เราคงต้องเริ่มที่พี่ชายของผม คงจะเล่าเรื่องของผมไม่ได้ถ้าไม่ได้พูดถึงเขา เขาเป็นพี่ชายคนโตและที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือเขาเป็นแฟนบอลบาร์เซโลน่า
งั้นเรามาเริ่มด้วยเรื่องตลกๆเกี่ยวกับเขากันไม่ดีกว่าเหรอครับ?
การโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราพี่น้องบางทีมันก็น่าตลกน่ะครับ เพราะพี่เขาอายุมากกว่าผม5 ปี และเราใช้ห้องนอนร่วมกัน ตอนพวกเรายังเล็กมันก็ไม่มีปัญหาอะไร สนุกด้วยซ้ำ แต่พอพี่เขาเริ่มโตขึ้นสักประมาณ15 รึ16 แล้วอยากพาเพื่อนมาบ้าน ทีนี้เราก็มีปัญหาใหญ่ละครับ พี่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนผมก็วิ่งเล่นทั่วบ้านแล้วทำเรื่องที่น้องชายตัวเล็กจอมซนพึงกระทำ น่ารำคาญไหม? แน่นอน!
พี่มักจะบอกว่า “บรูโน่ ออกไปเล่นนนอกบ้านได้แล้ว”
ต้องขอบคุณพี่(และเพื่อนพี่) ความทรงจำวัยเด็กของผม เลยเต็มไปด้วยการเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ ไม่ก็ไปโรงเรียนโดนหนีบลูกฟุตบอลไปด้วย ผมไม่ทราบนะครับว่าที่อื่นเป็นยังไง แต่ในโปรตุกัลโดยเฉพาะช่วงนั้น ช่วงเวลาแห่งศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป Euro 2004 ทีมชาติโปรตุกัลมีผู้เล่นเก่งๆเต็มทีม ถ้าคุณชอบฟุตบอล คุณจะโคตรมีความสุขเลย
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาของ เมสซี่ในวัยหนุ่ม คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และโรนัลดิญโญ่ในช่วงพีค ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็จะเห็นพวกเด็กๆเถียงกันว่าใครเก่งที่สุด? แน่นอนว่าผมกับพี่ก็ด้วย ปีนี้ใครจะได้บัลลงดอ? ประตูของใครสวยกว่ากัน? ใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์?
ผมน่ะเข้าข้างโรนัลโด้เสมอ
แต่พี่ชายของผมเลือกข้างเมสซี่
ในช่วงเทศกาลคริสมาสนึง ผมกับพี่ชายไปอยู่กับพ่อที่สวิซเซอร์แลนด์ ท่านทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนที่อินเตอร์เนตจะทำให้การซื้อชุดแข่งจากทั่วมุมโลกเป็นเรื่องง่าย ในโปรตุกัล คุณจะไม่มีทางหาซื้อชุดแข่งของทีมในพรีเมียรลีคได้ง่ายๆ ถึงจะหาได้มันก็จะแพงมาก วันนึงพวกเราได้ไปร้านไนกี้ พ่อให้พวกเราเลือกเสื้อได้คนละตัว พี่ชายเลือกเสื้อสีเหลืองของบาเซโลน่าเพราะเมสซี่ ส่วนผมนะเหรอครับ… จะว่าไงดี ผมภูมิใจที่จะบอกว่าแม้จะตอนนั้นผมก็เป็นชายผู้ซับซ้อนคนนึง
แน่นอน ผมเลือกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ผมยังจำเสื้อตัวนั้นได้ดี สีน้ำเงินมีคาดเส้นสีขาวและมีสีแดงเล็กน้อย
เพราะว่าโรนัลโด้ ทีมในฝันของผมในอังกฤษก็คือยูไนเต็ด
คุณครูของผมมักจะพูดเสมอว่า “บรูโน่ ฟุตบอลน่ะไม่ใช่ความฝันที่จับต้องได้หรอกนะ การแข่งขันมันสูงมาก เธอต้องตั้งใจเรียนสิ่ ผมก็แค่คิดว่า”โอเค ขอบคุณนะครับครู งั้นผมคงต้องทุ่มเทกับฟุตบอลให้มากขึ้นไปอีก”
