Skin Type หรือประเภทผิวของคุณคือแบบไหน?

ถ้าอยากจะให้ผิวสวยสุขภาพดีข้อแรกที่ควรรู้ คือ Skin Type หรือประเภทผิวของตัวเอง
รู้แล้วดียังไง? เมื่อรู้ประเภทผิวจะรู้ว่าควรจะใช้ชีวิตยังไง ทำยังไงให้ Lifestyle ส่งผลต่อผิวในด้านบวก
ทำให้เลือกเครื่องสำอางถูกต้อง ตั้งแต่ Personal care, Skin care, Make up
เมื่อมันถูกต้องทุกขั้นตอน ปัญหาผิวก็ไม่โผล่มากวนใจ ความมั่นใจในตัวเองก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ไม่ว่าสีผิวจะเป็นแบบไหน ก็ Perfect ได้ในแบบตัวเอง



---วิธีหา Skin typeของตัวเอง---


30-minute skin test.
1. ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดใบหน้าให้เรียบร้อย
2. รอ 30 นาที โดยไม่ต้องทาอะไรทั้งนั้น
3. ส่องกระจกจ แล้วเช็กผิวตามสิ่งที่เห็นและรู้สึก จะแบ่งประเภทผิวได้ ดังนี้

- Oily skin (ผิวมัน) : ผิวดูเงาๆ จับแล้วเนียนๆ
- Dry skin (ผิวแห้ง) : ผิวดูแห้งๆตึงๆ
- Sensitive skin (ผิวแพ้ง่าย) : ผิวดูแดงๆระคายเคือง อาจรู้สึกแสบๆเวลาจับ
- Combination skin (ผิวผสม) : หน้าแต่ละบริเวณมีผิวที่แตกต่างกัน อาจแห้ง+มัน เป็นต้น
(ต้องบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีหาผิวของตัวเองอย่างง่าย ถามว่ามีวิธีเช็คที่ละเอียดกว่านี้มั้ย
คำตอบคือมี เช่น แยกไปอีก เป็น sensitive/Resistant, Wrinkle/Prone
ถามว่านอกจากการแบ่งประเภทตามความแห้งมัน ยังสามารถแบ่งแบบอื่นได้มั้ย
คำตอบก็คือ ได้ เช่นแบ่งตามเม็ดสีผิว
แต่วิธีนี้จะเป็นการเช็กที่ง่ายที่สุด สำหรับ The beginner ทำให้เรามองภาพกว้างของผิวได้ดีที่สุด แล้วจัดการต่อในขั้นต่อๆไปได้ง่าย
***************************************************
ปล. รักจะไม่ได้พูดถึงสรรพคุณของ Skin care ที่ต้องเลือกนะ ยกเว้นของ Sensitive skin
เพราะว่าผิวแต่ละประเภท มีปัญหาผิวบางอย่างเหมือนหรือแตกต่างก็ได้
แต่การเลือก Dosage form หรือประเภทของผลิตภัณฑ์ได้ถูกกับประเภทผิว
จะส่งเสริมให้เราใช้อย่างสม่ำเสมอ และไม่เกิดปัญหาผิวอื่นๆตามมา
***************************************************

มาลงดีเทลของผิวแต่ละประเภทดีกว่า

1. Oily skin (ผิวมัน) เรียกได้ว่าค่อนข้างน่าเห็นใจสำหรับอากาศประเทศไทย เพราะจะเยิ้มง้าย รูขุมขนก็จะดูกว้างไปอีก
แนวโน้มเป็นสิวง่าย แต่ข้อดีคือ ผิวแก่ช้าค่ะ เพราะจะมีไขมันช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูงกว่าผิวแห้ง
เนื้อของ Skin care ที่ควรเลือก ควรเป็นเนื้อแบบซึมไว เคลือบผิวแต่ไม่ทำให้เงา
--Water base—
ไม่ว่าจะเหลวหรือข้น สินค้าพวกนี้จะใส่ oil ลงไปน้อย เช็กเบื้องต้นว่าเนื้อไปทางใสหรือขุ่น ไม่ขาวทึบ เพื่อที่ความมันเยิ้มบนผิวจะได้ไม่เพิ่มขึ้น
--Emulsion—
เหลวหรือข้นก็ได้ไม่จำกัด แต่ Emulsion ปริมาณน้ำมันจะน้อยกว่า พวก oil เพียวๆ แต่พยายามเลือกเนื้อเบาและ dry feel คือใช้แล้วซึมเลย ไม่เคลือบเงาบนใบหน้า เพราะจะยิ่งดูมันเข้าไปอีกเว้นเสียแต่ว่าอยากจะให้หน้าดิวอี้ขึ้นก็เลือกใช้ได้
--Oil/Balm—
ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ ต่อให้เป็น Dry feel ก็ค่อนข้างจัดการยากสำหรับคนผิวมัน เพราะทำให้ชั้นต่อไปในการใช้ Make up จะเกิดอาหารเยิ้มไหลได้ค่ะ

