ความใฝ่ฝันของผมคือการช่วยคนไทยอย่างน้อย 100,000 คนออกไปลงทุนที่อเมริกาแล้วได้เงินกลับมาคนละ 1 ล้านบาท (ลงทุนด้วยความรู้ ได้มากกว่านี้เยอะ)
เท่านี้ผมก็สามารถช่วยให้ประเทศของเรานำเงินกลับมาอย่างน้อย 100,000 ล้านบาท
ผมจึงอย่างช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเหมือนกับการลงทุนในประเทศ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา การเข้าถึงข้อมูลข่าวการเคลื่อนไหวของหุ้น การศึกษาโมเดลของธุรกิจ ศักยภาพในการแข่งขัน
พื้นฐานทางการเงิน ปัจจัยเสี่ยง บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว รวมทั้งฟังผู้บริหารให้ข้อมูลผลดำเนินงานรายไตรมาส เหมือน Opportunity Day บ้านเรา เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อจะประสบความสำเร็จในการลงทุน
#จากประสบการณ์ลงทุนมา 6 ปีในหุ้นอเมริกา ผมได้รวบรวมแหล่งข้อมูลที่ใช้เป็นประจำในการพิจารณาเลือกหุ้นดังนี้
#ตัวแรกคือแอปพลิเคชั่น SeekingAlpha เป็นแอปที่ผมชอบเป็นอันดับต้นๆ มีทั้งบริการฟรีและต้องเสียเงินเดือนละ $30
บริการฟรีจะมีข้อจำกัดให้ดูวิเคราะห์หุ้นไม่ได้ทุกตัว แต่ก็เยอะพอสมควร
ส่วนที่เสียรายเดือนนอกจากสามารถดูหุ้นได้ทุกตัวแล้ว ยังมีเรตติ้งจากนักวิเคราะห์ให้ตั้งแต่ Very Bearish ไม่น่าลงทุน จนถึงแบบน่าลงทุนมากๆ Very Bullish
นอกจากนี้ยังสามารถอ่านโน้ตจากการประชุมประกาศผลประกอบการณ์รายไตรมาสของผู้บริหารที่แจ้งผลดำเนินงาน แผนงาน และกลยุทธ์ในแต่ละไตรมาสอีกด้วย
มีนักลงทุนทั้งสายเทคนิคอลและสายวีไอเข้ามาร่วมกันวิเคราะห์และแชร์ข้อมูลสำหรับหุ้นแต่ละตัวได้อย่างลึกซึ้งพร้อมทั้งคอมเม้นต์จากนักลงทุนท่านอื่น
ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างกันไป แนะนำให้อ่านข้อมูลหุ้นที่จะลงทุนก่อนซื้อหุ้นทุกครั้ง
#ตัวที่สองคือ Morningstar เป็นแหล่งรวมบทวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งหนึ่ง
เน้นวิเคราะห์หุ้นด้วยพื้นฐาน การเติบโต ศักยภาพในการแข่งขัน (MOAT) และความเสี่ยง ไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นสายเทคนิเคิล
Morningstar #ขึ้นชื่อเรื่องการวิเคราะห์คูเมืองการแข่งขัน ให้ไอเดียการหาหุ้นที่มีศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว (Durable Competitive Advantage) ได้ดีมาก
ถ้าจ่ายเงินเป็นสมาชิกเดือนละ $30 จะสามารถเข้าถึงข้อมูลจากนักวิเคราะห์มากกว่า 150 คน
การวิเคราะห์จะบอกถึงช่วงราคา ถูก กลางๆ หรือแพงในหุ้นแต่ละตัว ใช้เป็นดัชนีเบื้องต้นในการตัดสินใจเรื่องราคา ผมว่าดูเป็นไอเดียดีมาก
ที่ผมชอบคือการวิเคราะห์ในมุมมองแบบ Five Forces Model ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพธุรกิจในเชิงการแข่งขัน เช่น อำนาจต่อรองที่มีกับลูกค้า การแข่งขันในอุตสาหกรรม
ข้อมูลนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกหุ้นที่ลงทุนระยะยาว และสามารถทำการประเมินราคาได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลงบการเงิน พร้อมอัตราส่วนทางการเงินให้ดูอย่าง ละเอียดย้อนหลังได้ถึง 10 ปี
