ลุงแมค ที่ไม่ใช่แมคมานหรือแมคมานามาน แต่เป็น แมคอัลลิสเตอร์ มาอ่านประวัติลุงกันสักนิดนะครับ
ถ้าจะมีนักเตะสักคนที่แฟนบอลลิเวอร์พูลคิดว่าย้ายมาร่วมทีมช้าเกินไป หนึ่งในนั้นคนต้องคิดถึง แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ ที่เข้ามาสวมเสื้อสีแดงในวัย 35 ปี!!!
มันเป็นเรื่องช็อกพอสมควรในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลหรือแม้แต่นักเตะในทีมที่ต่างสงสัยว่า เชราร์ อุลลิเย่ร์ คิดว่าสโมสรแห่งนี้กลายสภาพเป็นบ้านพักคนชราหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม แม็คก้า ที่เคยเป็นแชมป์ลีกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1991-92 กลับประสบความสำเร็จกับ 2 ปีที่งดงามในทีมลิเวอร์พูล แม้แต่หนึ่งในคนที่สงสัยอย่างมากในตอนแรกอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับได้เรียนรู้อะไรมากมายจากนักเตะรุ่นพี่ในวงการรายนี้
แม็คอัลลิสเตอร์ หรือที่บ้านเราอาจจะเรียกว่า “ลุงแม็ค” มากกว่า “แม็คก้า” มีฤดูกาลที่สุดยอดในปี 2000-2001 สมกับทีมเขายืนยันว่าเดินทางมายังแอนฟิลด์เพื่อเผชิญความท้าทายทั้งที่ใครอาจต่างคิดว่าเขาน่าจะเตรียมแขวนสตั๊ดได้แล้ว
การเปิดบอลอันแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุม ฟรีคิ๊ก หรือการวางบอลในสนามปกติ เขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลูกเปิดของลุงแม็คจะพุ่งตรง เร็ว และแรง ก่อนที่สุดท้ายจะเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
ลุงแม็คมีส่วนอย่างมากในช่วงปลายฤดูกาล 2000-01เขาได้รับการโหวตเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในยูฟ่า คัด นัดชิงชนะเลศ ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ อลาเบส 5-4 ในเกมช่วงต่อเวลาที่ดอร์ทมุนด์ประเทศเยอรมนี ด้วยการลงคะแนนที่เอกฉันทน์เมื่อเขามีส่วนถึง 4 จาก 5 ประตูของลิเวอร์พูลในเกมดังกล่าว
และไม่มีใครลืมช่วงสำคัญในเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่หงส์แดงต้องการ 3 แต้มเพื่อโอกาสไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป และเกมกำลังจะจบในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่กูดิสัน พาร์ค แต่แฟนบอลลิเวอร์พูลก็ได้ฉลองในค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่เมื่อเขาฉวยโอกาสจากประสบการณ์การค้าแข้ง และถูกต้องตามกฎกติกาทุกอย่างซัดฟรีคิ๊ก 40 หลา เสียบมุมขวามือของผู้ีรักษาประตูอย่างสวยงาม
ผมว่าถ้าใครนั่งดูเกมวันนั้นก็ต้องกระโดดตัวลอยด้วยความยินดี และเป็นหนึ่งในลูกยิงที่มีส่วนทำให้ฤดูกาลนั้นของลิเวอร์พูลสมบูรณ์แบบ
ลุงแม็คลงเล่น 38 เกมในฤดูกาลถัดมาให้ลิเวอร์พูล เขามีส่วนทำให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เล่นได้อย่างใจเย็นขึ้น ก่อนจะกลับไปเป็นผู้เล่น/ผู้จัดการทีมที่โคเวนทรี้ น่าเสียดายที่ เดนิส ภรรยาของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งทำให้เขาต้องใช้เวลากับครอบครัว ก่อนคืนวงการในฐานะโค้ชตั้งแต่ปี 2008
แม็คอัลลิสเตอร์เป็นตัวอย่างของนักเตะที่รักษาสภาพร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แม้ว่าจะอายุมาก เป็นต้นแบบของกองกลางสไตล์อังกฤษที่มีการเล่นที่หนักหน่วงแต่อยู่ในเกม เขายังมีความรักต่อลิเวอร์พูลอย่างมากแม้ว่าจะอยู่กับทีมเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
