เพราะต้องไปให้แม่เห็นหน้าทุกสัปดาห์ ฝากแม่ไว้ที่บ้านน้าชายครับ"
"กตัญญูอย่างนี้ดีแล้ว นับถือ ๆ เช่นกัน"
"แล้วพี่ลู่กลับถังชานบ่อยไหมครับ คงมีครอบครัวอยู่ที่นั่นใช่ไหมครับ"
"เปล่า อยู่ตัวคนเดียว ชั้นมีงานต้องทำที่ถังชานด้วย แต่คราวนี้เอารถจักรยานยนต์ไปซ่อม ระบบห้ามล้อมันเหมือนจะเสีย อะไหล่ที่เฉิงเต๋อไม่มี"
"พี่ลู่เป็นโสดนานยิ่งกว่าผมอีก ขออภัยนะครับ ผมเดาว่าอย่างน้อยอายุต้องไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีแล้ว คงทำงานเสียจนลืมเรื่องมีครอบครัว"
"ก็จริง เดือนหน้าชั้นก็สี่สิบเอ็ดแล้ว นายน่าจะไปเป็นหมอดูได้ ขึ้นเขาเข้าป่าประจำเรื่องครอบครัวลืมไปได้เลย ฮ่า ๆ"
"พี่ลู่ทำงานแบบนี้มากี่ปีแล้วครับ"
"ราวสิบห้าปีได้ เหมือนรู้สึกไม่นานมานี้เอง ถ้านายไม่ถามชั้นคงลืมนับไป"
"ทำไมถึงได้มาทำงานแบบนี้ครับ"
"ตอนชั้นอายุเท่านายนี่ ชั้นพบกับลูกพี่คนหนึ่ง ท่านแสดงให้ชั้นเห็นเรื่องการอุทิศตน เริ่มแรกตามท่านไปดูงาน แต่พอลงมือช่วยไม่นานก็เกิดศรัทธา ต่อมาเลยรับช่วงต่อหลังจากท่านตกดอยบาดเจ็บขาพิการ"
"งานเสี่ยงน่าดูเลยครับ"
"ใช่ แต่นายรู้ไหม คนบนเขานอกจากลำบากแล้วยังถูกเอารัดเอาเปรียบอีก น่าสงสารมาก เลยต้องเข้าไปดูแลเป็นปากเป็นเสียงให้ คอยต่อสู้กับพวกอิทธิพลเถื่อนแถวนั้น"
"โชคดีที่ผมไม่ต้องอยู่อย่างลำบากแบบนั้น"
"จะบอกอะไรให้นะเสี่ยวเถียน ต้องใช้อิทธิพลจัดการกับคนชั่ว ใช้กฎหมายปกป้องคนดี"
"ไหน ใครคือลู่ต้าเจี้ยน"
"ผมเองครับคุณตำรวจ มีธุระอะไรหรือครับ"
"นายลู่ นายเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ในตู้บรรทุกสินค้าใช่ไหม ขอดูบัตรประจำตัวหน่อย"
"ใช่ครับ ของผมเอง นี่ครับบัตร มีปัญหาอะไรหรือครับท่าน"
"มีปัญหาแน่นายลู่ รถไม่มีป้ายทะเบียน รถคันนี้ถือว่าเป็นรถเถื่อนต้องตรวจสอบ นายมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของไหม"
"หลักฐานผมทิ้งไว้ที่ถังชานครับ ไม่ได้พกมาด้วย ขอความกรุณาคุณตำรวจด้วยครับ"
"ถ้าเช่นนั้น ตามกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟมีสิทธิ์ยึดรถไว้ จนกว่านายจะสามารถแสดงหลักฐานการครอบครอง"
"อย่ายึดไปเลยครับ ไว้ถึงถังชานแล้วผมจะรีบหาหลักฐานมายื่นครับ"
"ไม่ได้ มันผิดกฎหมาย และเราสงสัยว่าจะเป็นรถขโมยมา ต้องขอจับกุมตัวไว้ก่อน"
"รถคันนี้ผมใช้มานานแล้ว ระบบห้ามล้อมันเสีย ผมจะเอาไปซ่อม คุณตำรวจตรวจสอบได้ครับ"
"นั่นไม่ใช่คำแก้ตัว ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา ขอใส่กุญแจมือนายก่อน แล้วตามชั้นไปที่ตู้เจ้าหน้าที่"
"คุณตำรวจครับ โปรดเมตตาพี่ลู่เถอะ ขอความกรุณาผ่อนผันให้สักหน่อยครับ"
"นายเป็นใคร พวกเดียวกันเหรอ จะได้จับกุมอีกคน"
"เปล่าครับ ผมเป็นครูสอนที่เฉิงเต๋อ นี่ครับบัตรประจำตัว"
"นายลู่ไปกับชั้น เดินตามมา ข้าวของมีไหมหิ้วไปด้วย"
"ถ้าเช่นนั้นผมขอหิ้วของให้พี่ลู่นะครับคุณตำรวจ"