#ตัวที่สามคือ The Motley Fool มีแนะนำหุ้นรายตัวทั้งแบบหุ้นปันผล หุ้นเติบโต หุ้นแข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการบริการแบบ Stock Advisor ที่แนะนำหุ้นรายเดือนอย่างต่อเนื่องต้องเสียเงิน
ทางเวปโปรโมทว่าแนะนำหุ้นสำเร็จหลายตัวแล้ว เช่น Netflix Disney และ Tesla ผมไม่เคยจ่ายเงินใช้บริการเหมือนกันเพราะเน้นศึกษาลงทุนด้วยตัวเอง
#ตัวที่สี่ก็คือ Gurufocus ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแบบวีไอ เน้นให้ความรู้ ปรัญชาการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ปีเตอร์ ลินซ์ และนักลงทุนวีไอชื่อดังอีกหลายคน
#ตัวที่ห้าคือ Jitta เป็นแอปพลิเคชั่นของไทยเจ้าเดียวที่ผมใช้สำหรับลงทุนหุ้นอเมริกา
มีข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง 10 ปีให้วิเคราะห์หามูลค่าหุ้น
พร้อมทั้งยังสามารถคัดกรองลักษณะหุ้นตามเงื่อนไขที่ต้องการ เช่น อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 3 ปีหลัง หนี้สินต่อทุนน้อยกว่า 1 เท่า
ผมใช้เพื่อกรองหุ้นแล้วไปอ่านรายละเอียดแต่ละตัวอีกที
#ตัวที่หกคือ Investopedia เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมความรู้ด้านการเงินสำหรับมือใหม่
มีตั้งแต่ประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอเมริกา รายละเอียดของตลาด ข้อมูลด้านการเงิน หลักทรัพย์ต่างๆ รวมถึงมีระบบจำลองการซื้อขายหุ้นเพื่อทดลองการเทรดก่อนลงสนามจริง
#ตัวที่เจ็ดคือ Business Insider ใช้เพื่ออัพเดตข่าวและข้อมูลหุ้น พร้อมทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีเวปไซต์ชื่อดังและของบริษัทต่างๆที่เข้าไปหาข้อมูลได้ดังนี้
#แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่าง CNBC ที่มีทั้งข่าวของบริษัท แนวคิดของนักลงทุนระดับโลก การวิเคราะห์หุ้น นอกจากนี้แหล่งข่าวอื่นๆ เช่น Investing.com, CNN, The Wall Street Journal เป็นต้น
สำหรับข้อมูลของบริษัทและรายงานประจำปีสามารถติดตามได้จากเวปไซต์ของแต่ละบริษัท มีข้อมูลเพรียบพร้อม
นอกจากนี้ยังสามารถรับฟัง Conference Call วันประกาศผลประกอบการเพื่อติดตามผู้บริหารได้อย่างใกล้ชิด
#มีแอปที่ชื่อว่า Earning Calls ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมากๆ
Earning Calls คล้ายๆ Opportunities Days บ้านเราที่ผู้บริหารมาออกรายการแบบ Podcast เพื่อรายงานผลดำเนินงานไตรมาสล่าสุด
แนวโน้มและการคาดการณ์ธุรกิจในไตรมาสข้างหน้า และปีหน้า (บ้านเราไม่ได้มีการคาดการณ์เป็นตัวเลขการเติบโตชัดเจนเหมือนบ้านเขา หรือมีการออกมาเตือนชัดเจนเลยว่าผลดำเนินงานจะชะลอตัวลงเป็นต้น)
นอกจากนี้ยังมีการเปิดโอกาสให้นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินเข้าร่วมเพื่อสอบถาม
#อันนี้เป็นประโยชน์มากเพราะฟังแล้วช่วยให้เราคิดตามถึงแนวโน้มคู่แข่ง อุปสรรคที่เจอแล้วจะแก้ไขยังไง รวมทั้งแจกแจงแผนงานในอนาคตอย่างละเอียด
#แอปนี้ช่วยรวบรวมไว้กว่า 2,000 บริษัท เปิดให้ฟังฟรีด้วย
สุดท้ายถ้าใครชอบแนวเรียนรู้จากวีดีโอ สามารถหาแนวคิดการลงทุนดีๆจาก Youtube เช่น รายการ Talks at Google, The Swedish Investor, Spicer Capital ที่ให้ข้อมูลหุ้นได้ดีมาก
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นอเมริกาครับ #หุ้นอเมริกา #แหล่งข้อมูล
