👧🏻💕👦🏼 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#58 Week#16, 13 - 17 ตุลาคม "คืนอัศจรรย์ของเขมมนัส" ถุงมือตาข่าย 👧🏻💕👦🏼

กระทู้คำถาม

ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 16 เรื่องที่ 2 ครับ... ^^

เป็นเรื่องที่น่ารักๆ ของคู่สามีภรรยาชนิด "ข้าวใหม่ปลามัน" อะไรๆ ก็หวานชื่นไปหมด ชนิดที่ว่า "น้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน" นั่นแหละ

เปิดเรื่องมาก็โชว์ความหวานแหววของทั้งคู่ เป็นการอารัมภบท แล้วย้อนเวลากลับหลังด้วยการให้คุณสามีนอนคิดถึงเหตุการณ์คืนวันแต่งงานที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน มีเรื่องน่าตกใจบางอย่างเกิดขึ้น น่าหวาดเสียวชะมัดยาดเลยแหละ !

เป็นเรื่องอะไรยังไง ย้อนเวลาไปกับเขาและเธอกันครับ ^^ หัวใจ

สายลมอ่อน ๆ ยามอรุณรุ่งโชยแผ่วผ่านเข้าไปในห้องนอนเล็ก ๆ ทางหน้าต่างบานไม้ที่มีผ้าม่านสีขาวบังตา เสียงนกกู่และทักทายกันสอดประสานขึ้นโดยรอบอาณาบริเวณบ้านหลังน้อยในย่านสวนผัก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก แต่ความรื่นรมย์ของนกก็ยังไม่มากเกินกว่าความหวานชื่นของหญิงชายสองคนที่คุยกันกระหนุงกระหนิงภายในห้องนั้น

    “เขมนวดดีไหมคะ” ฝ่ายหญิงถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    “เยี่ยม” ฝ่ายชายตอบก่อนทำเสียงออดอ้อน “ขอโปรพิเศษด้วยซี่”

    “ไม่ได้ค่ะ...อุ๊ย !”

    คนที่นอนพูดคว้าร่างที่นั่งเคียงข้างให้เอนทับลงไปบนร่างของตนเอง โอบหล่อนไว้แล้วยื่นหน้ามาคลอเคลียกับใบหน้าของหญิงสาว หล่อนแตะริมฝีปากที่ปลายคางของเขาอย่างนุ่มนวล แล้วก็ผลักเขาออกห่าง ส่งเสียงกระซิบ

    “ซียูทูไนท์ค่ะ”

    “นิดเดียวน่า” เขากลับกอดหล่อนกระชับและรุกเร้าด้วยสัมผัสแห่งอารมณ์ปรารถนา เสียงไก่ขันแจ่มชัดแทรกอณูแห่งความสงัดขึ้นมาสองสามครั้ง แต่สองร่างยังคงนอนแนบชิดและใช้เพียงภาษากายที่สื่อถึงกันด้วยความรักใคร่

    พร้อมกับที่สายคาดเอวชุดคลุมของหล่อนที่ผูกไว้เป็นเงื่อนกระตุกถูกดึงออกด้วยนิ้วมือของเขา พลันก็มีเสียงกริ่งกังวานยาวต่อเนื่องดังมาจากชั้นล่างจนหญิงสาวสะดุ้ง และพลอยให้ชายหนุ่มชะงักในทันที เสียงนั้นดังต่อเนื่องไม่ยอมหยุด ทั้งคู่สบตากัน แล้วต่างก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเต็มที่

    หล่อนเบี่ยงตัวจากอ้อมกอดของเขาแล้วลุกขึ้นนั่ง ผูกสายคาดเอวกลับคืนโดยมีมือของอีกฝ่ายตามมาลูบไล้ต้นแขนก่อนที่จะบีบเบา ๆ

    “ปิดเสียงแล้วขึ้นมาอีกไม่ได้เหรอ”

    หญิงสาวสปริงตัวจากท่านั่งบนเตียงเป็นท่ายืนอย่างว่องไว ทำเสียงล้อเลียน

    “ซอรี่ค่ะคุณผู้ชาย วันนี้ลูกค้ารายใหม่ ห้ามสาย บ๊ายบายนะคะดาร์หลิง”
   