"ก็ได้ ไปที่ตู้เจ้าหน้าที่กัน"
"มีวิธีไหนผ่อนผันไหมครับคุณตำรวจ ผมว่าพี่ลู่ไม่ได้ขโมยรถมาหรอกครับ"
"นายจะไปรู้อะไร ผู้ร้ายมันไม่เคยติดป้ายบอกให้รู้หรอกคุณครู"
"ผมถามตรง ๆ ครับคุณตำรวจ จับกุมผมนี่ต้องการอะไร"
"รถคันนี้มีราคาไม่น้อย สารรูปกับฐานะอย่างนายไม่มีปัญญามีได้หรอก ตอบมาตรง ๆ ดีกว่าว่าขโมยมาจากที่ไหน"
"ผมเปล่าครับ แล้วจะมีวิธีไหนผ่อนผันให้ผมบ้างไหม"
"ไม่มี พอถึงถังชาน ชั้นจะส่งตัวนายให้กับทางตำรวจถังชานดำเนินการสอบสวนต่อ"
"เสี่ยวเถียน นายไม่ต้องตามชั้นมาหรอก เดี๋ยวข้าวของชั้นถือเอง ลำบากนายเปล่า ๆ"
"ไม่ได้หรอกครับพี่ลู่ ผมเชื่อว่าพี่เป็นคนดี เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยเหลือพี่เอง"
"เงียบไปเลยทั้งสองคน ถึงตู้เจ้าหน้าที่แล้วค่อยคุยกัน"
"พี่ลู่เดินระวังด้วยครับ"
"ขอบใจมากน้องชาย ไม่นึกว่าจะเจอกับคนดี ๆ อย่างนาย เสี่ยวเถียน"
"โน่น นายลู่นั่งกับพื้นมุมนั้น ส่วนนายนี่ ชั้นนับถือที่เป็นครู ไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้น"
"คุณตำรวจ ตอนนี้มีเราแค่สามคน เรื่องรถของผมนี่ ขอคืนแล้วปลดกุญแจมือเถอะครับ คุณพอจะบอกได้หรือยังว่าต้องการค่าน้ำร้อนน้ำชาสักเท่าใด ผมยินดีจ่าย"
"อย่าพูดเช่นนี้อีก มิฉะนั้นนายจะโดนข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งกระทง"
"พี่ลู่ พี่ไม่ได้ขโมยรถนั่นมาใช่ไหมครับ"
"ไอ้น้องชาย รถนั่นมันของพี่จริง ๆ"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอร้องคุณตำรวจแทนพี่ลู่ กรุณาผ่อนผันให้สักครั้งเถอะครับ"
"ไม่ได้ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย คุณเรียนมาก็มาก เป็นถึงคุณครูอย่าทำผิดอีกคน"
"อย่างนั้นผมขอติดตามไปส่งพี่ลู่ที่โรงพักในถังชาน ผมเองก็อยากทราบว่าทางตำรวจจะจัดการอย่างไรกับพี่ลู่"
"คุณตำรวจครับ กรุณาช่วยล้วงกระเป๋าสตางค์ของผมออกมาหน่อยเถอะครับ ผมติดที่กุญแจมือเลยล้วงไม่ถนัด"
"นายจะติดสินบนชั้นเหรอนายลู่"
"เปล่าครับ ผมจะเอาของในนั้นครับ"
"โอ้โฮ เงินตั้งมากมาย นี่นายขโมยเงินพวกนี้มาด้วยเหรอนายลู่"
"เปล่าครับ กรุณาเปิดซิปแล้วหยิบของในนั้นออกมาให้หน่อยครับคุณตำรวจ"
"บัตรสมาชิกพรรคนี่ ขอชั้นเปิดดูหน่อยนะนายลู่"
"คุณเห็นแล้วใช่ไหมครับ คุณตำรวจ"
"ขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับท่าน ผมจะรีบไขกุญแจมือให้เดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านรองเลขาธิการ"
"รีบหน่อยก็ดี ชั้นชักปวดข้อมือแล้ว"
"โธ่ พี่ลู่ พี่เป็นถึงรองเลขาธิการพรรคประจำนคร ทำไมถึงไม่บอกแต่แรกครับท่านรอง"
"ไม่ต้องเรียกท่านรอง เรียกชั้นพี่ลู่ก็ดีอยู่แล้วเสี่ยวเถียน ขอบคุณมากคุณตำรวจ คุณทำงานได้ดีมากผมขอชมเชย ขอชื่อแซ่ของคุณด้วย ผมจะแจ้งไปยังกรมการเมืองแล้วชี้แจงในคณะกรรมการพรรคเพื่อยกย่องชมเชยคุณอย่างเป็นทางการ"