ผมคิดว่าถ้าเรามีความฝันสักอย่าง คุณจะต้องหมกมุ่นอยู่กับมันสักหน่อย และจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย เมื่อโตขึ้นพวกเราทำทุกๆที่ให้เป็นสนามฟุตบอลบางครั้งก็ตั้งเสาประตูในสนามที่มีทรายมากกว่าหญ้า ในสนามแบบนั้นบางครั้งทำให้การแข่งขันมีความเข้มข้น คงต้องบอกว่าหลายครั้งจนทำให้เรามีเรื่องที่ต้อง”ถกเถียงกัน”
มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของวิคเตอร์ ลินเดอเลิฟเพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ดของผมเมื่อไม่นานมานี้ เรามีเรื่องที่ถกเถียงกันเล็กน้อยและถูกจับคำพูดด้วยไมโครโฟนในระหว่างเกมยูโรป้าลีครอบรองชนะเลิศ จากนั้นพวกสื่อหนังสือพิมพ์ก็ประโคมข่าวราวกับเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผม มันก็เหมือนกับตอนที่เถียงกับพวกเด็กในเกมฟุตบอลสมัยเล่นในบ้านเกิดที่ไมยา ในโปรตุกัลนี่เป็นวิธีที่คุณเล่นฟุตบอลนี่เป็นวิธีที่คุณใช้สื่อสารถ้าคุณพูดรึทำบางอย่างไม่ถูกต้อง ผมก็จะเดินไปบอกคุณ ผมทำฟุตบอลให้เหมือนกับการใช้ชีวิต แค่ในตอนนั้นและมันก็จะอยู่แค่ในสนาม แค่นั้นและพรุ่งนี้ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเรากอดกัน และเราก็ก้าวผ่านมันไป
เอาจริงๆน่ะครับ ผมชอบถูกตำหนิ เพราะมันจะทำให้ผมปรับปรุงและรับรู้ว่าผมจะหย่อนยานไม่ได้ มันช่วยเป็นแรงจูงใจให้ผม คนบางคนอาจจะชอบให้รอบตัวมีแต่พวกลูกขุนพลอยพยัก แต่ไม่ใช่ผมแน่ ผมอยากให้ผู้คนเป็นเหมือนเพื่อนในสนามเด็กเล่นตอนวัยเยาว์ของผม เพื่อนที่กล้าตำหนิผมและชี้นิ้วมาที่ผมเพื่อบอกว่าผมกำลังทำอะไรผิดพลาด
ผมชอบที่จะกลับมาบ้านหลังจากเกมการแข่งขันแล้วได้ยินว่า “ฉันรักเธอนะบรูโน่ แต่จริงๆแล้ววันนี้เธอควรจะยิงได้นะ จ่ายบอลดีก็จริงนะแต่ก็พลาดโอกาสทองไปเยอะ”
บางครั้งผมได้ยินเรื่องทำนองจากมาทิลด้าลูกสาวอายุแค่ 3ขวบของผม แต่การตำหนิของเธอออกจะต่างกับคนอื่นสักหน่อยตอนที่เธอยังเล็กมากๆเวลาผมกับภรรยาจะให้เธอวางของเล่นรึให้ทำอะไรบางอย่าง เธอจะเริ่มก่อกวนด้วยการเอามือมาปิดหูแล้วทำเป็นว่าไม่ได้ยิน “บลา บลาบลาหนูไม่ได้ยินพ่อพูดหรอกนะ”
ผมว่ามันตลกมากเลย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเริ่มฉลองเวลาทำประตูได้ด้วยท่าปิดหู มาทิลด้าอาจดูผมอยู่ทางทีวีและจะเริ่มเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ว่านั่นล่ะคือทำเพื่อเธอ ตอนนี้ถ้าผมลืมที่จะทำท่าปิดหูหลังจากทำประตูได้รึบังเอิญกล้องทีวีได้ไม่จับภาพ ก็จะเป็นเรื่องสิ่ครับ ทันทีที่ผมกลับถึงบ้านเธอก็จะมาถามว่า”พ่อทำไมถึงไม่ทำท่าปิดหูล่ะ? “
ฮ่าๆเห็นไหมละครับ นี่ล่ะชีวิตของผม
ผมต้องการที่จะเรียนรู้ อยากพัฒนา และอยากเป็นบรูโน่ที่เก่งขึ้นในทุกๆวัน.