    เขามองตามหลังภรรยาด้วยความเอ็นดู เสยผมลวก ๆ ก่อนล้มตัวลงบนที่นอนอีกครั้งหนึ่ง กลิ่นกายและเครื่องประทินผิวของหล่อนยังอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเสียงกริ่งหยุดลง เขายิ้มกับตัวเอง หลับตาลงอีกครั้งขณะที่นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อสี่วันก่อน คืนแต่งงานของเขากับหล่อน…

    งานเลี้ยงพิธีสมรสในช่วงค่ำคืนที่น่าตื้นตันใจสำหรับบ่าวสาวและสมาชิกในครอบครัวของทั้งสองฝ่ายจบลงราว ๆ ห้าทุ่ม เขมมนัสในชุดราตรีสีขาวเปิดไหล่ด้านหนึ่งมีท่าทีอ่อนเพลียเนื่องจากพักผ่อนน้อยตั้งแต่ก่อนวันงาน แต่หล่อนก็แจกยิ้มให้แขกทุกคนจนกระทั่งจบงาน ดวงหน้าหวานนั้นรับกันดีเรือนผมยาวของหล่อนที่ถูกเกล้าเป็นช่อชั้นอย่างประณีต ขณะอยู่ในงานเขามองหล่อนด้วยความเต็มตื้นและชื่นชม ทว่า หล่อนมักส่งสายตาตัดพ้อเขากลับมา ด้วยเหตุผลที่รู้กันอยู่ในใจเรื่องงานเลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่เกินไป เขาจึงได้แต่ยิ้มปลอบหล่อนและกุมมือเอาไว้ไม่ห่าง

    พ่อกับแม่ของหล่อนแยกกลับบ้านย่านชานเมืองเพราะเตรียมตัวเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัดในวันรุ่งขึ้น ส่วนเขากับเขมมนัสค้างคืนที่บ้านแม่ของเขาเป็นการชั่วคราว ก่อนจะทยอยย้ายของออกมาอยู่บ้านพักหลังเล็ก ๆ ในย่านสวนผักแห่งนี้

    เมื่อเครื่องยนต์รถดับสนิทลง ทุกคนพากันก้าวออกจากรถด้วยท่าทางกะปลกกะเปลี้ย เพราะอยู่กับพิธีการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมาตลอดทั้งวัน แม่ของเขาในวัยหกสิบเศษสวมชุดไหมสีฟ้าอ่อนหิ้วกระเป๋าถือด้วยมือซ้าย ขณะที่มือขวาเกาะแขนของเขาพร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้าบ้าน ส่วนเขมมนัสเดินขนาบข้างมาด้วยช้า ๆ
  
“ง่วงหน่อยนะครับแม่”  

“ไม่เท่าไรร้อก” แม่พูดกลั้วหัวเราะ แล้วก็หันไปทางเขมมนัส

“เขมสิ คงจะเมื่อยแย่นะลูก ใส่ส้นสูงเดินเป็นชั่วโมง”

“ก็มีนิดนึงค่ะคุณแม่”

เมื่อถอดรองเท้าแล้ว หล่อนหยุดรอให้แม่ของเขาก้าวผ่านประตูบ้านเข้าไปก่อน จากนั้นเขาจึงโอบเอวพาเขมมนัสเดินเข้าประตูพร้อมกัน ทว่า หล่อนทำท่านึกขึ้นได้  

“โอ เขมลืมของในรถ คุณขึ้นไปก่อนนะคะ”

หล่อนหมายถึงนมถั่วใส่เมล็ดอัลมอนด์ซึ่งลูกปลา หลานสาววัยรุ่นของหล่อนที่กำลังเรียนคอร์สอาหารตั้งใจทำมาฝาก หวังให้ทุกคนมีเครื่องดื่มร้อน ๆ รองท้องก่อนอาหารเช้า เมื่อเขมมนัสผลุนผลันออกไปที่โรงรถ เขาจึงเดินตามแม่ขึ้นชั้นบนไปก่อน

