✼✼❤️❤️🎉 บรูโน่ แฟร์นันด์ส Cover Your Ears 🎉❤️❤️✼✼

เราคงต้องเริ่มที่พี่ชายของผม​ คงจะเล่าเรื่องของผมไม่ได้ถ้าไม่ได้พูดถึงเขา​ เขาเป็นพี่ชายคนโตและที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือเขาเป็นแฟนบอลบาร์เซโลน่า​
งั้นเรามาเริ่มด้วยเรื่องตลกๆเกี่ยวกับเขากันไม่ดีกว่าเหรอครับ? 

การโตมาด้วยกัน​ ความสัมพันธ์ของพวกเราพี่น้องบางทีมันก็น่าตลกน่ะครับ​  เพราะพี่เขาอายุมากกว่าผม​5 ปี​ และเราใช้ห้องนอนร่วมกัน​ ตอนพวกเรายังเล็กมันก็ไม่มีปัญหาอะไร​ สนุกด้วยซ้ำ​ แต่พอพี่เขาเริ่มโตขึ้นสักประมาณ​15​ รึ16  แล้วอยากพาเพื่อนมาบ้าน​ ทีนี้เราก็มีปัญหาใหญ่ละครับ​ พี่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว​ ส่วนผมก็วิ่งเล่นทั่วบ้านแล้วทำเรื่องที่น้องชายตัวเล็กจอมซนพึงกระทำ​ น่ารำคาญไหม? แน่นอน! 

พี่มักจะบอกว่า​ “บรูโน่​ ออกไปเล่นนนอกบ้านได้แล้ว”

ต้องขอบคุณพี่(และเพื่อนพี่)​ ความทรงจำวัยเด็กของผม​ เลยเต็มไปด้วยการเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ​ ไม่ก็ไปโรงเรียนโดนหนีบลูกฟุตบอลไปด้วย​ ผมไม่ทราบนะครับว่าที่อื่นเป็นยังไง​ แต่ในโปรตุกัล​โดยเฉพาะช่วงนั้น​ ช่วงเวลาแห่งศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป​ Euro 2004 ทีมชาติโปรตุกัลมีผู้เล่นเก่งๆเต็มทีม ถ้าคุณชอบฟุตบอล​ คุณจะโคตรมีความสุขเลย

ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาของ​ เมสซี่ในวัยหนุ่ม คริสเตียนโน่ โรนัลโด้​ และโรนัลดิญโญ่ในช่วงพีค​ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็จะเห็นพวกเด็กๆเถียงกันว่าใครเก่งที่สุด? แน่นอนว่าผมกับพี่ก็ด้วย​ ปีนี้ใครจะได้บัลลงดอ? ประตูของใครสวยกว่ากัน? ใครเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์? 

ผมน่ะเข้าข้างโรนัลโด้เสมอ

แต่พี่ชายของผมเลือกข้างเมสซี่

ในช่วงเทศกาลคริสมาสนึง ผมกับพี่ชายไปอยู่กับพ่อที่สวิซเซอร์แลนด์​ ท่านทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น​ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนที่อินเตอร์เนตจะทำให้การซื้อชุดแข่งจากทั่วมุมโลกเป็นเรื่องง่าย​ ในโปรตุกัล​ คุณจะไม่มีทางหาซื้อชุดแข่งของทีมในพรีเมียรลีคได้ง่ายๆ​ ถึงจะหาได้​มันก็จะแพงมาก​ วันนึงพวกเราได้ไปร้านไนกี้​ พ่อให้พวกเราเลือกเสื้อได้คนละตัว​ พี่ชายเลือกเสื้อสีเหลืองของบาเซโลน่า​เพราะเมสซี่​ ส่วนผมนะเหรอครับ… จะว่าไงดี​ ผมภูมิใจที่จะบอกว่าแม้จะตอนนั้นผมก็เป็นชายผู้ซับซ้อนคนนึง

แน่นอน​ ผมเลือกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ผมยังจำเสื้อตัวนั้นได้ดี​ สีน้ำเงินมีคาดเส้นสีขาว​และมีสีแดงเล็ก​น้อย
เพราะว่าโรนัลโด้​ ทีมในฝันของผมในอังกฤษก็คือยูไนเต็ด

คุณครูของผมมักจะพูดเสมอว่า​ “บรูโน่​ ฟุตบอลน่ะไม่ใช่ความฝันที่จับต้องได้หรอกนะ​ การแข่งขันมันสูงมาก​ เธอต้องตั้งใจเรียนสิ่  ผมก็แค่คิดว่า​”โอเค​ ขอบคุณนะครับครู​ งั้นผมคงต้องทุ่มเทกับฟุตบอลให้มากขึ้นไปอีก”