แม็คอัลลิสเตอร์ทิ้งท้ายในวันสุดท้ายที่สวมเสื้อลิเวอร์พูลว่า
“ผมจะไม่มีวันลืมทุกๆ อย่างในวันนี้ และผมจะไม่มีวันลืมว่าแฟนบอลดีกับผมเพียงใดตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่แอนฟิลด์ ผมจะไม่ลืมมัน และผมอยากขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่ลุกขึ้นยืนปรบมือเป็นเกียรติให้กับผม พวกเขายิ่งใหญ่มาก ผมคิดว่าตัวเองจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่เมื่อผมได้รับมันยิ่งกว่าที่เคยฝัน การยืนปรบมือนั้นปกติจะเป็นการต้อนรับนักเตะที่นำถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ มาให้กับสโมสร มันเป็นวันที่ยอดเยี่ยม และมันยอดมากที่ได้ยินเสียงแสดงความยินดีจากเดอะ ค็อป และมันดียิ่งที่ได้เห็นอารมณ์ขันของเดอะ ค็อป ที่ต่างอวยพรให้ผลงานให้สุดยอดอีกกับโคเวนทรี้”
ติดทีมชาติ : 57/4 (0/0 ในชุดลิเวอร์พูล)
ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูล: 19.08.2000
หมดสัญญา: 13.05.2002
ลงเล่นในลีก/ประตู : 55 / 5
ลงเล่นทุกรายการ/ประตู : 87 / 9
Credit :เพิ่มเติม
http://www.lovelfc.com/blogs/2012/06/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%82%E0%B8%B4/
___________________________
และนี่คือหนึ่งใน เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ที่ประทับใจของผมครับ
มีครบทุกอารมณ์
ลิเวอร์นำ 1-0 จาก เอมิลเฮสกี้ กองหน้าคนแรกที่ได้ฉายา"กองหน้าตัวรับ"
เอฟ ตีเสมอ 1-1 จาก เฟอร์กูสัน ปัจจุบันเป็นผู้ช่วย อันเช่
ลิเวอร์ นำ 2-1 จากบับเบิล
ลิเวอร์ได้จุดโทษ แต่ ฟาวเลอร์ยิงพลาด
นิวโบบัน บิสคาน โดนใบแดง
เอฟ ได้จุดโทษ ตีเสมอ 2-2
ทดเวลา ลุงแมค ยิงฟรีคิก...40 หลา เข้าได้ไง?
ลิเวอร์พูลชนะ 3-2 ในบ้านเอฟเวอร์ตัน
@ Merseyside derby : แมตช์ที่ประทับใจ
มันเป็นเรื่องช็อกพอสมควรในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลหรือแม้แต่นักเตะในทีมที่ต่างสงสัยว่า เชราร์ อุลลิเย่ร์ คิดว่าสโมสรแห่งนี้กลายสภาพเป็นบ้านพักคนชราหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม แม็คก้า ที่เคยเป็นแชมป์ลีกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1991-92 กลับประสบความสำเร็จกับ 2 ปีที่งดงามในทีมลิเวอร์พูล แม้แต่หนึ่งในคนที่สงสัยอย่างมากในตอนแรกอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับได้เรียนรู้อะไรมากมายจากนักเตะรุ่นพี่ในวงการรายนี้
แม็คอัลลิสเตอร์ หรือที่บ้านเราอาจจะเรียกว่า “ลุงแม็ค” มากกว่า “แม็คก้า” มีฤดูกาลที่สุดยอดในปี 2000-2001 สมกับทีมเขายืนยันว่าเดินทางมายังแอนฟิลด์เพื่อเผชิญความท้าทายทั้งที่ใครอาจต่างคิดว่าเขาน่าจะเตรียมแขวนสตั๊ดได้แล้ว
การเปิดบอลอันแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุม ฟรีคิ๊ก หรือการวางบอลในสนามปกติ เขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลูกเปิดของลุงแม็คจะพุ่งตรง เร็ว และแรง ก่อนที่สุดท้ายจะเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