ด้วยความอ่อนเพลียและอึดอัดกับเสื้อผ้าที่เป็นชุดพิธีการ เมื่อถึงห้องพัก เขาจึงรีบอาบน้ำทันที ปล่อยให้เนื้อตัวสัมผัสละอองน้ำและชำระเหงื่อไคลด้วยความสบายใจ เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็นเขมมนัสกำลังยืนอยู่ที่หน้ากระจก ใช้มือดึงบางอย่างออกจากกลุ่มเส้นผม

“อะไรเหรอเขม”

หล่อนหันมายิ้มให้แบบง่วง ๆ

“แกะกิ๊บค่ะ ดูสิ เขาติดกิ๊บไว้เต็มเลย”

เขาเดินเข้าไปหาหล่อน แตะริมฝีปากลงที่ต้นคอเบา ๆ  

“มาผมจะช่วยแกะ”

เขาสำรวจดูเรือนผมของหล่อนใกล้ ๆ อีกครั้ง

“สงสัยใช้กิ๊บเป็นโหลเลยมั้งเนี่ย”

“เยอะเลยล่ะค่ะ”

หล่อนทรุดกายลงบนม้านั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้เขาแกะกิ๊บดำ กิ๊บโลหะตัวบาง ๆ รูปร่างเหมือนคีม ที่ใช้สำหรับเหน็บเรือนผมออกจากเส้นผมทีละอัน

“แกะยากหน่อยนะคะกิ๊บดำ”

“เหนื่อยมากสินะเจ้าสาวผม” เขาถามขณะวางกิ๊บตัวที่สองลงไปบนโต๊ะ แลดูหล่อนในกระจก ยามนี้คือใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีสีหน้าไม่สดชื่นนัก ปอยผมเริ่มตกลงมารุ่ยร่าย ที่ขมับมีเหงื่อซึม ทำให้เขารู้สึกเห็นใจหล่อนมากขึ้น

“ง่วงมากค่ะ ตาจะปิดอยู่แล้ว”

“โอ้โฮ เขม มันเยอะกว่าที่คิดนะ คุณต้องทรมานแย่เลยกว่าจะแกะออกหมด”

“ขอโทษนะคะที่เลือกทรงนี้ เลยทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย” หล่อนหันมายิ้มให้อย่างเอาใจ

เขาลูบศีรษะหล่อนเบามือ

“เอางี้ ผมว่าเขมอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้หายเหนื่อยและสดชื่นขึ้นบ้าง แล้วค่อยมาแกะกิ๊บออก”  

“งั้นเขมต้องขอโพกหัวนอนเก็บไว้สระพรุ่งนี้เช้านะคะ” หล่อนปลดสายสร้อยและต่างหูออกโดยเร็ว

“คุณต้องทนเหม็นสเปรย์ซักหน่อย โอเค้ ? ”

เขามองหล่อนล้อ ๆ

“ต้องเรียกค่าปรับ”

เขมมนัสหัวเราะชอบใจ ขณะที่เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ

“ค่าจ้างแกะกิ๊บด้วย” เขาพูดตามหลัง ทำให้หล่อนแสร้งหันมาค้อนขวับก่อนที่จะเดินเข้าไปและงับบานประตูตามหลัง

ใครจะคิดว่า คืนวันแต่งงาน คู่บ่าวสาวอย่างเขากับหล่อนต้องมานั่งเลือกแกะกิ๊บดำออกจากเส้นผมเกือบ ร้อยอัน แรก ๆ เขมมนัสก็คุยกับเขาด้วยดี แต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาที หล่อนก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในท่าฟุบหน้ากับโต๊ะ และปล่อยให้เขาจัดการภารกิจนั้นต่อไปเพียงลำพัง และเมื่อเขาหาผ้าโพกศีรษะให้หล่อนและอุ้มร่างนั้นมาวางลงบนเตียง เข็มนาฬิกาก็เลยเวลาเที่ยงคืนไปมากแล้ว