ชุดความคิดนี้ ก็เหมือนกับทุกๆเรื่องในเรื่องราวของผม เป็นสิ่งที่เกิดมาจากพื้นฐานครอบครัว ผมโตมาโดยที่คุณพ่อท่านไม่เคยสนใจ จำนวนประตูที่ผมทำได้ ไม่สนใจกับจำนวนครั้งในการจ่ายบอลของผม ท่านสนแค่ผมทำอะไรผิดพลาดไปกี่ครั้งและทำอย่างไรผมถึงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผมจำได้ครั้งนึง ผมเล่นให้กับเบาวิสต้า เจอกับปอร์โต้หนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโปรตุกัลในรุ่นอายุต่ำกว่า15ปี เกมนั้นผมเล่นในแนวรับเจอกับผู้เล่นปอร์โต้ที่ทั้งตัวใหญ่และเร็ว ถึงเราจะแพ้ไป1ต่อ0 แต่ผมเล่นได้ดีและโดดเด่นจนแทบทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีกับผม
แม้กระทั่งโค้ชของปอร์โต้คนนึงเขามาพูดว่า”เจ้าหนูนี่เป็นนักฟุตบอลอาชีพได้แน่”
มันสุดยอดมากเลยนะครับ ผมดีใจตัวแทบลอย
แต่ไม่ใช่พ่อผม
ท่านบอกว่า “บรูโน่ เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับประตูที่ปอร์โต้ยิงได้? ถ้าแกไม่ได้ยืนต่ำเกินไป พวกเขาคงไม่ได้ครอสลูกนั้นง่ายๆ”
ผมเริ่มคิดถึงประตูนั้น ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเข้าสกัดเลย ตำแหน่งของผมอยู่อีกฟากของสนาม! แต่พอพ่อทักแบบนั้น ผมก็เริ่มกังวลกับมันแล้วเริ่มที่จะวิเคราะห์ทุกอย่างในเกมนั้น ช่วงนั้นหลังจากนั้นทุกครั้งไม่ว่าเกมไหนที่ผมแพ้ผมจะหมกมุ่นอยู่กับมันจนแทบไม่อยากทานอะไร ผมจะปิดประตูห้องนอนแล้วก็คิดถึงแต่เกมนั้น นี่คือจุดกำเนิดของสภาพจิตใจและชุดความคิดของผม บางคนอาจจะมองว่ามันสุดโต่ง แต่สำหรับผม มันได้ผล
ผมต้องมีสภาพจิตใจแบบนี้เพื่อที่จะอยู่ให้รอด เมื่อคุณอายุราว14หรือ15ปี ทุกอย่างมันจะเริ่มเปลี่ยนไป แค่มีพรสวรรค์อย่างเดียว มันก็จะไม่พอ พยายามอย่างหนัก รึมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่งอย่างใด มันก็ยังไม่พอ คุณจะต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างรวมกันทั้งหมด คุณต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับฟุตบอล
อีกไม่กี่ปีต่อมา ผมได้ย้ายไปเล่นฟุตบอลในอิตาลี ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวในประเทศใหม่ที่ซึ่งผมพูดภาษานั้นไม่ได้และไม่รู้จักใครเลย ผมอยากจะบอกให้ทราบว่า มันลำบากมาก มันยากและเหงามากอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเคยคิดอยากจะเลิกเป็นฟุตบอลอาชีพ
ถ้าคุณพ่อท่านไม่ได้สร้างสภาพจิตใจและชุดความคิดแบบนั้นให้ผมไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ผมไม่มีคิดว่าผมจะเกร่งพอที่จะเอาตัวรอดในอิตาลี ถ้าท่านเป็นคุณพ่อแบบที่บอกผมว่า”ไอ้ลูกชายแกเล่นได้สุดยอดเลย” หลังเกมในทุกๆเกม ผมไม่คิดว่าผมจะผ่านอิตาลีมาได้