ผมคิดว่าถ้าเรามีความฝันสักอย่าง​ คุณจะต้องหมกมุ่นอยู่กับมันสักหน่อย​ และจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย​ เมื่อโตขึ้นพวกเราทำทุกๆที่ให้เป็นสนามฟุตบอล​บางครั้งก็ตั้งเสาประตูในสนามที่มีทรายมากกว่าหญ้า​ ในสนามแบบนั้นบางครั้งทำให้การแข่งขันมีความเข้มข้น​ คงต้องบอกว่าหลายครั้งจนทำให้เรามีเรื่องที่ต้อง​”ถกเถียงกัน”
 
มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของวิคเตอร์​ ลินเดอเลิฟเพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ดของผมเมื่อไม่นานมานี้​ เรามีเรื่องที่ถกเถียงกันเล็กน้อยและถูกจับคำพูดด้วยไมโครโฟน​ในระหว่างเกมยูโรป้าลีครอบรองชนะเลิศ​  จากนั้นพวกสื่อหนังสือพิมพ์ก็ประโคมข่าวราวกับเป็นเรื่องใหญ่​ แต่สำหรับผม​ มันก็เหมือนกับตอนที่เถียงกับพวกเด็กในเกมฟุตบอลสมัยเล่นในบ้านเกิดที่ไมยา ในโปรตุกัลนี่เป็นวิธีที่คุณเล่นฟุตบอล​นี่เป็นวิธีที่คุณใช้สื่อสาร​ถ้าคุณพูดรึทำบางอย่างไม่ถูกต้อง​ ผมก็จะเดินไปบอกคุณ​ ผมทำฟุตบอลให้เหมือนกับการใช้ชีวิต​ แค่ในตอนนั้นและมันก็จะอยู่แค่ในสนาม​ แค่นั้นและพรุ่งนี้​ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม​เรากอดกัน​ และเราก็ก้าวผ่านมันไป

เอาจริงๆน่ะครับ​ ผมชอบถูกตำหนิ  เพราะมันจะทำให้ผมปรับปรุงและรับรู้ว่าผมจะหย่อนยานไม่ได้​ มันช่วยเป็นแรงจูงใจให้ผม​ คนบางคนอาจจะชอบให้รอบตัวมีแต่พวกลูกขุนพลอยพยัก​ แต่ไม่ใช่ผมแน่​ ผมอยากให้ผู้คนเป็นเหมือนเพื่อนในสนามเด็กเล่นตอนวัยเยาว์ของผม​ เพื่อนที่กล้าตำหนิผมและชี้นิ้วมาที่ผมเพื่อบอกว่าผมกำลังทำอะไรผิดพลาด​

ผมชอบที่จะกลับมาบ้านหลังจากเกมการแข่งขันแล้วได้ยินว่า​ “ฉันรักเธอนะบรูโน่​ แต่จริงๆแล้ววันนี้เธอควรจะยิงได้นะ​ จ่ายบอลดีก็จริงนะแต่ก็พลาดโอกาสทองไปเยอะ”

บางครั้งผมได้ยินเรื่องทำนองจากมาทิลด้าลูกสาวอายุแค่​ 3ขวบของผม​ แต่การตำหนิของเธอออกจะต่างกับคนอื่นสักหน่อย​ตอนที่เธอยังเล็กมากๆเวลาผมกับภรรยาจะให้เธอวางของเล่นรึให้ทำอะไรบางอย่าง​ เธอจะเริ่มก่อกวนด้วยการเอามือมาปิดหูแล้วทำเป็นว่าไม่ได้ยิน​ “บลา บลา​บลา​หนูไม่ได้ยินพ่อพูดหรอกนะ”

ผมว่ามันตลกมากเลย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมเริ่มฉลองเวลาทำประตูได้ด้วยท่าปิดหู มาทิลด้าอาจดูผมอยู่ทางทีวีและจะเริ่มเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร​ ว่านั่นล่ะคือทำเพื่อเธอ​ ตอนนี้ถ้าผมลืมที่จะทำท่าปิดหูหลังจากทำประตูได้​รึบังเอิญกล้องทีวีได้ไม่จับภาพ​ ก็จะเป็นเรื่องสิ่ครับ​ ทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน​เธอก็จะมาถามว่า​”พ่อ​ทำไมถึงไม่ทำท่าปิดหูล่ะ? “
ฮ่าๆ​เห็นไหมละครับ​ นี่ล่ะชีวิตของผม

ผมต้องการที่จะเรียนรู้​ อยากพัฒนา​ และอยากเป็นบรูโน่ที่เก่งขึ้นในทุกๆวัน. 