ลุงแม็คมีส่วนอย่างมากในช่วงปลายฤดูกาล 2000-01เขาได้รับการโหวตเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในยูฟ่า คัด นัดชิงชนะเลศ ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะ อลาเบส 5-4 ในเกมช่วงต่อเวลาที่ดอร์ทมุนด์ประเทศเยอรมนี ด้วยการลงคะแนนที่เอกฉันทน์เมื่อเขามีส่วนถึง 4 จาก 5 ประตูของลิเวอร์พูลในเกมดังกล่าว
และไม่มีใครลืมช่วงสำคัญในเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่หงส์แดงต้องการ 3 แต้มเพื่อโอกาสไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป และเกมกำลังจะจบในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่กูดิสัน พาร์ค แต่แฟนบอลลิเวอร์พูลก็ได้ฉลองในค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่เมื่อเขาฉวยโอกาสจากประสบการณ์การค้าแข้ง และถูกต้องตามกฎกติกาทุกอย่างซัดฟรีคิ๊ก 40 หลา เสียบมุมขวามือของผู้ีรักษาประตูอย่างสวยงาม
ผมว่าถ้าใครนั่งดูเกมวันนั้นก็ต้องกระโดดตัวลอยด้วยความยินดี และเป็นหนึ่งในลูกยิงที่มีส่วนทำให้ฤดูกาลนั้นของลิเวอร์พูลสมบูรณ์แบบ
ลุงแม็คลงเล่น 38 เกมในฤดูกาลถัดมาให้ลิเวอร์พูล เขามีส่วนทำให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เล่นได้อย่างใจเย็นขึ้น ก่อนจะกลับไปเป็นผู้เล่น/ผู้จัดการทีมที่โคเวนทรี้ น่าเสียดายที่ เดนิส ภรรยาของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งทำให้เขาต้องใช้เวลากับครอบครัว ก่อนคืนวงการในฐานะโค้ชตั้งแต่ปี 2008
แม็คอัลลิสเตอร์เป็นตัวอย่างของนักเตะที่รักษาสภาพร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แม้ว่าจะอายุมาก เป็นต้นแบบของกองกลางสไตล์อังกฤษที่มีการเล่นที่หนักหน่วงแต่อยู่ในเกม เขายังมีความรักต่อลิเวอร์พูลอย่างมากแม้ว่าจะอยู่กับทีมเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
แม็คอัลลิสเตอร์ทิ้งท้ายในวันสุดท้ายที่สวมเสื้อลิเวอร์พูลว่า
“ผมจะไม่มีวันลืมทุกๆ อย่างในวันนี้ และผมจะไม่มีวันลืมว่าแฟนบอลดีกับผมเพียงใดตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่แอนฟิลด์ ผมจะไม่ลืมมัน และผมอยากขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่ลุกขึ้นยืนปรบมือเป็นเกียรติให้กับผม พวกเขายิ่งใหญ่มาก ผมคิดว่าตัวเองจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่เมื่อผมได้รับมันยิ่งกว่าที่เคยฝัน การยืนปรบมือนั้นปกติจะเป็นการต้อนรับนักเตะที่นำถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ มาให้กับสโมสร มันเป็นวันที่ยอดเยี่ยม และมันยอดมากที่ได้ยินเสียงแสดงความยินดีจากเดอะ ค็อป และมันดียิ่งที่ได้เห็นอารมณ์ขันของเดอะ ค็อป ที่ต่างอวยพรให้ผลงานให้สุดยอดอีกกับโคเวนทรี้”
ติดทีมชาติ : 57/4 (0/0 ในชุดลิเวอร์พูล)
ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูล: 19.08.2000
หมดสัญญา: 13.05.2002
ลงเล่นในลีก/ประตู : 55 / 5
ลงเล่นทุกรายการ/ประตู : 87 / 9
Credit :เพิ่มเติม
http://www.lovelfc.com/blogs/2012/06/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%82%E0%B8%B4/
มีครบทุกอารมณ์
ลิเวอร์นำ 1-0 จาก เอมิลเฮสกี้ กองหน้าคนแรกที่ได้ฉายา"กองหน้าตัวรับ"
เอฟ ตีเสมอ 1-1 จาก เฟอร์กูสัน ปัจจุบันเป็นผู้ช่วย อันเช่
ลิเวอร์ นำ 2-1 จากบับเบิล
ลิเวอร์ได้จุดโทษ แต่ ฟาวเลอร์ยิงพลาด
นิวโบบัน บิสคาน โดนใบแดง
เอฟ ได้จุดโทษ ตีเสมอ 2-2
ทดเวลา ลุงแมค ยิงฟรีคิก...40 หลา เข้าได้ไง?
ลิเวอร์พูลชนะ 3-2 ในบ้านเอฟเวอร์ตัน