เพราะว่าในโลกแห่งความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
โลกแห่งความจริงจะไม่บอกคุณว่า คุณเล่นได้สุดยอดทุกเกม
ในหลายๆครั้งจะมีผู้คนที่คอยตำหนิคุณและบอกว่าคุณไม่ดีพอ นั่นละคือฟุตบอล คุณต้องรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มและวิคราะห์มันด้วยใจสัตย์จริงเพื่อที่จะใช้มันเป็นแรงผลักดัน
ครอบครัวของผมพูดความจริงกับผมเสมอ ในตอนที่ผมคิดจะยอมแพ้ พวกเขาบอกผมว่า”อย่านะ บรูโน่ นี่เป็นความฝันฃองเธอนะ เธอต้องสู้ต่อไปสิ่”
คำพูดพวกนี้มาจากครอบครัวมันทรงพลังมากนะครับ
ฉนั้นผมถึงพยายามต่อไป ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นแค่ไม่กี่ปีต่อมา ปฎิหาร์ยก็เกิดขึ้น
ผมจำวันนั้นได้ดี 28 สิงหาคม 2017
ผมถูกเรียกติดทีมชาติโปรตุกัลในรายการเวิลด์คัพรอบคัดเลือกกับหมู่เกาะแฟโร การได้เป็นตัวแทนของประเทศไม่ว่าจะในเงื่อนไขใดก็ถือว่าเป็นเกียรติ อย่างสูง
แต่ลองคิดดูสิ่ครับ….. 13ปีก่อนที่ผมจะได้เข้ามาในห้องแต่งตัวของทีมชาติ เด็กชายบรูโน่ อายุ9ขวบ เพ้นท์หน้ามือถือธงชาติโปรตุกัล มาพร้อมครอบครัวเดินตรงไปที่ใจกลางเมืองไมยา เพื่อที่จะดูถ่ายทอดสดยูโร2004 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างกรีซกับโปรตุกัลผ่านจอภาพขนาดยักษ์ที่จตุรัสใจกลางเมือง
ปีนั้นเป็นปีแจ้งเกิดของคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของทุกคนในโปรตุกัลแต่ถ้าช่วงนั้นคุณอายุแค่9ขวบล่ะ? ทุกอย่างมันก็จะดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกทุกอย่างก็จะมีความหมายต่อคุณมากขึ้นไปอีก ถึงวันนั้นเราจะแพ้ให้กรีซ แต่สิ่งที่ประทับในความทรงจำของผมคือน้ำตาของเหล่าผู้เล่นโปรตุกัลตอนที่เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น
ตอนนี้คุณเข้าใจได้รึยังครับว่าทำไม13ปีต่อมาผมถึงรู้สึกประหม่าและอายมาก ตอนที่ผมได้เข้าไปในห้องแต่งตัวของทีมชาติโปรตุกัลครั้งแรก แล้วคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ก็เดินเข้ามา ผมมีความสุขกับเรื่องนี้มาก
ผมภูมิใจมากที่ได้เล่นเคียงข้างโรนัลโด้และผู้เล่นโปรตุกัลที่ยอดเยี่ยมอีกหลายคน ผมหวังว่าผมจะช่วยจุดประกายให้กับเด็กอายุ9ขวบรุ่นถัดไป เด็กที่เพ้นท์หน้าดูพวกเราลงแข่งอยู่ที่จตุรัสกลางเมืองของพวกเขา ถ้าพวกเด็กๆจะคิดว่า “โอ เราคงไม่มีทางเป็นอย่างบรูโน่ได้แน่” ผมจะเล่าเรื่องราวของผมให้เขาฟัง แล้วบอกพวกเด็กๆอย่างเปิดใจว่า “ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยหนู ผมก็เป็นเหมือนพวกเธอ ผมเคยเฝ้ามองโรนัลโด้ แล้วก็ฝัน เหมือนที่พวกเธอกำลังมองพวกเราตอนนี้”
✼✼❤️❤️🎉 บรูโน่ แฟร์นันด์ส Cover Your Ears 🎉❤️❤️✼✼
งั้นเรามาเริ่มด้วยเรื่องตลกๆเกี่ยวกับเขากันไม่ดีกว่าเหรอครับ?
การโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเราพี่น้องบางทีมันก็น่าตลกน่ะครับ เพราะพี่เขาอายุมากกว่าผม5 ปี และเราใช้ห้องนอนร่วมกัน ตอนพวกเรายังเล็กมันก็ไม่มีปัญหาอะไร สนุกด้วยซ้ำ แต่พอพี่เขาเริ่มโตขึ้นสักประมาณ15 รึ16 แล้วอยากพาเพื่อนมาบ้าน ทีนี้เราก็มีปัญหาใหญ่ละครับ พี่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนผมก็วิ่งเล่นทั่วบ้านแล้วทำเรื่องที่น้องชายตัวเล็กจอมซนพึงกระทำ น่ารำคาญไหม? แน่นอน!
พี่มักจะบอกว่า “บรูโน่ ออกไปเล่นนนอกบ้านได้แล้ว”
ต้องขอบคุณพี่(และเพื่อนพี่) ความทรงจำวัยเด็กของผม เลยเต็มไปด้วยการเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ ไม่ก็ไปโรงเรียนโดนหนีบลูกฟุตบอลไปด้วย ผมไม่ทราบนะครับว่าที่อื่นเป็นยังไง แต่ในโปรตุกัลโดยเฉพาะช่วงนั้น ช่วงเวลาแห่งศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป Euro 2004 ทีมชาติโปรตุกัลมีผู้เล่นเก่งๆเต็มทีม ถ้าคุณชอบฟุตบอล คุณจะโคตรมีความสุขเลย
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาของ เมสซี่ในวัยหนุ่ม คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และโรนัลดิญโญ่ในช่วงพีค ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็จะเห็นพวกเด็กๆเถียงกันว่าใครเก่งที่สุด? แน่นอนว่าผมกับพี่ก็ด้วย ปีนี้ใครจะได้บัลลงดอ? ประตูของใครสวยกว่ากัน? ใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์?