จบที่เดียว - รวมแหล่งหาข้อมูลหุ้นอเมริกาสำหรับมือใหม่ By Billionaire VI
เท่านี้ผมก็สามารถช่วยให้ประเทศของเรานำเงินกลับมาอย่างน้อย 100,000 ล้านบาท
ผมจึงอย่างช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเหมือนกับการลงทุนในประเทศ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา การเข้าถึงข้อมูลข่าวการเคลื่อนไหวของหุ้น การศึกษาโมเดลของธุรกิจ ศักยภาพในการแข่งขัน
พื้นฐานทางการเงิน ปัจจัยเสี่ยง บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว รวมทั้งฟังผู้บริหารให้ข้อมูลผลดำเนินงานรายไตรมาส เหมือน Opportunity Day บ้านเรา เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อจะประสบความสำเร็จในการลงทุน
#จากประสบการณ์ลงทุนมา 6 ปีในหุ้นอเมริกา ผมได้รวบรวมแหล่งข้อมูลที่ใช้เป็นประจำในการพิจารณาเลือกหุ้นดังนี้
#ตัวแรกคือแอปพลิเคชั่น SeekingAlpha เป็นแอปที่ผมชอบเป็นอันดับต้นๆ มีทั้งบริการฟรีและต้องเสียเงินเดือนละ $30
บริการฟรีจะมีข้อจำกัดให้ดูวิเคราะห์หุ้นไม่ได้ทุกตัว แต่ก็เยอะพอสมควร
ส่วนที่เสียรายเดือนนอกจากสามารถดูหุ้นได้ทุกตัวแล้ว ยังมีเรตติ้งจากนักวิเคราะห์ให้ตั้งแต่ Very Bearish ไม่น่าลงทุน จนถึงแบบน่าลงทุนมากๆ Very Bullish
นอกจากนี้ยังสามารถอ่านโน้ตจากการประชุมประกาศผลประกอบการณ์รายไตรมาสของผู้บริหารที่แจ้งผลดำเนินงาน แผนงาน และกลยุทธ์ในแต่ละไตรมาสอีกด้วย
มีนักลงทุนทั้งสายเทคนิคอลและสายวีไอเข้ามาร่วมกันวิเคราะห์และแชร์ข้อมูลสำหรับหุ้นแต่ละตัวได้อย่างลึกซึ้งพร้อมทั้งคอมเม้นต์จากนักลงทุนท่านอื่น
ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างกันไป แนะนำให้อ่านข้อมูลหุ้นที่จะลงทุนก่อนซื้อหุ้นทุกครั้ง
#ตัวที่สองคือ Morningstar เป็นแหล่งรวมบทวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งหนึ่ง
เน้นวิเคราะห์หุ้นด้วยพื้นฐาน การเติบโต ศักยภาพในการแข่งขัน (MOAT) และความเสี่ยง ไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นสายเทคนิเคิล
Morningstar #ขึ้นชื่อเรื่องการวิเคราะห์คูเมืองการแข่งขัน ให้ไอเดียการหาหุ้นที่มีศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว (Durable Competitive Advantage) ได้ดีมาก
ถ้าจ่ายเงินเป็นสมาชิกเดือนละ $30 จะสามารถเข้าถึงข้อมูลจากนักวิเคราะห์มากกว่า 150 คน
การวิเคราะห์จะบอกถึงช่วงราคา ถูก กลางๆ หรือแพงในหุ้นแต่ละตัว ใช้เป็นดัชนีเบื้องต้นในการตัดสินใจเรื่องราคา ผมว่าดูเป็นไอเดียดีมาก
ที่ผมชอบคือการวิเคราะห์ในมุมมองแบบ Five Forces Model ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพธุรกิจในเชิงการแข่งขัน เช่น อำนาจต่อรองที่มีกับลูกค้า การแข่งขันในอุตสาหกรรม
ข้อมูลนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกหุ้นที่ลงทุนระยะยาว และสามารถทำการประเมินราคาได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลงบการเงิน พร้อมอัตราส่วนทางการเงินให้ดูอย่าง ละเอียดย้อนหลังได้ถึง 10 ปี
#ตัวที่สามคือ The Motley Fool มีแนะนำหุ้นรายตัวทั้งแบบหุ้นปันผล หุ้นเติบโต หุ้นแข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการบริการแบบ Stock Advisor ที่แนะนำหุ้นรายเดือนอย่างต่อเนื่องต้องเสียเงิน