2. Dry skin (ผิวแห้ง) ผิวแห้งจะเป็นปัญหามากเรื่อความเรียบของผิวหน้า และความอึดอัด ตึงๆบนผิวหน้า รู้สึกอยากจะเอาน้ำมาโดนหน้าตลอดเวลา
ข้อดีของคนผิวประเภทนี้คือ การใช้ Skin care หรือ Make up เพื่อเพิ่มความฉ่ำวาว สามารถทำได้ง่ายๆเลย
แต่ข้อเสีย คือ ผิวจะแก่ง่าย และอาจพัฒนาไปเป็นผิวแพ้ง่ายได้ในที่สุด
เนื้อของ Skin care ที่ควรเลือก ควรเป็นแบบซึมไว เคลือบผิว แบบให้ความเงาเล็กน้อยเพื่อให้ผิวดูไม่แห้งกร้าน
--Emulsion—
เหมือนข้อข้างบน แต่ควรเลือกเนื้อที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก แบบใช้แล้วเคลือบๆผิวบนใบหน้าเล็กน้อย
เพื่อให้มีฟิล์มปกป้องผิวด้านบนแทนน้ำมันตามธรรมชาติของผิวที่ขาดไป
--Oil/Balm—
ต้องบอกเลยว่าดี!!! สำหรับคนที่ใช้ไหว และจัดการกับ make up ได้ดี ไม่ว่าจะ Dry feel หรือ Heavy feel
คือ เอามาทดแทนการเคลือบผิวตาธรรมชาติของใบหน้าได้เลย
--Water base--
จริงๆก็เลือกได้แต่ต้องเลือกเนื้อที่ค่อนข้างข้นและเคลือบผิวสูง เพราะสูตรน้ำที่เป็นเจล มักจะมีสารก่อเจลที่เป็น polymer ปริมาณสูง ก็สามารถช่วยเคลือบผิวได้เช่นกัน

3. Sensitive skin (ผิวแพ้ง่าย) ผิวแพ้ง่ายโดยมากมักเกิดกับคนผิวแห้ง แต่ผิวมันขาดน้ำก็กลายเป็นผิวแพ้ง่ายได้
เป็นปัญหาผิวหนักที่สุด จัดการยากที่สุด แต่จัดการได้
เนื้อของ Skin care ที่ควรเลือก ควรเป็นแบบซึมไว ไม่ค่อยมีน้ำมัน ฤทธิ์ต้องไม่ซับซ้อนและไม่รุนแรง การจัดการคล้ายๆผิวแห้งแต่น้ำมันจะไม่สูงมาก
--Water base--
เลือกเนื้อเหลวหรือข้นก็ได้แต่ต้องซึมง่าย เน้นการให้ความชุ่ชื้นเป็นสำคัญ เลี่ยงฤทธิ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ที่จะส่งผลให้ผิวบาง
--Emulsion—
เลือกใช้ได้แต่ควรเลือกให้ใส่ Oil  ต่ำลง ถ้าเทียบความซับซ้อนของสูตร Emulsion จึงค่อนข้างมากกว่า water base ทำให้โอกาสจะเกิดการแพ้ค่อนข้างสูงกว่า
--Oil/Balm—
ถึงแม้จะมีลักษณะใกล้เคียงกับผิวแห้ง แต่ผิวแพ้ง่ายยังไม่ควรเลือกใช้สูตรประเภทนี้ เพราะ หาเป็นผิวแพ้ง่ายที่เกิดสิว อาจจะยิ่งทำให้การเกิดสิวเพิ่มขึ้น

4. Combination (ผิวผสม) เป็นผิวประเภทที่เหมือนจะจัดการยากแต่จริงๆคือ ไม่ยากเลย ซึ่งผิวคนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้แหละค่ะ
เนื้อของ Skin care ที่ควรเลือกสูตรตามลักษณะผิวที่เด่นสุดของหน้า เช่น

--ทาแบบคนขี้เกียจ--ทาทั่วหน้า
ถ้าผิวแห้งมากกว่า ให้เลือกตามแบบฉบับของผิวแห้ง
หรือถ้าผิวมันมากกว่า ให้เลือกตามแบบของผิวมันได้เลยจ้า
แต่อาจจะควบคุมที่ปริมาณการทาในแต่ละบริเวณก็จะช่วยให้ Balance ผิวได้ดีขึ้นนะคะ
--ทาแบบคนขยัน—แบ่งโซนทา
ตรงไหนแห้ง เลือกตามแบบผิวแห้งมาใช้กับตรงนั้น
ตรงไหนมัน เลือกามแบบผิวมันมาใช้เลย
แบบนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับิวผสม แต่ไม่ตอบโจทย์กับชีวิตเร่งรีบ

ถ้าให้เสนอเลือกแบบบนดีกว่า ง่ายกับชีวิต คุมงบได้ และผิวหน้าไม่สับสนด้วย
***************************************************
จบแล้ว
ยาวมากกก
ว่าจะเขียนสั้นๆ แต่ไม่เคยสั้นได้เลย ฮ่าฮ่า
หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ 

#เภสัชกรรัก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่