ผมน่ะเข้าข้างโรนัลโด้เสมอ
แต่พี่ชายของผมเลือกข้างเมสซี่
ในช่วงเทศกาลคริสมาสนึง ผมกับพี่ชายไปอยู่กับพ่อที่สวิซเซอร์แลนด์ ท่านทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนที่อินเตอร์เนตจะทำให้การซื้อชุดแข่งจากทั่วมุมโลกเป็นเรื่องง่าย ในโปรตุกัล คุณจะไม่มีทางหาซื้อชุดแข่งของทีมในพรีเมียรลีคได้ง่ายๆ ถึงจะหาได้มันก็จะแพงมาก วันนึงพวกเราได้ไปร้านไนกี้ พ่อให้พวกเราเลือกเสื้อได้คนละตัว พี่ชายเลือกเสื้อสีเหลืองของบาเซโลน่าเพราะเมสซี่ ส่วนผมนะเหรอครับ… จะว่าไงดี ผมภูมิใจที่จะบอกว่าแม้จะตอนนั้นผมก็เป็นชายผู้ซับซ้อนคนนึง
แน่นอน ผมเลือกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ผมยังจำเสื้อตัวนั้นได้ดี สีน้ำเงินมีคาดเส้นสีขาวและมีสีแดงเล็กน้อย
เพราะว่าโรนัลโด้ ทีมในฝันของผมในอังกฤษก็คือยูไนเต็ด
ผมคิดว่าถ้าเรามีความฝันสักอย่าง คุณจะต้องหมกมุ่นอยู่กับมันสักหน่อย และจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย เมื่อโตขึ้นพวกเราทำทุกๆที่ให้เป็นสนามฟุตบอลบางครั้งก็ตั้งเสาประตูในสนามที่มีทรายมากกว่าหญ้า ในสนามแบบนั้นบางครั้งทำให้การแข่งขันมีความเข้มข้น คงต้องบอกว่าหลายครั้งจนทำให้เรามีเรื่องที่ต้อง”ถกเถียงกัน”
มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของวิคเตอร์ ลินเดอเลิฟเพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ดของผมเมื่อไม่นานมานี้ เรามีเรื่องที่ถกเถียงกันเล็กน้อยและถูกจับคำพูดด้วยไมโครโฟนในระหว่างเกมยูโรป้าลีครอบรองชนะเลิศ จากนั้นพวกสื่อหนังสือพิมพ์ก็ประโคมข่าวราวกับเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับผม มันก็เหมือนกับตอนที่เถียงกับพวกเด็กในเกมฟุตบอลสมัยเล่นในบ้านเกิดที่ไมยา ในโปรตุกัลนี่เป็นวิธีที่คุณเล่นฟุตบอลนี่เป็นวิธีที่คุณใช้สื่อสารถ้าคุณพูดรึทำบางอย่างไม่ถูกต้อง ผมก็จะเดินไปบอกคุณ ผมทำฟุตบอลให้เหมือนกับการใช้ชีวิต แค่ในตอนนั้นและมันก็จะอยู่แค่ในสนาม แค่นั้นและพรุ่งนี้ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเรากอดกัน และเราก็ก้าวผ่านมันไป
เอาจริงๆน่ะครับ ผมชอบถูกตำหนิ เพราะมันจะทำให้ผมปรับปรุงและรับรู้ว่าผมจะหย่อนยานไม่ได้ มันช่วยเป็นแรงจูงใจให้ผม คนบางคนอาจจะชอบให้รอบตัวมีแต่พวกลูกขุนพลอยพยัก แต่ไม่ใช่ผมแน่ ผมอยากให้ผู้คนเป็นเหมือนเพื่อนในสนามเด็กเล่นตอนวัยเยาว์ของผม เพื่อนที่กล้าตำหนิผมและชี้นิ้วมาที่ผมเพื่อบอกว่าผมกำลังทำอะไรผิดพลาด
ผมชอบที่จะกลับมาบ้านหลังจากเกมการแข่งขันแล้วได้ยินว่า “ฉันรักเธอนะบรูโน่ แต่จริงๆแล้ววันนี้เธอควรจะยิงได้นะ จ่ายบอลดีก็จริงนะแต่ก็พลาดโอกาสทองไปเยอะ”
บางครั้งผมได้ยินเรื่องทำนองจากมาทิลด้าลูกสาวอายุแค่ 3ขวบของผม แต่การตำหนิของเธอออกจะต่างกับคนอื่นสักหน่อยตอนที่เธอยังเล็กมากๆเวลาผมกับภรรยาจะให้เธอวางของเล่นรึให้ทำอะไรบางอย่าง เธอจะเริ่มก่อกวนด้วยการเอามือมาปิดหูแล้วทำเป็นว่าไม่ได้ยิน “บลา บลาบลาหนูไม่ได้ยินพ่อพูดหรอกนะ”
ผมว่ามันตลกมากเลย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเริ่มฉลองเวลาทำประตูได้ด้วยท่าปิดหู มาทิลด้าอาจดูผมอยู่ทางทีวีและจะเริ่มเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ว่านั่นล่ะคือทำเพื่อเธอ ตอนนี้ถ้าผมลืมที่จะทำท่าปิดหูหลังจากทำประตูได้รึบังเอิญกล้องทีวีได้ไม่จับภาพ ก็จะเป็นเรื่องสิ่ครับ ทันทีที่ผมกลับถึงบ้านเธอก็จะมาถามว่า”พ่อทำไมถึงไม่ทำท่าปิดหูล่ะ? “
ฮ่าๆเห็นไหมละครับ นี่ล่ะชีวิตของผม
ผมต้องการที่จะเรียนรู้ อยากพัฒนา และอยากเป็นบรูโน่ที่เก่งขึ้นในทุกๆวัน.