ชายหนุ่มนึกขันอยู่คนเดียว พลิกกายเป็นท่านอนตะแคงมองดูภรรยาที่หลับใหลอยู่ข้าง ๆ อย่างอาทรพักหนึ่ง ก่อนก้มลงจุมพิตริมฝีปากของคนที่ยังหลับ คลี่ผ้าห่มคลุมกายให้หล่อน แล้วก็หันกลับมานอนหงายตามความเคยชิน

เขามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อหล่อนวาดแขนมาปะทะหน้าอก เอื้อมมือไปคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู แล้วจึงหันไปโอบร่างหล่อนไว้ในท่านอนตะแคง ร่างเล็ก ๆ ในอ้อมกอดขยับกายเข้าเบียดชิดอกเขา ส่งเสียงอู้อี้

“เขมรักคุณจัง”

“ผมก็รักเขม...มากด้วย”

“เมื่อคืนเขมหลับตอนไหนคะ ไม่รู้ตัวเลย” สัมผัสของหล่อนบนเนื้อตัวสามีเป็นไปด้วยความรัก      

“สลบคาโต๊ะเครื่องแป้งนั่นแหละ ปล่อยให้ผมทำงานอยู่คนเดียว“

“ตกลงมีกิ๊บกี่ตัวคะ” น้ำเสียงของหล่อนเริ่มแจ่มใสเหมือนยามปกติ

“ไม่ได้นับจ้ะ แต่คิดว่าเกือบร้อย”

“เกือบร้อย !” หล่อนอุทานเสียงดัง จุมพิตแรง ๆ ที่แก้มสามีทั้งสองข้าง

“ขอบคุณมากค่ะ”

เขาจุมพิตตอบก่อนกระซิบถาม

“หายเหนื่อยรึยัง”

เขมมนัสยิ้มให้เขาในแสงสลัว “ถ้าบอกว่ายังล่ะ”

“’งั้นก้อ...ให้นอนต่อ”

หล่อนหัวเราะแล้วจับมือของเขามาแนบแก้ม

“เขมอยากสระผมมากที่สุดเลย รู้สึกเนื้อตัวไม่สะอาด”

“แต่ผมไม่ถือนะ”

หล่อนหัวเราะอีกแล้วทุบที่ต้นแขนของเขาแรง ๆ ก่อนจะเบี่ยงกายหนีลงจากเตียง  

“กี่โมงแล้วคะเนี่ย”

“ใกล้ตีห้าครึ่ง”

“จวนสว่างแล้ว เดี๋ยวเขมสระผมก่อนแล้วจะไปชงอะไรร้อน ๆ มาให้นะคะ”

หล่อนลุกนั่งและดึงสาบเสื้อคลุมเข้าหากันก่อนใช้สายคาดเอวผูกไว้ และทันใดนั้นก็ร้องออกมาเสียงดัง

“ตายแล้ว !”

“อะไรรึเขม !”

หล่อนไม่ตอบแต่กระโจนพรวดไปทางประตูห้อง ถอดสลักก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดออกอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกไปทันที เขาตั้งสติได้จึงถลาลงจากเตียงแล้ววิ่งตามหลังออกไป  

เขมมนัสซอยเท้าลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ชนิดที่เขาไม่เคยเห็นหล่อนในกิริยาเช่นนี้มาก่อน หล่อนวิ่งไปที่ห้องครัวโดยมีเขาวิ่งตามไปจนทัน ห่างกันเพียงชั่วไม่กี่วินาที ภายในครัวยังมืดมากและเห็นเปลวไฟโชนแสงจากตำแหน่งที่วางเตาแก๊สชัดเจน

เมื่อคลำพบสวิทซ์ไฟ เขมมนัสก็พูดปนหอบพร้อมกับกดสวิทซ์

“เขมอุ่นนมถั่วไว้ค่ะ...ตั้งแต่เมื่อคืน”