ทางเวปโปรโมทว่าแนะนำหุ้นสำเร็จหลายตัวแล้ว เช่น Netflix Disney และ Tesla ผมไม่เคยจ่ายเงินใช้บริการเหมือนกันเพราะเน้นศึกษาลงทุนด้วยตัวเอง
#ตัวที่สี่ก็คือ Gurufocus ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแบบวีไอ เน้นให้ความรู้ ปรัญชาการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ปีเตอร์ ลินซ์ และนักลงทุนวีไอชื่อดังอีกหลายคน
#ตัวที่ห้าคือ Jitta เป็นแอปพลิเคชั่นของไทยเจ้าเดียวที่ผมใช้สำหรับลงทุนหุ้นอเมริกา
มีข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง 10 ปีให้วิเคราะห์หามูลค่าหุ้น
พร้อมทั้งยังสามารถคัดกรองลักษณะหุ้นตามเงื่อนไขที่ต้องการ เช่น อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 3 ปีหลัง หนี้สินต่อทุนน้อยกว่า 1 เท่า
ผมใช้เพื่อกรองหุ้นแล้วไปอ่านรายละเอียดแต่ละตัวอีกที
#ตัวที่หกคือ Investopedia เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมความรู้ด้านการเงินสำหรับมือใหม่
มีตั้งแต่ประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นอเมริกา รายละเอียดของตลาด ข้อมูลด้านการเงิน หลักทรัพย์ต่างๆ รวมถึงมีระบบจำลองการซื้อขายหุ้นเพื่อทดลองการเทรดก่อนลงสนามจริง
#ตัวที่เจ็ดคือ Business Insider ใช้เพื่ออัพเดตข่าวและข้อมูลหุ้น พร้อมทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีเวปไซต์ชื่อดังและของบริษัทต่างๆที่เข้าไปหาข้อมูลได้ดังนี้
#แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออย่าง CNBC ที่มีทั้งข่าวของบริษัท แนวคิดของนักลงทุนระดับโลก การวิเคราะห์หุ้น นอกจากนี้แหล่งข่าวอื่นๆ เช่น Investing.com, CNN, The Wall Street Journal เป็นต้น
สำหรับข้อมูลของบริษัทและรายงานประจำปีสามารถติดตามได้จากเวปไซต์ของแต่ละบริษัท มีข้อมูลเพรียบพร้อม
นอกจากนี้ยังสามารถรับฟัง Conference Call วันประกาศผลประกอบการเพื่อติดตามผู้บริหารได้อย่างใกล้ชิด
#มีแอปที่ชื่อว่า Earning Calls ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนมากๆ
Earning Calls คล้ายๆ Opportunities Days บ้านเราที่ผู้บริหารมาออกรายการแบบ Podcast เพื่อรายงานผลดำเนินงานไตรมาสล่าสุด
แนวโน้มและการคาดการณ์ธุรกิจในไตรมาสข้างหน้า และปีหน้า (บ้านเราไม่ได้มีการคาดการณ์เป็นตัวเลขการเติบโตชัดเจนเหมือนบ้านเขา หรือมีการออกมาเตือนชัดเจนเลยว่าผลดำเนินงานจะชะลอตัวลงเป็นต้น)
นอกจากนี้ยังมีการเปิดโอกาสให้นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินเข้าร่วมเพื่อสอบถาม
#อันนี้เป็นประโยชน์มากเพราะฟังแล้วช่วยให้เราคิดตามถึงแนวโน้มคู่แข่ง อุปสรรคที่เจอแล้วจะแก้ไขยังไง รวมทั้งแจกแจงแผนงานในอนาคตอย่างละเอียด
#แอปนี้ช่วยรวบรวมไว้กว่า 2,000 บริษัท เปิดให้ฟังฟรีด้วย
สุดท้ายถ้าใครชอบแนวเรียนรู้จากวีดีโอ สามารถหาแนวคิดการลงทุนดีๆจาก Youtube เช่น รายการ Talks at Google, The Swedish Investor, Spicer Capital ที่ให้ข้อมูลหุ้นได้ดีมาก
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นอเมริกาครับ #หุ้นอเมริกา #แหล่งข้อมูล