ผมจำได้ครั้งนึง ผมเล่นให้กับเบาวิสต้า เจอกับปอร์โต้หนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโปรตุกัลในรุ่นอายุต่ำกว่า15ปี เกมนั้นผมเล่นในแนวรับเจอกับผู้เล่นปอร์โต้ที่ทั้งตัวใหญ่และเร็ว ถึงเราจะแพ้ไป1ต่อ0 แต่ผมเล่นได้ดีและโดดเด่นจนแทบทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีกับผม
แม้กระทั่งโค้ชของปอร์โต้คนนึงเขามาพูดว่า”เจ้าหนูนี่เป็นนักฟุตบอลอาชีพได้แน่”
มันสุดยอดมากเลยนะครับ ผมดีใจตัวแทบลอย
แต่ไม่ใช่พ่อผม
ท่านบอกว่า “บรูโน่ เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับประตูที่ปอร์โต้ยิงได้? ถ้าแกไม่ได้ยืนต่ำเกินไป พวกเขาคงไม่ได้ครอสลูกนั้นง่ายๆ”
ผมเริ่มคิดถึงประตูนั้น ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเข้าสกัดเลย ตำแหน่งของผมอยู่อีกฟากของสนาม! แต่พอพ่อทักแบบนั้น ผมก็เริ่มกังวลกับมันแล้วเริ่มที่จะวิเคราะห์ทุกอย่างในเกมนั้น ช่วงนั้นหลังจากนั้นทุกครั้งไม่ว่าเกมไหนที่ผมแพ้ผมจะหมกมุ่นอยู่กับมันจนแทบไม่อยากทานอะไร ผมจะปิดประตูห้องนอนแล้วก็คิดถึงแต่เกมนั้น นี่คือจุดกำเนิดของสภาพจิตใจและชุดความคิดของผม บางคนอาจจะมองว่ามันสุดโต่ง แต่สำหรับผม มันได้ผล
อีกไม่กี่ปีต่อมา ผมได้ย้ายไปเล่นฟุตบอลในอิตาลี ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวในประเทศใหม่ที่ซึ่งผมพูดภาษานั้นไม่ได้และไม่รู้จักใครเลย ผมอยากจะบอกให้ทราบว่า มันลำบากมาก มันยากและเหงามากอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเคยคิดอยากจะเลิกเป็นฟุตบอลอาชีพ
ถ้าคุณพ่อท่านไม่ได้สร้างสภาพจิตใจและชุดความคิดแบบนั้นให้ผมไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ผมไม่มีคิดว่าผมจะเกร่งพอที่จะเอาตัวรอดในอิตาลี ถ้าท่านเป็นคุณพ่อแบบที่บอกผมว่า”ไอ้ลูกชายแกเล่นได้สุดยอดเลย” หลังเกมในทุกๆเกม ผมไม่คิดว่าผมจะผ่านอิตาลีมาได้
เพราะว่าในโลกแห่งความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
โลกแห่งความจริงจะไม่บอกคุณว่า คุณเล่นได้สุดยอดทุกเกม
ในหลายๆครั้งจะมีผู้คนที่คอยตำหนิคุณและบอกว่าคุณไม่ดีพอ นั่นละคือฟุตบอล คุณต้องรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มและวิคราะห์มันด้วยใจสัตย์จริงเพื่อที่จะใช้มันเป็นแรงผลักดัน