“ที่จริงพี่ลู่มีตำแหน่งสูงส่งสามารถแสดงอำนาจได้อย่างเต็มที่ แต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ผมขอนับถืออย่างจริงใจ"
"นายยังจำคำฉันได้ไหมเสี่ยวเถียน"
"ผมเข้าใจแล้วครับพี่ลู่ ต้องใช้อิทธิพลจัดการกับคนชั่ว ใช้กฎหมายปกป้องคนดี”
"ใช่สิวะ ถ้าแกยอมยกให้ขั้นแกก็จะเป็นอิสระ ถ้าหากไม่ยอมให้ เมื่อถึงเมืองอะโบแมย์แล้วอย่าหวังว่าจะรอดไปได้ ติดคุกหัวโตเว้ย"
"ผมบอกแล้วไงครับ ว่ามันเป็นรถของลูกเจ้านายฝากมาซ่อม ผมให้คุณตำรวจไม่ได้จริง ๆ เห็นใจผมเถอะครับ"
"ไม่เชื่อเว้ย สภาพซอมซ่ออย่างแกไม่มีทางเป็นคนของเจ้านายอย่างเด็ดขาด อย่ามาโกหก แกขโมยของใครเขามารีบบอกมาตรง ๆ"
"ผมพูดความจริงครับท่าน อย่าเอารถไปเลยครับ"
"แกรู้ไหม ทุกอย่างมันจะง่ายมาก ถ้าชั้นถีบแกลงจากรถไฟตรงหุบเหว คนหายสาบสูญไปรถก็เป็นของชั้น แต่ชั้นเห็นว่าแกเป็นคนมีการศึกษาอยู่บ้าง มาเซ็นชื่อซื้อขายตรงนี้ แล้วแกจะรอด"
"อย่าทำอย่างนั้นเลยครับคุณตำรวจ เมื่อถึงอะโบแมย์แล้ว ผมยินดีมอบเงินให้คุณห้าพันฟรังก์ ผมสัญญา"
"ชั้นไม่เชื่อแกหรอกเว้ย ไอ้โบยานี่ น้ำหน้าอย่างแกจะหาเงินมากขนาดนั้นได้ที่ไหน อย่าต่อรองเลยวะ รีบลุกมาเขียนส่งมอบรถเพื่อแลกกับชีวิตและอิสรภาพของแกเถอะ"
"ถ้าผมลงนามแล้ว คุณตำรวจจะปล่อยตัวผมใช่ไหมครับ"
"แน่นอนซิวะ แกคงยอมแล้วสินะ ฮ่า ๆ"
"ครับ แต่ผมขอลงนามประทับลายนิ้วมือตอนรถไฟเข้าเทียบชานชาลาสถานีนะครับ ผมกลัวถูกถีบลงเหวก่อนถึงบ้าน"
"ก็ได้เว้ย แต่อย่าเบี้ยวนะไอ้โบยานี่ ไม่งั้นพรรคพวกชั้นที่อะโบแมย์เอาแกตายคาคุกแน่"
"ตกลงครับท่าน"
"รถคันนี้มันเสียตรงไหนวะ ถึงต้องเอามาซ่อม"
"ระบบห้ามล้อครับ ขับลุยเข้าไร่ฝ้ายแล้วห้ามล้อไม่ค่อยอยู่ อะไหล่ที่บ้านนอกไม่มี ช่างก็ซ่อมไม่เป็น"
"แกทำงานในไร่ฝ้ายเหรอ"
"ครับ ผมไปตรวจสุขภาพคนงานในไร่ฝ้าย มีโรคระบาดเลยไปดูแลคนที่นั่น พวกเขาลำบากมาก อยู่กินอย่างแร้นแค้นสุขภาพย่ำแย่ ผมไปช่วยพัฒนาให้ครับ"
"อย่ามาโม้ สารรูปอย่างแก เสื้อผ้าเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี่นะจะเป็นหมอได้ ชั้นไม่เชื่อ คงจำเนื้อเรื่องจากนิยายมาเล่าเป็นตุเป็นตะหลอกคนไปวัน ๆ"
"คุณตำรวจรถจวนถึงชานชาลาแล้วครับ เดี๋ยวผมลงนามซื้อขายให้ท่านเลย"
"ดี พูดง่าย ๆ ค่อยดูน่ารักหน่อย"
"ปล่อยผมได้แล้วยังครับ ผมจัดการเรื่องสัญญาซื้อขายเสร็จแล้วครับคุณตำรวจ"
"ชั้นจะปลดกุญแจมือให้แก ก็ต่อเมื่อรถไฟจะออกจากสถานีมุ่งไปเมืองโคโตเนาแล้วเท่านั้น เราจะบอกลากันตอนนั้นนะไอ้โบยานี่ ฮ่า ๆ"
"รถไฟจอดแล้วครับ คุณตำรวจลงรถไปพร้อมกับผมแล้วปลดกุญแจมือบนชานชาลาก็ได้ครับ"
"เออ ก็ยุติธรรมดีนะ เดินดี ๆ นะเว้ย เดี๋ยวตกรถแข้งขาหัก"
“กรุณาไขกุญแจมือให้ผมด้วยครับ”
“ไอ้โง่โบยานี่ แกนี่มันหลอกง่ายจัง ใครจะปล่อยแก ตอนนี้แกโดนจับโทษฐานลักทรัพย์บนรถไฟแล้ว ชั้นจะแจ้งข้อหาขังแกไว้ที่เมืองอะโบแมย์นี่แหละ อย่างน้อยแกต้องนอนอยู่ในคุกหกเดือนเว้ย ฮ่า ๆ”
(มีต่ออีกนิดครับ) ^^