ชุดความคิดนี้​ ก็เหมือนกับทุกๆเรื่องในเรื่องราวของผม​ เป็นสิ่งที่เกิดมาจากพื้นฐานครอบครัว​ ผมโตมาโดยที่คุณพ่อท่านไม่เคยสนใจ​ จำนวนประตูที่ผมทำได้​ ไม่สนใจกับจำนวนครั้งในการจ่ายบอลของผม​ ท่านสนแค่ผมทำอะไรผิดพลาดไปกี่ครั้ง​และทำอย่างไรผมถึงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผมจำได้ครั้งนึง​ ผมเล่นให้กับเบาวิสต้า เจอกับปอร์โต้​หนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโปรตุกัล​ในรุ่นอายุต่ำกว่า15ปี​ เกมนั้นผมเล่นในแนวรับเจอกับผู้เล่นปอร์โต้ที่ทั้งตัวใหญ่และเร็ว​ ถึงเราจะแพ้ไป​1ต่อ0 แต่ผมเล่นได้ดี​และโดดเด่น​จนแทบทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีกับผม

แม้กระทั่งโค้ชของปอร์โต้คนนึง​เขามาพูดว่า​”เจ้าหนูนี่เป็นนักฟุตบอลอาชีพได้แน่”

มันสุดยอดมากเลยนะครับ​ ผมดีใจตัวแทบลอย

แต่ไม่ใช่พ่อผม

ท่านบอกว่า​ “บรูโน่​ เห็นไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับประตูที่ปอร์โต้ยิงได้? ถ้าแกไม่ได้ยืนต่ำเกินไป​ พวกเขาคงไม่ได้ครอสลูกนั้นง่ายๆ”
 
ผมเริ่มคิดถึงประตูนั้น​ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเข้าสกัดเลย ตำแหน่งของผมอยู่อีกฟากของสนาม! แต่พอพ่อทักแบบนั้น​ ผมก็เริ่มกังวลกับมันแล้วเริ่มที่จะวิเคราะห์ทุกอย่างในเกมนั้น​ ช่วงนั้น​หลังจากนั้นทุกครั้งไม่ว่าเกมไหนที่ผมแพ้ผมจะหมกมุ่นอยู่กับมันจนแทบไม่อยากทานอะไร​ ผมจะปิดประตูห้องนอนแล้วก็คิดถึงแต่เกมนั้น​ นี่คือจุดกำเนิดของสภาพจิตใจและชุดความคิดของผม​ บางคนอาจจะมองว่ามันสุดโต่ง​ แต่สำหรับผม​ มันได้ผล
 
ผมต้องมีสภาพจิตใจแบบนี้เพื่อที่จะอยู่ให้รอด​ เมื่อคุณอายุราว​14​หรือ​15​ปี​ ทุกอย่างมันจะเริ่มเปลี่ยนไป​ แค่มีพรสวรรค์อย่างเดียว​ มันก็จะไม่พอ​  พยายามอย่างหนัก​ รึมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่งอย่างใด​ มันก็ยังไม่พอ​ คุณจะต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างรวมกันทั้งหมด​ คุณต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง​ให้กับฟุตบอล

อีกไม่กี่ปีต่อมา​ ผมได้ย้ายไปเล่นฟุตบอลในอิตาลี​ ผมต้องอยู่ตัวคนเดียวในประเทศ​ใหม่ที่ซึ่ง​ผมพูดภาษานั้นไม่ได้​และไม่รู้จักใครเลย​ ผมอยากจะบอกให้ทราบว่า​ มันลำบากมาก​ มันยากและเหงามากอย่างไม่น่าเชื่อ​ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเคยคิดอยากจะเลิกเป็นฟุตบอลอาชีพ
 
ถ้าคุณพ่อท่านไม่ได้สร้างสภาพจิตใจและชุดความคิดแบบนั้นให้ผมไว้ตั้งแต่ยังเด็ก​ ผมไม่มีคิดว่าผมจะเกร่งพอที่จะเอาตัวรอดในอิตาลี​ ถ้าท่านเป็นคุณพ่อแบบที่บอกผมว่า”ไอ้ลูกชาย​แกเล่นได้สุดยอดเลย” หลังเกมในทุกๆเกม​ ผมไม่คิดว่าผมจะผ่านอิตาลีมาได้