พอแสงไฟสว่างจ้า ทั้งเขมมนัสและเขาต่างตกตะลึง มองดูหม้อสแตนเลสขนาดกลางพร้อมฝาปิดตั้งอยู่บนเตาแก๊สซึ่งมีเปลวไฟใบนั้น หล่อนยังช็อก ทำอะไรไม่ถูก เขาจึงรีบปิดวาล์วถังแก๊สทันทีก่อนที่จะปิดเตาด้วย เมื่อใช้ผ้ารองมือเปิดฝาหม้อออก ก็พบกับความว่างเปล่า ในขณะที่มีคราบดำไหม้เกรียมติดเฉพาะด้านในหม้อโดยรอบราวกับทาสีเคลือบ เว้นแต่พื้นผิวก้นหม้อเท่านั้นที่ยังเป็นเนื้อโลหะสแตนเลสตามปกติ ควันร้อนลอยกรุ่นขึ้นมาเป็นสายแกมกลิ่นการเผาไหม้จาง ๆ   

ยังไม่ทันที่หนุ่มสาวทั้งคู่จะพูดอะไรกัน เสียงของแม่เขาก็แว่วมาเข้าหู  

“ใครตื่นแต่เช้าเชียว ทำอะไรจ๊ะ”

เขมมนัสหน้าตาตื่น กระซิบให้เขาหาที่ซ่อนหม้อใบนั้น เขาจึงรีบเปิดตู้เก็บของที่ตั้งอยู่แถวนั้นแล้วจับหูหม้อด้วยมือเปล่าก่อนจะยัดใส่เข้าไปแล้วเลื่อนบานประตูปิด เผลอสูดปากเพราะถูกความร้อนจากหม้อลวกฝ่ามือ ก็พอดีแม่เยี่ยมหน้าเข้ามาเสียก่อน

เขายิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น คงไม่ผิดบาปสักเท่าไรที่บอกแม่ไปว่า นมถั่วที่หลานของเขมมนัสทำมาฝากนั้นบูดเสียแล้วจนต้องเททิ้ง เช้านั้นเขมมนัสจึงต้องชงเครื่องดื่มชนิดอื่นเสริฟแทน และทำข้าวต้มหมูสำหรับทุกคน ส่วนหม้อสแตนเลสใบนั้น ทั้งคู่แอบห่อกระดาษเอาออกมาด้วย เพราะเขมมนัสตั้งใจจะทดลองดูก่อนว่าหาวิธีขขัดคราบไหม้ออกได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ หล่อนก็เตรียมสำรวจแคตตาล็อกสินค้าเพื่อสั่งซื้อมาให้แทน

“ที่จริงบอกแม่ตามตรงก็ได้นะเขม ผมว่าแม่ไม่โกรธหรอก เรื่องแค่นี้เอง”

เขานอนคุยกับหล่อนหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาเพียงวันเดียว  

“แต่เขมเสียเครดิตลูกสะใภ้น่ะสิคะ” หล่อนแย้งเสียงอ่อย

“ทำหม้อพังเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่แค่หม้อพัง แต่การเปิดแก๊สทิ้งข้ามคืนมันน่ากลัวมากนะคะ ถึงเปิดหรี่ไว้ก็เถอะ” หล่อนถอนใจยาวก่อนพูดต่อไป

“ถ้าวันนั้นไฟไหม้บ้านละก็....เขมไม่อยากคิดเลย ขอโทษด้วยนะคะ แย่จริง ๆ”

“ไม่เอาน่า อย่าโทษตัวเองแบบนั้น เพราะงานของเราต่างหากที่ทำให้เขมเหนื่อยมาก” เขากอดหล่อนไว้และปลอบประโลมด้วยสัมผัสอ่อนโยน  “เราโชคดีที่คุณพระคุ้มครอง มันผ่านไปแล้วล่ะ”  

    “ทีนี้ใช้ระบบสัญญาณเตือนดีกว่า” หล่อนทำท่าคิด

    “แบบไหน”

    “ก็นาฬิกาปลุกไงคะ” คนตอบยิ้มหวานก่อนจะซบหน้าแนบกับอกของเขา

นับจากนั้น หากวันใดมีรายการอาหารต้มหรือเคี่ยวที่ต้องใช้เวลานาน เขมมนัสจะต้องมีนัดกับเสียงนาฬิกาปลุกเสมอ เช่นเดียวกับเช้าตรู่วันนี้ที่หล่อนสลัดตัวหนีอ้อมกอดของเขาไปแล้วนั่นเอง

///  จบ  ///
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่