ครอบครัวของผมพูดความจริงกับผมเสมอ ในตอนที่ผมคิดจะยอมแพ้ พวกเขาบอกผมว่า”อย่านะ บรูโน่ นี่เป็นความฝันฃองเธอนะ เธอต้องสู้ต่อไปสิ่”
คำพูดพวกนี้มาจากครอบครัวมันทรงพลังมากนะครับ
ฉนั้นผมถึงพยายามต่อไป ก้าวไปข้างหน้า จากนั้นแค่ไม่กี่ปีต่อมา ปฎิหาร์ยก็เกิดขึ้น
ผมจำวันนั้นได้ดี 28 สิงหาคม 2017
ผมถูกเรียกติดทีมชาติโปรตุกัลในรายการเวิลด์คัพรอบคัดเลือกกับหมู่เกาะแฟโร การได้เป็นตัวแทนของประเทศไม่ว่าจะในเงื่อนไขใดก็ถือว่าเป็นเกียรติ อย่างสูง
แต่ลองคิดดูสิ่ครับ….. 13ปีก่อนที่ผมจะได้เข้ามาในห้องแต่งตัวของทีมชาติ เด็กชายบรูโน่ อายุ9ขวบ เพ้นท์หน้ามือถือธงชาติโปรตุกัล มาพร้อมครอบครัวเดินตรงไปที่ใจกลางเมืองไมยา เพื่อที่จะดูถ่ายทอดสดยูโร2004 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างกรีซกับโปรตุกัลผ่านจอภาพขนาดยักษ์ที่จตุรัสใจกลางเมือง
ปีนั้นเป็นปีแจ้งเกิดของคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของทุกคนในโปรตุกัลแต่ถ้าช่วงนั้นคุณอายุแค่9ขวบล่ะ? ทุกอย่างมันก็จะดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกทุกอย่างก็จะมีความหมายต่อคุณมากขึ้นไปอีก ถึงวันนั้นเราจะแพ้ให้กรีซ แต่สิ่งที่ประทับในความทรงจำของผมคือน้ำตาของเหล่าผู้เล่นโปรตุกัลตอนที่เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น
ตอนนี้คุณเข้าใจได้รึยังครับว่าทำไม13ปีต่อมาผมถึงรู้สึกประหม่าและอายมาก ตอนที่ผมได้เข้าไปในห้องแต่งตัวของทีมชาติโปรตุกัลครั้งแรก แล้วคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ก็เดินเข้ามา ผมมีความสุขกับเรื่องนี้มาก
ผมภูมิใจมากที่ได้เล่นเคียงข้างโรนัลโด้และผู้เล่นโปรตุกัลที่ยอดเยี่ยมอีกหลายคน ผมหวังว่าผมจะช่วยจุดประกายให้กับเด็กอายุ9ขวบรุ่นถัดไป เด็กที่เพ้นท์หน้าดูพวกเราลงแข่งอยู่ที่จตุรัสกลางเมืองของพวกเขา ถ้าพวกเด็กๆจะคิดว่า “โอ เราคงไม่มีทางเป็นอย่างบรูโน่ได้แน่” ผมจะเล่าเรื่องราวของผมให้เขาฟัง แล้วบอกพวกเด็กๆอย่างเปิดใจว่า “ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยหนู ผมก็เป็นเหมือนพวกเธอ ผมเคยเฝ้ามองโรนัลโด้ แล้วก็ฝัน เหมือนที่พวกเธอกำลังมองพวกเราตอนนี้”