เพราะว่าในโลกแห่งความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
โลกแห่งความจริงจะไม่บอกคุณว่า​ คุณเล่นได้สุดยอดทุกเกม
ในหลายๆครั้งจะมีผู้คนที่คอยตำหนิคุณและบอกว่าคุณไม่ดีพอ​ นั่นละคือฟุตบอล​ คุณต้องรับมันไว้ด้วยรอยยิ้ม​และวิคราะห์มันด้วยใจสัตย์จริง​เพื่อที่จะใช้มันเป็นแรงผลักดัน

ครอบครัวของผมพูดความจริงกับผมเสมอ​ ในตอนที่ผมคิดจะยอมแพ้​ พวกเขาบอกผมว่า”อย่านะ​ บรูโน่​ นี่เป็นความฝันฃองเธอนะ​ เธอต้องสู้ต่อไปสิ่”

คำพูดพวกนี้มาจากครอบครัวมันทรงพลังมากนะครับ

ฉนั้นผมถึงพยายามต่อไป​ ก้าวไปข้างหน้า​ จากนั้นแค่ไม่กี่ปีต่อมา​ ปฎิหาร์ยก็เกิดขึ้น

ผมจำวันนั้นได้ดี​ 28 สิงหาคม​ 2017 

ผมถูกเรียกติดทีมชาติโปรตุกัลในรายการเวิลด์คัพ​รอบคัดเลือกกับหมู่เกาะแฟโร​ การได้เป็นตัวแทนของประเทศไม่ว่าจะในเงื่อนไขใดก็ถือว่าเป็นเกียรติ​ อย่างสูง

แต่ลองคิดดูสิ่ครับ….. 13​ปีก่อนที่ผมจะได้เข้ามาในห้องแต่งตัวของทีมชาติ​ เด็กชายบรูโน่​ อายุ​9​ขวบ​ เพ้นท์หน้า​มือถือธงชาติโปรตุกัล​ มาพร้อมครอบครัวเดินตรงไปที่ใจกลางเมืองไมยา เพื่อที่จะดูถ่ายทอดสด​ยูโร​2004 รอบชิงชนะเลิศ​ ระหว่างกรีซกับโปรตุกัลผ่านจอภาพขนาดยักษ์ที่จตุรัสใจกลางเมือง

ปีนั้นเป็นปีแจ้งเกิดของคริสเตียนโน่  โรนัลโด้​ เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของทุกคนในโปรตุกัล​แต่ถ้าช่วงนั้นคุณอายุแค่​9ขวบล่ะ?​ ทุกอย่างมันก็จะดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก​ทุกอย่างก็จะมีความหมายต่อคุณมากขึ้นไปอีก​  ถึงวันนั้นเราจะแพ้ให้กรีซ​ แต่สิ่งที่ประทับในความทรงจำของผมคือน้ำตาของเหล่าผู้เล่นโปรตุกัลตอนที่เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น

ตอนนี้คุณเข้าใจได้รึยังครับว่าทำไม​13ปีต่อมา​ผมถึงรู้สึกประหม่า​และอายมาก ตอนที่ผมได้เข้าไปในห้องแต่งตัวของทีมชาติโปรตุกัลครั้งแรก​ แล้วคริสเตียนโน่​ โรนัลโด้ก็เดินเข้ามา​ ผมมีความสุขกับเรื่องนี้มาก

ผมภูมิใจมากที่ได้เล่นเคียงข้างโรนัลโด้และผู้เล่นโปรตุกัลที่ยอดเยี่ยมอีกหลายคน​ ผมหวังว่าผมจะช่วยจุดประกายให้กับเด็กอายุ9ขวบรุ่นถัดไป​ เด็กที่เพ้นท์หน้า​ดูพวกเราลงแข่งอยู่ที่จตุรัสกลางเมืองของพวกเขา​ ถ้าพวกเด็กๆจะคิดว่า​ “โอ​ เราคงไม่มีทางเป็นอย่างบรูโน่ได้แน่” ผมจะเล่าเรื่องราวของผมให้เขาฟัง​ แล้วบอกพวกเด็กๆอย่างเปิดใจว่า​ “ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยหนู​ ผมก็เป็นเหมือนพวกเธอ​ ผมเคยเฝ้ามองโรนัลโด้​ แล้วก็ฝัน​ เหมือนที่พวกเธอกำลังมองพวกเราตอนนี้”

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่